บทที่ 342: หมอหนีออกจากเผ่าไปพร้อมกับหูเจียวเจียว
“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าไร้ยางอาย แม้แต่หมอของเผ่าหนูของเราก็ยังกล้าจับไป เจ้ายังเป็นภูตอยู่หรือเปล่า!” หัวหน้าภูตหนูชี้หน้าด่าหูหลินทันทีที่เขาเผชิญหน้ากัน
“ถ้าเจ้าไม่ส่งหมอของเรามาในวันนี้ เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้ไปไหน!”
หลังจากสิ้นเสียงของชายร่างอ้วนเตี้ย ภูตหนูกลุ่มหนึ่งก็มายืนขวางอยู่ตรงหน้าหูหลินและขู่ว่าจะโจมตีหากเขาไม่ยอมส่งหมอกลับคืนมา
ในตอนนั้นเอง
ภูตกิ้งก่ากับภูตเต่าที่อยู่ข้างหลังหัวหน้าเผ่าเดินไปล้อมรอบภูตหนูทั้งหมดด้วยใบหน้าเย็นชา
พวกเขาทุกคนทั้งตัวสูงและตัวหนากว่าภูตหนู อีกทั้งแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งชัดเจน ขณะที่พวกเขาก้มลงมองหัวหน้าภูตหนู
ดวงตาที่ไม่แยแสและดุร้ายหลายคู่ราวกับจะสื่อว่า
เจ้าว่าใครกันแน่ที่จะมีสิทธิ์กำหนดเรื่องนี้?
“...”
ภาพที่ปรากฏทำให้เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของหัวหน้าภูตหนู
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะประสานมือแน่น และเสียงที่เขาเปล่งออกมาก็อ่อนลงมาก
“ข้า-ข้าตามหาหมอของเผ่าเราไม่พบ แล้วมีคนเห็นว่าพวกเขามาหาท่าน เอ่อ... ท่านเห็นพวกเขาไหม...”
ชายร่างอ้วนท้วนถามแบบตะกุกตะกัก
“หมอ 2 คนนั้น...” หูหลินชำเลืองมองคนพูด “พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
“แต่มีคนบอกว่าเห็นพวกเขามาหาท่าน” หัวหน้าภูตหนูรวบรวมความกล้าพูดออกมา
“ลูกของข้าบาดเจ็บสาหัส เขาจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากหมอ หรือท่านจะให้ข้ายืมหมอของท่านไปรักษาเขาก็ได้” ในระหว่างนี้ภูตจิ้งจอกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหัวหน้าเผ่าและกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของเขา
ไม่นานใบหน้าของหูหลินก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
เขาพ่นลมอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองหัวหน้าภูตหนูเขม็ง
“ในเมื่อมันขโมยวิธีการจับปลาของเรา มันก็สมควรตายแล้ว ข้าไม่ให้ยืม!”
ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ใช่ภูตในเผ่าของเขาอีกต่อไปแล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับเหล่าภูตหนู
นอกจากนี้เขายังถือว่าใจดีที่ไม่ได้ขับไล่ภูตหนูออกไปโดยตรง
เมื่อหัวหน้าภูตหนูเห็นว่าหูหลินกำลังจะเดินจากไป เขาก็รู้สึกเป็นกังวล
“หูหลิน ทำไมท่านถึงโหดร้ายอย่างนี้! ถึงยังไง สู่ต้าก็เป็นคนที่ท่านเฝ้าดูเขาเติบโตขึ้นมา!”
“ท่านจะยืนดูเขาตายไปเฉย ๆ แบบนี้หรือ?”
จังหวะนั้นหูหลินที่เพิ่งถูกเตือนสติหันกลับมามองคนพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าขโมยเสบียงของเผ่า ทำให้คนในเผ่าต้องออกไปหาอาหารในฤดูหนาว เจ้าทำให้คนในเผ่าต้องตายไป 2-3 คนไม่ใช่หรือ?”
สิ่งที่คนเป็นหัวหน้าเผ่าพูดส่งผลให้หัวหน้าภูตหนูเงียบไปชั่วขณะ เรื่องนี้เป็นความจริงที่ทำให้เขาพูดไม่ออก
“อ้อ ข้าจะบอกอะไรให้นะ หมอ 2 คนของเผ่าหนูของเจ้าไม่ได้อยู่กับข้าจริง ๆ” หูหลินกล่าวเย้ยหยัน “พวกเขาตามเจียวเจียวไปแล้ว”
ตอนที่เขาส่งหูเจียวเจียวและพรรคพวกของเธอออกไป ภูตหนูทั้ง 2 ที่เป็นหมอประจำเผ่าหนูมาบอกว่าต้องการไปกับพวกนาง
เขารู้นิสัยของหัวหน้าภูตหนูดี การรั้งหมอไว้ในเผ่ารังแต่จะสร้างปัญหามากขึ้น ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ทั้งคู่ไปกับพวกจิ้งจอกสาว
ประกอบกับนางบอกว่ามีหมอแก่ ๆ เพียงคนเดียวในเผ่าของพวกนาง
แล้วหมอคนนั้นก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไรด้วย
“อะไรนะ!?”
หัวหน้าภูตหนูไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จึงตะโกนออกมาเสียงดัง
“ที่แท้นางผู้หญิงคนนั้นลักพาตัวหมอของเผ่าเราไป! แล้วท่านก็เป็นพวกเดียวกันกับนาง!”
ชายตัวอ้วนเตี้ยจ้องหูหลินด้วยความโกรธแค้น แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ภูตกิ้งก่าที่คอยติดตามอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายก็ถลึงตาอย่างไม่พอใจ
จากนั้นเขาเบ่งกล้ามข่มขู่เป้าหมายขณะเดินตรงไปยืนอยู่หน้าคนที่ตัวเตี้ยกว่า ก่อนที่เขาจะยืดกล้ามเนื้อหน้าอกออกแล้วชนเข้ากับท้องกลม ๆ ของอีกคน
นั่นทำให้หัวหน้าภูตหนูเซถอยหลัง พร้อมกับที่เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก
“เจ้ามีธุระอะไรอีกไหม?” หูหลินถามเสียงเรียบนิ่ง
“ไม่-ไม่มีอะไร ไม่มีแล้ว...” หัวหน้าภูตหนูส่ายหัวระรัว ในขณะนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าที่ผ่านมาตนเคยเอาเปรียบเผ่าอื่นมากเพียงใด
เดิมทีเผ่าหนูของพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอมาก
จนกระทั่งทุกคนได้เข้าร่วมเผ่าเดียวกับหูหลิน ชีวิตของสมาชิกในเผ่าก็ดีขึ้น พวกเขาไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยการลักเล็กขโมยน้อยตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็คิดว่าเผ่าของตนแข็งแกร่งขึ้นแล้วจริง ๆ
ทว่าหลังจากหัวหน้าภูตหนูออกมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหูหลิน เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอเพียงใด
“งั้นก็ไสหัวไปซะ!” หูหลินตวาดไล่อีกฝ่ายพร้อมกับแสดงสายตาคมดุ แล้วความกดดันก็แผ่ออกมาจากชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า
แม้แต่ภูตกิ้งก่าและภูตเต่าที่อยู่ข้างหลังก็ยังต้องก้มศีรษะยอมจำนน
ชายผู้นี้สามารถปกครองภูตของทั้ง 4 เผ่าและรักษาพวกเขาให้อยู่รอดปลอดภัยมานานมากกว่า 10 ปีจะเป็นคนอ่อนแอได้อย่างไร
เขาเป็นผู้นำที่คู่ควรกับการยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าเล่ยเหอ
นอกจากนี้ยังเป็นภูตคนเดียวที่คู่ควรกับตำแหน่งหัวหน้าเผ่า!
ในตอนนั้นเองหัวหน้าภูตหนูหดหางมาไว้ระหว่างขาของเขาด้วยท่าทางยอมแพ้และไม่กล้าพูดยั่วโมโหหูหลินอีก
แล้วความเย่อหยิ่งที่เขาแสดงออกในระหว่างการพูดคุยครั้งก่อนก็กลายเป็นเหมือนเรื่องตลกไปโดยปริยาย
หนูก็คือหนู เพราะพวกมันอยู่ด้านล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร พวกมันจะปีนขึ้นไปอยู่เหนือภูตคนอื่นได้อย่างไร?
...
