บทที่ 339: คงต้องฝากความหวังไว้ที่ลูกท้องต่อไป
“ท่านแม่~” เสียงหวานหยดย้อยของหลงเหยาดังแทรกบรรยากาศหดหู่ขึ้นมา ในขณะที่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง “ถ้าพวกพี่ ๆ ไม่ต้องการ แต่เสี่ยวเหยาต้องการ! เสี่ยวเหยาอยากรักษากับหมอผี!”
“น้องห้า เจ้าไม่ได้ป่วยสักหน่อย เจ้าจะอยากรักษาไปทำไมกัน?” หลงหลิงเอ๋อถามพร้อมทำหน้าแปลก ๆ
ส่วนหลงอวี้ช่วยอธิบายให้เจ้าเด็กน้อยไร้เดียงสาฟังว่า “การรักษากับหมอผีไม่สนุกหรอกนะ”
เขาคิดเพียงว่าอีกคนแค่อยากจะเล่นซนไปตามประสา
เมื่อหลงเหยาได้ยินเช่นนี้ มือเล็ก ๆ ที่เปื้อนน้ำมันของเขาก็กำแน่นเป็นกำปั้น แล้วเขาก็เอามือเท้าเอวพร้อมกล่าวอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเหยาไม่ได้พูดเล่น เสี่ยวเหยาอยากให้หมอผีรักษาเสี่ยวเหยามาก”
จากนั้นเขาก็เลื่อนมือมาแตะท้องกลม ๆ ก่อนที่ปากสีชมพูจะขยับมุบมิบต่อไป
“ท้องของเสี่ยวเหยาดูเหมือนจะหดลง… หลังจากกินลูกชิ้นปลาไหลไปได้แค่ 2 ชาม เสี่ยวเหยาก็กินต่อไม่ไหวแล้ว เสี่ยวเหยาต้องการให้หมอผีตรวจดูว่าท้องเสี่ยวเหยารั่วหรือเปล่า”
คนตัวเล็กพูดจบแล้วก็ก้มหัวลงด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“พรืดดด ฮ่าๆๆ!”
คำพูดอันแสนไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หูเจียวเจียวกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว
แล้วบรรยากาศที่อึดอัดเมื่อกี้ก็พังทลายลงทันที
ส่วนหลงจงกลอกตาพลางพูดเสียงดังว่า
“ท้องของเจ้าไม่ได้รั่วหรอก แต่เป็นเพราะว่าเจ้าไม่ได้กินอะไรมานานมากเกินไป กระเพาะของเจ้าเลยเริ่มหดลง”
หลงเซียวเองก็ลูบคางตัวเองและวิเคราะห์อย่างจริงจัง “มันไม่มีปัญหาหรอก ถ้าเจ้ากินได้เหมือนเดิม เจ้าจะกลายเป็นเด็กอ้วนอีกครั้ง”
“อ๊ากกก!”
หลงเหยาตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ พร้อมกับที่เขามังกรยื่นออกมาบนหัว จากนั้นเขาก็ขวิดเท้าเหมือนวัวกระทิงโดยพร้อมจะพุ่งชนพี่ชายทั้ง 2
“ฮ่า ๆๆ! เจ้าตัวเล็กพวกนี้ชอบพูดความจริงเหมือนข้าเลย!”
หูหลินมองภาพตรงหน้าแล้วหัวเราะเสียงดัง
“เจียวเจียว กินอีกหน่อยสิ” หลงโม่ใช้ตะเกียบคีบปลาชิ้นหนึ่งส่งไปที่ปากของภรรยาสาว
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นดังนั้นก็กินมันเข้าไปคำเดียวจนแก้มของเธอพองขึ้น และเนื้อปลาไหลแสนอร่อยก็ละลายในปากไปกระตุ้นต่อมรับรส แล้วเธอก็หลับตาพริ้มพลางลิ้มรสอาหารอันโอชะ
อืมมม เนื้อปลาสดมาก!
เมื่อมังกรหนุ่มเห็นสีหน้าพึงพอใจของคนรัก เขาก็มีแรงจูงใจมากขึ้น โดยที่เขาอยากจะป้อนเนื้อปลาทั้งหม้อให้นางกินคนเดียว
ขณะนั้นเขาใช้เวลาในการมองดูลูกที่ส่งเสียงเอะอะแล้วก็ทำได้แค่ส่ายหัวน้อย ๆ
ตั้งแต่เจียวเจียวคลอดลูกมา เขาก็ไม่ได้อยู่ดูแลสั่งสอนเด็ก ๆ สักเท่าไหร่ พวกเขาจึงน่ารำคาญได้ถึงเพียงนี้ นอกจากจะพูดไม่ค่อยเข้าหูกันแล้ว อีกคนก็ดูไม่ค่อยฉลาดนัก มีเพียงหลิงเอ๋อเท่านั้นที่มีความประพฤติดีและเชื่อฟังมากกว่าเด็กคนอื่น
ดูเหมือนว่าลูกพวกนี้จะถูกละเลยมานานจนเสียคน
ดังนั้นเขาคงได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ลูกท้องต่อไปแล้ว
...
นับตั้งแต่หัวหน้าภูตหนูตัดขาดกับหูหลิน เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำกับคนของตน แล้วเอาแต่กิน ดื่ม และเที่ยวเตร่อยู่ในถ้ำโดยไม่เคยออกจากถ้ำเลย
ชายผู้นี้ถูกหล่อหลอมจนกลายเป็นคนเกียจคร้านแล้ว เพราะฉะนั้นการจะให้เขากลับมาทำความเพียรอีกครั้งก็คงเป็นไปได้ยาก
หลังจากชายร่างอ้วนเตี้ยกินนอนมาตลอด 3 วัน กลิ่นเหม็นในถ้ำก็ยิ่งรุนแรงขึ้น แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกถึงมันเลย
ปัจจุบันเขาเพิ่งตื่นขึ้นและเห็นว่าไม่มีอาหารอยู่ในถ้ำ ดังนั้นเขาจึงเรียกลูกน้องให้เข้ามาหาตน
“ไปเอาอาหารมาให้ข้ามากกว่านี้”
เมื่อเร็ว ๆ นี้หัวหน้าภูตหนูเอาแต่กินและนอนเท่านั้น ทว่าความอยากอาหารของเขากลับเพิ่มขึ้นมาก และเขาก็กินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย
แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าตนเคยใช้ชีวิตแบบนี้ตลอดทุกฤดูหนาวที่ผ่านมา อีกทั้งเขาไม่เคยหากิจกรรมอย่างอื่นทำนอกจากกิน
“ท่านพ่อ ๆ แย่แล้ว!!”
ก่อนที่ภูตหนูจะออกไปทำตามคำสั่งของหัวหน้า สู่ต้าก็วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น ไอ้จิ้งจอกเฒ่ามันเสียใจทีหลังแล้วหรือ?”
คนเป็นพ่อขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นนั่ง เขาทำเพียงแค่พลิกตัวหันไปด้านข้างแล้วเปิดเปลือกตาถาม
“ถ้ามันต้องการแลกเปลี่ยนอาหารคืน เจ้าก็ไล่มันออกไปเลยแล้วบอกมันว่าไม่มีทาง! ข้าไม่ใช่พ่อของมัน ฉะนั้นข้าไม่มีเวลามาสนใจความเป็นตายของมันมากนักหรอก”
ทางด้านลูกชายคนโตมีสีหน้าอมทุกข์แล้วรีบโบกมือไม่หยุด
“ไม่ ท่านพ่อ มันเป็นเพราะเสบียงของเรา… หมดแล้ว!”
“อะไรนะ!!” หัวหน้าภูตหนูผุดลุกขึ้นนั่งทันที
“เป็นไปได้ยังไง? เสบียงอาหารที่เหลือมีตั้งมากมายไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกมันถึงหมดเร็วขนาดนี้?”
นี่ผ่านไปเพียงไม่กี่วันเอง เสบียงของพวกเขาจะหมดได้อย่างไร
พวกเขาเป็นหนูนะ ไม่ใช่หมู!
“อันที่จริง ช่วงนี้ทุกคนไม่ได้ออกไปลาดตระเวนเลยเอาแต่กิน ๆ ดื่ม ๆ ในถ้ำ เสบียงของเรามีไม่เยอะตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่ข้าเข้าไปในถ้ำเก็บเสบียงวันนี้ มันไม่เหลือเลยแม้แต่อย่างเดียว” สู่ต้าอธิบายอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากหัวหน้าภูตหนูเป็นผู้นำ ลูกน้องคนอื่นจึงทำตาม ทำให้ปัจจุบันทุกคนเอาแต่กินตั้งแต่เช้าจรดค่ำเหมือนเขา โดยที่ไม่มีใครพยายามประหยัดเสบียงเลยแม้แต่น้อย
ในอดีต พอถึงเวลาที่เผ่าหนูไม่เหลืออะไรกินแล้ว พวกเขาจะไปขโมยเสบียงของเผ่ามา ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรอดตายมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากแบ่งเสบียงกันเรียบร้อยแล้ว เหล่าภูตจะกินล้างกินผลาญจนเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เสบียงก็หมดลง
“เราจะทำยังไงดี?” หัวหน้าภูตหนูเกาหัวตัวเองพร้อมกับที่ขมับปวดตุบ ๆ และหมัดในนั้นก็กระโดดออกมาจากหัว
“ท่านพ่อ ข้ายังมีวิธีอื่นอีก” สู่ต้าพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“พูดมาเร็วเข้า” คนเป็นพ่อเร่งเร้าให้อีกฝ่ายบอกแผนการมา
“ข้าเคยเห็นว่าหูหลินและคนอื่น ๆ ไปจับปลาที่แม่น้ำเล่ยเหอ ปลาพวกนั้นไม่โจมตีใครเลย วันนั้นข้าแอบมองพวกมันอยู่ทั้งวัน ข้าเลยได้รู้วิธีการจับปลาของพวกมัน”
“ปลาในแม่น้ำตัวใหญ่มาก ถ้าเราจับมันมาได้แค่ตัวเดียวเราก็จะมีกินไปอีกหลายวัน วันนั้นพวกมันจับปลาได้ตั้งร้อยกว่าตัว ท่านพ่อคิดดูสิว่าถ้าเราจับปลามาได้เยอะ ๆ เราคงจะมีกินไปจนถึงปีหน้า!” ชายแคระอธิบายอย่างมั่นใจ
เมื่อหัวหน้าภูตหนูได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มกว้างทันที
“ตกลง ๆ ลูกของข้าฉลาดและมีความสามารถที่สุด ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก!”
