บทที่ 369: ลูกทั้ง 4 ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ
เวลานี้เฟิงเฉิงกำมือที่ถือไม้เท้าแน่นโดยไม่รู้ตัว
หัวใจของหมอผีสาวกระตุกวูบในขณะที่มองหน้าหลงหลิงเอ๋อ
แต่นางเห็นเพียงรอยยิ้มไร้เดียงสาของเด็กหญิง ในดวงตาของนางสดใสเปล่งประกายเหมือนเด็กทั่วไป สิ่งที่นางกระทำมันมาจากความไร้เดียงสาของเด็กคนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรแอบแฝง
ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะเอ่ยปากถาม หลงหลิงเอ๋อก็หันหลังวิ่งกลับไปในถ้ำพร้อมกับลากหยินชางรวมถึงหมอหนูทั้ง 2 ไปด้วย
“ท่านอาจารย์ กลับไปเรียนกันเถอะ!”
นั่นทำให้คำถามของเฟิงเฉิงติดอยู่ในลำคอทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจลึก ๆ ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างเหม่อลอย
เนื่องจากผู้เป็นหมอผีปฏิเสธที่จะเป็นคู่ครองของหูชิงซาน ดังนั้นเขาจึงกวาดสิ่งกีดขวางบนถนนหิมะข้างหน้าให้นาง และไม่ยอมไปไหนจนกว่านางจะกลับไปถึงบ้านของหู่จิง
ยามนี้เฟิงเฉิงกำลังรู้สึกกระสับกระส่าย นางจึงไม่ได้สนใจการกระทำของจิ้งจอกหนุ่มเลยแม้แต่น้อย และนางก็ไม่ได้คิดเรื่องที่เขาจะฟังคำพูดของตนหรือไม่ด้วย
...
เมื่อหูเจียวเจียวกลับถึงบ้าน ภายในบ้านก็ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่
“แปลกจัง เด็ก ๆ หายไปไหนกันหมด?” จิ้งจอกสาวรู้สึกงุนงง
หลิงเอ๋อและหยินชางไปเรียนกับหมอ เรื่องนั้นเธอรู้ดี แต่ในฤดูหนาวแบบนี้เด็กคนอื่นไม่สามารถออกไปเก็บฟืนหรือจับปลาได้เลย แล้วพวกเขาจะไปไหนกัน?
“บางทีพวกเขาอาจจะออกไปเล่นข้างนอกก็ได้” หลงโม่ช่วยภรรยาสาวถอดเสื้อคลุมออก และสะบัดหิมะที่นอกประตูก่อนจะเข้าไปในบ้าน
“นั่นสินะ” หูเจียวเจียวนึกถึงภาพที่พวกหลงเหยาถูกรายล้อมไปด้วยเด็กคนอื่นเมื่อวานนี้ขึ้นมาทันควัน และคิดว่ามันมีความเป็นไปได้สูงว่าลูกของเธอจะออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ในเผ่า เธอจึงไม่คิดอะไรมาก
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยที่ข้างประตูมีตู้บานไม้ที่มีราวแขวนเสื้อผ้าอยู่
ถัดมา หญิงสาวถอดถุงมือออกมาวางไว้ในตู้แบบลวก ๆ แล้วไปเตรียมก่อไฟที่เตาถ่านเพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในห้อง
ปัจจุบันอากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงแล้ว ประกอบกับมีหิมะโปรยปรายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุณหภูมิลดต่ำลงทุกวัน
ตอนนี้เหมือนโลกทั้งใบกำลังจะเปลี่ยนกลายเป็นเมืองน้ำแข็งไปแล้ว
หูเจียวเจียวรู้สึกขอบคุณที่เธอบอกให้ทุกคนสร้างบ้านหินได้ทันเวลาก่อนที่ฤดูหนาวมาถึง มิฉะนั้นครอบครัวของพวกเธอจะต้องไปเบียดเสียดอยู่ในถ้ำอันหนาวเย็นร่วมกับภูตคนอื่น ๆ และกินเนื้อดิบหรือเนื้อตากแห้งแข็ง ๆ เป็นเวลา 6 เดือน
“เดี๋ยวข้าจัดการเอง” ชายร่างสูงเดินไปที่โกดังเพื่อไปเอาถ่าน และกลับมาจุดไฟอย่างรวดเร็ว
ส่วนหูเจียวเจียวถูมือที่เย็นยะเยือกของตัวเองกำลังจะนั่งผิงไฟ ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่าข้าง ๆ เธอจึงชะงักไปชั่วครู่
“!!”
ถ้วยชามบนโต๊ะหายไปไหนหมด?
ก่อนที่เธอจะไปทำธุระข้างนอก เธอได้ทำอาหารเช้าเตรียมเอาไว้ และทันทีที่ลูก ๆ ตื่นนอน เธอก็วางอาหารเช้าบนโต๊ะไว้ให้พวกเขากินกันเองแล้วออกไปพร้อมกับหลงโม่
ตามปกติ พวกเด็ก ๆ จะล้างภาชนะบนโต๊ะอาหารแล้วเอามาวางไว้ที่เดิมหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ เพื่อที่จะได้นำมันกลับมาใช้ในตอนเย็น แต่ทำไมวันนี้บนโต๊ะถึงว่างเปล่า?
ขณะที่จิ้งจอกสาวกำลังสงสัย จู่ ๆ ประตูก็ส่งเสียงดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด
แอ๊ดดดด!
ตามด้วยหัวเล็ก ๆ ที่มีเขามังกรเดินเข้ามาจากประตู เขาหันมองซ้ายมองขวาตั้งท่าจะย่องเข้าไปในบ้านเงียบ ๆ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพบแม่จิ้งจอกยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารไม่ไกล
“อ๊ะ!”
หลงเหยาตกใจจนทำให้ชามและตะเกียบที่เขาถืออยู่แทบจะกระเด็นหลุดมือไป
ในเวลาเดียวกัน เสียงเร่งของหลงจงก็ดังมาจากด้านหลัง
“เสี่ยวเหยา เข้าไปเร็ว เจ้ามัวทำอะไรอยู่?”
“รีบ ๆ เอาของเข้าไปเก็บข้างในสิ เดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่ก็จะกลับมาแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะรู้ว่า…”
หลังจากสิ้นเสียงประตูก็ถูกผลักเปิดจากด้านนอก
แล้วร่างของเด็กทั้ง 4 ก็ถูกเปิดเผยชัดเจนภายใต้สายตาของหูเจียวเจียว
นั่นทำให้เสียงของหลงจงหยุดลงทันที
“...”
ร่างกายของเหล่าเด็กชายแข็งทื่อยามที่สัมผัสได้ถึงสายตาของแม่จิ้งจอกกับพ่อมังกร พวกเขาพยายามกลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอ และอดไม่ได้ที่ขยับเท้าถอยหลัง
ให้ตายเถอะ ข้าอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลจากตรงนี้ชะมัด...
ครู่ต่อมา หลงจงกัดฟันถามเสียงเบา “เสี่ยวเหยา ท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่บ้านแล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อน!!”
พวกเขาถูกจับได้แล้ว!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน หลงอวี้กับหลงเซียวก็แอบซ่อนชามไว้ด้านหลังตน
แต่น่าเสียดายที่ปฏิกิริยาของพวกเขาช้าเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าหูเจียวเจียว
“จงเอ๋อ” ผู้เป็นแม่เหลือบสายตาดั่งเหยี่ยวมองเด็กทั้ง 4 คนที่มีความผิดติดตัวพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเพิ่งบอกว่าแม่จะไม่รู้เรื่องหรือ?”
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าตัวเล็กทั้งหลายจะมีลับลมคมในบางอย่างโดยไม่บอกให้เธอรู้
ส่วนคนเป็นพ่อยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้าง ๆ ภรรยาสาว พร้อมกับมองกดดันลูกทั้ง 4 ด้วยสายตาคมดุ
บรรยากาศอันแสนน่าอึดอัดนี้ทำให้เด็กชาย 4 คนรู้สึกกดดันมากขึ้น
โดยเฉพาะเจ้ามังกรน้องเล็กสุด
เขามีเหงื่อออกจนชุ่มไปทั้งหลัง และน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูค่อนข้างรู้สึกผิด “ไม่มีอะไร ท่านแม่...”
ความจริงแล้วหูเจียวเจียวไม่ได้โกรธ เธอมองพวกเขาอย่างขบขันก่อนจะพูดว่า
“จริงหรือ? ในเมื่อเจ้าบอกว่าไม่มีอะไร งั้นวันนี้เจ้าไม่ต้องกินข้าวเย็นแล้วกันเนอะ...”
ทันทีที่เธอพูดจบ หลงเหยาก็เด้งตัวยืนตรงทันทีพร้อมกับโบกมือสั่น ๆ ให้แม่จิ้งจอก
แล้วเขาก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า “เสี่ยวเหยาจะพูด! เสี่ยวเหยาพูดแล้ว!”
ปรากฏว่าผู้เป็นแม่ไม่จำเป็นต้องคาดคั้นลูกชายมากนัก เขาก็คลายความลับออกมาทั้งหมด
“พวกพี่เสี่ยวสือโถวอยากกินอาหารที่ท่านแม่ทำ ดังนั้นเสี่ยวเหยาเลยแบ่งอาหารเช้าครึ่งหนึ่งไว้ให้พวกเขา พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามก็ด้วย”
“เสี่ยวเหยาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี ไม่ได้ทำชามแตก และไม่ได้เอาอาหารไปเล่นแบบเปล่าประโยชน์ ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธพวกเราได้ไหม?”
ในขณะเดียวกัน หลงอวี้และพี่น้องคนอื่น ๆ ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ไม่ไกล
ไอ้คนทรยศ!
