บทที่ 388: ทั้งที่ทำได้ทุกอย่าง แต่เขาไม่เลือกที่จะทำอะไรเลย
ปัจจุบันผู้คนยังคงอยู่ที่ทางเข้าออกของเผ่า ยกเว้นภูตบางคนที่กำลังสร้างกำแพง บริเวณทางตอนเหนือก็รกร้างว่างเปล่าไร้ผู้คน
“เจียวเจียว ข้าพาเขามาแล้ว”
หลงโม่ร่อนลงบนหุบเขาพร้อมกับเป้าเฟิง
ภูมิประเทศที่นี่สูงและสามารถมองเห็นสถานการณ์ในเผ่าได้อย่างครอบคลุม
ก่อนหน้านี้จิ้งจอกสาวถูกส่งมาที่นี่ ก่อนที่มังกรหนุ่มจะพาเสือดาวหนุ่มมา
“หลงโม่ ลำบากเจ้าแล้ว” หญิงสาวยิ้มกว้างให้ผู้เป็นสามีก่อนจะหันไปมองชายอีกคน
เมื่อกี้เธอแค่มองเขาจากระยะไกลและรู้สึกว่าเขาอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีนัก
แต่พอได้มองดูใกล้ ๆ หากจะบอกว่าเขาอยู่ในสภาพไม่ค่อยดีก็ดูจะเบาไปสักหน่อย
เนื่องจากสภาพของเป้าเฟิงตอนนี้เป็นเหมือนศพเดินได้
ยามนี้ใบหน้าของเขาสกปรกมอมแมม และเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่ก็ขาดรุ่งริ่ง อาจเป็นเพราะมันถูกกรงเล็บข่วนจนเป็นรูเกือบทุกจุด ประกอบกับมีกลิ่นอับโชยไปทั่วร่างกายของเขา
ถ้ามีรอยเลือดหรือเศษเนื้อติดอยู่อีกสักหน่อย สภาพเขาก็ไม่ต่างจากซอมบี้ในภาพยนตร์เลยสักนิด
เพราะซอมบี้นั้นไร้ชีวิตชีวาและทำเพียงแค่เดินเอื่อยเฉื่อยไปมาแบบไม่มีจุดหมายไปวัน ๆ
นี่เขาละเลยตัวเองแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?
ภาพที่ปรากฏทำให้หูเจียวเจียวขมวดคิ้วแน่น แล้วคำถามที่เธอกำลังจะเอ่ยก็แฝงไปด้วยความจริงจัง
“เป้าเฟิง ข้ารู้ว่าเรื่องที่ห่วงเยว่จากไปทำให้เจ้าเสียใจมาก แต่เจ้าก็ไม่ควรดูถูกตัวเองแบบนี้ ในชีวิตของเจ้านอกจากห่วงเย่วแล้ว เจ้าไม่มีใครให้คิดถึงหรือไม่มีอะไรที่ต้องทำแล้วหรือไง?”
“เผ่าของเจ้า ผู้คนของเจ้า มันไม่มีค่าพอให้เจ้าเหลียวแลเลยหรือ!?”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขอให้เจ้าเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้กับหวงเยว่ แต่ถ้าไม่มีหวงเยว่แล้ว เจ้าจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเสือดาวหนุ่มได้ยินชื่อของหวงเยว่ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หวงเยว่...”
เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะลดศีรษะลงพลางพึมพำด้วยความเศร้าโศก
“ข้า-ข้าไม่ได้ยอมแพ้”
“ข้าแค่...”
