ตอนที่แล้วบทที่ 386: ถึงจะเจ็บตัว แต่ถ้าหาคู่ได้ก็ถือว่าคุ้ม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 388: ทั้งที่ทำได้ทุกอย่าง แต่เขาไม่เลือกที่จะทำอะไรเลย

บทที่ 387: เสี่ยวเหยาฉลาดขึ้นแล้ว ดังนั้นอย่าคิดว่าจะมาโกหกกันได้อีก


“...” เสี่ยวสือโถวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำประท้วงขึ้นมาว่า

“มันก็แค่การฝึกล่าสัตว์ ท่านจำเป็นต้องคิดไปไกลถึงขนาดนี้เชียวหรือ...”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฝึกฝน

เพียงแต่เขาไม่ได้ฝึกหนักเท่าหวงเทียน

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ใบหน้าของเซี่ยหมานมืดลง เขามองมาที่คนขี้เกียจด้วยสายตาจริงจัง

เสี่ยวสือโถวจึงหุบปากทันที แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นต่อว่า

“ถ้าหวงเทียนแข็งแกร่งกว่าข้าจริง ๆ ข้าก็ดีใจกับเขาด้วย ข้าไม่มานึกเสียใจทีหลังหรอก”

สำหรับเม่นหนุ่ม เขาคิดว่าความแข็งแกร่งไม่สามารถพัฒนาได้ด้วยการพยายามฝึกฝน

ถ้าหวงเทียนมีพรสวรรค์จริง ๆ มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ใช่ไหม?

“...” เซี่ยจื้อหนุ่มที่เงียบอยู่นานถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เขารู้สึกอับอายจริง ๆ!

บัดนี้ใบหน้าของเซี่ยหมานถมึงทึงกว่าเดิม ก่อนที่เขาจะคว้าแขนของเด็กโลกแคบแล้วเร่งฝีเท้าเดินไปอีกทาง แม้แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

“ทำไมเจ้าไม่รู้จักเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเจ้าเองบ้าง!”

“หากในอนาคตเผ่านี้ตกอยู่ในอันตราย แล้วเจ้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องคนที่ตัวเองอยากจะปกป้องเอาไว้ได้ พอถึงเวลานั้นเจ้าจะทำยังไง?”

ชายหนุ่มรู้สึกโกรธมากที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมา

ในอดีตเสี่ยวสือโถวไม่ใช่คนแบบนี้

ตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะอ่อนแอ แต่เขาก็พยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ทำไมพอเขามาอยู่ในเผ่าใหม่ได้ไม่นาน เขาก็มีนิสัยเปลี่ยนไปแบบนี้?

“แต่...” เด็กหนุ่มพูดอย่างอ่อนแรง “แต่ข้าเป็นภูตเม่น ข้าไม่เก่งเรื่องการต่อสู้และการล่า”

เอาอีกแล้ว!

คิดอะไรในแง่ลบอีกแล้ว!

เซี่ยหมานขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม

ไม่ได้การ เขาจะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่กินนอน ๆ ไปวัน ๆ แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ดูเหมือนว่าอีกคนจะมีความคิดในแง่ลบมากขึ้น

“ถึงเจ้าจะไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ แต่อย่างน้อยเจ้าก็ต้องมีทักษะในการเอาตัวรอด!”

“การเป็นผู้ชาย เจ้าจะต้องทำงานหนักและฝึกฝนให้หนัก มิฉะนั้น เจ้าจะไม่สามารถแข่งขันกับผู้ชายคนอื่นในการหาคู่ครองได้ในอนาคต”

เสี่ยวสือโถวที่ได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้ามุ่ย เขาไม่มีแรงจูงใจเลยสักนิด

ท่านไม่ได้พูดถึงตัวเองใช่ไหม…

ประโยคข้างต้นเด็กหนุ่มไม่กล้าพูดออกไป เขาเลยทำได้แค่พึมพำในใจ

“ฉะนั้นเลิกบ่นแล้วไปฝึกซะ!” เซี่ยหมานใช้น้ำเสียงเข้มงวดพลางดึงเสี่ยวสือโถวเดินไปยังสถานที่ฝึก

นั่นทำให้ฝ่ายที่โดนลากบ่นเป็นหมีกินผึ้งไปตลอดทาง

ทำไมพี่หมานไม่ไปสนใจเด็กคนอื่นล่ะ พี่หมานจะมาบังคับข้าทำไม!

