บทที่ 386: ถึงจะเจ็บตัว แต่ถ้าหาคู่ได้ก็ถือว่าคุ้ม
เมื่อหูเจียวเจียวคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างหวงเยว่กับเป้าเฟิง เธอก็แสดงสีหน้าซับซ้อน
ในเวลานี้ กลุ่มภูตที่ยืนอยู่เบื้องหลังเซี่ยหมานก็เห็นเสือดาวหนุ่มเช่นกัน เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า
“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่หรือที่ชอบมายืนมองเราเกือบทั้งวัน ข้านึกว่าเขาเป็นบ้าเสียอีก ที่แท้เขาก็เป็นคนปกติดี…”
พวกภูตชายที่เคยพบเห็นเป้าเฟิงก็จำเขาได้ทันที
พอจิ้งจอกสาวได้ยินสิ่งที่ภูตคนนั้นพูด เธอก็กะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ของหวงเยว่จะมีผลกระทบต่อเขารุนแรงเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องการที่ยึดเหนี่ยวในการดำรงชีวิต
เมื่อสิ่งนั้นพังทลายลง ชายคนนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น
ขณะที่หูเจียวเจียวจ้องเป้าเฟิงอย่างว้าวุ่นอยู่ชั่วครู่ ไม่นานเธอก็ดึงมือของหลงโม่เบา ๆ
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองเธอก่อนจะเห็นว่าหญิงสาวกระดิกนิ้วมาที่ตน
แล้วเขาก็เข้าใจทันทีจึงขยับหูเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
“หลงโม่ เดี๋ยวเจ้าทำบางอย่างให้ข้าได้ไหม...” จิ้งจอกสาวกระซิบพูดข้างหูของคนตัวสูง
หลังจากที่เธอพูดจบ มังกรหนุ่มก็ยืดตัวขึ้นพร้อมพยักหน้ารับ
ในเวลาเดียวกัน มีภูตเด็กกลุ่มหนึ่งคอยแอบมองอยู่ข้างนอก
ซึ่งเด็กกลุ่มนั้นพยายามเขย่งเท้ามองเข้าไปข้างใน
บางคนถึงขั้นเหยียบไหล่เด็กคนอื่น บางคนก็ปีนขึ้นต้นไม้สูงเพราะอยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัด ๆ
มันเป็นเรื่องปกติที่ภูตเกิดมาโหยหาความแข็งแกร่งกัน
แม้แต่เด็กก็อดที่จะสนใจอาวุธชนิดใหม่ไม่ได้
“ช่างเป็นอาวุธที่ทรงพลังและยิ่งใหญ่จริง ๆ!”
“ข้าอยากจะโตเร็ว ๆ แล้วใช้อาวุธที่เยี่ยมยอดแบบนั้นบ้าง...”
“ข้าได้ยินมาว่าแม่ของหลงเหยาสอนให้ทุกคนใช้อาวุธพวกนี้ นางเก่งมากเลย!”
เนื่องจากพวกผู้ใหญ่กลัวว่าเด็กจะสร้างปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปล่อยให้เด็ก ๆ เข้าไปใกล้ ทุกคนเลยได้แต่เฝ้ามองจากระยะไกลด้วยความอิจฉา
ในเวลาเดียวกัน มีเด็กร่างผอมแห้งคนหนึ่งยืนอยู่ตรงมุมกำแพง
เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดก็พ่นลมอย่างเย็นชาพร้อมกับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
เด็กคนนี้ก็คือลู่หลีนั่นเอง
พอเขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่กล้าสร้างปัญหาอีกเพราะกลัวว่าท่านผู้เฒ่าจะขับไล่ตนออกจากเผ่าไปจริง ๆ
“ทำไมภูตคนนั้นทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
“ทำไมเขาถึงยังทำหน้านิ่งเฉยอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่เผ่าสามารถสร้างอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ขึ้นมาสำเร็จ”
เด็กตัวน้อยที่ปีนอยู่บนต้นไม้เห็นท่าทางของเป้าเฟิง เขาจึงรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
ส่วนเด็กพื้นเมืองในเผ่าต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กใหม่จึงอธิบายว่า
“คู่ของเขาตายไปแล้ว”
เมื่อหลายคนได้ยินเช่นนั้นก็แสดงความเห็นอกเห็นใจทันที
พวกเขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของการจากไปของคนรักได้ดีที่สุด
ในเวลานี้ ลู่หลีที่ยืนหลบอยู่มุมหนึ่งพูดเยาะเย้ยขึ้นมาว่า
“คู่ของเขาคือหวงเยว่ นางเป็นคนทรยศ นางฆ่าคนในเผ่าของเรา นางสมควรตาย ผู้หญิงสารเลวแบบนี้ไม่สมควรมีคู่ด้วยซ้ำ”
“ส่วนเป้าเฟิงก็โง่เง่า แม้แต่คนทรยศก็มองไม่ออก การเก็บภูตประเภทนี้ไว้ในเผ่ามันเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรเสียเปล่า ให้มันตายตามหวงเยว่ไปเสียจะดีกว่า”
“มันเอาแต่เที่ยวเตร่ไปรอบ ๆ เผ่าเหมือนจิงหลิงทุกวัน น่ากลัวชะมัด...”