“เจ้าแค่ไม่มีกำลังใจจะทำอะไรต่อไปใช่ไหม?” จิ้งจอกสาวมองคู่สนทนาอย่างจริงจังและตอบเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ
คำพูดของหญิงสาวทำให้คนที่ได้ยินนิ่งเงียบไปซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าเขายอมรับ
ทางด้านหลงโม่ เขาไม่ได้แสดงท่าทีดูถูกชายคนนี้ เขาทำเพียงแค่จ้องมองไปที่เป้าเฟิงผู้มีอารมณ์หดหู่นิ่ง ๆ
หากเป็นตัวเขาเอง หลังจากประสบกับสิ่งเดียวกัน เขาอาจไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจียวเจียวคือโลกทั้งใบของเขา
เวลานี้หลงโม่ไม่ได้ดูถูกภูตเสือดาวเพราะสภาพทรุดโทรมของเขาเลย
ในขณะที่หูเจียวเจียวแตกต่างจากพวกเขาทั้งคู่
เธอไม่เคยละทิ้งความหวังแม้จะมีเพียงน้อยนิด ต่อให้มันยากสักเพียงใด แต่สิ่งที่อยู่ในใจของเธอก็คือการคิดหาทางออกของปัญหา แทนที่จะมัวแต่มานั่งพะวงหรือคิดถึงอดีตที่ผ่านมา
เมื่อหญิงสาวมีหลงโม่ ลูก ๆ และพ่อแม่พี่น้อง เธอก็รักรวมถึงอยากดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด
แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะรักตัวเองเช่นกัน
“ข้าขอให้หลงโม่พาเจ้ามาที่นี่ ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นนอกจากพาเจ้ามาดูเด็กคนหนึ่ง” จิ้งจอกสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลมหายใจของเธอก็ค่อย ๆ สงบลง
จากนั้นเธอหันมองลงไปตามหุบเขา
ด้านล่างของหุบเขาเป็นพื้นที่ราบที่ปกคลุมด้วยหิมะ และในระยะไกลเป็นกำแพงเตี้ย ๆ โดยมีเหล่าภูตตัวเล็กเท่ามดกำลังสร้างกำแพง
จากจุดที่ทุกคนยืนอยู่ พวกเขาแทบจะมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรเลย
แต่เผ่าแห่งนี้เหมาะให้ผู้คนอาศัยเพราะว่ามีพื้นที่ราบกว้างมากมายอยู่รอบ ๆ ปัจจุบันพื้นที่ทางตอนเหนือของเผ่าถูกถางจนโล่งเตียน ทำให้พื้นที่ของเผ่าขยายออกไปมากขึ้นหลายเท่า
ระหว่างนั้นเสือดาวหนุ่มมองตามสายตาของจิ้งจอกสาวไป
บริเวณข้างใต้หุบเขาด้านหลังป่าที่ห่างไกลจากกำแพง มีเด็กตัวผอมคนหนึ่งกำลังล่าสัตว์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อ
ร่างกายของเขาไม่มีเนื้อหนังมากนัก ประกอบกับมีผิวขาวราวหิมะ หากมองดูไกล ๆ เขาไม่เหมือนเด็กผู้ชายเลยสักนิด
แต่แววตาคู่นั้นกลับมั่นคงแน่วแน่และแข็งแกร่งดั่งหินผา
ตอนนี้เป้าเฟิงขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้จักเด็กนั่น แต่อีกฝ่ายกลับมีหน้าตาคุ้น ๆ
ทุกวันที่ชายหนุ่มมายังทิศเหนือของเผ่า เขาเพียงต้องการมองหาเงาของหวงเยว่จากภูตในกลุ่มของเซี่ยหมาน แต่เขาไม่เคยพูดคุยกับคนพวกนั้นเลย และเขาก็ไม่รู้จักเด็กที่นี่เช่นกัน
“เขาชื่อหวงเทียน” หูเจียวเจียวเปรยขึ้นช้า ๆ “เขาเป็นน้องชายของหวงเยว่ และเป็นคนที่หวงเยว่เสี่ยงเอาชีวิตปกป้อง” เธอกล่าวพลางทอดสายตามองไปยังร่างผอมบางที่อยู่ไม่ไกล
“เจ้าไม่เคยอยากรู้เลยหรือว่าทำไมหวงเยว่ถึงต้องทำเรื่องร้าย ๆ มาตลอด?”
“ทุกสิ่งที่นางทำก็เพื่อหวงเทียน น้องชายของนางเอง”
“เจ้าสูญเสียคู่ชีวิตของเจ้าไป แต่เขาก็เสียสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวในโลกไปเช่นกัน นางเป็นพี่สาวคนเดียวของเขา แต่ดูเขาสิ เขามีสภาพย่ำแย่แบบเจ้าไหม?”
เนื่องจากตัวตนของหวงเทียน จิ้งจอกสาวไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเซี่ยหมานได้สั่งให้คนของเขาห้ามบอกคนอื่นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหวงเทียนกับหวงเยว่
พวกเขารู้ว่าการซุบซิบนินทารวมถึงสายตาคาดโทษสามารถทำร้ายชีวิตเด็กหนุ่มได้มากแค่ไหน
อีกทั้งการทำงานหนักและจิตใจอันบริสุทธิ์ของหวงเทียนทำให้เหล่าภูตรู้สึกโล่งใจ
เมื่อเป้าเฟิงได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียวก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาเหลือเชื่อ
หวงเยว่... นางมีน้องชายด้วยหรือ?