ข้าเป็นแค่เม่นน้อยเท่านั้น...

อีกด้านหนึ่ง

ณ สวนหลังบ้านของหูเจียวเจียว

ขณะนี้มังกรดำตัวเล็กกำลังเอาหางเกี่ยวเชือกที่ห้อยเนื้อรมควันพลางห้อยหัวอยู่กลางลานบ้านโดยที่ลำตัวแกว่งไปมาอย่างไม่มั่นคงราวกับตุ๊กตามังกรดำที่เพิ่งเอามาตากแห้ง

ไม่นานเจ้ามังกรน้อยก็แสร้งหลับตาลงครึ่งหนึ่งแบบคนเกียจคร้าน

“เสี่ยวเหยา ลงมาเร็ว ๆ เข้า เรากำลังจะไปฝึกทักษะการล่าสัตว์กัน” หลงอวี้ที่ยืนอยู่ด้านล่างพูดเร่งน้องชาย ซึ่งน้ำเสียงเด็ก ๆ ของเขานั้นค่อนข้างฟังดูเหมือนผู้ใหญ่

“ไม่ ในวันนี้เสี่ยวเหยาฝึกเสร็จหมดแล้ว และเสี่ยวเหยาต้องการพักผ่อน”

หลงเหยาส่ายหัวฮึดฮัดขณะที่ขามังกร 2 ข้างไขว้กันเหมือนคนกำลังนั่งไขว่ห้างแบบกลับหัว ส่วนขาที่เหลือก็ยกขึ้นกอดอกตัวเอง ซึ่งท่าทางที่เขากำลังทำอยู่มันทำให้เขาตัวสั่นเผยให้เห็นถึงความไม่มั่นคง

อย่างไรก็ตาม

ขาทั้ง 4 ข้างของคนตัวเล็กสั้นเกินไป พวกมันจึงซ้อนทับกันแค่บางส่วน ส่งผลให้ภาพที่ออกมาดูตลกไปหน่อย

ทางด้านหลงจงรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางนั้นมาก “เจ้ามังกรจอมขี้เกียจ เจ้าฝึกแค่วันละครั้งแล้วก็เลิก แล้วเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง?”

วันนี้พ่อมังกรกับแม่จิ้งจอกออกไปข้างนอกกันทั้งคู่ และท่านแม่บอกให้พวกเขาช่วยกันดูแลเสี่ยวเหยาอยู่ที่บ้าน แต่ทุกคนก็มีธุระของตัวเองแถมยังไม่สามารถทิ้งให้เจ้าตัวเล็กอยู่ที่บ้านตามลำพังได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคิดหาวิธีพาน้องชายไปด้วย

ใครก็ตามที่สามารถเกลี้ยกล่อมหลงเหยาให้เข้าร่วมได้ คนนั้นจะต้องดูแลอีกฝ่าย

แต่ถ้าไม่มีใครโน้มน้าวเด็กน้อยได้จริง ๆ พวกเขาทุกคนก็ต้องอยู่ที่นี่

ตามธรรมชาติแล้ว พี่ชายทั้ง 3 จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเกลี้ยกล่อมน้องชายคนเล็กให้ออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน แต่พวกหลงอวี้ไม่คาดคิดว่าหลงเหยาจะบินไปห้อยหัวอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนอีก

“ต่อให้เสี่ยวเหยาฝึกฝนและตัวสูงขึ้น พี่สามก็จะสูงขึ้นเหมือนกัน แล้วเสี่ยวเหยาก็ไม่สามารถเอาชนะท่านได้อยู่ดี เพราะงั้นเสี่ยวเหยาจะไม่ฝึกฝนอีกต่อไป” คนตัวเล็กพูดจบแล้วก็แลบลิ้นใส่หลงจง ก่อนจะหันศีรษะไปทางขวา

ชิ เจ้าจิ้งจอกตัวเหม็น!

“...” ทางด้านพี่ชายคนที่ 3 ไม่อยากจะคิดเลยว่าตนเป็นพี่น้องกับเจ้ามังกรหน้าโง่ตัวนี้จริง ๆ

“เสี่ยวเหยา ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝน เจ้าจะไม่มีวันสูงขึ้น เจ้าอยากเป็นมังกรน้อยตลอดไปหรือไง?” ขณะนี้หลงเซียวยืนอยู่ที่ด้านล่างขวา เมื่อน้องชายคนที่ 3 ทำไม่สำเร็จ เขาก็รีบแทรกตัวเข้าไปจู่โจมอีกฝ่ายทันที

เมื่อหลงเหยาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อ

ไม่สูง?

คำพูดนี้มันฟังดูน่ากลัวมาก!

แต่หลังจากเวลาไม่ผ่านไปนานนัก เขาก็ส่ายหน้า

“เสี่ยวเหยาหลอกไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ!”

ต่อมา เด็กน้อยทำหน้าบึ้งและบ่นอย่างไม่พอใจ “พวกท่านมองเสี่ยวเหยาเป็นเป้าหมายในการฝึกฝน ถ้าเสี่ยวเหยาต้องการฝึกฝน พวกท่านจะให้เสี่ยวเหยาเป็นเหยื่อทุกครั้ง!”

พอพวกหลงเซียวได้ฟังคำพูดของน้องชายก็รู้สึกอับอายขึ้นมา

ตามปกติแล้ว การฝึกทักษะการล่าสัตว์พวกเขาชอบเล่นกันหลาย ๆ คน

เนื่องจากหลงเหยาไม่มีความสามารถอื่นใดนอกจากการบินเร็ว ดังนั้นพี่ ๆ จึงมักจะให้น้องเล็กเป็นเหยื่อให้พวกเขาไล่จับ

แต่เด็กชายทั้ง 3 ไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กโง่คนนี้จะสังเกตเห็นจุดประสงค์ของพวกตนเหมือนกัน

ปรากฏว่าเจ้าเด็กทึ่มเริ่มมีสมองขึ้นมาแล้ว

ทางด้านหลงหลิงเอ๋อ เมื่อเห็นว่าพวกพี่ ๆ เงียบกันหมด เด็กหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอามือเท้าสะโพก พองแก้มจนเหมือนปลาปักเป้า

“ที่แท้เวลาอยู่ข้างนอกพวกท่านชอบกลั่นแกล้งเสี่ยวเหยาจริง ๆ ด้วยสินะ!”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลงเหยาไม่ค่อยชอบออกไปเล่นกับพวกพี่ชาย

ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนที่ติดเล่นมากที่สุด

มันเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง!

“ใครรังแกเขากัน...” หลงจงหันไปมองทางอื่นอย่างรู้สึกผิด

หลงหลิงเอ๋อพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่กับบรรยากาศน่าอึดอัด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามากังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

เพราะนางยังต้องออกไปเรียนกับท่านอาจารย์อยู่

“เสี่ยวเหยา ข้ากำลังจะไปเรียนกับหมอในเผ่า เจ้าอยากไปเล่นกับข้าไหม ข้าจะสอนเจ้าให้รู้จักสมุนไพรดีไหม?” คนเป็นพี่สาวยืนอยู่ตรงหน้ามังกรดำตัวน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อพูดเกลี้ยกล่อมเขาเสียงหวาน

