บทที่ 347: ประลองกับเซี่ยหมาน
หูเจียวเจียวยกมือขึ้นแตะคางตัวเองพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก
“ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องเสบียงเอง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เป็นปัญหาสำหรับเธอหรือไง?
ไม่เลยจ้า!
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาในตอนนี้ก็คือ หญิงสาวจะดึงเสบียงจากมิติออกมาอย่างเปิดเผยโดยที่ไม่ถูกสงสัยได้อย่างไร
“เจียวเจียว ฤดูหนาวยังเหลืออีกตั้ง 4 เดือน ตอนนี้เรามีคนเพิ่มมากขึ้นเป็นพันคน เสบียงที่พวกเขาต้องการใช้ในแต่ละวันก็มีไม่น้อย...” หัวหน้าเผ่าพยายามพูดเตือนจิ้งจอกสาว
แม้ว่าหูเจียวเจียวจะเคยแก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ มาได้ แต่ปัจจุบันเสบียงนอกเผ่าก็มีจำกัดเช่นกัน
แม้ว่าทุกคนจะออกไปล่าสัตว์ แต่พวกเขาก็อาจไม่สามารถจับเหยื่อได้มากเพียงพอต่อความต้องการ
ยิ่งไปกว่านั้น อากาศที่หนาวเย็นประกอบกับมีหิมะปกคลุมตลอดเวลาทำให้พืชไม่สามารถเติบโตได้
อีกทั้งจิ้งจอกสาวไม่มีทางหาดอกเกลือด้วยวิธีเดียวกันได้เสมอไป และนางไม่สามารถฝันถึงเสบียงที่มีคนมากองเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง!
แค่คิดแบบนี้ชายชราก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว!
“เจียวเจียว ไม่ต้องกังวลนะ แม้ว่าในเผ่าจะไม่มีเสบียง แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าและลูก ๆ ต้องหิวโหย” หัวหน้าเผ่าให้คำมั่นสัญญา
ที่ผ่านมาหูเจียวเจียวได้ทำประโยชน์มากมายให้กับเผ่า ดังนั้นนางจึงสมควรได้รับสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น
แม้ว่าชายสูงวัยจะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวจะหาทางออกได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่ต้องการกดดันอีกฝ่ายและทำให้นางต้องกังวลมากเกินไป
ทว่า…
หูเจียวเจียวที่หลุบตาลงต่ำกำลังคิดถึงทางออกไม่ได้ฟังคำพูดของผู้อาวุโสเลย
ไม่นาน เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าเผ่าด้วยสายตาเป็นประกาย
“ข้าคิดออกแล้ว”
“หือ?” ชายชราทำหน้าสับสน
“ข้ารู้วิธีหาเสบียงแล้ว” จิ้งจอกสาวพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่าหลังจากนี้ 2-3 วันท่านแล้วก็ทุกคนอาจจะต้องลำบากสักหน่อย”
ถัดมา เธอขยับเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบบางอย่างข้างหูของท่านผู้เฒ่า
...
เมื่อหูเจียวเจียวออกมาจากบ้านของท่านผู้เฒ่า เธอพบว่าหลงโม่ไม่ได้รอเธออยู่นอกประตู
หลังจากหญิงสาวยืนรออยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เห็นว่าหลงโม่ค่อย ๆ เดินใกล้เข้ามา
ในขณะนี้ชายหนุ่มกำลังแบกกวางตัวหนึ่งและถือถุงหนังสัตว์ไว้ในมือ
“หลงโม่ เจ้าหายไปไหนมา?” จิ้งจอกสาววิ่งไปหามังกรหนุ่มทันที
“ข้ากลับมาครั้งนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีแรงเหลืออยู่อีก ข้าก็เลยออกไปหาคนมาประลองด้วย” ร่างสูงอธิบายพลางยกกวางในมือขึ้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“แล้วอีกอย่าง ข้าจับเหยื่อได้และจะเอากลับไปให้เจ้ากิน”
หูเจียวเจียวที่ได้ยินเช่นนั้นทำหน้าประหลาดใจ
อีกฝ่ายเพิ่งออกไปได้ไม่นาน หลังจากเขาไปประลองกับคนอื่นแล้วเขายังมีเวลาไปจับเหยื่อกลับมาด้วย
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยสังเกตมาก่อน แต่ตอนนี้เธอตระหนักว่าความแข็งแกร่งของหลงโม่ดูเหมือนจะมีมากขึ้นกว่าตอนที่ตนทะลุมิติมาที่นี่ครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวยังไม่รู้ว่าสามีของเธอไม่ได้ไปท้าสู้กับภูตธรรมดา
“ที่บ้านเรายังมีอาหารเก็บไว้อีกมาก เจ้าไม่ต้องลำบากออกไปล่าเหยื่อเองหรอก” เมื่อหูเจียวเจียวรู้ว่าเขาอยากให้เธอกินเนื้อสด เธอก็แย้มยิ้มอ่อนโยน
ต่อมา จิ้งจอกสาวเลื่อนสายตาไปจับจ้องถุงหนังสัตว์ในมืออีกข้างของเขา
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าถุงหนังสัตว์นี้ดูคุ้น ๆ?
“กลับบ้านกัน” หลงโม่ย้ายถุงหนังสัตว์ไปถือไว้ในมือข้างเดียวกับไหล่ที่แบกกวางน้อยเอาไว้ แล้วใช้มือข้างที่สะอาดจับมือของหูเจียวเจียว
“อืม กลับบ้านกันเถอะ” จิ้งจอกสาวพยักหน้ารับอย่างมีความสุข
ระหว่างที่เกิดเรื่องกับพี่รอง เธอขอให้หูหมินส่งลูก 6 คนกลับบ้านไปก่อน
ปัจจุบันเธอชอบครอบครัวที่มีอยู่ตอนนี้มาก
ซึ่งมันดีกว่าบ้านเช่าที่เงียบเหงาในโลกมนุษย์หลังนั้น แล้วเธอก็จะถูกเจ้าของบ้านไล่ออกไปได้ทุกเมื่อหากเขาต้องการขึ้นค่าเช่า
…
อีกด้านหนึ่ง
เซี่ยหมานกำมือเช็ดมุมปากที่เปื้อนเลือดแรง ๆ จนมันมาติดอยู่ที่หลังมือของเขา
พอชายหนุ่มสัมผัสบาดแผล เขาก็กัดฟัน ประกอบกับใบหน้าเย็นชาแข็งกร้าวดูน่ากลัวกว่าปกติเพราะความเจ็บปวด
ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขามีมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า
เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ภูตมังกรมาหาเขาและบอกว่าต้องการประลองกับตน
ตอนแรกเขาปฏิเสธ แต่อีกคนบอกว่า
“ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะให้ดอกเกลือ 2 ถุง ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าให้ข้าถุงเดียวพอ”
เนื่องจากดอกเกลือ 2 ถุงเพียงพอให้ภูต 800 คนกินได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องไปรบกวนหัวหน้าเผ่า
ดังนั้นข้อเสนอนี้มันล่อใจเขามาก
ต่อมา เซี่ยจื้อหนุ่มมองใบหน้าเย็นชาของหลงโม่พลางคิดว่าเขาเป็นคู่ของหูเจียวเจียว และด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าอยากจะประลองกับอีกฝ่ายดูสักครั้ง
“ตกลง ข้ายอมรับคำท้าของเจ้า” ชายหนุ่มตอบเสียงดัง
เวลาผ่านไปไม่นานเขาก็พ่ายแพ้ให้กับมังกรหนุ่มแบบไม่สามารถโต้กลับได้เลยสักครั้ง
ซึ่งแตกต่างจากหูชิงเกา เพราะการโจมตีทุกครั้งของหลงโม่นั้นคล้ายคนกระหายเลือด เขาเน้นโจมตีไปยังบริเวณที่สร้างความเจ็บปวดรุนแรงที่สุด แต่ไม่มีบาดแผลให้คนภายนอกได้เห็น
ระหว่างการต่อสู้ เซี่ยหมานถูกฝ่ายตรงข้ามกระหน่ำโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน ในตอนนั้นเขาเผลอคิดไปว่าชายตรงหน้าจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ
แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็ปล่อยเขาไป แล้วทำท่าคล้ายกับแมวตัวใหญ่จอมขี้เกียจกำลังหยอกล้อกับเจ้าหนูตัวน้อย ซึ่งท่าทางของคู่ต่อสู้ทำให้เขารู้สึกอับอายมาก
เมื่อเซี่ยหมานนึกถึงฉากที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ก็ยิ่งกัดฟันแน่น
ภูตมังกรคนนั้นแข็งแกร่งมาก!
สำหรับภูตมังกรที่เคยแปลงร่างล้มเหลว การที่เขาจะแข็งแกร่งได้เท่าปัจจุบันน่าจะเกิดมาจากการที่เขาต้องคอยต่อสู้นองเลือดแทบตลอดเวลา
ภูตชายผู้นี้สมควรเป็นคู่ของนางแล้ว
ทั้ง 2 คนเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ถ้ามีเขาอยู่ข้าง ๆ นางอีกสักคน ม้วนภาพที่สวยงามนี้ก็จะถูกย้อมด้วยหมึกสีดำ มันเหมือนกับว่าความหวังของเขาพังทลายลงไปตรงนี้
เซี่ยหมานคิดพร้อมกับหลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของเขาก็ชัดเจน ก่อนที่เขาจะลากร่างกายอันแสนบอบช้ำกลับเข้าไปในถ้ำที่พักของตน
...
ยามนี้หูเจียวเจียวกับหลงโม่เพิ่งเดินไปถึงประตูบ้าน
ทันใดนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหลงเหยามาจากภายในบ้าน
มันทำให้แม่จิ้งจอกตกใจและคิดว่าลูกชายได้รับบาดเจ็บ
แถมในครัวยังมีมีดอันตรายมากมาย เจ้าตัวเล็กอาจจะหิวแล้ววิ่งเข้าไปหาอะไรกินในห้องครัวจึงถูกมีดบาดโดยบังเอิญ!
ยิ่งหญิงสาวคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น และภาพของหลงเหยาที่โชกไปด้วยเลือดก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเธอ
ทันใดนั้นผู้เป็นแม่ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบ
ส่วนหลงโม่ยังคงมีสีหน้าถมึงทึง เขาวางกวางและถุงหนังสัตว์ไว้ที่ประตูแล้วตามเธอไปติด ๆ
หูเจียวเจียวเร่งฝีเท้าตรงไปที่ห้องครัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งไปที่ห้องครัว เธอเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นตรงประตูโกดังแล้วเตะขาร้องไห้เสียงดัง เธอจึงหยุดชะงักกึก
“เหยาเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?” จิ้งจอกสาวถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้างที่เห็นเจ้าตัวเล็กมีน้ำตาอาบอยู่เต็มใบหน้า เธอเลยรีบวิ่งเข้าไปสำรวจเขาทั้งตัว
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า เหยาเอ๋อ?”
“ท่านแม่ เสี่ยวเหยาไม่เป็นไร ฮึก!”
หลงเหยาลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นว่าท่านแม่กลับมาแล้ว เขาจึงสะอื้นฮึกฮักอย่างควบคุมไม่ได้
ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังจะถามว่าทำไมเขาถึงร้องไห้
ทันใดนั้นคนตัวเล็กก็ชี้นิ้วไปที่ประตูโกดังพร้อมกับทำหน้าสิ้นหวังเหมือนคนกำลังอกหัก
“โฮ...ท่านแม่ อาหารของเราเหม็นมาก มันน่าจะกินไม่ได้แล้ว...”
เหม็น?
หูเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากที่หลงเหยาพูดเตือน เธอก็เพิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ไม่อาจบรรยายได้กำลังลอยตลบอบอวลไปทั่ว
ต่อมา หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระแอมไอในลำคอ
“อะแฮ่ม!”
จิ้งจอกขาวเพิ่งนึกออกจริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรไว้
นี่คือกลิ่นของปลาร้าที่เธอเปิดฝาไหวางไว้ก่อนที่เผ่าหมาป่าจะโจมตี แล้วเวลาที่ผ่านไปกว่า 1 เดือนก็ทำให้กลิ่นของมันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จากนั้นหูเจียวเจียวยิ้มแหย ๆ พอเธอหันศีรษะไปอีกทาง เธอพบว่าหลงจงกับหลงหลิงเอ๋อก็ยืนอยู่ไม่ไกล ในขณะที่ทั้งคู่ยกชายเสื้อของตัวเองมาปิดปากปิดจมูกจนสนิท
กลิ่นนี้มันเหม็นจนแทบอ้วก!
ไม่นานลูกทั้ง 2 ก็ผายมือพร้อมกันราวกับจะบอกว่า
ท่านแม่ เราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เราไม่สามารถอุ้มเสี่ยวเหยาได้
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หลงโม่โหดมากกกกก สมแล้วที่ไม่มีใครสู้ได้ แล้วก็ชอบตีเนียนกับเจียวเจียวตลอด XD