ที่ผ่านมากวางหนุ่มมักจะฟังพ่อกวางแม่กวางด่าทอภูตคนอื่น
พอเปิดปากพวกเขาก็พ่นแต่สิ่งสกปรกออกมา เพราะแบบนี้เขาจึงติดนิสัยแย่ ๆ ของพ่อแม่ตนมาโดยปริยาย
เมื่อเด็กคนอื่นได้ยินชื่อหวงเยว่ก็พากันตกตะลึง
ไม่มีใครคุ้นเคยกับชื่อนี้ไปมากกว่าพวกเขาแล้ว!
นางคือผู้สมรู้ร่วมคิดของหลางซัว!
ไม่นานการแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจบนใบหน้าของเด็ก ๆ ก็กลายเป็นแปลกประหลาดในทันที และเด็กบางคนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า
“ทำไมเขาถึงเอาหวงเยว่มาเป็นคู่...”
ส่วนเด็กอีกหลายคนหลังจากได้ยินคำพูดของลู่หลี พวกเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
“หวงเยว่เป็นผู้หญิงไม่ดี เขาต้องถูกหลอกแน่นอนอยู่แล้ว”
“เจ้าพูดถึงเขาแบบนั้นได้ยังไง?”
“เจ้ายังเป็นภูตอยู่ไหม เจ้ามันใจร้าย!”
ทันใดนั้นเหล่าภูตเด็กก็ส่งสายตาคมกริบไปทางลู่หลี
พวกเขาจำเด็กโตคนนี้ได้ดี อีกฝ่ายเคยรังแกหลงเหยามาก่อน ซึ่งหลงเหยาเป็นสหายของกลุ่มเด็กใหม่ ดังนั้นการที่เขารังแกคนตัวเล็กก็เท่ากับว่ารังแกพวกเขาไปด้วย
ถึงแม้ว่าทุกคนจะเกลียดหวงเยว่ แต่พวกเขาก็เกลียดเจ้าหมอนี่เช่นกัน
พอลู่หลีเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีคนเยอะกว่า เขาก็หดคอและถอยหลังไป 2-3 ก้าวโดยไม่กล้าเถียงกับพวกเขาอีก
เด็กหนุ่มจึงทำแค่หักกิ่งไม้ในมือแรง ๆ เพื่อระบายความไม่พอใจ
ไอ้เด็กน่ารังเกียจพวกนี้!
ถ้าเขาโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่ เขาจะทุบพวกมันทั้งหมดให้แหลกเป็นชิ้น ๆ!
พอถึงเวลานั้น พวกมันจะต้องคุกเข่าเลียตีนข้า!
ท่านแม่บอกว่าเขาเป็นเด็กที่มีอนาคตมากที่สุด และในวันข้างหน้าเขาจะเป็นภูตที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า
คอยดูเถอะ!
“หวงเทียนกำลังมาทางนี้ หยุดพูดเถอะ...”
จังหวะนั้นเด็กคนหนึ่งเห็นหวงเทียนเดินมาแต่ไกล เขาเลยรีบกระซิบบอกทุกคน
เหล่าเด็กน้อยจึงเงียบลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนลู่หลีเงี่ยหูฟังและแววตาของเขาก็แสดงความแปลกใจ
“หวงเทียน?”
จากนั้นกวางหนุ่มก็หันไปจ้องหวงเทียนที่เดินมาไกล ๆ เขาจำเจ้าลูกหมาตัวนี้ได้ มันเป็นคนที่ออกหน้าช่วยหลงเหยาพูด แล้วทำให้เขาถูกท่านผู้เฒ่าตบหน้า
มันกับหลงเหยาเป็นพวกเดียวกัน!
ให้ตายเถอะ!
แต่ว่าทำไมแซ่ของหวงเทียนถึงฟังดูคุ้นมาก...
เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเด็กนั่นมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหวงเยว่?
...
“พี่หมานปากแข็งจริง ๆ เห็นชัด ๆ ว่าเขาชอบพี่เจียวเจียว แต่เขาก็ยังปฏิเสธไม่ยอมรับ”
ในตอนนี้เสี่ยวสือโถวไม่ได้อยู่กับเด็กคนอื่น
เขากำลังเดินตามหลังเซี่ยหมานพลางพูดกับตัวเอง ในขณะที่เขากังวลจนแทบขาดใจ
“ข้าต้องหาทางให้พี่หมานได้คุยกับพี่เจียวเจียว...” เม่นหนุ่มพึมพำพลางเอามือลากระยะห่างระหว่างเซี่ยจื้อหนุ่มกับจิ้งจอกสาวเบา ๆ
แต่ถึงกระนั้น ระหว่างทั้ง 2 คนก็ยังมีหลงโม่คั่นกลางอยู่
หากเขาผลักพี่หมานไปหาพี่เจียวเจียว อีกฝ่ายจะต้องถูกภูตมังกรอัดยับเยินแน่นอน
ทว่า...
แม้พี่หมานจะเจ็บตัวก็จริง แต่ถ้าทำแบบนี้แล้วเขามีคู่ล่ะ?
ในตอนนั้นเอง เสี่ยวสือโถวแอบหัวเราะเบา ๆ อย่างมีเลศนัยขณะที่เขาตัดสินใจวางแผนทันที จากนั้นเขาเขย่งเท้าไปทางสีข้างของเซี่ยหมาน ก่อนจะกางมือออกเพื่อ ‘ช่วย’ ให้เขาเข้าใกล้หูเจียวเจียว
แล้วเซี่ยจื้อหนุ่มก็จะพุ่งไปชนจิ้งจอกสาวโดยบังเอิญ
แต่เหตุการณ์ต่อไปเขาจะโดนหลงโม่กระทืบอีกรอบ
นอกจากพี่หมานจะได้ใกล้ชิดพี่เจียวเจียวแล้ว นางจะต้องมาคอยดูแลไถ่ถามเขาด้วยความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเขา
อืม!
แค่จินตนาการข้าก็มีความสุขแล้ว! แบบนี้มันขว้างก้อนหินก้อนเดียวได้นก 2 ตัวชัด ๆ!
ยามนี้เสี่ยวสือโถวกำลังแอบชื่นชมตัวเองว่าหัวน้อย ๆ ของตนฉลาดแค่ไหน ทว่าจู่ ๆ ก็มีมือใหญ่คว้าข้อมือเล็กเต็มแรง ก่อนที่ไหล่ของเขาจะถูกกดลงกับพื้น ทำให้สภาพของเด็กหนุ่มถูกจับกดเหมือนนักโทษ
“โอ๊ย… เจ็บ!”
ฝ่ายที่ถูกประทุษร้ายอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“พี่หมาน ใจเย็น ๆ แขนของข้าจะหักแล้ว...”
เม่นหนุ่มร้องเตือนสติคนที่จับเขากด
ทางด้านเซี่ยหมานยังคงทำหน้านิ่งมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน
“เจ้ายังกลัวเจ็บอยู่หรือ? ข้าคิดว่าเจ้าชอบมันมากเสียอีก”
หากเด็กคนนี้กลัวคงไม่กล้าแอบทำอะไรลับหลังเขาหรอก
เจ้าตัวแสบนี่คิดว่าเขาไม่รู้จริง ๆ หรือว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ แถมยังกล้าวางแผนเล่นทีเผลอกับเขาอีก
“พี่หมาน ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าข้าผิด ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ” เสี่ยวสือโถวร้องขอความเมตตาทันที
จากเด็กที่ต้องการจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนทั้ง 2 บัดนี้ต้องลงไปนอนกองกับพื้นแบบหมดสภาพ
ทางด้านเซี่ยหมานพ่นลมอย่างเย็นชา แต่เขายังไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ไม่กี่อึดใจต่อมา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปจับที่หลังคออีกฝ่ายและพาเขาไปทางเหนือของเผ่า
“หึ! ข้าเห็นว่าเจ้ามีเวลาว่างมาก วันนี้ข้ายังมีพอเวลาแสดงให้เจ้าเห็นถึงวิธีการล่าสัตว์”
“โธ่...” เสี่ยวสือโถวโอดครวญ “พี่หมานอย่าทำแบบนี้สิ ข้ายังอยากคุยกับพี่เจียวเจียวอยู่เลย ข้าไม่ได้คุยกับพี่เจียวเจียวนานแล้ว”
ไปคุยเล่นกันดีกว่า!
ข้าไม่อยากให้พี่หมานสอนเลย!
เด็กทุกคนรู้ดีว่าพี่หมานนั้นโหดเหี้ยมและเด็ดขาดที่สุด เขาแทบจะถลกหนังเด็กที่เขาสอนได้ทุกเมื่อ
ขณะเดียวกัน เซี่ยหมานขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“หวงเทียนอายุน้อยกว่าเจ้า เขายังมาหาข้าเพื่อให้ข้าช่วยฝึกฝนให้ทุกวัน เขาไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว ดูเจ้าสิ เจ้าบิดพลิ้วมากี่ครั้งแล้ว”
“ถึงเขาจะสุขภาพไม่ดี ไม่แข็งแรงเท่าเด็กคนอื่น แต่จิตใจของเขาก็มุ่งมั่นเหนือใคร ถ้าเจ้าไม่ขยันฝึกฝน เจ้าจะถูกหวงเทียนแซงหน้าอย่างแน่นอน”
“พอถึงเวลานั้น เจ้าจะไม่สามารถแม้แต่เอาชนะหวงเทียนที่อายุน้อยกว่าเจ้าได้”
“แต่ข้าไม่เหมาะกับการล่าสัตว์…” เสี่ยวถือโถวพูดเสียงอ่อย
“เจ้าหมายถึงอะไร?” เซี่ยจื้อหนุ่มถามด้วยความสับสน