“ไม่ เสี่ยวเหยาไม่ชอบสมุนไพร” หลงเหยาบ่นแบบไม่ลืมตามองนาง แล้วก็หันหลังให้ทุกคน

จนกระทั่งตอนนี้ถือได้ว่าพี่น้องทุกคนพยายามโน้มน้าวใจเด็กน้อยเต็มที่แล้ว

ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงไม่ยอมลงมาจากด้านบน

เขาทำเหมือนกับว่าเชือกสำหรับตากเนื้อรมควันเป็นบ้านหลังที่ 2 ของตัวเอง

นั่นทำให้พี่ ๆ ทั้ง 5 คนคิดว่าเสี่ยวเหยาฉลาดขึ้นแล้ว ดังนั้นการหลอกเขามันไม่ง่ายเหมือนเดิมเลย

แม้แต่อาหารก็ควบคุมเขาไม่ได้อีกต่อไป

อีกด้านหนึ่ง

ขณะนี้เป้าเฟิงกำลังเดินตามคนอื่นที่ปลายแถวเหมือนหุ่นเชิดไร้ความคิด เขารู้เพียงว่าต้องเดินตามเส้นทางไปแค่นั้น

ปัจจุบันพวกเขากำลังไปที่บ้านของโหวเสี่ยวเตียวเพื่อช่วยทดลองทำอิฐ

ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปได้ไกลกว่านี้ พวกเขาก็ถูกภูตตัวสูงมายืนขวางเอาไว้

“หลงโม่ ทำไมเจ้าถึง...” โหวเสี่ยวเตียวเงยหน้าขึ้นมองหลงโม่ด้วยท่าทางงงงวย

“ข้าขอยืมคนของเจ้าสักครู่ เดี๋ยวข้าเอามาคืนให้ทีหลัง”

มังกรหนุ่มกล่าวพลางเหลือบมองภูตลิง

ซึ่งสายตาของเขาช่างน่าเกรงขามและมีแรงกดดันอันหนักอึ้งเหมือนภูเขา

โหวเสี่ยวเตียวจึงพยักหน้าแบบไม่ต้องคิด และก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร หลงโม่ก็เดินไปที่ปลายแถวเพื่อคว้าตัวเป้าเฟิงที่มีสภาพไม่ต่างจากขอทานแล้วเดินออกจากแถวไป

นั่นทำให้ภูตทั้งหมดมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วง

“หรือว่าหลงโม่จะประลองกับเป้าเฟิง? หน้าตาเขาดูน่ากลัวมาก”

“แต่ตอนนี้สภาพของเป้าเฟิงก็น่าสังเวชมากพอแล้ว การที่เขาจะถูกทำร้ายอีกมันก็น่าสงสารเกินไป...”

ส่วนภูตที่คุ้นเคยกับคนทั้ง 2 โบกมือปัดอย่างเฉยเมยและอธิบายว่า

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ นอกจากหูเจียวเจียวแล้วหลงโม่ไม่สนใจใครทั้งนั้น”

“ถ้าหมอนั่นยิ้มให้เราเมื่อไหร่ นั่นแปลว่าโลกกำลังจะแตก!”

แม้ว่าเป้าเฟิงจะถูกหลงโม่ลากตัวออกไป แต่เขาก็ไม่มีท่าทีขัดขืนเลยสักนิด

ยามนี้ชายหนุ่มไม่ต่างจากตุ๊กตาที่ถูกเจ้านายทิ้ง

ไม่ว่าใครที่เก็บเขาไปก็สามารถบงการเขาได้ทั้งนั้น

ในเวลาเดียวกัน มังกรหนุ่มพาอีกฝ่ายไปทางตอนเหนือของเผ่า

ซึ่งที่นี่เป็นอาณาเขตที่กลุ่มภูตของเซี่ยหมานอาศัยอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด