บทที่ 370: พวกเขาต้องสนับสนุนลูก ๆ อย่างเต็มที่
แม่จิ้งจอกรู้ดีว่าถึงแม้ลูก ๆ จะยอมรับในตัวเธอแล้ว แต่บ่อยครั้งพวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดระแวงอยู่บ้าง เลยกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด
สมัยที่เธอยังเด็ก เธอก็เคยรู้สึกแบบนี้เป็นเพราะพ่อแม่มักจะบอกว่าเธอคือภาระ แล้วญาติพี่น้องก็รู้สึกรังเกียจไม่มีใครยอมรับในตัวเธอ ทำให้เธอมักจะด้อยค่าตัวเองอยู่ตลอดเวลา
มิหนำซ้ำ เด็กพวกนี้ก็ถูกเด็กในเผ่ารังแกมาตลอดจนกลายเป็นปมในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเสมอมา
ในความเป็นจริงหูเจียวเจียวหวังว่าลูก ๆ จะรู้ความและมีเหตุผล แต่เธอก็ไม่อยากให้พวกเขาขาดความมั่นใจเหมือนตอนที่เธอเป็นเด็ก
ยามนี้ลูกชายทั้ง 4 คนทำหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้เป็นแม่จะคิดแบบนี้ ทุกคนจึงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง
ท่านแม่บอกว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขา?
เด็กก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองหรือ?
เมื่อแม่จิ้งจอกเห็นว่าเหล่าลูกน้อยต่างก็ตกตะลึง เธอยิ้มพลางยืดตัวตรง ก่อนจะจับมือหลงเหยากับหลงจงดึงไปอีกทาง “ไปกันเถอะ แม่จะพาไปทำขนมอร่อย ๆ แบ่งให้คนอื่นกินกัน”
ถึงแม้ว่าภายนอกหญิงสาวดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เธอมีเสบียงมากมายนับไม่ถ้วน
การที่เด็กตระกูลหลงจะได้รู้จักเพื่อนใหม่มันเป็นอะไรที่ยากมาก หากพวกเขามีสิ่งที่อยากจะทำจริง ๆ แล้วล่ะก็ แน่นอนว่าเธอที่เป็นแม่จะต้องสนับสนุนลูกให้เต็มที่!
เวลาเดียวกันนั้น หลงโม่ก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะพยักหน้าชื่นชมหลงอวี้กับหลงเซียวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า
“แม่ของเจ้าและพ่อจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าอดตาย พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
แม้ว่าปกติแล้วพ่อมังกรจะเข้มงวดกับลูก แต่ในใจเขาก็รักลูกมาก
นอกจากเขากับเจียวเจียวแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกของพวกตนอย่างแน่นอน!
บัดนี้แม่จิ้งจอกพาเด็กน้อยทั้ง 4 ไปที่ห้องครัวซึ่งมีเสบียงใหม่หลายถุงที่ส่งมาจากหัวหน้าเผ่าเมื่อวานนี้
ส่วนใหญ่ในนั้นมีของที่ไม่คุ้นเคยอยู่หลายอย่าง และท่านผู้เฒ่าก็ไม่รู้ว่าจะเอามันไปทำกินแบบไหน เขาจึงเดาว่าหูเจียวเจียวน่าจะมีวิธีปรุงวัตถุดิบเหล่านี้ ดังนั้นเขาเลยส่งพวกมันทั้งหมดมาให้เธอ
ต่อมา หูเจียวเจียวเปิดถุงใบหนึ่ง ซึ่งในนั้นบรรจุเมล็ดแตงโมสดไว้ 1 ถุงใหญ่
ฤดูหนาวเป็นฤดูกาลของการกินเมล็ดแตงโม!
“แม่คั่วเมล็ดแตงโมให้พวกเจ้ากินดีไหม?” จิ้งจอกสาวหรี่ตาพูดด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่เป็นเด็กเธอเคยอาศัยอยู่กับปู่ย่าในชนบท ตอนนั้นย่าของเธอมักจะเก็บเมล็ดแตงทุกชนิดเอามาคั่วกิน เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีขนมขบเคี้ยวแบบในสมัยใหม่ มันจึงเป็นของว่างที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
“เมล็ดแตงโม!”
“เมล็ดแตงโมคืออะไร?”
“เมล็ดสีดำเล็ก ๆ นี้กินได้จริงหรือ?”
ลูกชายทั้ง 4 อุทานขึ้นมาพร้อมกัน ในขณะที่ไปยืนรวมตัวอยู่รอบ ๆ แม่จิ้งจอกและส่งเสียงถามกันไม่หยุด
ส่วนหูเจียวเจียวมองไปที่ลูกน้อยแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตัวเธอยังเป็นเด็กที่คอยยืนอยู่ข้างเตารอคอยอาหารด้วยสายตาคาดหวัง
“หลงโม่ จุดไฟให้ที”
หูเจียวเจียวไหว้วานสามีหนุ่ม ก่อนจะหันไปหยิบกะละมังมาเทเมล็ดแตงโมออกจากถุงแล้ววางลงบนเตา
ในเวลาเดียวกัน ร่างสูงชำเลืองมองผู้ติดตามตัวน้อยทั้ง 4 ที่ยืนอยู่ด้านหลังจิ้งจอกสาวด้วยดวงตาเป็นประกาย ไม่นานเขาก็ถอนสายตาออกจากภาพตรงหน้าและให้ความร่วมมือภรรยาสาวอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้พ่อแม่ทั้ง 2 ทำงานเข้ากันได้ดีมาก
หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หม้อก็ร้อนขึ้น และหูเจียวเจียวก็เทเมล็ดแตงโมลงในหม้อก่อนจะทำการคั่วมันไม่หยุดมือ
เนื่องจากภูตกินจุมาก ดังนั้นเครื่องครัวในบ้านของหญิงสาวจึงมีขนาดใหญ่มากเช่นกัน ซึ่งมันใหญ่กว่าหม้อธรรมดามาก 2-3 เท่า ส่งผลให้พวกมันสามารถทำอาหารได้มากมายภายในคราวเดียว
ไม่นานควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากหม้อ
ครู่ถัดมา หูเจียวเจียวเติมผงดอกเกลือ และคั่วต่อไปด้วยความเร็วที่เร็วขึ้นจนผิวของเมล็ดแตงโมเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อย จากนั้นหลงโม่ก็ดับไฟแล้วใส่เมล็ดแตงโมลงในกะละมังขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน เหล่าเด็กน้อยทั้ง 4 คนก็พยายามสูดกลิ่นที่ลอยออกมา
พวกเขาได้กลิ่นหอมไหม้แบบจาง ๆ มันไม่ใช่กลิ่นแบบขม ๆ แต่มันมีกลิ่นเหมือนเกลือซึ่งมันหอมมาก
ไม่กี่อึดใจต่อมา พวกเด็กชายก็พากันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
หอมมาก!
มันดูน่าอร่อยจัง...
หลังจากนั้นหูเจียวเจียวหยิบถุงหนังสัตว์ขนาดเล็ก 4 ถุงมาบรรจุ เสร็จแล้วก็ส่งให้ลูก ๆ คนละถุง
ถัดมา แม่จิ้งจอกก็ปอกเมล็ดแตงโมที่คั่วเสร็จแล้วให้เหล่าลูกน้อยได้เห็นเนื้อข้างใน “ด้านในเมล็ดแตงโมจะมีเนื้อของมันอยู่ พวกเจ้าจะต้องปอกเปลือกออกก่อนมันถึงจะกินได้”
ทางด้านหลงโม่ก็เฝ้าดูหูเจียวเจียวพร้อมเรียนรู้วิธีปอกเปลือกให้เธอ
แล้วจู่ ๆ จิ้งจอกสาวก็ยื่นเมล็ดแตงโมมาใกล้ปากของเขา
เวลานั้นมังกรหนุ่มเปิดปากโดยไม่รู้ตัวและรับเมล็ดแตงโมเข้าปากไปแบบว่าง่าย
“เจ้าลองชิมดู” หูเจียวเจียวช้อนตามองคนตัวสูงอย่างมีความหวัง “อร่อยไหม?”
ด้วยความที่ว่าเมล็ดแตงโมมีขนาดเล็ก ดังนั้นริมฝีปากของชายหนุ่มจึงสัมผัสปลายนิ้วของเธอแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจมัน
ในทางตรงกันข้าม ดวงตาของหลงโม่มีประกายแปลก ๆ คล้ายกับเปลวไฟที่ลุกโชนในม่านตาสีทองของเขา
“อืม อร่อยดี” เขาไม่แม้แต่จะเคี้ยวและกลืนมันลงไปทั้งอย่างนั้น
“...” หูเจียวเจียวพูดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่
เขาคือตือโป๊ยก่าย*หรือไงถึงได้กินแบบไม่ต้องเคี้ยว?
*ตือโป๊ยก่าย เป็นหนึ่งในตัวละครเอกเรื่องไซอิ๋ว
ทางด้านหลงเหยาถือเมล็ดแตงโมซึ่งใหญ่กว่าเมล็ดข้าวเล็กน้อยด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “มันเล็กมาก เสี่ยวเหยาไม่รู้ว่าต้องกินกี่เม็ดถึงจะอิ่ม”
“แถมเวลาจะกินมันก็ต้องใช้พลังงานในการปอกเปลือกอีก แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เสี่ยวเหยาจะกินอิ่ม”
เมื่อเจ้าตัวเล็กนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มองของว่างในมือด้วยสายตาว่างเปล่า ซึ่งมันทำให้เขาดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งขึ้น
หลงจงที่ได้ยินน้องชายบ่นก็ยกมือขึ้นดีดหน้าผากอีกคน “กินไปเถอะน่า อย่าพูดมาก”
จากนั้นหลงเหยาก็ยัดมันเข้าปากทันทีและจบลงด้วยการไม่ได้กินอะไรเลย เพราะเมล็ดแตงโมเพียงเมล็ดเดียวไปติดอยู่ระหว่างซอกฟันที่งอกออกมาครึ่งซี่
“...”
ส่วนหลงอวี้กับหลงเซียวที่ปราณีตกว่าคนอื่น พวกเขาลิ้มรสเมล็ดแตงโมอย่างระมัดระวังในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่แสดงถึงความพึงพอใจ ไม่นานมือและปากของพวกเขาก็เคลื่อนไหวไม่หยุด
ทำไมข้าถึงหยุดกินเมล็ดแตงโมเล็ก ๆ นี้ไม่ได้กัน?
“อร่อยไหม?” หูเจียวเจียวมองลูกชายที่กินไม่หยุดพลางถามอย่างขบขัน
“อร่อย!” เด็กชายทั้ง 3 พยักหน้าพร้อมกัน
“ฮือ...” มีเพียงหลงเหยาเท่านั้นที่ยังอ้าปากกว้างและง่วนอยู่กับการแคะเมล็ดแตงโมที่ติดอยู่ระหว่างฟันออก
ฮือ ๆๆ! เสี่ยวเหยายังไม่ได้ชิมเลย!
ส่วนหลงโม่ยกมือขึ้นถูหว่างคิ้วตัวเองในขณะที่ใบหน้าเย็นชาแสดงออกถึงความเอือมระอา
เมื่อไหร่เจ้าเด็กคนนี้ถึงจะฉลาดสักที…
พอหูเจียวเจียวเห็นว่าลูก ๆ ชื่นชอบของว่างนี้ เธอจึงนำน้ำตาลและนมออกมา โดยที่เธอจะทำเมล็ดแตงโมคั่วน้ำตาล 1 หม้อ ส่วนอีกหม้อเป็นเมล็ดแตงโมคั่วรสนม
เนื่องจากหลงเหยาเป็นเด็กจอมตะกละ ก่อนหน้านี้จิ้งจอกสาวจึงทำถุงหนังสัตว์ใส่ขนมขนาดเล็กไว้จำนวนมาก แล้วตอนนี้เธอก็ได้นำมันมาใช้ประโยชน์
พอแม่จิ้งจอกทำเมล็ดแตงโมคั่วรสชาติแตกต่างกันเสร็จแล้ว เธอก็ใส่มันลงในถุงตามลำดับโดยที่ในแต่ละถุงมีเมล็ดแตงโมหนักประมาณ 250 กรัม จากนั้นจึงดึงเชือกรูดปิดปากถุงให้แน่น
ส่วนเมล็ดแตงโมรสชาติต่าง ๆ ที่เหลืออีก 3-4 กิโลกรัมถูกบรรจุลงในขวดโหลหินที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อให้สามารถนำมารับประทานเป็นของว่างได้ทุกเมื่อ และไม่ต้องกลัวว่าอากาศจะมีผลต่อรสชาติ
