บทที่ 385: โหวเซียงกำลังตั้งครรภ์
“ใช่ หูชิงหลู่ช่วยข้าทำคันธนูและลูกธนูนี้ขึ้นมา ข้าไม่ได้ทำมันคนเดียว” โหวเสี่ยวเตียวเกาหัวด้วยท่าทางขัดเขิน “ความจริงแล้วข้าไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้นหรอก”
ตอนที่สร้างบ้านหินก็เป็นหลงโม่ที่คอยสอนวิธีสร้างมันให้แก่เขาทุกขั้นตอน
“แล้วทำไมเขาไม่มากับเจ้าด้วยล่ะ?” หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วถาม
เขาไม่คาดคิดว่าหูชิงหลู่จะมีพรสวรรค์เช่นนี้
“เขาไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว เขาเลยขอตัวกลับไปนอนก่อน”
เมื่อโหวเสี่ยวเตียวพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกละอายใจมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นงานของตนเอง แต่เขากลับปล่อยให้หูชิงหลู่ทำงานหนักอยู่หลายวัน
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสดูโล่งใจและตบไหล่ลิงหนุ่มเบา ๆ
“เจ้าทั้งคู่มีส่วนร่วม เอาไว้หลังจากนี้ข้ามอบหมายให้เจ้าสอนทุกคนถึงวิธีทำคันธนูและลูกธนูแล้วกัน บอกข้ามาเถอะว่าเจ้าต้องการอะไรเป็นรางวัล”
เนื่องจากภูตลิงไม่เก่งการต่อสู้ ชายชราจึงต้องการมอบรางวัลให้แก่เขา แล้วมันยังเป็นการบอกทุกคนด้วยว่า ตราบเท่าที่พวกเขามีความพยายาม แม้แต่ภูตที่อ่อนแอก็สามารถทำประโยชน์ให้เผ่าได้
ทางด้านโหวเสี่ยวเตียวหันไปมองหูเจียวเจียวเพื่อขอความเห็นจากอีกฝ่าย
ก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยจิ้งจอกสาวทำเครื่องเรือน แต่เขาไม่คาดคิดว่าตนจะได้รับรางวัลจากท่านผู้เฒ่าเพราะการได้ช่วยนางทำของบางอย่าง
เมื่อหญิงสาวเห็นสายตาที่มองมาก็พยักหน้าให้กำลังใจเขา
จากนั้นโหวเสี่ยวเตียวก็ยืดตัวขึ้น กัดฟันกดความเขินอายลงไปก่อนจะพูดว่า
“โหวเซียงของข้ากำลังตั้งครรภ์อีกครั้ง ข้าต้องการเสบียงให้นางเพื่อที่นางจะได้กินดีอยู่ดีขึ้นในฤดูหนาว”
“หา โหวเซียงกำลังตั้งครรภ์หรือ?” หูเจียวเจียวทำหน้าประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะยิ้มอย่างมีความสุข ปรากฏว่าช่วงนี้ในเผ่ามีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้มากมาย
ส่วนโหวเสี่ยวเตียวก็พยักหน้ารับ
ในเวลาเดียวกัน หลังจากหลงโม่ได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วทั้งที่ใบหน้ายังเย็นชาเหมือนเดิม
ทำไมถึงมีผู้หญิงตั้งท้องอีกคนแล้ว?
ยามนี้มังกรหนุ่มมองไปยังภูตลิงที่กำลังยืนยิ้มโง่ ๆ ในขณะที่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข
ถ้าเขาจำไม่ผิด คู่ของโหวเสี่ยวเตียวเพิ่งคลอดลูกไปเองไม่ใช่หรือ ทำไมนางถึงตั้งท้องอีกครั้ง?
เจียวเจียวกับเขาเพิ่งมีลูกด้วยกันแค่ครั้งเดียวเอง…
ทันใดนั้นจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันโดยธรรมชาติของภูตชายทำให้หัวใจของหลงโม่สั่นคลอนเล็กน้อย
มิหนำซ้ำ ตอนที่จิ้งจอกสาวตั้งท้อง เขาก็ไม่ได้อยู่ดูแลลูก ๆ และนาง แต่ภูตชายคนอื่นได้อยู่เคียงข้างคู่ของตนทุกวัน คอยเฝ้าดูลูกเติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
อีกด้านหนึ่ง จู่ ๆ โหวเสี่ยวเตียวก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็เห็นภูตมังกรตัวสูงกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาดุดัน
นี่เขา... ไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่ไหม?