ท่ามกลางพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ยามนี้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังตั้งค่ายพักแรม
เวลาต่อมา หมอของเผ่าหนู 2 คนเดินมาถึงกองไฟที่หูเจียวเจียวกำลังนั่งอยู่
“หูเจียวเจียว ขอบคุณที่รับเรา 2 คนเข้าร่วมเผ่า”
“ในอนาคตถ้าเจ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกเราได้เลยนะ!”
ทั้งคู่ขอบคุณจิ้งจอกสาวด้วยความเคารพ
เนื่องจากพวกเขาไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัวของเผ่าหนู
แม้ว่าทั้ง 2 คนจะเป็นภูตหนูเหมือนกัน แต่พวกเขาถูกแยกออกมาจากเผ่าตั้งแต่เด็กและถูกเลี้ยงดูมาในฐานะลูกศิษย์ของหมอเผ่าจิ้งจอก พวกเขาจึงแทบไม่มีความผูกพันธ์กับเผ่าหนูเลย
ตอนนี้เผ่าหนูกับพวกหูหลินล้มเลิกการเป็นพันธมิตรกันแล้ว พวกเขาเลยเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับหูหลินโดยไม่ลังเล
หมอเผ่าหนู 2 คนรู้ดีว่าถ้าหูหลินไม่สั่งให้หมอจิ้งจอกสอนตน ทั้งคู่คงจะโตมาแบบหลงผิดเหมือนสู่ต้า
“จากนี้ไป พวกเจ้าจะเป็นภูตของเผ่าเรา พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอก แค่ปฏิบัติต่อเผ่าเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันก็พอ” หูเจียวเจียวกล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
เธอไม่คาดคิดว่าหมอเผ่าหนู 2 คนนี้จะมาขอเข้าร่วมเผ่าของเธอ
“ขอบคุณ!”
หมอทั้ง 2 โค้งคำนับให้จิ้งจอกสาวอย่างซาบซึ้งอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ไม่เหมือนกับหัวหน้าภูตหนูของพวกตนที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว
หากเผ่าอื่นมีผู้หญิงที่มีคุณธรรมแบบนี้ มันทำให้พวกเขามองเห็นความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต
ขณะเดียวกัน เด็ก ๆ กำลังกินเนื้อย่างอยู่ไม่ไกล ทันทีที่หลงหลิงเอ๋อเห็นหมอเผ่าหนูทั้ง 2 นางก็ตัดสินใจเดินไปหาอีกฝ่าย
เมื่อหยินชางเห็นเด็กหญิงเดินออกไป เขาก็เดินนางไปติด ๆ
“ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็เรียกเราได้ทุกเมื่อ”
ขณะนี้หมอหนู 2 คนกำลังจะจากไป
ทันทีที่ทั้งคู่หันหลังกลับ พวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังดึงเสื้อผ้าของตนอยู่ข้างหลัง
ภูตทั้ง 2 จึงหันมามองและพบว่านางเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาน่ารัก สูงแค่เอวที่รั้งพวกเขาไว้
“พวกท่านเป็นหมอหรือ?” หลงหลิงเอ๋อกลอกตากลมโตเผยให้เห็นท่าทางลังเลใจ
“ใช่” หมอหนูทั้ง 2 พยักหน้าตอบโดยที่ในดวงตาของพวกเขามีความสงสัยฉายอยู่ชัดเจน
เด็กผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?
“ถ้าอย่างนั้นพวกท่านช่วยสอนข้าได้ไหม? ข้าเองก็อยากเป็นหมอเหมือนกัน!” เด็กหญิงกะพริบตาขอร้องด้วยสีหน้าคาดหวัง
“นี่มัน...”
หมอเผ่าหนู 2 คนสับสนเล็กน้อย
เด็กผู้หญิงคนนี้อยากเป็นหมอหรือ?
สิ่งที่หมอทำคือส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเลือดและบาดแผลน่ากลัว แม้ว่าหมอจะมีสถานะสูง แต่ภูตหญิงก็มีสถานะที่สูงกว่าอยู่แล้ว ซึ่งโดยปกติภูตหญิงไม่สนใจที่จะเป็นหมอ และไม่มีความอดทนที่จะเรียนรู้งานเหล่านี้
“พวกท่านสอนข้าไม่ได้หรือ?” เมื่อหลงหลิงเอ๋อเห็นว่าทั้งคู่ลังเล นางจึงเอียงศีรษะถามย้ำ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ว้าว ว่าที่หมอในอนาคตหรือเปล่าน้าาา