ยามนี้ชายตัวอ้วนท้วมเลียริมฝีปากอย่างตะกละตะกลามพลางคิดว่าตนไม่ได้กินปลาสด ๆ มานานแล้ว
ในขณะเดียวกัน สู่เอ้อร์ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชายโดยที่เขาแทบไม่มีตัวตนในสายตาของใครเลย และผู้เป็นพ่อก็จงใจเมินเขาอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่พูดคุยกัน เขาก็กำมือแน่นด้วยความเป็นห่วงแล้วพูดเสียงเบาว่า
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ นี่มันอันตรายเกินไป พวกเราภูตหนูไม่เก่งในน้ำ ถ้ามีอะไรผิดพลาดจะมีคนตาย”
แต่ไม่ว่าชายตัวเตี้ยจะพูดอะไรออกไป สิ่งนั้นก็จะถูกหัวหน้าภูตหนูปัดตกไปเสียก่อน
และยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ เขาก็ถูกแกนผลไม้ขว้างใส่หน้าอย่างแรง
“ไอ้สวะ! เจ้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ แค่จะช่วยแบ่งเบาความกังวลของข้าก็ยังทำไม่ได้เลย แล้วยังมาพูดขัดขวางคนอื่นอีก”
“มันจะมีอะไรสำคัญไปกว่าอาหารอีก ถ้าไม่มีอาหาร เราก็จะอดตายกันหมด ในเมื่อภูตเผ่าอื่นยังจับปลาได้ แล้วทำไมภูตหนูอย่างเราจะจับไม่ได้?” หัวหน้าภูตหนูชี้หน้าด่าลูกชายไม่ได้ความอย่างโกรธเกรี้ยว
ขณะนั้นสู่เอ้อร์ร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วเดินโซเซถอยหลังไป 2 ก้าวพลางยกมือกุมหน้าผากตัวเอง
ในไม่ช้าก็มีเลือดไหลออกมาจากง่ามนิ้ว
ยามนี้สีหน้าของชายแคระซีดเซียวแต่เขาก็ยังคงกล่าวต่อไป
“ท่านพ่อ ข้าจะไปขอให้หัวหน้ามาช่วยพวกเรา หัวหน้าเป็นคนใจดี เมื่อก่อนเขาดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ตอนนี้เขาคงไม่ทิ้งขว้างเราหรอก”
นี่เป็นครั้งแรกที่สู่เอ้อร์รวบรวมความกล้าต่อต้านพ่อตัวเองและยืนกรานความคิดของตน
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว!” หัวหน้าภูตหนูรู้สึกโกรธมากขึ้น “ถ้าเจ้าไปหามัน ก็อย่ามานับว่าข้าเป็นพ่ออีก!”
ทางด้านสู่ต้าเห็นเลือดหยดที่ข้างเท้าของน้องชายก่อนจะรีบพูดขัดทั้งคู่ขึ้นมาว่า
“ท่านพ่ออย่าโกรธเลย เอ่อ… น้องรองแค่อยากให้เราระวังตัวเอาไว้ แต่ถ้าข้าจับปลามาได้แล้วเขาคงจะรู้สึกสบายใจขึ้น”
“ตกลง ข้าจะฝากเรื่องนี้ไว้ให้เจ้าจัดการ” บัดนี้ผู้เป็นพ่อโมโหมาก เขาพลิกตัวนอนลงอีกครั้งเพราะเขาไม่ต้องการเห็นหน้าลูกชายจอมดื้อรั้นอีก
ทว่าสู่เอ้อร์ยังคงอ้าปากอยากพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่เขาถูกสู่ต้าลากออกจากถ้ำไปเสียก่อน
“น้องรอง เจ้าบาดเจ็บ รีบไปหาหมอซะ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วรอให้พี่ใหญ่นำอาหารกลับมาเฉย ๆ เถอะ”
เขากล่าวพลางผลักน้องชายไปยังที่พักของหมอ
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าลงไปในน้ำเองนะ...” สู่เอ้อร์ยื่นมือไปจับแขนพี่ชายและขมวดคิ้วแน่น
ครั้งนี้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“เข้าใจแล้ว น้องรอง ถ้าเจ้าทำให้ท่านพ่อโกรธอีก ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้วนะ รีบไปหาหมอซะ ข้าจะไปทำงาน” สู่ต้ายังคงใจร้อนไม่หาย เขารีบผลักมือของน้องชายออกแล้วหันหลังเดินจากไปทันที
เวลาต่อมา สู่เอ้อร์มุ่งหน้าไปที่บ้านพักของหมอเพียงลำพัง ก่อนจะเห็นว่าถ้ำของหมอนั้นสะอาดเกลี้ยง และหมอทั้ง 2 ก็กำลังจัดข้าวของอยู่
“สู่เอ้อร์ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อหมอคนหนึ่งเห็นคนที่มาเยือน เขาก็รีบสะกิดเรียกสหายของตน แล้วทั้งคู่ก็รีบซ่อนของบางอย่างไว้ด้านหลัง