ตอนที่แล้วบทที่ 378: หลงโม่คืออัจฉริยะตัวจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 380: ลูกของข้าสามารถตักน้ำได้

บทที่ 379: เราจะทำกันตอนกลางคืนแทน


“ท่านแม่ ทำไมปากท่านแดงจัง?”

ในตอนเย็น เมื่อเหล่าลูกน้อยกลับมาบ้านและถึงเวลาทานข้าวเย็น หลงเหยาก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร และเป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้จ้องมองอาหารตรงหน้า ยามนี้เขามองไปที่แม่จิ้งจอกพร้อมกับแสดงความห่วงใย

“ท่านแม่ไม่สบายหรือเปล่า?” เมื่อหลงจงได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองหูเจียวเจียวทันที

เด็กชายตอบสนองได้เร็วที่สุด เขาถอดรองเท้าแทบไม่ลังเล ก่อนจะลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ เขย่งปลายเท้าพลางยื่นมือออกไปเพื่อสัมผัสหน้าผากของผู้เป็นแม่

“ป่วยหรือ? ท่านแม่ป่วย!” หลงหลิงเอ๋อที่กำลังจะขยับมือชะงักค้าง แล้วนางก็มองไปทางแม่จิ้งจอกด้วยสายตาเป็นห่วง “ท่านแม่เป็นอะไรไป?”

ในขณะเดียวกัน หลงอวี้ หลงเซียว และหยินชางผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นเด็กหนุ่มตัวโตสุดในบ้านกำลังจะไปเปิดประตู ส่วนเด็กชายอีก 2 คนที่เหลือถือเสื้อคลุมและผ้าพันคอพลางพูดพร้อมกันว่า

“พาท่านแม่ไปหาหมอผีกันเถอะ!”

การที่ผู้หญิงคนหนึ่งเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

บัดนี้ลูกทั้ง 6 ต่างก็เฝ้าโทษตัวเองในใจ โดยโทษว่าช่วงนี้ตนไม่ค่อยได้อยู่บ้านบ้าง ดูแลแม่ไม่ดีบ้าง หรือปล่อยให้นางทำงานหนักจนล้มป่วย

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังไร้ความสามารถจนไม่สามารถแบ่งเบาภาระของหูเจียวเจียวได้อยู่ดี

เมื่อหลงโม่ออกมาจากห้องครัว เขาก็เห็นลูก ๆ กำลังวุ่นวายอยู่ในห้องนั่งเล่น

“อะแฮ่ม...” หูเจียวเจียวกระแอมเบา ๆ ขณะเอามือข้างหนึ่งปิดปากตัวเอง ส่วนมืออีกข้างลูบหัวของหลงเหยา 2-3 ครั้งพลางอธิบายอย่างเขินอายว่า “ปากแม่แดงตลอดเวลาอยู่แล้ว”

“พวกเจ้าอย่าเพิ่งตื่นตูมกันไปเลย แม่สบายดี กลับมานั่งแล้วกินข้าวกันเร็ว” แม่จิ้งจอกมองไปที่ลูกคนอื่น ๆ แล้วเรียกให้พวกเขากลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร

ในบรรดาเด็กตระกูลหลง หลงเซียวเป็นคนที่ฉลาดที่สุด วินาทีนั้นเขาตอบสนองทันทีโดยวางผ้าพันคอลงและพูดว่า

“ข้าขอโทษ ท่านแม่ เราผิดเอง”

หลงอวี้เองก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาลากหลงจงกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ดังเดิม “ข้าหิวแล้วท่านแม่ กินข้าวกันเถอะ”

ทางด้านหลงโม่ชำเลืองมองเหล่าลูกน้อย ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ไปด้านข้างภรรยาสาวเพื่อช่วยนางดึงเก้าอี้

ระหว่างนั้นหูเจียวเจียวค้อนตามองเขาด้วยสายตาประณามราวกับกำลังพูดว่า ‘มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด!’

ฝ่ายที่ถูกตำหนิพยักหน้าน้อย ๆ ยอมรับทุกข้อกล่าวหาของอีกคน

เมื่อหลงหลิงเอ๋อเห็นอย่างนี้ นางก็ยกมือขึ้นปิดกั้นสายตาตัวเองพลางมองลงไปยังชามกับตะเกียบที่อยู่ตรงหน้าตนเงียบ ๆ

ท่านพ่อโผล่มาแล้ว

เตรียมตัวรับแรงกระแทกได้เลย

หลงเหยาเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่เข้าใจอะไรเลย เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้วมุ่น เอียงคอคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดด้วยความสงสัย “แต่เมื่อเช้าปากท่านแม่ไม่แดงมากขนาดนี้ แล้วปากของท่านแม่ก็ดูบวม ๆ ด้วย”

“!!” พี่น้องอีก 5 คนทำหน้าประหลาดใจ

เสี่ยวเหยาเป็นเด็กที่ฉลาดมาก!

ขณะนี้เจ้าตัวเล็กรู้สึกภูมิใจ เขายืดอกตัวเองขึ้นพลางกวาดตามองเด็กคนอื่นราวกับว่าตนได้ค้นพบทวีปใหม่

“เพราะพวกพี่ ๆ ไม่สนใจท่านแม่ไง พวกท่านถึงไม่สังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เสี่ยวเหยาเป็นคนที่ใส่ใจรอบคอบที่สุด…”

ทันใดนั้นใบหน้าของพี่น้องตระกูลหลงก็เปลี่ยนเป็นมืดมน

แล้วหลงอวี้ก็ส่ายหัวให้น้องชายคนเล็ก

ทางด้านหลงหลิงเอ๋อก็พยายามขยิบตาส่งสัญญาณบอกให้หลงเหยาไม่ต้องพูดอะไรต่อไปอีก แต่เขาไม่ได้เข้าใจสัญญาณของนางเลยแม้แต่น้อย

จนในที่สุดเด็กชายก็กล่าวสรุปอย่างมั่นใจว่า

“ท่านแม่ ปากของท่านต้องถูกแมลงกัดแน่นอน!”

พรูดดดดด!!

หลงเหยาที่นั่งอยู่ตรงข้ามแม่จิ้งจอกเงียบเสียงลงทันที

“...”

เพราะจู่ ๆ น้ำแกงที่ผู้เป็นแม่พึ่งสูดเข้าไปก็ถูกพ่นใส่หน้าเขา มันเปียกตั้งแต่ไรผมย้อยไปถึงคางก่อนจะหยดลงบนโต๊ะติ๋ง ๆ

วินาทีนั้นคนตัวเล็กตกตะลึง ดวงตาสีแดงทับทิมเบิกกว้าง เขานิ่งค้างไปเนื่องจากไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เด็กคนอื่น ๆ พากันปิดตาเพราะไม่กล้ามองภาพตรงหน้า

ข้าไม่เห็น ๆ!

“แม่ขอโทษ เหยาเอ๋อ แม่ไม่ได้ตั้งใจ” หูเจียวเจียวตั้งสติได้ก็รีบวางชามลงเพื่อขอโทษลูกชาย

“ท่านแม่...”

ปากของหลงเหยาเบะคว่ำลงทันที และน้ำเสียงที่เล็กแหลมของเขาก็เจือสะอื้น

เดิมทีดวงตาทั้ง 2 ข้างของเด็กน้อยเป็นสีแดงอยู่แล้ว พอเจ้าตัวจะร้องไห้มันก็ยิ่งแดงก่ำประกอบกับมีน้ำตาคลอมากขึ้น ในขณะที่เขาแสดงท่าทางผิดหวัง

“ท่านแม่ ข้าจะพาเสี่ยวเหยาไปล้างหน้าเอง” หลงอวี้อาสาและเดินไปข้างหน้าเพื่อดึงน้องชายไปที่สวนหลังบ้าน ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยโฮ เขาจะต้องพาเจ้าตัวเล็กออกไปจากที่นี่ก่อน

แล้วในที่สุดบรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เงียบสงบลง

จากนั้นเด็ก ๆ ก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เกือบไปแล้ว

ถ้าเสี่ยวเหยาร้องไห้จ้าตรงนี้ล่ะก็ เราไม่ได้กินข้าวกันดี ๆ แน่!

หลังจากที่ครอบครัวทั้ง 8 ทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ลูกน้อยทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปนอนในห้องของตัวเอง

ส่วนทางด้านพ่อแม่ ตอนนี้หูเจียวเจียวกำลังตำหนิสามีอย่างขุ่นเคือง

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าที่ทรมานข้าตั้งแต่ตอนกลางวันแสก ๆ เห็นไหมว่าลูกสังเกตเห็นความผิดปกติ!”

“ตรงไหน?” หลงโม่เลิกคิ้วถามแบบรู้ทัน

นั่นทำให้จิ้งจอกสาวใช้สายตาคมดั่งเหยี่ยวมองจิกอีกฝ่ายและกำลังจะกระทืบเท้าของเขาด้วยความโกรธ “ยังจะมาแกล้งโง่อีก!”

ทันใดนั้นมังกรหนุ่มใช้มือเชยคางภรรยาสาวขึ้น พร้อมกับก้มหน้าลงไปใกล้แก้มเนียนใสจนทั้งคู่เหลือช่องว่างระหว่างกันเพียง 1 นิ้วเท่านั้น

“ตกลง งั้นเราจะทำกันตอนกลางคืนแทน”

“!!!”

เธอไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น!

