บทที่ 45 บรรลุนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 2
บทที่ 45 บรรลุนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 2
ราวกับว่าสายฟ้าฟาดเข้าที่สมองของเอไล ทำให้เขาตื่นขึ้นเล็กน้อย
“เป็นไปได้ไหมว่า…!” เอไลหันศีรษะไปมองไม่ไกล หนูที่ดูเหี่ยวแห้งยังคงนอนอยู่ในกองหนู
ขณะที่เอไลปรุงยา ดูเหมือนว่ายาจะเปลี่ยนคุณสมบัติไปเล็กน้อย
เอไลเป็นสิ่งมีชีวิตนิรันดร์ แน่นอนเขาได้ทำการทดลองบางอย่างกับตัวเองในปีนี้ การรับรู้เกี่ยวกับตัวเขาที่ชัดเจนที่สุดคือเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป ถ้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุดคือพลังชีวิตของเขาจะไม่มีวันหมด
หากยาวิเศษที่อยู่ตรงหน้าเขาสามารถเพิ่มพลังทางจิตวิญญาณได้จริงๆ ด้วยดูดซับพลังชีวิตของเขา…
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาสามารถสรุปได้ว่าการทดลองของเขาประสบความสำเร็จแล้ว
เอไลหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มปรุงยาใหม่ทันที วันนี้อาจเป็นอีกคืนที่ไม่ได้นอน
…
สามวันต่อมา!
ในห้องทดลอง
“มันสำเร็จแล้วจริงๆ!”เอไลถือขวดยาที่เป็นของเหลวที่ปรุงขึ้นใหม่ไว้ในมือ ใบหน้าของเขามีสีหน้าตื่นเต้น
หลังจากการทดลองบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ตรวจสอบผลลัพธ์ของยานี้ มันใช้พลังชีวิตเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณจริงๆ นอกจากนี้เขายังพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือดอกไอริสสีม่วง ยิ่งเขาเพิ่มมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเพิ่มพูนพลังวิญญาณได้มากขึ้นเท่านั้น
เอไลได้ยืนยันถึงจำนวนเฉพาะของดอกไอริสสีม่วงที่สามารถปรับปรุงยาวิเศษให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับของแท้
“ข้าคืออัจฉริยะ!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเอไล
นี่เป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เขาสามารถสร้างยาที่เหมาะกับเขามากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตำหนิซาลีน เมทาตินสำหรับเรื่องนี้ได้ บันทึกของซาลีน เมทาตินได้บันทึกเฉพาะยาวิเศษที่เหมาะสมกับนักเวทย์ทั่วไปเท่านั้น เขาจะบันทึกยาวิเศษที่ใช้พลังชีวิตของนักเวทย์ฝึกหัดเพื่อเพิ่มพลังจิตได้อย่างไร? นั่นก็จะเป็นอันตราย และถือว่ามันเป็นยาพิษสำหรับนักเวทย์ทั่วไปเลยก็ว่าได้
“ในที่สุดข้าก็มาถูกทางแล้ว” เอไลเม้มริมฝีปาก รู้สึกราวกับว่ามีทางที่ประหลาดได้เปิดออกสำหรับเขาแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการทดลองเพิ่มเติม
…
สามเดือนต่อมา!
ณ บ้านพักของเอไล
“ใกล้ถึงเวลาแล้ว!” หลังจากสามเดือนของการตรวจสอบ เอไลสามารถยืนยันได้ว่ายานี้ไม่มีข้อบกพร่องอื่นนอกจากการดูดพลังชีวิตของผู้ใช้ไปเพิ่มพลังวิญญาณ
วันนี้เป็นวันที่เขาจะใช้มัน
พลังวิญญาณของเขาอยู่ที่ 6.3
หลังจากบันทึกสถิติพลังวิญญาณของเขา เอไลก็หยิบยาออกมาและกินมันโดยตรง
ขณะที่เขากินมัน เอไลรู้สึกราวกับว่าพลังชีวิตของเขาไหลออกไป และพลังวิญญาณของเขาก็เริ่มเติบโตอย่างช้าๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็ช้ามากเช่นกัน
หากมีใครมองดูเอไลในตอนนี้ พวกเขาจะสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่แปลกมาก ตัวอย่างเช่นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวทีละนิด และรอยเหี่ยวย่นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้น ผมของเขาก็จะกลับมาเป็นดำอีกครั้ง และรอยย่นจะหายไป
เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมาการเปลี่ยนแปลงก็ค่อยๆ หายไป
เอไลสำรวจตัวเองอีกครั้ง
พลังวิญญาณของเขากลายเป็น 6.5
มันเพิ่มขึ้น 0.2 ในครั้งเดียว ซึ่งไม่มากแต่เพื่อความปลอดภัยเอไลใช้น้ำยาเฉพาะรุ่นปกติ และไม่ได้ใช้รุ่นปรับปรุงที่เพิ่มดอกไอริสสีม่วงเข้าไป
สำหรับความเร็วอัตรานี้ เขาจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 2 ได้ภายในหนึ่งปีครึ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อคำนึงถึงปัญหาการดื้อยาและระยะเวลาในการผลิตก็จะใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย และเขาสามารถเลื่อนระดับได้โดยใช้เวลาสองปี “…” เอไลครุ่นคิดลึก
'ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้าเลย'
…
เวลาผ่านไปเร็วและช้ามากสำหรับเอไล
ช่วงเวลาที่เขาคิดอยู่ในปัจจุบันนี้ เวลาผ่านไปช้ามาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เขามองย้อนกลับไป กลับรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปรวดเร็วมาก
'แน่นอนว่า การรอคอยมักยาวนานเสมอ'
แต่ตอนนี้เมื่อเขารู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็ตระหนักว่าสองปีได้ผ่านไปแล้ว
และในที่สุดเขาก็กำลังจะกลายเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 2
ในวันนี้เอไลขอลาเป็นกรณีพิเศษ
ในห้องใต้ดิน
เอไลรู้สึกถึงสถานะของตนเอง ความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาคือ 9.99 และทางขวามือของเขาคือขวดยาโคเรียมหมายเลข 1 ที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น และนั่นคือชื่อยาที่เขาตั้งให้
ท้ายที่สุด แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นผลพวงมาจากยาฟ้าคราม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาฟ้าครามทั้งวิธีการ ส่วนประกอบ รวมไปถึงคุณสมบัติ เนื่องจากผลของการบริโภคพลังชีวิตของมัน เขาจึงตั้งชื่อมันว่า โคเรียมหมายเลข 1 (โคเรียมแปลว่าการดูดกลืนชีวิต)
เอไลเปิดขวดทันทีและดื่มอย่างรวดเดียว
ความรู้สึกที่คุ้นเคยทำให้เอไลรู้สึกสดชื่นอีกครั้ง และการเพิ่มพลังทางจิตวิญญาณของเขาก็ทำให้เขามีความสุขเช่นกัน
ด้วยความรวดเร็ว พลังงานจิตวิญญาณของเขาทะลุ 10 แต้มและหยุดที่ 10.1 ในที่สุด
ไม่มีอุบัติเหตุหรือคอขวดอะไร แน่นอนถ้าเขาประสบปัญหาในกระบวนการนี้ พรสวรรค์ของเขาคงแย่ยิ่งกว่าขยะเสียอีก
"ข้ารู้สึกดีจริงๆ" หลังจากดูดซับยาแล้ว เอไลรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง
เมื่อเขาก้าวไปสู่การเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 2 เขาสามารถรู้สึกถึงองค์ประกอบต่างๆ ของร่างกายและของโลกได้มากขึ้น และความสามารถในการสื่อสารกับองค์ประกอบต่างๆ ในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงหลักเท่านั้น ร่างกายของเอไลก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน แน่นอนว่าต้องใช้เวลาพอสมควรสำหรับการเพิ่มขึ้นอย่างเสถียร แต่ถึงอย่างนั้นเอไลก็สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นในตอนนี้
เขาแข็งแกร่งแค่ไหน เขาจะรู้ได้หลังจากทำการทดสอบเท่านั้น
ทันทีหลังจากเก็บของง่ายๆเอไลก็มุ่งตรงไปยังหุบเขาลับที่อยู่นอกเมือง
ภายในหุบเขานั้น เอไลตั้งสมาธิกับจิตวิญญาณของเขาและเริ่มรูปแบบค่ายกลเวทย์ และในชั่วพริบตาลูกไฟขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
ลูกไฟมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของตอนที่เขายังเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 1 แถมเขายังรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของลูกไฟนั้นสูงขึ้นมาก และพลังที่บรรจุอยู่ในนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
ลูกไฟพุ่งเข้าใส่ผนังหินที่อยู่ไม่ไกลทันที
ตูม!
ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง ลูกไฟกระแทกผนังหินและระเบิดออกทันที เปลวไฟกระจายออกไปทั่ว และพลังของการระเบิดได้ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่บนผนังหิน และเศษหินกรวดก็ปลิวไปทุกทิศทุกทางราวกับห่าฝน
จากนั้นเกราะวายุก็ปรากฏขึ้นและปิดกั้นกรวดหินเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น
ภายในเกราะวายุ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเอไล
เกราะวายุนี่มีพลังมากกว่าตอนที่เขายังเป็นนักเวทย์ฝึกหัดระดับ 1 อย่างน้อยสองเท่า ด้วยความสามารถอื่น ๆ พลังการต่อสู้ของเขาจะพุ่งสูงขึ้นทันที นอกจากนี้ยังมีไม้เท้าซึ่งสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้อีกส่วนหนึ่ง
“ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้าควรจะสูงกว่าอัศวินทั่วไป” แม้ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้กับอัศวินมาก่อน แต่เอไลก็มีบรรทัดฐานความแข็งแกร่งของอัศวินอยู่ในใจของเขาแล้ว
หลังจากทดสอบคาถาลูกไฟแล้วเอไลก็ทดสอบคาถาอื่นๆ หลังจากได้รับข้อมูลที่แน่นอนแล้ว เขาก็จากไป
ระหว่างทางออกไปเอไลเห็นว่าในป่าใกล้ ๆ ดูเหมือนจะมีคนเยอะมากกว่าปกติ
"เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?"
เอไลถามชายคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่
“เราเพิ่งได้ยินเสียงจากด้านนี้ เราจึงมาดู”
ชายคนนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็มีคนเรียกถามเขา แต่เขาก็ตอบไปอย่างไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร
"อืม" เอไลพยักหน้าและจากไป
เขาควรจะสร้างวงเวทย์ป้องกันเสียงสำหรับหุบเขา เสียงของการระเบิดของลูกไฟนั้นดังเกินไปจริงๆ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลอะไร แม้ว่าจะไม่มีเวทย์เก็บเสียง แต่สถานที่นั้นก็ถูกซ่อนไว้อย่างดี เขามีวิธีอื่นในการซ่อน แม้แต่อัศวินชั้นยอดก็ไม่สามารถค้นพบอะไรได้หรอก
มีผู้คนมากมายตลอดทาง แถมเอไลยังเห็นทีมอัศวินจากเมืองจูนลิน พวกเขาเพียงมองมาที่เขาแวบเดียวและไม่สนใจเขา
อย่างไรก็ตามเอไลเป็นเพียงคนธรรมดาๆเท่านั้น