“โหวเสี่ยวเตียว ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” หูเจียวเจียวเองก็ดีใจกับทั้งคู่ “แต่พวกเจ้ามีลูกเล็ก 2 คน พวกเจ้าจะดูแลพวกเขาไหวไหม?” ตอนนี้มีลูกลิง 2 คนในครอบครัวของเขาที่ยังไม่ได้แปลงร่าง
และโหวเซียงกำลังตั้งครรภ์อีกครั้ง แถมโหวเสี่ยวเตียวยังต้องทำคันธนูกับลูกธนู ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีงานยุ่งมาก
“ไม่เป็นไร ลูกของโหวเซียงคราวนี้เป็นของคู่อีกคน เขาจะดูแลนางที่บ้าน ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
หลังจากที่ลิงสาวลดน้ำหนัก ภูตชายหลายคนก็หันมาชอบนาง
คู่ครองคนที่ 2 ของนางคือภูตที่เซี่ยหมานพากลับมา ซึ่งเป็นภูตเผ่าสิงโตที่แข็งแกร่ง
นั่นทำให้หูเจียวเจียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
แต่หลังจากหญิงสาวคิดดูแล้ว นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในโลกภูต ปัจจุบันจำนวนภูตหญิงและภูตชายในเผ่าไม่สมดุลกัน ถ้าภูตหญิงไม่มีคู่ใหม่ เผ่าก็คงไม่สามารถเติบโตต่อไปได้
“เราไม่กลัวเหนื่อยหรอก แต่ลูก ๆ มักจะเกาะติดโหวเซียงอยู่ตลอด ข้าแค่กังวลว่าพวกเขาจะเผลอไปเตะท้องนางเข้า...” โหวเสี่ยวเตียวรู้สึกทุกข์ใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
“แยกบ้านกันอยู่ไม่ดีกว่าหรือ?” จิ้งจอกสาวถามอย่างสงสัย
ลิงหนุ่มส่ายหัว “หินของเผ่านี้ใช้สร้างกำแพงไปหมดแล้ว เราไม่มีหินสำหรับสร้างบ้านอีกหลัง”
ชายหนุ่มไม่สามารถขอหินที่เอาไว้สร้างกำแพงมาเพราะเรื่องส่วนตัวได้
เขารู้ดีว่าตอนนี้อะไรคือสิ่งที่สำคัญกว่า
ส่วนหูเจียวเจียวลูบคางตัวเองเบา ๆ พลางไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
นี่เป็นปัญหาใหญ่พอสมควร
เนื่องจากหินที่อยู่ใกล้เผ่ามีจำนวนจำกัด และการขยายตัวของเผ่าตอนนี้ต้องการใช้หินเป็นจำนวนมาก หากในอนาคตมีภูตที่ต้องการสร้างบ้านหิน พวกเขาจะต้องเดินทางออกไปขนหินไกลกว่าเดิม
แต่มันจะเป็นการสิ้นเปลืองกำลังคนและเวลาในการดำเนินการทีละอย่าง
หากมองภาพในระยะยาว มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่
ขณะนี้จิ้งจอกสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางสิ่ง
หากมีหินไม่เพียงพอ พวกเธอยังสามารถทำอิฐแทนได้!
ตอนนี้เผ่ามีกำลังคนเพียงพอและสามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างเช่นเครื่องเหวี่ยงหินเพราะขาดกำลังคนได้ภายในไม่กี่วัน
“ข้ามีวิธีเปลี่ยนจากการใช้หินเป็นอย่างอื่น แต่มันค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน” หูเจียวเจียวคิดให้ดีอีกครั้งแล้วบอกโหวเสี่ยวเตียวถึงวิธีทำอิฐ
สำหรับเรื่องนี้เธอมีความรู้ทางทฤษฎีบางส่วนเท่านั้น
ส่วนทางด้านการปฏิบัติยังคงต้องฝากให้กับชาวเผ่าเป็นคนจัดการ
“เยี่ยมมาก!” ลิงหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะเขาเชื่อจิ้งจอกสาวหมดใจ “ข้ามีเวลาให้เจ้าได้มากเท่าที่ต้องการ ข้าจะตั้งใจเรียนและพยายามสร้างอิฐให้ได้!”
ปัจจุบันยังมีอีกหลายสถานที่ในเผ่าที่จำเป็นต้องใช้หิน
หากพวกภูตสามารถทำอิฐขึ้นมาเองได้ ในอนาคตเผ่าจะสามารถใช้อิฐแทนหินโดยไม่ต้องกังวลว่าวัสดุก่อสร้างจะหมด
“โหวเสี่ยวเตียว ข้าจะส่งภูต 20 คนไปช่วยเจ้า แล้วเจ้าก็มาบอกข้าได้ทุกเมื่อหากขาดคน” ผู้อาวุโสยังให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
หลังจากนั้นชายชราก็กล่าวเสริมว่า
“ฤดูหนาวนี้ เสบียงของโหวเสี่ยวเตียวจะเพิ่มเป็น 2 เท่า เจ้าสามารถไปที่โกดังได้เลย”
ตามปกติจะมีภูตเฝ้าอยู่ในโกดังซึ่งมีหน้าที่แจกจ่ายเสบียงทุกวัน
เมื่อลิงหนุ่มได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก
“จริงหรือ!? ขอบคุณท่านผู้เฒ่า ข้าขอขอบคุณแทนโหวเซียงกับลูก ๆ ด้วย...”
การมีเสบียงเพิ่มขึ้นก็เท่ากับว่าโหวเซียงจะดูแลร่างกายของนางได้ดีขึ้น และเด็ก ๆ ก็จะเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์
สำหรับคนเป็นหัวหน้าเผ่า เขาโบกมือเป็นเชิงบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
ตราบใดที่เขาสามารถช่วยเหลือเผ่าได้ เขาก็มอบส่วนแบ่งให้กับโหวเสี่ยวเตียวได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
เวลาต่อมา ชายสูงวัยเรียกคนของเขาเพื่อบอกให้อีกฝ่ายนำภูตมาที่นี่ 20 คน โดยที่ 5 คนเป็นคนท้องถิ่น ส่วนอีก 15 คนเป็นสมาชิกที่เพิ่งเข้าร่วมเผ่า
เนื่องจากภูตดั้งเดิมของเผ่ามีไม่มาก ดังนั้นอัตราส่วนนี้ถือว่าเหมาะสมแล้ว
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวกวาดตามองทุกคน ยกเว้นภูตพื้นเมืองทั้ง 5 คน เธอก็ไม่รู้จักภูตคนอื่นเลย
ทว่าอีกฝ่ายรู้จักเธอดี เมื่อเหล่าภูตชายเดินมาข้างหน้าเธอ พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในขณะที่แก้มดำคล้ำของแต่ละคนเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ
ในใจของคนเหล่านี้คิดว่าตนมีคุณสมบัติพอที่จะช่วยหูเจียวเจียวได้จริงหรือ?
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเหมือนความฝันสำหรับพวกเขา
เมื่อหลงโม่เห็นว่าเจียวเจียวของเขาถูกผู้ชายจำนวนมากจ้องมอง อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วของเขาก็ยิ่งพุ่งสูงมากขึ้นไปอีก
บัดนี้ใบหน้าของมังกรหนุ่มนิ่งสนิท ขณะที่รัศมีเย็นชารอบตัวเขาแผ่กระจายออกไปทันที
จังหวะนั้นภูตทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศรอบ ๆ ตัวดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้น และหลังของพวกเขาก็เหมือนกับมีแรงที่มองไม่เห็นกดทับไว้ ซึ่งมันอึดอัดจนถึงขั้นอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลจากตรงนี้
นี่มันอะไรกัน จู่ ๆ ก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ทรมานชะมัด!
ส่วนหูเจียวเจียวที่อยู่ใกล้หลงโม่ที่สุด แต่เธอกลับไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย
เพราะความสนใจทั้งหมดของเธอมุ่งไปที่ภูตชายคนหนึ่งที่หัวหน้าเผ่าเรียกมา
เขาคือเป้าเฟิง
ในเวลานี้ เสือดาวหนุ่มสูญเสียจิตวิญญาณอันสูงส่งทั้งหมดที่เคยมี ผมของเขายาวพันกันยุ่งเหยิง หนวดเคราที่ไม่ได้โกน และใบหน้าโทรม ๆ ไม่ได้รับการดูแล
ประหนึ่งว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างของเขาไปแล้ว แม้แต่ดวงตาคู่นั้นก็ยังเหมือนหยกที่มัวหมอง มันช่างดูว่างเปล่าไร้อารมณ์
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องแยกจากหวงเยว่ เขาก็แยกตัวออกจากภูตที่อยู่รอบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร
ที่ผ่านมาท่านผู้เฒ่ารู้ว่าเป้าเฟิงอาการไม่ค่อยดี ดังนั้นเขาจึงขอให้อีกฝ่ายมาเป็นคนสนิทที่คอยทำงานใกล้ชิดเขาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าตัว
แต่เห็นได้ชัดว่าการทำแบบนี้มันใช้ไม่ได้ผลกับเสือดาวหนุ่ม