หลังจากหูเจียวเจียวทำทุกอย่างเสร็จเสร็จเรียบร้อย เธอก็แจกจ่ายเมล็ดแตงโมทั้ง 3 รสให้กับลูกชาย 4 คนละถุง
“พวกเจ้าเอาเมล็ดแตงโมพวกนี้ไปแบ่งให้กับเด็ก ๆ ในเผ่ากินนะ ต่อไปถ้าพวกเจ้าอยากกินอะไรอีกก็ให้มาบอกแม่ แล้วแม่จะทำให้กินเอง” แม่จิ้งจอกกล่าวพลางลูบหัวของหลงอวี้
“ขอบคุณ...ท่านแม่” ผู้เป็นพี่ชายคนโตรู้สึกถึงความอบอุ่นจากศีรษะของเขา จากนั้นเขาก็รับถุงใบเล็กไปถือเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม
ต่อมา เด็กชายมองไปที่หม้อสกปรกบนเตา จากนั้นเขาก็วางถุงใบเล็กในอ้อมแขนลงก่อนจะวิ่งไปเอาถังมาถือไว้แทน “ท่านแม่ ข้าจะไปตักน้ำมาให้”
ในการคั่วเมล็ดแตงโม หูเจียวเจียวจะต้องคั่วจนกระทะไหม้หรือบางรสก็ต้องคั่วจนแห้ง ดังนั้นตอนนี้ในหม้อจึงมีชั้นของนมและน้ำตาลที่ถูกเคลือบจนกลายเป็นสีเข้ม
“หลงอวี้ เดี๋ยวก่อน...”
ก่อนที่พูดเป็นแม่จะเรียกเอาไว้ได้ทัน หลงอวี้ก็วิ่งออกไปพร้อมกับถังเปล่าแล้ว
จากนั้นเธอเหลือบมองไปที่กระทะซึ่งอยู่ในสภาพแย่มาก แถมตอนนี้น้ำที่บ้านก็ใกล้หมดแล้ว ฉะนั้นถึงเวลาที่ต้องไปตักน้ำจากแม่น้ำกลับมา เธอกับหลงโม่จึงตามลูกชายคนโตไป
เวลาผ่านไปไม่นาน หลงอวี้ก็มาถึงแม่น้ำพร้อมกับถัง
ปัจจุบันชั้นน้ำแข็งหนาก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวของแม่น้ำ แต่ว่ามันมีคนมาเจาะน้ำแข็งทุกวันเพื่อทำช่องเอาไว้ตักน้ำ แต่เพียงคืนเดียวหลุมนั้นก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง
นั่นทำให้เด็กชายรู้สึกสับสนเล็กน้อย
นี่เขาแค่อยากจะมาตักน้ำก็ยังทำไม่ได้เลยหรือ?
ทันทีที่หูเจียวเจียวเดินมาถึงริมฝั่งแม่น้ำ เธอก็เห็นหลงอวี้กลายร่างเป็นสัตว์ แล้วใช้กรงเล็บมังกรข่วนน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ชั้นน้ำแข็งนั้นแข็งเกินไป ดังนั้นเจ้ามังกรน้อยที่ใช้กรงเล็บข่วนแผ่นน้ำแข็งอยู่นานยังทำได้เพียงขูดน้ำแข็งเข้าไปได้เพียงชั้นบาง ๆ เท่านั้น
มันยังเหลืออีกหลายนิ้วกว่าเขาจะขุดน้ำแข็งทั้งก้อนออกมาได้
ตามปกติแล้วหลงโม่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการตักน้ำไปเก็บไว้ที่บ้าน แต่เมื่อหูเจียวเจียวเห็นการเคลื่อนไหวของลูกชายคนโต เธอก็ตระหนักได้ว่ากว่าที่คนคนหนึ่งจะตักน้ำในฤดูหนาวมาได้มันยากเพียงใด
แล้วทันใดนั้นหญิงสาวก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในขณะที่เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเพราะว่าเธอกำลังคิดอะไรดี ๆ ออก...
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: งุ้ยยย หวานกรุบกริบ~ ชอบเวลาพ่อแม่ลูกได้อยู่ทำกิจกรรมด้วยกัน เพราะปกติพ่อมังกรมักจะออกไปทำงานนอกบ้านเลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัว