ตอนที่แล้วบทที่ 376: พวกคนกลับกลอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 379: เราจะทำกันตอนกลางคืนแทน

บทที่ 378: หลงโม่คืออัจฉริยะตัวจริง


ยามนี้ไม่มีใครรู้ว่าหลงโม่กำลังคิดอะไรอยู่เพราะเขาไม่พูดอะไรเลย

ต่อมา ชายหนุ่มหยิบภาพวาดที่เขาเห็นบ่อยที่สุดเมื่อสักครู่มาพลิกดูมัน 2-3 วินาที จากนั้นเขาก็กางกรงเล็บมังกรที่คมยิ่งกว่าใบมีด ก่อนจะนำมันไปเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนต่าง ๆ บนภาพวาด แล้วตัดไม้แบบเดียวกันตามอัตราส่วนอย่างรวดเร็ว

เดิมทีหูเจียวเจียวอยากจะบอกว่าเธอจะทำเอง แต่เมื่อเห็นคนรักเหลือบมองเธอนิ่ง เธอเลยยอมถอยออกมา พอเห็นว่าไม้ที่อีกฝ่ายตัดเหมือนกับภาพวาดทุกประการ แม้แต่ขนาดรวมถึงสัดส่วนก็ยังแม่นยำมาก หญิงสาวจึงยิ่งเงียบลง

หัวสมองของหลงโม่เป็นคอมพิวเตอร์ใช่หรือไม่? เพียงแค่ป้อนข้อมูลเข้าไปเขาก็ทำได้แล้ว

ระหว่างนั้นจิ้งจอกสาวตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่พักหนึ่ง ภูตมังกรคนนี้ดูเหมือนจะเก่งทุกอย่างยกเว้นการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเขาก็สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว

ในขณะที่หญิงสาวกำลังสงสัยเกี่ยวกับสามีของตน ชายหนุ่มก็หยิบภาพวาดแผ่นอื่นขึ้นมา และตัดชิ้นส่วนที่เหลือตามภาพวาดนั้น ๆ เสร็จแล้วเขาก็ถือมันไว้ต่อหน้าพลางมองดูผลงานตัวเองอย่างระมัดระวังครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกัน

ความจริงแล้วเครื่องเหวี่ยงหินมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัย ซึ่งพิมพ์เขียวของเครื่องเหวี่ยงหินที่หูเจียวเจียวหยิบออกมาจากมิติเป็นแบบโบราณ

หญิงสาวเคยได้ยินมาว่า สงครามสมัยโบราณกองทัพได้นำพิมพ์เขียวและช่างไม้ไปที่สนามรบเพื่อสร้างเครื่องเหวี่ยงหินเนื่องจากมันทำได้ง่ายทั้งด้านโครงสร้างและวัสดุก็หาไม่ยาก อีกทั้งพวกเขาไม่จำเป็นจะต้องพกพาเครื่องเหวี่ยงหินขนาดใหญ่ไปไหนมาไหนด้วย

ถึงแม้ว่าเครื่องเหวี่ยงหินที่หูเจียวเจียวต้องการสร้างนั้นสูงมาก แต่มันก็ใช้งานง่าย ตราบใดที่มีคนไม่กี่คนดึงเชือกตรงส่วนหน้า พวกเธอก็สามารถเหวี่ยงหินหนัก 10 กว่ากิโลได้ไกลถึง 500 เมตร

หากตั้งเครื่องเหวี่ยงหินไว้ในเผ่า พวกภูตก็ไม่จำเป็นต้องอพยพออกจากเผ่าอีก แผนนี้ถือได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก

ทว่าตอนนี้ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวนั่นก็คือ ขอแค่มีผู้เชี่ยวชาญในการสร้างมันขึ้นมา ถ้าทุกคนอยากจะโจมตีเผ่าหมาป่า พวกเขาก็จะสามารถใช้อาวุธชนิดนี้ได้ทุกที่

