ตอนที่แล้วบทที่ 357: ไม้เท้าเก่าแก่คืออะไร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 356: สมบัติของเจ้าก็คือสมบัติของข้า

บทที่ 358: เทพธิดาแห่งโรคระบาด


“เฟิงเฉิง ท่านชอบอยู่ที่นี่ไหม?” หูเจียวเจียวรู้สึกกังวลใจ เธอจึงถามหมอผีย้ำอีกครั้ง

ท้ายที่สุดแล้ว หู่จิงกับหูชิงหยวนเพิ่งจะตกลงปลงใจกันไม่นานมานี้ มันคงจะค่อนข้างไม่สะดวกที่จะมีผู้หญิงอีกคนอยู่ในบ้าน

แต่เสือสาวไม่ได้คิดอะไรมาก นางคิดเพียงว่าอยากมีเพื่อนอยู่บ้านเท่านั้น

ขณะนั้นหู่จิงรีบตอบคำถามของหูเจียวเจียวก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้ตอบ

“นางชอบ นางชอบมาก ๆ เราเข้ากันได้ดีมาก!”

เสือสาวตอบพลางโอบไหล่หมอสาวแล้วกระชับกอดเหมือนที่ผู้ชายทำกับสหายคนสนิท ก่อนจะหันไปถามอีกฝ่าย

“เจ้าคิดแบบเดียวกันใช่ไหมเฟิงเฉิง?”

ในสายตาของหู่จิง หมอผีคนนี้ไม่ได้ร้องไห้โวยวายอยากออกจากบ้านไป นั่นหมายความว่านางชอบและยินดีที่จะอาศัยอยู่ที่นี่

ซึ่งนี่คือโอกาสในการสร้างความสนิทสนมต่อกัน

“เอ่อ...ใช่” เฟิงเฉิงที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกตัว ทว่าที่ผ่านมานางไม่ได้ยินสิ่งที่หู่จิงพูดเลย

แล้วคนเป็นหมอผีก็ทำเพียงกระชับไม้เท้าไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะผงกหัวตอบด้วยสีหน้าว่างเปล่า

ท่าทางของหญิงสาวทำให้หูเจียวเจียวยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก

เธออดไม่ได้ที่จะแอบพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ทำไมวันนี้คนที่ข้าเจอ 2 คนถึงดูแปลก ๆ เหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว...”

แต่เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นว่าเฟิงเฉิงเป็นคนเอ่ยปากพูดเอง เธอก็รู้ว่าไม่ควรคาดคั้นอะไรอีก

“เจียวเจียว ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะดูแลเฟิงเฉิงอย่างดี ข้าจะทำให้นางรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่บ้านตัวเอง!”

หู่จิงให้คำมั่นพร้อมยิ้มยิงฟันขาวซี่ใหญ่

ในขณะที่เสือสาวพูด นางยังง้างมือตบหลังอันบอบบางของหมอผีถึง 2 ครั้ง

ป้าบ! ป้าบ!

“แค่ก ๆๆ!” คนถูกประทุษร้ายสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปจนไออย่างหนัก

มันจะสายเกินไปไหมหากนางมานึกเสียใจทีหลังแล้วเปลี่ยนใจตอนนี้?

“...” ส่วน 2 แม่ลูกที่ได้เห็นภาพตรงหน้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ป้าจิงดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด…

...

อีกด้านหนึ่ง

หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางมาถึงถ้ำที่หมอหนูอาศัยอยู่

ท่านผู้เฒ่าได้จัดถ้ำแยกไว้ให้ทั้งคู่ต่างหาก ซึ่งมันตั้งถัดจากถ้ำที่พวกหัวหน้าเผ่าอาศัยอยู่ ดังนั้นภูตในเผ่าจึงสามารถไปเรียกตัวหมอได้หากพวกเขาต้องการอะไร

แล้วในถ้ำแห่งนี้มีโถงถ้ำว่างเปล่ากว่า 10 โถง

ปัจจุบันภูตหนูทั้ง 2 ต่างก็เลือกถ้ำที่อยู่ของตัวเองโดยเลือกโถงถ้ำ 2 แห่งเพื่อเก็บสมุนไพรหรือตัวยาของพวกตนเอาไว้

เมื่อหมอหนู 2 คนหลบหนีออกจากเผ่าหนู พวกเขาก็นำของดี ๆ ติดมือมาด้วยมากมาย

ในเผ่าเล่ยเหอ หมอจะเป็นผู้เก็บรักษาเสบียงต่าง ๆ อย่างเช่น ของที่ใช้ทางการแพทย์ สมุนไพรหลากหลายชนิด เป็นต้น

เวลานั้นพวกเขาแทบจะกวาดสมุนไพรในเผ่าหนูมาทั้งหมดจนไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่อย่างเดียว

ส่งผลให้ตอนนี้ในถ้ำมีกลิ่นอับชื้นปะปนกับกลิ่นสมุนไพรฟุ้งไปทั่ว

แต่ถ้ำที่ใหญ่ขนาดนี้กลับอยู่กันแค่ 2 คน บรรยากาศจึงดูว่างเปล่าน่าวังเวง

เมื่อหมอหนูทั้ง 2 เห็นหลงหลิงเอ๋อเดินเข้ามาในถ้ำ พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขมาก

“หลิงเอ๋อ เจ้ามาแล้วหรือ?”

ทั้งคู่ต้อนรับสาวน้อยอย่างยินดีก่อนจะพบว่าหยินชางกำลังติดตามนางมาไม่ห่าง

ชั่ววินาทีนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของคนเป็นหมอพลันสลายไป

“เจ้าตามนางมาทำไม?”

ยามนี้เด็กหนุ่มมีสีหน้าจริงจัง

ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นบางครั้งก็ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวเหมือนสัตว์ร้ายบางชนิดในอเวจี ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกขนพองอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้

สาวน้อยคนนี้ก็แค่จะมาเรียนวิชาแพทย์

แล้วเขาจะตามนางมาทำไม?

ส่วนหลงหลิงเอ๋อคุ้นเคยกับการมีหยินชางอยู่เคียงข้างอยู่แล้ว

เมื่อนางได้ยินสิ่งที่อาจารย์หมอพูด นางก็จำได้ว่าตนมาที่นี่เพื่อเรียนรู้วิธีการเป็นหมอ ซึ่งอีกคนไม่จำเป็นต้องติดตามนางมาก็ได้

“หยินชาง ถ้าเลิกเรียนแล้วข้ากลับเองได้ เจ้าอยากกลับไปก่อนไหม?” คนตัวเล็กหันกลับไปมองเด็กหนุ่มแล้วถาม

ทว่าหยินชางยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง

จากนั้นเขาเม้มริมฝีปากมองไปที่หมอหนู 2 คน ก่อนจะชี้ไปที่หลงหลิงเอ๋อแล้วชี้มาที่ตัวเขาเอง

เขาต้องการบอกว่า ‘มาด้วยกันก็กลับด้วยกัน’

อีกทั้งใบหน้าของเด็กหนุ่มดูเคร่งเครียดและจริงจังมาก

ขณะนี้หมอหนูทั้ง 2 ไม่เข้าใจว่าเด็ก ๆ กำลังคุยอะไรกัน นอกจากหลงหลิงเอ๋อแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าใจภาษามือของหยินชางได้เลย

แค่เห็นท่าทางเคร่งขรึมของเด็กชาย คนเป็นหมอก็คิดว่าหูเจียวเจียวมีเรื่องสำคัญต้องการจะบอกพวกเขา ดังนั้นทั้งคู่จึงบีบมืออย่างประหม่า

แล้วพวกเขาก็อดที่จะถามเร่งเร้าไม่ได้

“พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกันหรือ?”

“เราไม่เข้าใจ เจ้าช่วยบอกเราได้ไหม...”

ทางด้านหลงหลิงเอ๋อเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว

“หยินชาง เจ้าอยากอยู่กับข้าใช่ไหม เจ้าอยากจะเรียนรู้วิธีการเป็นหมอหรือไม่?”

จากนั้นเด็กหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับ

“...”

ทีแรกหมอหนู 2 คนตกใจกลัวแทบตายเพราะคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น!

“ถ้าเจ้าอยากเรียนด้วย งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ” ทั้งคู่มองหน้ากันและตกลงพร้อมเพรียงกัน

พวกเขารู้ว่าหยินชางเป็นเด็กในครอบครัวหูเจียวเจียวด้วยเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดความรู้ให้คนหนึ่งหรือ 2 คนมันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรสำหรับพวกเขา

“เยี่ยมมาก หยินชาง ในอนาคตเราจะเป็นหมอด้วยกัน!” หลงหลิงเอ๋อมีท่าทีตื่นเต้น ในขณะที่ใบหน้าสวยใสเปลี่ยนเป็นสีชมพูเหมือนลูกท้อสุก

“ข้าจะพาพวกเจ้า 2 คนไปรู้จักสมุนไพรก่อน” ต่อมา ผู้เป็นอาจารย์ก็พาลูกศิษย์เข้าไปในถ้ำ

ขณะที่เดินไปพวกเขาก็เอ่ยเตือนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พวกเจ้าอย่ายุ่งกับของข้างในเด็ดขาด เพราะสมุนไพรทุกชนิดที่นี่มีค่ามาก พวกเจ้าจะกินมันไม่ได้...”

ตอนที่ภูตหนู 2 คนกำลังอธิบาย ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างลอยอยู่ในอากาศตรงหน้าตน ซึ่งมันเป็นเหมือนละอองฟุ้งกระจาย

“แค่ก ๆๆๆ...”

ผู้เป็นหมอทั้ง 2 ปิดปากปิดจมูกไอไม่หยุด พอพวกเขาก้มลงไปมองหลงหลิงเอ๋อกับหยินชาง ปรากฏว่าเด็ก ๆ กลับวิ่งหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“!!!”

เจ้าเด็กพวกนั้นหายไปไหนแล้ว!?

ทางด้านพวกหลงหลิงเอ๋อวิ่งหนีมาถึงถ้ำที่เก็บสมุนไพร

ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นแปลก ๆ ทุกประเภท ทันทีที่หยินชางก้าวเข้ามา เขาก็ถูกกลิ่นรบกวนจนเขาต้องขมวดคิ้ว

โดยทั่วไปแล้วคนเป็นหมอจะถูกเลือกมาจากภูตที่อ่อนแอ เพราะยิ่งภูตแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะต้านทานกลิ่นแรง ๆ ได้

“นี่คือสมุนไพรที่สามารถรักษาโรคและช่วยชีวิตผู้คนได้หรือ?” หลงหลิงเอ๋อมองซ้ายมองขวาด้วยความสงสัย ก่อนจะถอนสมุนไพรที่มีรูปร่างแปลกประหลาดขึ้นมา

“มันไม่ต่างอะไรกับหญ้าเลยสักนิด”

พอเด็กหญิงพูดจบก็วางสมุนไพรในมือ แล้วก็หยิบสมุนไพรอันอื่นมาถือไว้ต่อหน้าเพื่อสังเกตอย่างระมัดระวัง

เมื่อหมอหนู 2 คนเข้ามาในโถงถ้ำ

พวกเขาก็เห็นว่าสมุนไพรทั้งหมดที่ตนอุตส่าห์ทำงานหนักเพื่อปลูกมาทั้งคืนถูกเด็กน้อยดึงออกมา

“หยุดนะ!!”

รูม่านตาของภูตทั้ง 2 หดลงฉับพลัน พร้อมกับที่หัวใจของพวกเขากำลังจะหยุดเต้น

จากนั้นผู้เป็นหมอก็รีบวิ่งไปใกล้หลงหลิงเอ๋อเพื่อหยิบสมุนไพรในมือของนางกลับคืนมาอย่างระมัดระวัง

ขณะนี้หมอหนูทั้ง 2 อยากจะร้องไห้ แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด

“สมุนไพรของเรา...”

“อันนี้ถอนไม่ได้ เราเพิ่งปลูกเมื่อวาน มันใกล้จะตายแล้ว!!”

พวกเขาโอดครวญพร้อมกับทำหน้าคล้ายคนกำลังร้องไห้

ครั้งนี้หมอหนูนำสมุนไพรที่ยังมีชีวิตมาเพียงไม่กี่ชนิด แล้วตลอดทางก่อนที่จะมาถึงเผ่า พวกเขาพยายามดูแลพวกมันสุดชีวิต จนในที่สุดทั้งคู่ก็ปลูกมันได้สำเร็จ แต่ตอนนี้กลับมีเด็กมือบอนถอนมันออกมาภายใน 1 คืน

สมุนไพรเหล่านี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน…

“นี่คือสิ่งที่พวกท่านปลูกหรือ?” หลงหลิงเอ๋อเกาหูแก้เก้อ และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าเห็นพวกมันนอนเหี่ยวแห้งอยู่ ข้าเลยคิดว่าพวกมันถูกตากแห้งไว้แล้ว”

ทางด้านหยินชางเหลือบมองไปยังสมุนไพรที่อยู่ในฝ่ามือของหมอหนู

สภาพของมันดูเหี่ยวเฉา ปลายใบเหลืองซึ่งมันดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย

แต่เรื่องนี้หมอหนูทั้ง 2 ก็ไม่ควรตำหนิหลงหลิงเอ๋อ มันเป็นเพราะพวกเขาประมาทเอง

เวลานี้อาจารย์หมอ 2 คนยืนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหญิง

“นี่...” สมุนไพรที่พวกเขาปลูกมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?

พอหลงหลิงเอ๋อเห็นสีหน้าเศร้าโศกของผู้เป็นอาจารย์ นางก็ตระหนักว่าตนทำผิดพลาด นางจึงรีบหยิบสมุนไพรจากมือของอีกฝ่ายมาแล้วตั้งท่าพร้อมที่จะชดเชย

“ท่านอาจารย์ ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่ามันยังไม่ตาย ข้าจะช่วยท่านปลูกมันเดี๋ยวนี้!”

ขณะที่เด็กหญิงพูด นางก็เริ่มใส่สมุนไพรลงในดินแล้วไม่ลืมเทน้ำในขันหินลงไปเป็นการตบท้าย

“สมุนไพรนี้ดูจะเหี่ยวแห้งไปหน่อย ท่านอาจารย์ ท่านควรรดน้ำให้มากกว่านี้”

จากนั้นนางก็รดน้ำเพิ่มอีก 2-3 ขัน

การกระทำของลูกศิษย์ทำให้หมอ 2 คนเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว

“!!”

“สมุนไพรชนิดนี้รดน้ำมากไม่ได้ มันจะจมน้ำตาย!”

ทั้งคู่รีบพาหลงหลิงเอ๋อออกจากถ้ำปลูกสมุนไพรไปโดยเร็วที่สุด

“ไม่ต้องห่วง เราไม่โทษเจ้าหรอก”

“เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรแห้งเหล่านี้กันก่อนแล้วกันนะ!”

นางเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ

แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่านางเป็นเหมือนเทพธิดาแห่งโรคระบาดมากกว่า!?

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ยังไม่ทันได้เริ่มเรียนเลย หลิงเอ๋อก็สร้างผลงานให้อาจารย์ปวดหัวแล้ว 55555555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด