บทที่ 338: ใครกันแน่ที่พูดให้ลูกกลัว?
ในตอนที่ช้อนหินของหลงเหยากำลังจะแตะปลาในหม้อ ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของหลงโม่ก็ดังขึ้นจากเหนือหัวเขา “เจ้าลองชิมดูสิ แล้วหลังจากนี้เจ้าจะไม่ได้กินอะไรจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้”
คนตัวเล็กหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงทันที แล้วมือป้อมสั้นก็ยกขึ้นมาปิดปากพร้อมกับถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นดวงตาสีทับทิมก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
ดูเหมือนว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อชิมอาหารตอนนี้จะแพงเกินไป! เขาไม่อยากชิมแล้ว!
“อื้อ...” เจ้ามังกรน้อยส่ายหัวพลางส่งเสียงเล็ดลอดออกมาจากระหว่างนิ้ว “เสี่ยวเหยาจะไม่ดื้อ เสี่ยวเหยาไม่อยากอดอาหาร”
ส่วนเด็กอีก 5 คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็แอบยืดตัวตรงทำท่าเหมือนทหารในค่ายฝึก
พวกเขาเองก็ไม่อยากเสียสละอาหารมื้อนี้ไปเพื่อแอบชิมอาหารเพียงครั้งเดียวเหมือนกัน
ในตอนนั้นเอง หูเจียวเจียวเดินมาพร้อมกับจานในมือ พอเธอได้ยินหลงโม่ขู่ลูกชายคนเล็ก เธอก็ขมวดคิ้วพูดตำหนิว่า
“หลงโม่ ทำไมเจ้าทำให้เหยาเอ๋อตกใจกลัวอีกแล้ว?”
ถัดมา หญิงสาววางจานลงก่อนจะมองหลงเหยาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอกเหยาเอ๋อ เจ้าจะชิมก็ได้ เพราะแม่ทำอาหารพวกนี้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”
“จริงหรือ?” ดวงตาของคนตัวเล็กเป็นประกายแวววาวประหนึ่งมีดวงดาวซ่อนอยู่ภายใน
“แน่นอน แม่เคยโกหกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” แม่จิ้งจอกยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดต่อว่า
“แต่ปลาชนิดนี้มีก้างเยอะ มันมักจะติดคอพวกเด็ก ๆ ถ้าไม่ระวังมันจะเจาะคอเจ้า บางทีถ้ากลืนลงท้องมันก็อาจจะเจาะทะลุท้องของเจ้าด้วย พ่อกับแม่เป็นห่วงเจ้าเรื่องนี้มาก...”
เธอพูดด้วยสีหน้าน่าสงสารพลางย่นหน้ากัดฟันเบา ๆ
“อึ๋ย~ มันคงเจ็บมาก!”
คำพูดและท่าทางของหูเจียวเจียวทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลงเหยาแข็งค้างในทันใด
“เสี่ยวเหยาไม่ชิมแล้ว เสี่ยวเหยาจะรอกินข้าวพร้อมกับท่านแม่!”
เขารีบพูดขึ้นมาโดยไม่ต้องคิดอะไรอีก
ผู้เป็นแม่กลั้นยิ้มพร้อมพยักหน้า “เหยาเอ๋อเก่งมาก แม่จะช่วยเจ้าเอาก้างปลาออกก่อนดีไหม?”
เด็กน้อยพยักหน้ารับรัว ๆ ในตอนที่เขารู้สึกกลัว หางมังกรจะโผล่ออกมาตรงบั้นท้าย แล้วขดเป็นวงกลมเหมือนหางหมู ทำให้ท่าทางของเขายิ่งดูน่าสงสารมากยิ่งขึ้น
ครู่ถัดมา หูเจียวเจียวหันหน้าไปดุหลงโม่อย่างเคร่งขรึม
“ต่อจากนี้ไปเจ้าอย่าทำให้เหยาเอ๋อตกใจกลัวอีกนะ”
ถ้าหากว่าเด็กคนนี้โตไปเป็นคนขี้กลัวจะทำอย่างไร?
“...” ทางด้านพ่อมังกรถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ใครกันแน่ที่พูดให้ลูกกลัว?
เมื่อเด็กทั้ง 5 คนที่อยู่ด้านข้างเห็นหลงเหยาถูกแม่หลอกแบบแนบเนียน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมือกุมหน้าผากตัวเอง
หลังจากที่ทุกคนได้เดินทางออกจากเผ่ามาไกลถึงเพียงนี้ แต่สมองของของเจ้าตัวเล็กก็พัฒนาขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แล้วพวกเขาก็รู้สึกว่ามันจะพัฒนาได้แค่นี้แหละ
เวลาผ่านไม่ไปนาน ทั้งครอบครัวสุขสันต์ก็นั่งขัดสมาธิอยู่รอบ ๆ หม้ออาหาร จนถึงปัจจุบันพวกเขาถูกแยกห่างกันเกือบเดือนแล้ว มื้อนี้หูเจียวเจียวจึงทำอาหารมากเป็นพิเศษเพื่อบำรุงพ่อแม่และพี่ชายของตน
ปลาไหลไฟฟ้ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีไขมันมาก แล้วก็เป็นยาชูกำลังชั้นดี
“อื้ม! เจียวเจียว ทำไมปลาที่เจ้าปรุงอร่อยจัง มันแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย อร่อยมาก...”
หูหลินเป็นคนเดียวที่ไม่เคยลิ้มรสฝีมือการทำอาหารของจิ้งจอกสาว เขาจึงตักอาหารกินเรื่อย ๆ พร้อมกับเอ่ยชมเธอไม่หยุดปาก
ทางด้านหูเฉียงกลอกตาใส่คนพูด “ดูสิ เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเสียแล้ว อีกอย่าง เจ้าไม่ได้ถูกเชิญให้มากินข้าวร่วมกับพวกเราด้วย”
ในตอนที่คนเป็นหัวหน้าเผ่าได้ยินว่าหูเจียวเจียวกำลังทำอาหาร เขาก็ทำตัวติดหญิงสาวเป็นตังเม ไม่ว่าเธอจะขับไล่เขาออกไปแบบอ้อม ๆ เขาก็ไม่ยอมไปไหน แม้แต่ภูตคนอื่น ๆ ของเผ่าเล่ยเหอเขาก็ไม่สนใจและปล่อยให้คนพวกนั้นจัดการทุกอย่างเอาเอง
“ข้าไม่ใช่คนโลกแคบสักหน่อย” หูหลินพ่นลม “ข้าเคยผ่านเผ่ามามากกว่าที่เจ้าเคยไปมาด้วยซ้ำ!”
หลังจากชายวัยกลางคนพูดจบ เขาก็หันหน้าไปมองจิ้งจอกสาวด้วยรอยยิ้มและพูดยกยอเธอ
“แต่ไม่มีใครเก่งเท่ากับเจียวเจียวของเราแล้ว”
หูหมินพอใจมากกับคำพูดเหล่านี้และพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เจ้าตาถึงมาก”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ถ้าท่านชอบก็กินเยอะ ๆ นะ วันนี้ข้าทำไว้เยอะเลย” หูเจียวเจียวยิ้มก่อนจะหันไปมองพวกหูหมิน “ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ควรรีบกินเหมือนกัน ถ้าอาหารเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย”
คำพูดของหญิงสาวเป็นเหมือนคำชี้ขาดที่ทำให้ทุกคนรีบทำตามทันที
หลังจากนั้นพวกเขาก็หยุดโต้เถียงกัน และหันไปเพลิดเพลินกับอาหารด้วยสีหน้ามีความสุข
ขณะที่ทุกคนมัวแต่พูดคุยกัน หลงโม่ได้นำชามเนื้อปลาที่ไม่มีก้างเดินตรงมาที่กลุ่มเงียบ ๆ
จังหวะนั้นหลงเหยาจ้องมองไปที่ชามเนื้อปลาอย่างกระตือรือร้น ดวงตาของเขาเคลื่อนไปพร้อมกับชามราวกับว่ามีเครื่องระบุตำแหน่ง
เขาเห็นพ่อมังกรถือชามเนื้อไร้ก้างกลับมาและเดินมาหาเขา ดังนั้นเขาจึงกัดฟัน ยื่นมือเล็ก ๆ ออกไปโดยตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะรับชามจากอีกฝ่าย
“ขอบคุณท่านพ่อ~” เด็กน้อยพูดอย่างมีความสุข
ทันทีที่คนตัวเล็กพูดจบ หลงโม่ก็วางชามลงตรงหน้าหูเจียวเจียว แล้วเสียงนุ่มทุ้มของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและผ่อนคลาย “เจียวเจียว เจ้ายุ่งมาทั้งวันแล้ว เจ้าก็กินด้วยสิ”
“...”
บัดนี้หน้าของหลงเหยาเห่อร้อนขึ้นมาทันที
ก่อนที่เขาจะเบะปากทำหน้าบึ้ง จากนั้นก็ดึงมือน้อย ๆ ของตัวเองกลับมาด้วยความหดหู่ ถ้าเป็นในการ์ตูนก็คงมีเมฆสีดำทะมึนพร้อมกับฝนโปรยปรายอยู่บนหัวของเขา
ในขณะที่เจ้าตัวเล็กกำลังเสียใจอยู่นั้น ไม่นานก็มีชามอาหารยื่นออกมาตรงหน้าเขา
“เหยาเอ๋อ นี่คือลูกชิ้นปลาไหลที่แม่ทำมาให้เจ้าโดยเฉพาะ ในนั้นไม่มีก้างปลาแล้ว เจ้าลองชิมดูสิ”
หูเจียวเจียวมองลูกชายคนเล็กที่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างขบขันและเฝ้าดูจนกว่าเด็กคนนี้จะกินมัน
ทางด้านหลงเหยาขยับจมูกฟุดฟิดแล้วได้กลิ่นอันแสนเย้ายวนใจ เขาจึงเบิกตามองชามลูกชิ้นปลาที่มีกลิ่นหอมและน่ารับประทาน
จากท่าทางเหมือนต้นอ่อนที่ไม่ได้รับน้ำมานานจนเหี่ยวเฉา บัดนี้ดวงตาสีทับทิมเต็มไปด้วยความแวววาว
“ขอบคุณท่านแม่~ ท่านแม่ดีที่สุด!”
ในขณะที่หลงเหยาพูด มือน้อย ๆ ของเขาก็ถือชามเอาไว้อย่างระมัดระวัง
ระหว่างนั้นหางที่โผล่อยู่ด้านหลังก็สะบัดไปทางซ้ายทีขวาทีซึ่งเผยให้เห็นถึงอาการตื่นเต้นของเจ้าของหางในเวลานี้
ภาพที่ปรากฏทำให้หูเจียวเจียวยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะหันไปตักลูกชิ้นปลาใส่ชามให้เด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม
“แม่พาหมอผีกลับมาจากเผ่าหมาป่าด้วย เซียวเซียว จงเอ๋อและหยินชาง ถ้าพวกเจ้ากลับไปที่เผ่าแล้ว แม่จะขอให้หมอผีรักษาพวกเจ้า”
วินาทีนั้นลูกทั้ง 3 ชะงักตัวแข็งทื่อพร้อมกับทำตะเกียบหลุดมือ
หมอผี!
ท่านแม่พาหมอผีกลับมาด้วยจริงหรือ!?
“ท่านแม่” หลงเซียวเรียกผู้เป็นแม่เบา ๆ “ข้าไม่เป็นไร ท่านขอให้ท่านหมอรักษาน้องสามกับพี่หยินชางก่อนเถอะ”
เนื่องจากหมอผีนั้นหายากมาก การจะขอให้นางช่วยรักษามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่หมอผีจะยอมรักษาภูต 3 คนในคราวเดียว แม้ว่าอีกฝ่ายจะยินยอมก็ตาม แต่ท่านแม่ก็ต้องทำการแลกเปลี่ยนบางอย่างกับนางในราคาที่สูงมาก
หลงเซียวรู้ดีและยินดีที่จะละทิ้งโอกาสนี้ให้พี่น้องคนอื่น
หลงจงเองก็เข้าใจความจริงของเรื่องข้างต้นเช่นกัน และพูดโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลาว่า “ข้าไม่ต้องการให้หมอผีมารักษา ยาของท่านแม่ก็ได้ผลมากพออยู่แล้ว ดูสิ ตอนนี้รอยแผลเป็นบนใบหน้าของข้าจางลงไปตั้งมาก ข้าไม่ต้องการให้หมอผีมารักษาหรอก!” นี่คือสิ่งที่เขาพูด แต่เขาก็ยังไว้ผมยาวปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งเหมือนเดิม
ถ้าอยากให้หมอผีรักษาใครสักคนหนึ่ง คนคนนั้นไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน
เด็กชายไม่ต้องการให้แม่ของตนต้องคำนับขอร้องภูตคนอื่นเพื่อพวกเขา
เขายอมตายเสียดีกว่า!
ทางด้านหยินชางก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งเช่นกัน ก่อนที่เขาจะรีบโบกมือปฏิเสธ
ในใจของเขาคิดว่าตัวเองโชคดีมากแล้วที่ได้แม่จิ้งจอกรับเลี้ยงเขาเป็นลูกบุญธรรม เขาไม่กล้าขออะไรมากไปกว่านี้แล้วจริง ๆ
เขากลัวว่าถ้าเขาโลภเกินไป เขาจะสูญเสียทุกอย่างที่ตนมีในตอนนี้
เดิมทีหูเจียวเจียวคิดว่าลูก ๆ จะมีความสุขมากที่ได้รู้ข่าวดี แต่เธอไม่คาดคิดว่าทั้ง 3 คนจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ มันทำให้เธอรู้สึกสงสารพวกเขาอยู่ในใจพักหนึ่ง
บางครั้งการมีเหตุผลมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
หญิงสาวนึกอยากให้เด็ก ๆ รู้ความน้อยกว่านี้สักหน่อย...
ในตอนนั้นเอง มือขนาดเล็กของเด็กน้อยชูขึ้นสูงเหนือหัวของตัวเอง
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ครอบครัวได้มานั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข คิดถึงบรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้มาก