บทที่ 355: เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้า
ปัจจุบันแผนการของอูหลิวสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
พวกภูตหมาป่าคนอื่นรู้เพียงว่าหลางซัวเป็นหัวหน้าเผ่าที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยม แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่แอบบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังก็คือเขา
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาสามารถปัดความผิดออกจากตัวไปได้อย่างง่ายดาย หากนับจากความชั่วทั้งหมดที่ชายหนุ่มก่อขึ้น ทำให้เขามีศัตรูอยู่ทั่วโลก แล้วอีกฝ่ายจะมีเวลามาจัดการกับเขาได้อีกหรือ?
...
ในเผ่า
หลังจากที่หูเจียวเจียวส่งหวงเทียนกลับถ้ำเสร็จแล้ว เธอก็เตรียมตัวพาหลงเหยากลับบ้าน
ขณะนั้นเสี่ยวสือโถวกับหวงเทียนปฏิเสธที่จะเข้าไปในถ้ำ พวกเขากำลังยืนโบกมือลาพวกเธออยู่ที่ทางเข้า
พลันดวงตาของเด็กหนุ่มทั้ง 2 ก็เป็นประกายดั่งดวงดาวยามค่ำคืน ซึ่งมันเป็นเหมือนตัวแทนของความหวังของพวกเขาในอนาคต
ตอนที่จิ้งจอกสาวกำลังจะจากไป ทันใดนั้นต้นขาของเธอก็ถูกมือเล็ก ๆ คู่หนึ่งโอบไว้
“ท่านแม่ ช้าก่อน! รอประเดี๋ยว!”
หลงเหยาดูเหมือนจะเพิ่งนึกสิ่งสำคัญขึ้นมาได้ เขาจึงกอดต้นขาของแม่จิ้งจอกเพื่อพยายามรั้งเธอไว้
“เหยาเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?”
หูเจียวเจียวหันไปมองลูกชายคนเล็กด้วยท่าทางงุนงง
เด็กน้อยคนนี้ต้องการทำอะไร?
เขาจะทำอะไรแปลก ๆ เหมือนก่อนหน้านี้อีกหรือเปล่า!?
จนถึงปัจจุบันหญิงสาวยังคงรู้สึกลำบากใจกับเรื่องที่เจ้าตัวเล็กทำไม่หาย มันทำให้เธอค่อนข้างหวาดระแวงกับการกระทำของอีกฝ่ายมาก แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้ ๆ เธอจึงผ่อนคลายตัวเองลง
“ท่านแม่ รอเสี่ยวเหยาสักครู่ เสี่ยวเหยามีคำถามอยากจะถามพวกเขา!”
พอผู้เป็นแม่ไม่ได้ขยับตัวไปไหน หลงเหยาจึงปล่อยมือก่อนจะรีบวิ่งไปหาเสี่ยวสือโถว
แต่เขาแทบหยุดฝีเท้าไม่ทันจนเกือบจะพุ่งเข้าชน 2 คนนั้น
ต่อมา คนตัวเล็กจับมือเสี่ยวสือโถวแล้วเงยหน้าขึ้น ในขณะที่นัยน์ตาสีทับทิมทั้ง 2 ดูมัวหมอง ก่อนจะถามอย่างมีความหวังว่า “ขอโทษนะ ท่านมีขนบนร่างกายไหม?”
ฝ่ายที่ได้ยินคำถามเกาหัวด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “ขอโทษที ข้าไม่-ไม่มีขน…”
ร่างสัตว์ของเขาคือเม่น มันเป็นสัตว์ที่มีหนามตามลำตัวเท่านั้น และไม่มีขนเหมือนสัตว์ชนิดอื่น
เมื่อหลงเหยาได้ยินเช่นนี้ รูม่านตาของเขาก็ขยายออก
“ไม่มีขน… ดีเลย! ท่านไม่มีขน!”
นั่นทำให้เจ้ามังกรน้อยดีใจขณะเดินวนไปวนมาอยู่ตรงนั้น
ทางด้านหูเจียวเจียวได้แต่ยืนตากระตุกอยู่ไม่ไกล ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปดึงลูกชายกลับมา “เสี่ยวเหยา ถามคนอื่นแบบนี้มันหยาบคายนะ!”
ส่วนหวงเทียนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองไปที่เสี่ยวสือโถวด้วยความอิจฉา
เขาอิจฉาอีกฝ่ายที่สามารถทำให้เสี่ยวหลงเหยามีความสุขได้
ในขณะที่เขาเป็นคนที่เอาแต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
ยามนี้เสี่ยวสือโถวทำหน้างุนงงพลางสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงมีความสุขมากที่รู้ว่าเขาไม่มีขน
“จริงสิ” ทันใดนั้นจิ้งจอกสาวก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอลืมบุคคลสำคัญคนหนึ่งไปและหันไปถามเด็กหนุ่มว่า “เจ้ารู้ไหมว่าเฟิงเฉิงอยู่ที่ไหน?”
ตามมารยาทแล้วเธอควรไปหาหมอผีตั้งแต่กลับมาถึงเผ่าเมื่อวันก่อน
แต่พอหญิงสาวกลับมาเมื่อวานก็มาเจอพี่รองกับเซี่ยหมานทะเลาะกันเลยจำต้องเลื่อนกำหนดการออกไป
พอเสี่ยวสือโถวได้ยินสิ่งที่หูเจียวเจียวถามก็ลูบหัวตัวเองราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างได้
“แม่หมอไปที่ประตูของเผ่ากับเราเมื่อวานนี้เพื่อไปรับพี่เจียวเจียว...”
เขาอธิบายแบบไม่เร่งรีบ
“แต่ตอนที่เรามาถึงเมื่อวันก่อน พี่เจียวเจียวกับพี่หมานต่างก็ไปที่บ้านของท่านผู้เฒ่าแล้ว เราเลยไม่ได้เจอพี่เจียวเจียว”
“จากนั้นแม่หมอก็ถูกผู้หญิงที่พี่เจียวเจียวพากลับมาด้วยพาตัวไปซึ่งนางบอกว่านางต้องการให้แม่หมออาศัยอยู่ในบ้านของนาง”
“ผู้หญิงที่ข้าพากลับมาด้วย?” หญิงสาวทำหน้างงหลังจากได้ยินคำตอบ
เมื่อเสี่ยวสือโถวคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็จำผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็ถามต่อว่า
“นางหน้าตาเป็นยังไง ทำไมจู่ ๆ นางถึงพาเฟิงเฉิงไป?”
เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นภูตหญิงในเผ่า หูเจียวเจียวจึงไม่กังวลว่าหมอผีจะได้รับอันตราย
เพียงแค่เธออดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร
“นางแข็งแกร่งมาก…” เสี่ยวสือโถวพยายามเค้นสมองนึกให้ออก “นางบอกว่าหมอผีเป็นคนที่พี่เจียวเจียวพากลับมา ดังนั้นแม่หมอก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของนาง และนางต้องการช่วยพี่เจียวเจียวดูแลแม่หมอให้ดี”
“ใช่แล้ว! นางยังบอกด้วยว่าไม่ต้องเกรงใจนาง” เขากล่าวเสริม
“...”
ชัดเจน!
ปรากฎว่าผู้หญิงคนนั้นคือหู่จิงนี่เอง
เมื่อหูเจียวเจียวนึกถึงบุคลิกเย็นชาของเฟิงเฉิง เธอก็นึกไม่ออกว่าถ้านางไปอยู่กับเสือสาวแล้วจะเป็นยังไง
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
...
อีกด้านหนึ่งของเผ่า
ในตอนเช้า เฟิงเฉิงแอบเก็บของเตรียมหนีกลับไปที่ถ้ำเดิมของตน
เมื่อวานนี้ก่อนที่นางจะได้ทันตั้งตัว สตรีทรงพลังคนนั้นก็พาตนกลับมาที่บ้านของอีกฝ่าย ทำให้นางออกไปไหนไม่ได้ นางจึงต้องรั้งอยู่ที่นี่ก่อน 1 คืน
ไม่ว่าอย่างไร ในวันนี้หญิงสาวก็จะต้องไปจากที่นี่ให้ได้!
อีกอย่าง แม่เสือสาวช่าง... หนวกหูเหลือเกิน!
ปัจจุบันเฟิงเฉิงถือห่อผ้าในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างถือไม้เท้าเก่าแก่ ก่อนจะแง้มประตูเพื่อโผล่หัวออกไปมองซ้ายขวา ปรากฏว่านางไม่พบหู่จิง
“ยังเช้าอยู่ นางคงยังไม่ตื่น”
คนเป็นหมอผีถอนหายใจโล่งอกพลางพูดกับตัวเอง
จากนั้นนางก็เปิดประตูออกกว้างแล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา
บัดนี้เฟิงเฉิงมีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือการออกจากบ้านหินหลังนี้ไปให้เร็วที่สุดและกลับไปที่ถ้ำของตน
แต่ทันใดนั้นเอง…
“เฟิงเฉิง เจ้าจะไปไหนแต่เช้า!”