ก่อนที่หูเจียวเจียวทันได้จะโต้แย้งอะไร เธอก็ถูกร่างหนากอดเอาไว้แล้ว

“หลงโม่ เจ้าจะทำอะไร?” ฝ่ายที่ถูกกอดอุทาน

“ตอนนี้ก็มืดแล้ว”

จากน้ำเสียงของมังกรหนุ่มที่ฟังดูสงบบัดนี้เปลี่ยนเป็นแหบพร่า

แล้วก็เป็นอีกคืนที่จิ้งจอกสาวไม่ได้นอนหลับสบาย

วันรุ่งขึ้น เมื่อหูเจียวเจียวไม่ตื่นในตอนเช้า หลงโม่ก็อาสาที่จะทำอาหารเช้าให้พวกลูก ๆ กิน จากนั้นเขาก็นำภาพวาดกับตัวอย่างอาวุธไปหาหัวหน้าเผ่า

10 กว่าวันต่อมา ชายหนุ่มใช้เวลาอยู่กับท่านผู้เฒ่าตลอดเวลา โดยที่เขาคอยสอนทุกคนให้เข้าใจเกี่ยวกับภาพวาดและทำเครื่องเหวี่ยงหินทุกวัน

มันเป็นไปตามที่จิ้งจอกสาวคาดเอาไว้ เพราะไม่ใช่ง่ายเลยที่จะสอนให้ภูตเรียนรู้วิธีการสร้างเครื่องเหวี่ยงหิน สุดท้ายพวกเขาก็ใช้เวลาทั้งหมด 15 วันในการสร้างอาวุธชิ้นแรกจนเสร็จ

และในเวลากลางคืน หลงโม่ยังคงมีแรงเหลือล้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

จากการทำการบ้านอย่างหนักของผู้เป็นสามี เป็นผลให้หูเจียวเจียวทำได้แค่เลี้ยงลูกอยู่บ้านเท่านั้น

เช้าวันถัดมา

หลงโม่กำลังจะออกไปจากบ้าน แต่พอเขาเปิดประตู เขาก็พบว่าอิงหยวนยืนอยู่หน้าบ้านของตน

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

มังกรหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับชายที่หูเจียวเจียวเคยชอบมาก่อน มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองหน้าอิงหยวนแบบปกติ

“เจ้าคิดว่าข้าอยากมาเหยียบที่นี่หรือไง?” อินทรีหนุ่มพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับแสดงออกถึงความไม่เต็มใจ

ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบก็มีมือเล็ก ๆ ยื่นมาบิดเอวเขาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงตำหนิเบา ๆ

“อาหยวน อย่าพูดกับหลงโม่แบบนั้น”

ครู่ต่อมา ลู่เมี่ยนเอ๋อเดินออกมาจากข้างหลังคนเป็นสามี แล้วหันมายิ้มขอโทษให้ผู้เป็นเจ้าบ้าน “ข้าขอโทษ เราไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้าได้ยินมาว่าเจียวเจียวไม่ได้ออกไปไหนมา 10 กว่าวันแล้ว ข้าก็เลยมาเยี่ยมนาง”

หลังจากหญิงสาวได้ข่าวว่าหูเจียวเจียวไม่ได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานาน นางจึงนำกวางซิกา 2 ตัวที่อิงหยวนเพิ่งล่ามาได้ให้แก่หลงโม่พลางอธิบายว่า

“ข้าได้ยินคนในเผ่าบอกว่าเจียวเจียวเป็นคนสอนพวกเขาขุดบ่อน้ำ ข้าอยากจะขอบคุณเจียวเจียวด้วย นี่เป็นเหยื่อที่พวกข้าเพิ่งจับได้เมื่อวานนี้ เจียวเจียวจะได้ลองกินอะไรแปลกใหม่บ้าง” ยิ่งเข้าช่วงฤดูหนาวมากขึ้นเท่าไหร่ เหยื่อสด ๆ ก็ยิ่งจับได้ยากมากขึ้นทุกที

แม้ว่าเหยื่อตัวนี้จะดูไม่สำคัญอะไรสำหรับมังกรหนุ่ม

แต่ลู่เมี่ยนเอ๋อมีเพียงอิงหยวนเป็นคู่ครอง จำนวนเหยื่อที่เขาสามารถจับได้ใน 1 วันนั้นจึงมีจำกัด การที่นางส่งเหยื่อจำนวนมากเช่นนี้มาให้พวกเขาก็เพียงพอที่จะแสดงความจริงใจของนางแล้ว

ยามนี้หลงโม่ยังคงมีท่าทีเย็นชาเช่นเคย แต่แววตาของเขาไม่ได้มีความเกลียดชังที่รุนแรงแบบเมื่อกี้นี้ แล้วก็เขาพูดเสียงเรียบเฉยว่า “เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ”

แม้ว่ามันจะเป็นเหยื่อที่อิงหยวนจับมา แต่นี่ถือว่าเป็นน้ำใจของลู่เมี่ยนเอ๋อ

ชายหนุ่มจึงไม่กล้าปฏิเสธอีกฝ่ายแทนภรรยาสาว

แม้ว่าตัวเขาเองอาจจะไม่ต้องการสหาย แต่มันไม่ได้หมายความว่าเจียวเจียวจะไม่ต้องการสหายเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด