บทที่ 343: สู่ต้าเป็นภูตหนูที่ไร้ประโยชน์แล้ว
ในโลกภูตมีวิกฤตที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ
หลงหลิงเอ๋อต้องการเดินตามรอยเท้าของหูเจียวเจียวที่สามารถคอยช่วยเหลือทุกคนในยามที่ลำบากได้
ผู้หญิงเองก็มีความสามารถเช่นกัน!
“ไม่ใช่แบบนั้น พวกเราสอนให้เจ้าได้” หมอหนูส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “แต่ว่า…เจ้าอยากเรียนรู้จริง ๆ หรือ?”
“ปกติภูตมักจะได้รับบาดเจ็บถึงขั้นผิวหนังถลอกหรือกระดูกเปิด เจ้าทนดูภาพนองเลือดแบบนั้นได้ไหม?” หมออีกคนกล่าวเสริม
ในความคิดของหมอหนู ผู้หญิงล้วนเป็นภูตที่บอบบาง พวกนางคงไม่สามารถทนดูฉากที่เต็มไปด้วยเลือดได้แน่นอน
พวกเขารู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกของหูเจียวเจียว ดังนั้นนางจึงไม่ต่างจากองค์หญิงตัวน้อยในครอบครัว
ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่เลยคิดว่าหลงหลิงเอ๋อจะล้มเลิกด้วยความหวาดกลัวหลังจากได้ยินพวกเขาบอกความจริง
ทว่าเด็กหญิงตัวน้อยกลับรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นในขณะที่ดวงตาของนางเป็นประกาย
นางกระชับมือที่จับชายเสื้อของผู้เป็นหมอมั่นขึ้นอีก
ในขณะเดียวกัน คำว่า ‘ข้าชอบที่จะได้เห็นเนื้อและเลือดสด ๆ ไหล’ ถูกเขียนไว้ทั่วใบหน้าของนาง
“อืม ข้าอยากเรียน!”
ในเวลานั้น นางจะสามารถใช้มีดที่ท่านแม่มอบให้ได้...
ไม่สิ เพื่อช่วยเหลือภูตที่ได้รับบาดเจ็บ!
“...” หมอหนูทั้ง 2 คนรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ทำไมพอเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ยินว่าต้องเจอกับฉากที่น่าสยดสยอง นางถึงยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ?
นี่นางเป็นเด็กผู้หญิงจริง ๆ หรือ?
แต่ถ้าเป็นเด็กผู้ชายคงจะไม่หน้าตาสะสวยขนาดนี้หรอกใช่ไหม?
ยามนั้นหมอ 2 คนหันไปมองหูเจียวเจียวแบบลังเล พวกเขาไม่กล้าที่จะตอบตกลงไปเองแบบส่ง ๆ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าพวกตนกำลังลักพาตัวลูกของนางมาใช้งาน ซึ่งแบบนี้มันไม่เป็นผลดีกับพวกเขาเลย
“หลิงเอ๋อ เจ้าไปเรียนรู้กับพวกเขาได้เต็มที่เลย” จิ้งจอกสาวพยักหน้าสนับสนุน
แม่จิ้งจอกจะไม่คัดค้านหากลูก ๆ มีสิ่งที่อยากจะทำ ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในอันตรายเธอก็ไม่มีปัญหาอะไร
“ขอบคุณท่านแม่!” หลงหลิงเอ๋อยิ้มหวานอย่างมีความสุข
จากนั้นนางก็หันไปมองหมอเผ่าหนูทั้ง 2 ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“ท่านอาจารย์ จากนี้ไปข้าขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย!”
นั่นทำให้ใบหน้าของคนเป็นหมอแสดงถึงความหวาดกลัวมากจนพวกเขารีบโบกมือปฏิเสธเด็กหญิง
“ไม่มีทาง! ไม่มีทาง!”
“เราไม่สามารถรับเจ้าเป็นศิษย์ได้จริง ๆ พวกเราเองก็ยังไม่เก่งพอที่จะไปเป็นอาจารย์ของเจ้าได้”
“แต่ถ้าเจ้าต้องการ เราสามารถสอนสิ่งที่พวกเรารู้ให้กับเจ้าได้ แต่อย่าเรียกพวกเราแบบนั้นเลย...”
พวกเขาจะกล้าเอาความรู้เท่าหางอึ่งไปสอนสั่งลูกศิษย์ในฐานะอาจารย์ได้อย่างไรกัน!?
หากเป็นแบบนี้ ภูตมังกรที่เป็นคู่ครองของหูเจียวเจียวจะต้องกินหัวพวกเขาทั้งเป็นแน่ ๆ
“ถ้าอย่างนั้น… ให้ข้าเรียกพวกท่านว่าอะไรดี?” หลงหลิงเอ๋อถามอย่างสงสัย
“เรียกพวกเขาว่าอาจารย์นั่นแหละ” หูเจียวเจียวกล่าว
ปกติภูตจะให้ความสำคัญกับฐานะและเคารพหัวหน้าเผ่าเพียงคนเดียวในชีวิตของพวกเขา
ในเมื่อสาวน้อยจะต้องเรียนรู้วิชาจากหมอทั้ง 2 คนนี้ นางก็ควรให้ความเคารพพวกเขาในฐานะอาจารย์
จากนั้นหลงหลิงเอ๋อก็เปลี่ยนคำพูดของตัวเองทันที “ท่านอาจารย์!”
“ท่านอาจารย์จะสอนข้าเมื่อไหร่ สอนตอนนี้เลยได้ไหม?”
เด็กหญิงประสานมือทั้ง 2 ข้างไว้บนหน้าอกในท่าทางออดอ้อน ขณะที่ตัวนางแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์
นางวาดฝันเอาไว้ว่าตนจะต้องเติบโตเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือท่านแม่ของตัวเองให้เร็วที่สุด!
“เอ่อ…ได้ ๆ”
หมอเผ่าหนู 2 คนพยักหน้าอย่างลังเล
พวกเขาไม่เคยพบเด็กผู้หญิงที่… มีความคิดแปลกประหลาดแบบนี้มาก่อนในชีวิต
นางสมกับที่เป็นลูกของหูเจียวเจียวจริง ๆ
มีเอกลักษณ์!
…
อีกด้านหนึ่ง
หัวหน้าภูตหนูกลับไปที่ถ้ำของตนด้วยความสิ้นหวัง แล้วเขาก็ทุบทำลายข้าวของในถ้ำอย่างโกรธแค้น
“ให้ตายเถอะ หูหลิน เจ้ามันก็รู้จักแต่รังแกคนอื่น!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะมีภูตกิ้งก่าขี้โมโหและไม่มีเหตุผลพวกนั้น หมอนั่นจะหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้หรือ!”
บัดนี้เขาบันดาลโทสะที่สุมอยู่ในอกทั้งหมดออกมา
หลังจากที่เสียงในถ้ำสงบลง ภูตหนูคนหนึ่งก็เดินตัวสั่นเข้ามาถามว่า “หัวหน้า แล้ว…สู่ต้าล่ะ?”
นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของการช่วยชีวิตเขากลับมา หลังจากนี้เขาจะยังสามารถใช้ชีวิตแบบคนปกติได้หรือไม่นั้นยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ส่วนตำแหน่งหัวหน้าในอนาคตที่เขาจะได้สืบทอดก็เป็นไปได้ยากมาก
ขณะนั้นใบหน้าของหัวหน้าภูตหนูยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น ตอนนี้เขาสามารถระงับความโกรธของตัวเองลงได้แล้ว ปัจจุบันลูกชายของเขาได้รับบาดเจ็บจนแม้แต่หมอก็รักษาไม่ได้เว้นแต่จะมีหมอผี ส่งผลให้สภาพของเขากลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว
เมื่อลูกน้องคนหนึ่งเห็นว่าหัวหน้าภูตหนูนิ่งเงียบไปนาน เขาจึงเอ่ยถามเสียงเบาว่า
“หัวหน้า ท่านอยากไปดูสู่ต้าไหม...” ที่ผ่านมาหัวหน้าของพวกเขามักจะให้ความสำคัญกับสู่ต้าที่เป็นลูกชายคนโตมากที่สุด และเวลานี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นหัวหน้าจะต้องเป็นห่วงเขามากแน่ ๆ
ทางด้านชายร่างอ้วนท้วนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ทว่าเขากลับไม่มีสีหน้ากังวลใด ๆ
“เจ้าจะให้ข้าไปดูอะไร ข้าไม่ใช่หมอสักหน่อย ถ้าข้าไปเจอเขา แล้วเขาจะดีขึ้นไหมล่ะ?” คนเป็นพ่อพูดเสียงลอดไรฟันด้วยใบหน้าที่มืดมน
“ไปเรียกสู่เอ้อร์มา” เขาไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากลูกหลาน เขายังต้องให้คนเหล่านี้สืบทอดตระกูลสู่ต่อไป!
...
“เจ้าบอกว่าท่านพ่อกำลังตามหาข้าหรือ?”
ยามนี้สู่เอ้อร์ตกใจเมื่อได้ยินข่าวจากภูตหนูคนอื่น
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพ่อเรียกหาเขาด้วยตัวเอง
ในอดีต เขาคอยยืนอยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อเสมอ แต่เขามักจะถูกอีกฝ่ายมองข้ามเป็นเหมือนธาตุอากาศอยู่ตลอด
ถัดมา เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับมีสีหน้าตื่นเต้นและรีบออกไปกับภูตหนูคนที่มาส่งข่าว
เมื่อสู่เอ้อร์มาถึงถ้ำของหัวหน้าภูตหนู อีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เคยมองมาก่อน และแม้แต่การก้าวมาข้างหน้าเพื่อทักทายเขาที่เป็นลูกไม่เอาไหนก็ไม่เคยเกิดขึ้น แต่บัดนี้ทุกอย่างกำลังเป็นจริง
“สู่เอ้อร์ ลูกมาแล้วหรือ พ่อไม่ได้คุยกับเจ้านานเลย”
“ท่านพ่อ” ชายแคระรู้สึกปลื้มปีติพลางก้มหัวลงแล้วเรียกอีกคนเสียงเบา
พอหัวหน้าภูตหนูเห็นว่าลูกชายคนรองมีท่าทีขัดเขิน เขาก็หัวเราะเสียงดังและตบไหล่ลูกราวกับว่าพวกเขาเป็นพ่อลูกที่รักใคร่กันมานมนาน
“สู่เอ้อร์ เจ้าเป็นลูกที่เชื่อฟังและทำอะไรรอบคอบมากที่สุด ก่อนหน้านี้พ่ออาจจะทำตัวไม่ดีกับเจ้าไปบ้าง แต่เจตนาของพ่ออยากให้เจ้าได้ฝึกฝน เจ้าไม่เคยทำให้พ่อผิดหวังเลยจริง ๆ”
“ตอนนี้พ่อแก่ตัวลงทุกวัน ไม่นานเผ่าหนูก็จะถูกส่งต่อให้กับเจ้า!”
ความสุขที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้สู่เอ้อร์คิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
นี่ใช่พ่อของเขาจริง ๆ หรือ?
ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยใส่ใจหรือมองเขาอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง
ชายตัวเตี้ยใช้เวลาดึงสติตัวเองกลับมาก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก ไม่นานเขาก็นึกถึงสู่ต้าผู้เป็นพี่ชายที่ยังอยู่ในอาการสาหัสขึ้นมาได้ เขาจึงถามว่า
“ท่านพ่อ ท่านหาหมอเจอหรือยัง? พี่ใหญ่—”
“หมอถูกไอ้จิ้งจอกเฒ่าคนนั้นขโมยไปแล้ว พี่ใหญ่ของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกินเยียวยา ต่อจากนี้ไปทางเผ่าจะต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว” คนเป็นพ่อกล่าวอย่างเศร้าใจ
เมื่อสู่เอ้อร์ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกสับสน ในขณะที่ความคิดของเขาตีกันมั่วซั่วไปหมด
เดิมทีเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหมอทั้ง 2 และเขายังเชื่อในความเป็นผู้นำของหูหลินอีกด้วย
แต่สิ่งที่เชื่อถือไม่ค่อยได้คือคำพูดของพ่อเขา….
พอสู่เอ้อร์นึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพ่อ ในที่สุดเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
ความจริงแล้วพ่อไม่หลงเหลือความตั้งใจที่จะช่วยพี่ชายของเขาอีกต่อไป...
สายเลือดแบบไหน… ความรักในครอบครัวแบบไหนกัน… ทำไมมันถึงได้บางเบากว่าปีกจั๊กจั่น มันเทียบไม่ได้กับความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ!
ปัจจุบันสู่เอ้อร์รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกโยนลงไปในทะเลลึก จากนั้นความสุขบนใบหน้าพลันหายไป ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
…
ครึ่งเดือนต่อมา
ในที่สุด หูเจียวเจียวและพรรคพวกของเธอก็กลับมาถึงเผ่า
เวลานี้ท่านผู้เฒ่ากับหูชิงเกาได้นำพวกภูตไปสร้างกำแพงล้อมรอบเผ่าขึ้นมาใหม่ ซึ่งพวกมันได้รับการฟื้นฟูให้อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อก่อนแล้ว
เพียงแต่ว่าเผ่าในปัจจุบันมีสภาพเป็นเหมือนโลกในยุคน้ำแข็งซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง หลังจากที่พวกเขาประสบพบเจอกับวิกฤตต่าง ๆ มามากมาย ตอนนี้ดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบดูแตกต่างออกไป
ขณะนั้นภูตที่ลาดตระเวนพบกลุ่มของหูเจียวเจียวได้รีบไปแจ้งหัวหน้าเผ่า
ทันทีที่ชายชราได้ยินว่าจิ้งจอกสาวและคนอื่น ๆ กลับมาแล้ว เขาที่คอยกังวลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็รู้สึกว่าหินหนักที่คอยถ่วงอยู่ในใจถูกยกออกไปสักที เขาจึงรีบไปทักทายทุกคนอย่างเร่งรีบ
“เจียวเจียว! หลงโม่! พวกเจ้ากลับมาแล้ว!”
“พวกเจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม? มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? ระหว่างทางมีของกินเพียงพอหรือไม่...”
ท่านผู้เฒ่าเข้ามาทักทายคนในเผ่าด้วยใบหน้าที่มีความสุข แล้วเขาก็รู้ตัวว่าตนถามคำถามออกมาแบบไม่เว้นจังหวะให้ใครได้ตอบ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สงสารสู่เอ้อร์ เกิดมาในครอบครัวที่เห็นแก่ตัว //ในที่สุดพวกเจียวเจียวก็กลับมาถึงเผ่าแล้ววว คิดถึงท่านผู้เฒ่ามาก