เสียงดังกังวานของหู่จิงดังขึ้นกะทันหันจนทำให้ฝ่ายที่กำลังจะหนีสะดุ้งโหยง
ร่างกายของเฟิงเฉิงแข็งทื่อทันที พร้อมกับขาข้างที่กำลังจะก้าวต่อไปก็หยุดชะงักไปด้วย
จังหวะนั้นหู่จิงเดินตัวปลิวไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างของหมอผี ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อตบไหล่อีกคนอย่างคนคุ้นเคยเพื่อทักทายนาง
โดยที่เสือสาวคิดว่าตัวเองไม่ได้ออกแรงมากนัก
แต่ใบหน้าของเฟิงเฉิงเปลี่ยนเป็นเหยเก และไหล่ของนางก็ชาไปครึ่งหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้... มือหนักชะมัด!
หลังจากนั้นหู่จิงก็หันไปเห็นห่อหนังสัตว์ในมือของอีกฝ่าย
แม้ว่าเสือสาวจะทำตัวหยาบกระด้างไปบ้าง แต่นางก็ไม่ได้ไร้สมอง นางเดาได้ทันทีว่าหมอสาวอยากจะออกไปจากที่นี่ ดังนั้นนางจึงรีบคว้าไหล่ทั้ง 2 ข้างของคนตรงหน้าเอาไว้
“เฟิงเฉิง เจ้าจะไปไหน?” คนเป็นเจ้าบ้านเม้มปากอย่างไม่พอใจ
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าต่อจากนี้ไปเจ้าจะอยู่กับข้า” นางพูดพร้อมตบหน้าอกตัวเองเสียงดัง
“เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก!”
“จากนี้เป็นต้นไป ให้เจ้าคิดเสียว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเจ้าได้เลย เจ้าจะได้อาศัยอยู่อย่างสบายใจ แล้วเจ้าก็อยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่เจ้าต้องการเลยไม่ต้องเกรงใจ!”
“...”
ข้าไม่ได้เกรงใจเจ้า แต่ข้าไม่อยากอยู่กับเจ้าต่างหาก!
แม่เสือสาวคนนี้สังเกตสีหน้าคนอื่นไม่เป็นเลยหรือไง ไม่เห็นหรือว่านางไม่เต็มใจ!
“ขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อของเจ้า แต่ที่ผ่านมาข้าอยู่คนเดียวมาโดยตลอด ดังนั้นข้าอยากจะ—” เฟิงเฉิงเตรียมที่จะปฏิเสธด้วยใบหน้าเย็นชา
วันนี้นางจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ตาม!
ทว่าก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ หู่จิงก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา
“ไม่ต้องพูดแล้ว!”
ขณะนั้นเสือสาวโอบไหล่ของหมอผีแล้วดันนางกลับเข้าไปในห้อง
ระหว่างที่เดินไป หู่จิงก็ให้คำมั่นว่า
“สหายของเจียวเจียวก็เป็นเหมือนสหายของข้า ข้าจะดูแลเจ้าแทนเจียวเจียวให้ดีที่สุด”
“นอกจากนี้ เจ้าคงยังไม่คุ้นเคยสถานที่ในเผ่าของเรา แล้วคนที่กลับมาจากเผ่าหมาป่าก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น พวกผู้ชายคงไม่รู้จักดูแลทะนุถนอมเจ้าหรอก แม่หมอ เจ้าเป็นผู้หญิงบอบบาง ฉะนั้นการได้อยู่กับผู้หญิงด้วยกันคงจะสบายใจกว่า เจ้าไม่ต้องกังวลนะ”
เสือสาวพูดอย่างมั่นใจ
แต่นางไม่รู้เลยว่าเฟิงเฉิงยังไม่พบข้อแตกต่างระหว่างตัวนางกับผู้ชายพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ข้า… จริง ๆ แล้วข้า— อุ๊บ!”
ทันทีที่ผู้เป็นหมอผีเปิดปาก อีกคนก็ยัดผลไม้อุดปากของนาง
“เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะ หลังจากที่สร้างบ้านหินของตัวเองเสร็จแล้ว เจ้าค่อยย้ายออกไปก็ไม่สาย ข้าจะขุนให้เจ้าอ้วนเลยคอยดู”
“...”
นี่เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังเลี้ยงลูกของตัวเองอยู่หรือไง!
ใครจะไปอยากอ้วนกัน!
หลังจากหู่จิงส่งหมอสาวกลับไปที่ห้อง นางก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงถือไม้เท้าที่ดูเก่าแก่อยู่ในมือ นางจึงอดสงสัยไม่ได้
“เฟิงเฉิง ทำไมเจ้ายังคงถือไม้เท้าเก่า ๆ นี้อยู่?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หู่จิงไม่อ่อนโยนกับหมอผีเลย 555555