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กคนนี้จะให้ความรู้สึกคุ้นเคยมาก
“เป้าเฟิง พูดตามตรงนะ เจ้ายังสู้เด็กคนหนึ่งไม่ได้เลย”
จิ้งจอกสาวส่ายหัวด้วยสีหน้าผิดหวัง
“หูเจียวเจียว ข้า...” ในตอนนั้นเอง ริมฝีปากของเป้าเฟิงสั่นเทา เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร
“ข้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ” ถ้าเขาเทียบกับอิงหยวนหรือหลงโม่ไม่ติดเขาก็ยังพอรับได้
แม้แต่คู่ของตัวเอง เขาก็ยังไม่รู้จักนางเลยด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วนางเป็นคนแบบไหน ผ่านอะไรมาบ้าง และเขาก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ปกป้องนาง!
เขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วนางต้องการอะไรและกำลังหวาดกลัวกับอะไร
ข้านี่มันใช้ชีวิตได้ล้มเหลวเสียจริง!!
ในขณะเดียวกัน เมื่อหลงโม่เห็นความผิดหวังในแววตาของหูเจียวเจียว เขาก็กำมือแล้วเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
เขาทำเหมือนกับว่าเจียวเจียวกำลังมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้น
พอชายหนุ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้น หัวใจของเขาก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นยื่นเข้ามาบีบจนทำให้มันแทบหยุดเต้น
ในตอนนั้นเอง
หูเจียวเจียวขัดจังหวะคำพูดของเป้าเฟิงด้วยใบหน้าขึงขัง
“เจ้าคิดผิด!”
“คนเราหากยังไม่ตายก็หาทางไปต่อได้เสมอ”
“เจ้าเอาแต่โทษตัวเองแล้วมัวจมอยู่กับอดีต ด่าทอตัวเองว่าช่างโง่เขลา น่าสมเพชและปล่อยให้ภูตหมาป่าฆ่าคนที่เจ้ารักไป แต่คนพวกนั้นยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติสุขและสักวันพวกมันก็จะกลับมารุกรานเผ่าของเราได้ทุกเมื่อ!”
“ทั้ง ๆ ที่เจ้าแข็งแกร่งได้มากกว่านี้ พอถึงเวลานั้น หากเจ้าต้องการแก้แค้นและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหวงเยว่มันก็ยังไม่สาย!”
“ทั้ง ๆ ที่เจ้าจะทำอะไรก็ได้ แต่เจ้ากลับเลือกทำตัวไร้ประโยชน์ไม่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น”
ทุกคำพูดของหูเจียวเจียวเป็นเหมือนหมุดที่ตอกลึกเข้าไปในหัวใจของเป้าเฟิง
บัดนี้สีหน้าของเขาแข็งทื่อ
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นมาก่อน
ครู่ถัดมา ชายหนุ่มหันไปมองหวงเทียนอีกครั้ง นี่คือเด็กที่หวงเยว่ต้องใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องเอาไว้ให้ได้...
จนกระทั่งตอนนี้ ถ้อยคำของจิ้งจอกสาวยังคงสะท้อนอยู่ในหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และในไม่ช้าดวงตาที่เคยหม่นหมองก็ส่องประกายแวววาวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ใช่! เจ้าพูดถูก!”
เสือดาวหนุ่มกัดฟันพูด ในที่สุดจากสายตาที่เหม่อลอยก็แน่วแน่ขึ้น ประกอบกับสีหน้าของเขากลับมามีชีวิตชีวาขณะมีน้ำตาคลอเบ้า
“ให้ตายเถอะ ข้าเก่งได้ไม่เท่าเด็กเลย ทั้งที่ข้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำแท้ ๆ ข้าจะมัวมานั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่อีกทำไม!”
“ข้าอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น! ข้าต้องการเติมเต็มความปรารถนาของหวงเยว่ ล้างแค้นแทนนางและคนของข้าให้จงได้!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: มันต้องแบบนี้สิเป้าเฟิง! เราต้องแข็งแกร่งขึ้นและแก้แค้นเผ่าหมาป่า!