เจ้าคายความลับเร็วมาก!
พวกข้าควรไปหาน้องชายคนใหม่ดีไหมเนี่ย!?
เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินเช่นนี้ เธอก็เลื่อนสายตามองไปยังชามที่พวกเขาแอบซ่อนไว้ด้านหลังและเข้าใจในทันที
“พวกเจ้าอยากแบ่งปันอาหารให้กับเด็ก ๆ ในเผ่าหรือ?”
แม่จิ้งจอกถามด้วยความสงสัย
แม้ว่าพวกหลงอวี้จะไม่ถือว่าอาหารคือชีวิตของพวกเขาเหมือนหลงเหยา แต่อาหารก็มีค่ามากในสายตาของพวกเขา และทุกคนก็ไม่เต็มใจที่จะเสียอะไรไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่วันนี้พวกเขายินดีที่จะแบ่งปันอาหารให้แก่เด็กคนอื่น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกมากสำหรับเธอ
สิ่งนี้มันเกินความคาดหมายของหูเจียวเจียวไปมากจริง ๆ
เมื่อเหล่าลูกน้อยได้ยินคำถาม หัวใจของพวกเขาก็เต้นแรงขึ้น และไม่นานแต่ละคนก็ยอมรับผิด
“ท่านแม่ เรารู้ว่าเราทำผิด ในอนาคตเราจะไม่เอาอาหารไปให้คนอื่นอีก” หลงอวี้ก้มหัวลงแล้วกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
“เราจะไม่ทำให้ที่บ้านต้องสิ้นเปลืองอาหารอีกแล้ว ท่านแม่อย่าโกรธพวกเราเลยนะ” หลงเซียวบีบข้อมือตัวเองด้วยท่าทางประหม่า พร้อมกับก้มหน้าลงต่ำยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
“ท่านแม่ ข้าขอโทษ หากท่านต้องการจะลงโทษ ท่านสามารถลงโทษข้าได้เลย แต่ที่ข้าทำแบบนี้เป็นเพราะว่าเด็กพวกนั้นน่าสงสารไม่มีแม่คอยทำอาหารให้กิน...” หลงจงกัดฟันพูดอย่างหดหู่
อาหารเป็นทรัพยากรที่สำคัญมากสำหรับภูต
พวกเขาคาดเอาไว้แล้วว่าแม่จิ้งจอกจะต้องโกรธพวกตนที่ทำแบบนี้โดยพลการ
ครั้งนี้ทุกคนทำผิดจริง ๆ พวกเขาไม่ควรแจกจ่ายอาหารตามอำเภอใจ
“แต่...” หลงเหยาหันกลับมามองพี่ชายทั้ง 3 ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “แต่พวกเขายังสัญญาว่าจะเก็บผลไม้ให้เราเป็นการตอบแทนหลังจากที่ฤดูหนาวหมดลงแล้ว แบบนี้ท่านแม่จะมีผลไม้สด ๆ ให้กินทุกวัน...”
“ท่านแม่ชอบกินผลไม้รสหวานไม่ใช่หรือ ท่านอย่าโกรธเลยได้ไหม...”
4 พี่น้องตัดสินใจว่าจะใช้ส่วนแบ่งอาหารของตนแลกกับผลไม้
สรุปก็คือการทำแบบนี้เท่ากับว่าพวกเขาได้เสาะหาผลไม้มาให้ท่านแม่กินเอง!
ทางด้านหูเจียวเจียวไม่คิดว่าลูกจะคิดเผื่อตัวเธอแบบนี้ ดังนั้นใจเธอจึงอ่อนยวบ ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปลูบหัวของลูกชายทีละคน
“ใครบอกว่าแม่โกรธกัน”
“แม่ยินดีแบ่งอาหารให้ทุกคน ถ้าพวกเจ้าว่าดีแม่ก็เห็นด้วย อย่างน้อยพวกเจ้าก็ได้ผูกมิตรกับคนอื่นแล้วแบบนี้แม่จะโกรธไปทำไม”
คำพูดของแม่จิ้งจอกทำให้ลูกทั้ง 4 ต่างตกตะลึง
ท่านแม่ไม่โกรธหรือ?
“แต่เราเอาอาหารที่ท่านพ่อท่านแม่หามาได้อย่างยากลำบากไปให้คนอื่นแบบนี้...” หลงจงขมวดคิ้วพลางตระหนักถึงความผิดพลาดของเขา
หูเจียวเจียวนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดเบา ๆ ว่า
“อาหารนี้ก็เป็นของเจ้าเหมือนกัน เจ้าสามารถแจกจ่ายได้ตามที่ต้องการ มันเป็นสิทธิ์ของเจ้า ตราบใดที่พวกเจ้าไม่เอาอาหารไปทำอะไรที่เปล่าประโยชน์ แม่ก็จะไม่โกรธ”