เดิมทีจิ้งจอกสาวต้องการแสดงให้มังกรหนุ่มได้รู้ว่า การทำเครื่องเหวี่ยงหินไม่ได้ทำขึ้นมาง่าย ๆ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เปิดปาก เธอก็เห็นว่าเขาประกอบชิ้นส่วน 2 อันเข้าด้วยกันแล้ว

จากนั้นชิ้นส่วนไม้ขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็พลิกไปมาระหว่างนิ้วหยาบกร้านประหนึ่งว่าพวกมันมีชีวิต... แล้วชิ้นส่วนอีกหลายชิ้นก็ค่อย ๆ ประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจนชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ

ในเวลาเพียงไม่กี่นาที หลงโม่ก็สร้างเครื่องเหวี่ยงหินขนาดเล็กครบชุดเสร็จ ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะแล้วผลักมันไปข้างหน้าหูเจียวเจียว

“เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม

“...” หญิงสาวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

นี่ตาเธอฝาดไปหรือว่าเธอฝันไปกันแน่?

หลงโม่สามารถสร้างเครื่องเหวี่ยงหินขึ้นมาได้หลังจากที่เธอสอนเขาแค่ครั้งเดียว มันทำให้เธอตกใจมากจริง ๆ แล้วเขาทำตัวอย่างทั้งหมดเสร็จภายในเวลาไม่นานด้วย!

นี่เป็นสิ่งที่ภูตธรรมดาสามารถทำได้งั้นหรือ!?

“จะ-เจ้า...” จู่ ๆ หูเจียวเจียวก็เอนตัวไปด้านหน้า วางมือทั้ง 2 ข้างลงบนโต๊ะพร้อมกับอ้าปากค้างจ้องมองสามีตัวเองอยู่พักหนึ่ง

สายตาของเธอที่มองสำรวจเขาคล้ายกับอยากจะผ่าศีรษะอีกคนเพื่อเข้าไปดูข้างในว่ามันมีอะไรอยู่กันแน่พลางถามอย่างสงสัยว่า

“เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเองก็ทะลุมิติมาเหมือนกัน?”

ท่าทางของมังกรหนุ่มบ่งบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสิ่งนี้ แต่เธอไม่เชื่อ!

ถึงจะถูกมีดจ่ออยู่ที่คอเธอก็ไม่อยากจะเชื่อ!

ในขณะที่เธอเรียนหนังสือมามากว่า 10 ปี เธอกลับไม่เก่งเท่าภูตที่เพิ่งเรียนเลขครั้งแรก

ทางด้านหลงโม่ที่ได้ยินคำถามของภรรยาสาวทำหน้างุนงง “หา? อะไรนะ?”

เจียวเจียวพูดคำที่เขาไม่เข้าใจอีกแล้ว

เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นความสับสนในดวงตาของอีกฝ่าย เธอก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่

หลงโม่นี่เป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริง!

“ไม่มีอะไร” ยามนี้หญิงสาวเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม เธอทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลางโบกมือตอบด้วยสีหน้าสลดใจ “ข้าหมายความว่าเจ้าฉลาดมาก แค่มองเพียงครั้งเดียวก็ทำได้แล้ว”

เธอไม่ควรเอาสมองของตัวเองไปเปรียบเทียบกับภูตบนโลกใบนี้

ไม่เช่นนั้นเธอจะกลายเป็นเหมือนเด็กอนุบาลต่อหน้านักศึกษาที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1

ทันทีที่หลงโม่ได้รับคำชมจากภรรยาสาว เขาก็นั่งตัวตรง กำมือขวาเป็นกำปั้นแล้วยกขึ้นมาใกล้ริมฝีปาก ก่อนจะกระแอมเบา ๆ เพื่อซ่อนมุมปากที่กำลังยกยิ้มอย่างไม่สามารถควบคุมได้

“ข้า… พอทำได้” ชายหนุ่มตอบแบบถ่อมตัว “เพราะเจียวเจียวสอนได้ดี ข้าถึงเข้าใจทันทีที่เจ้าอธิบาย”

“...”

เชื่อข้าเถอะ! เป็นเจ้าต่างหากที่ฉลาด

ตัวอย่างเครื่องเหวี่ยงหินเป็นเพียงแบบจำลองขนาดเล็กที่มีขนาดเท่าฝ่ามือทั้ง 2 ของหลงโม่เท่านั้น ต่อมา หูเจียวเจียวหยิบหินก้อนเล็กที่มีน้ำหนักเท่ากันมาวางไว้ในตำแหน่งที่สอดคล้องกัน

จากนั้นเธอก็ดึงสลักที่ควบคุมการเหวี่ยงออก

เมื่อก้อนหินถูกดีดออกวาดเป็นวิถีโค้งสูงในอากาศ มันก็ไปกระแทกประตูเสียงดัง

ปัก!

ประตูบานนั้นทำมาจากไม้ แต่พอมันถูกหินกระแทกเข้าใส่ มันก็เกิดรอยยุบตื้น ๆ

“แม้แต่แบบจำลองขนาดเล็กมันก็ยังมีพลังมหาศาลถึงเพียงนี้ หากเราสร้างตามขนาดของภาพวาดแล้วล่ะก็… ข้าไม่อยากจะคิดเลย!” จิ้งจอกสาวพูดพร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ

หลังจากเธอได้เห็นอนุภาพของอาวุธ ความหดหู่ก่อนหน้านี้ก็ถูกกวาดหายไปในพริบตา

“ข้าจะไปหาท่านผู้เฒ่า ข้าจะขอให้เขาหาคนมาศึกษาภาพวาดนี้ เราจะได้เริ่มสร้างเครื่องเหวี่ยงหินกัน” ในขณะที่เผ่าหมาป่ายังไม่ได้บุกมาที่นี่ พวกเธอควรจะรีบเตรียมการรับมือเอาไว้ล่วงหน้า

ครั้งนี้หญิงสาวจะออมมือเหมือนครั้งที่แล้วไม่ได้อีก

เวลาถัดมา หูเจียวเจียวเก็บภาพวาดบนโต๊ะ ก่อนจะกอดเครื่องเหวี่ยงหินขนาดเล็กไว้ในอ้อมแขนของตน เพียงแค่นี้เธอก็พร้อมที่จะออกจากบ้านแล้ว

แต่จิ้งจอกสาวไม่คาดคิดว่าก่อนที่เธอจะทันได้แตะประตู ชายร่างสูงที่อยู่ข้างหลังก็เอาแขนมาโอบรั้งเอวเธอไว้

ไม่นานภาพวาดและเครื่องเหวี่ยงหินจิ๋วในมือก็ถูกยึดไปด้วย

จากนั้นหลงโม่ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบห้าว

“ตอนนี้มันสายมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปคุยกับท่านผู้เฒ่าเอง”

การที่เจียวเจียวจะไปคุยกับหัวหน้าเผ่าเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การที่นางจะต้องไปสอนผู้ชายกลุ่มหนึ่งแบบที่นางสอนเขาที่ผ่านมา เขาไม่อยากปล่อยให้นางต้องถูกกลุ่มชายชกรรจ์ห้อมล้อมตลอดทั้งวัน

อีกอย่าง มีสิ่งสำคัญที่เขาอยากจะทำกับเจียวเจียวมากกว่าการทำเครื่องเหวี่ยงหิน

“แต่มันไม่ได้เย็นขนาดนั้น ข้าจะไปบอกข่าวดีเรื่องนี้กับท่านผู้เฒ่าก่อน เดี๋ยวเดียวข้าก็กลับมาแล้ว” หูเจียวเจียวที่รั้นจะออกไปอีกครั้งถูกคนตัวสูงอุ้มเหมือนเด็ก ๆ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

ไม่นานภาพที่หญิงสาวเห็นก็คือขั้นบันไดที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนภาพวาดและเครื่องเหวี่ยงหินก็ถูกวางกลับไปที่โต๊ะดังเดิม

ระหว่างนั้นจิ้งจอกสาวเหลือบมองดูท้องฟ้าข้างนอกด้วยความสับสน เห็นได้ชัดว่ายังเป็นเวลาบ่าย และมีเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงก่อนจะมืด!

แล้วตอนนี้พวกลูก ๆ ก็ยังออกไปเล่นกันอยู่ข้างนอก ทำไมเขาถึงบอกว่ามันสายแล้วล่ะ?

“ไม่ได้”

เสียงของหลงโม่ยิ่งกดต่ำลง ราวกับเมฆฝนที่กำลังจะตก ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนักอึ้งขึ้น

“มันสายมากแล้ว ข้าไม่มีเวลามากพอที่จะรอเจ้ากลับมา”

หูเจียวเจียวรู้สึกงุนงงกับคำพูดของสามีหนุ่ม

“ทำไมเวลาไม่พอ?”

ทว่ามังกรหนุ่มไม่ตอบอะไรอีก เขาอุ้มเธอกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะปิดประตูตามหลัง จากนั้นเขาจับตัวจิ้งจอกสาวหันกลับมาหาตน โดยให้นางอยู่ในท่าที่ใช้แขนขาโอบรอบคอและเอวของเขาไว้

ทางด้านหูเจียวเจียวรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พอรู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเธอก็แนบกับบานประตูแล้ว

ท่าทางของหญิงสาวตอนนี้ไม่ต่างจากตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ ที่กำลังเกาะอยู่บนร่างกายของคนตัวสูง

“หลง-หลงโม่ เจ้ากำลังทำอะไร...”

จิ้งจอกสาวถามด้วยความงุนงง

จังหวะนั้นมังกรหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาแล้วใช้ปลายจมูกสัมผัสที่ลำคอขาวเนียนของเธอ ก่อนที่ใบหน้านิ่งขรึมจะถูเบา ๆ กับกลุ่มผมนุ่ม และเสียงที่แหบแห้งของเขาเผยให้เห็นถึงความรู้สึกคับข้องใจอย่างอธิบายไม่ได้

“ครั้งสุดท้ายที่เราอาบน้ำด้วยกัน เจ้าเผลอหลับไป”

“ช่วงนี้เจ้ายุ่งจนผล็อยหลับตอนกลางคืนตลอด ข้าเลยต้องหาเวลาให้ตัวเอง...”

เนื่องจากไม่มีเวลาทำในตอนกลางคืน เขาจึงเหลือเวลาในระหว่างวันเท่านั้น

ยามนี้หูเจียวเจียวรู้สึกจั๊กจี้บริเวณคอจากการถูกสามีหนุ่มหยอกล้อ แล้วเสียงของเธอก็เบาลงโดยไม่รู้ตัว

“อะไร ทำไมเจ้าต้องหาเวลา...”

หญิงสาวกัดริมฝีปากครุ่นคิด ในขณะที่ไม่เข้าใจความคิดที่กระโดดโลดเต้นของหลงโม่อยู่ครู่หนึ่ง

ทันทีที่เธอพูดจบ ใบหูของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ไม่นานเธอก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว หลงโม่ชอบทรมานเธอเกือบทุกคืน

ทว่าตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในเผ่าจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย...

“ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เรารอให้ลูก ๆ กลับมาก่อน แล้วตอนกลางคืน...” หูเจียวเจียวกระชับแขนที่โอบรอบคอคนตรงหน้าพลางพูดต่อรองกับเขา

แต่วินาทีต่อมา เธอกลับตกอยู่ในภวังค์

จากนั้นหญิงสาวก็ถูกหลงโม่กดลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว

“เด็ก ๆ กลับมาไม่ทันหรอก” เสียงทุ้มนั้นฟังดูไพเราะเหมือนมีพลังวิเศษขณะกระซิบข้างหูของจิ้งจอกสาวแผ่วเบา

ตามด้วยเสียงแหบพร่าราวกับไฟที่กำลังลุกโชน

“ข้ารอไม่ไหวแล้ว”

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ว้ายยยยยยยย!! พ่อเก็บกดมานานมาก แบบนี้แม่รอดยากแล้วล่ะ 555555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด