ตอนที่แล้วบทที่ 333: ชำระบัญชีกับภูตหนู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 335: ในที่สุดครอบครัวก็กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง

บทที่ 334: มีความสามารถเทียบเท่ากับพ่อ


ฟึ่บ!!

“โอ๊ย! เจ็บนะ! เจ็บ ๆๆ พวกเจ้าเบา ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!”

ในอาณาเขตของภูตหนู ปัจจุบันหัวหน้าภูตหนูและสู่ต้าโดนหิ้วปีก 2 ข้างโยนกลับมาที่บ้าน จากนั้นพวกเขาได้เรียกหมอ 2 คนมาช่วยรักษาแผล ในระหว่างที่ทำการรักษาก็มีเสียงสบถด่าดังขึ้นไม่หยุด

เดิมที ในเผ่าหนู, กิ้งก่าและเต่าไม่มีหมออยู่เลยแม้แต่คนเดียว แต่หูหลินเป็นคนขอให้หมอของเผ่าจิ้งจอกเลือกภูตที่ดูฉลาด 2 คนจากอีก 3 เผ่ามาสั่งสอนวิชา

แล้วหมอทั้ง 2 ของภูตหนูยังเด็กมาก หลังจากถูกคนเจ็บด่าทออยู่นาน พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

จากนั้นหมอคนหนึ่งก็พึมพำเสียงเบา

“ฝีมือการรักษาของเราไม่ดีเท่ากับของท่านอาจารย์ ถ้าท่านไม่ชอบ ท่านก็ไปบอกหัวหน้าให้เขาสั่งให้ท่านอาจารย์มาช่วยรักษาสิ”

ทั้งคู่ร่ำเรียนวิชากับอาจารย์มาตลอด และจะกลับมาช่วยงานที่นี่เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น แต่เนื่องจากในเผ่ามีปัญหาเรื่องการแจกจ่ายเสบียง พวกเขาจึงถูกอาจารย์ขับไล่ออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้กับอาจารย์อีกเลย

ที่ผ่านมาหมอของเผ่าหนูทั้ง 2 คนได้เรียนรู้อะไรมากมายจากอาจารย์ของตน ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างไม่พอใจกับพฤติกรรมของหัวหน้าภูตหนูแล้วคิดว่าอีกฝ่ายใจร้ายมาก

“นั่นก็หัวหน้า นี่ก็หัวหน้า! พูดอยู่ได้ เจ้าอยากติดตามจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นมากนักหรือไง” ชายร่างอ้วนเตี้ยเตะหมอจนกระเด็น พลางขมวดคิ้วพูดว่า “ตอนนี้หูหลินไม่ใช่หัวหน้าของเจ้าแล้ว มันไม่สนใจว่าเราจะเป็นจะตายยังไง หลังจากนี้ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง!”

สู่ต้าเห็นด้วยกับผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวเสริมว่า “ถูกต้อง พ่อของข้าเป็นหัวหน้าของเจ้า อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือภูตเผ่าหนู ไม่ใช่ภูตเผ่าจิ้งจอกของเขา!”

ภูตหนูอีกคนที่เป็นหมอประจำเผ่าได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วฉับ พร้อมกับที่เขากดมือแรงขึ้น

“โอ๊ยยย! เจ้าจะฆ่าข้าเรอะ!!” สู่ต้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ

“ถ้าหัวหน้าไม่เสนอที่จะแจกจ่ายเสบียง หัวหน้าเผ่าก็คงไม่ใจร้ายกับเราขนาดนี้...” คนเป็นหมอพูดอย่างไม่พอใจ

หากปราศจากความเมตตาของหัวหน้าแล้ว เผ่าหนูก็ไม่มีหมอมาจนถึงทุกวันนี้หรอก!

จากนั้นชายแคระก็ผลักหมอออกไปอย่างแรง “คำก็หัวหน้า สองคำก็หัวหน้า เจ้านี่มันลืมกำพืดตัวเอง! เขาให้กำเนิดเจ้าหรือเลี้ยงดูเจ้ามาหรือไง!?”

สู่ต้าพูดกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าขยะแขยง แต่ว่าเขาขยับตัวมากเกินไปจนทำให้แผลตึงขึ้น แล้วเขาก็ทำหน้าเหยเกเพราะเจ็บปวด

ขณะเดียวกัน หมอเผ่าหนู 2 คนมองหน้ากันก่อนจะหลุบตาลงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรอีก

หลังจากนั้นไม่นาน สู่เอ้อร์ก็วิ่งเข้ามาในถ้ำ

“ท่านพ่อ ข้านับเสบียงเสร็จแล้ว” เขาเดินไปหาทั้ง 2 คนและยืนเคียงข้างกับหมอโดยก้มศีรษะลงจนหลังโค้ง

เขาแสดงความเคารพต่อหัวหน้าภูตหนูโดยไม่รู้ตัว ซึ่งท่าทางนั้นไม่เหมือนพ่อกับลูก แต่เหมือนเจ้านายกับคนรับใช้มากกว่า

“เจ้าก็ขนมันมาสิ ยังจะต้องรอให้ข้าออกคำสั่งอีกหรือ? เจ้าไม่มีสมองหรือไงถึงคิดเองไม่เป็น น่าขายขี้หน้าจริง ๆ!” ทันทีที่หัวหน้าภูตหนูเห็นลูกชายคนรองเดินเข้ามารายงาน สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูไม่พอใจมากขึ้น และด้วยเหตุผลบางประการ จู่ ๆ บาดแผลตามตัวเขาก็รู้สึกปวดตุบ ๆ ขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ไม่เจริญหูเจริญตาเลยสักนิด!

“ท่านพ่อ หัวหน้าให้คนมาย้ายเสบียงครึ่งหนึ่งออกไป แต่ของที่พวกเขาเอาออกไปเป็นพวกหนังสัตว์และฟืนที่เราเอาไว้ใช้ให้ความร้อนทั้งหมด แล้วเขาก็ทิ้งอาหารที่เหลือทั้งหมดไว้ให้เรา” สู่เอ้อร์รายงานอย่างระมัดระวังพร้อมกับที่เขาก้มหน้าต่ำลง

“อะไรนะ?” หัวหน้าภูตหนูนั่งตัวตรง ก่อนจะกลอกตาและยิ้มกว้าง “ไอ้จิ้งจอกเฒ่าคนนั้นโง่มากที่เอาแต่ของไร้ประโยชน์อย่างพวกหนังสัตว์ไป ที่จริงแล้วเสบียงที่สำคัญที่สุดในยามฤดูหนาวก็คืออาหารต่างหาก!”

เดิมทีเขาคิดว่าการปล่อยให้อีกฝ่ายขนเสบียงออกไปครึ่งหนึ่งจะทำให้ตนไม่เหลืออะไรกิน แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเจ้าลูกชาย เขาก็รู้สึกโล่งใจทันที เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขามาก

“ท่านพ่อ สิ่งที่ท่านจะบอกก็คือหนังสัตว์และฟืนไม่สามารถทำให้เราอิ่มท้องได้ ไอ้จิ้งจอกเฒ่านั่นต้องแสร้งทำเป็นใจดีกับเราแน่ ถ้าหลังจากนี้พวกมันมีอาหารกินไม่เพียงพอ ก็สมน้ำหน้าแล้วที่พวกมันจะอดตาย!” สู่ต้าพูดอย่างมีความสุข

“พอเสบียงของพวกมันหมด พวกมันจะต้องซมซานมาขอแบ่งอาหารจากเรา”

ยามนี้บนใบหน้าของ 2 พ่อลูกเผ่าหนูประหนึ่งมีคำว่าความสุขตัวใหญ่ ๆ เขียนอยู่

เมื่อหมอของเผ่าหนูทั้ง 2 คนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ทำสีหน้าแปลก ๆ ขณะมองพ่อลูกราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนโง่

พ่อลูกคู่นี้ยังมีหน้ามามีความสุขได้ยังไงกันในเมื่อเชื้อเพลิงที่ช่วยทำความร้อนในฤดูหนาวถูกพรากไปหมดแล้ว?

เมื่อคนเป็นหมอคิดถึงคำพูดแย่ ๆ ของพวกเขาเมื่อกี้นี้ ทั้งคู่ก็เกิดความคิดใหม่ในใจ...

“แต่ท่านพ่อ เราไม่เหลือเชื้อเพลิงให้ความร้อนอยู่เลย ตอนนี้เพิ่งเข้าสู่ฤดูหนาว มันยังเหลือเวลาอีกตั้ง 5 เดือน แล้วหลังจากนี้มันจะหนาวขึ้นเรื่อย ๆ อีก...”

สู่เอ้อร์ทำหน้าลำบากใจแล้วพูดขัดจังหวะทั้ง 2 คนเสียงเบาเพื่อพยายามเตือนสติคนในครอบครัว

“หลังจากนี้พวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงหากไม่มีเชื้อเพลิงทำความร้อน ไม่อย่างนั้นเอาแบบนี้ไหม ข้าจะไปขอร้องหัวหน้าเพื่อขอแลกเปลี่ยนอาหารกับของพวกนั้น”

เมื่อหัวหน้าภูตหนูได้ยินเช่นนี้ เขาก็เขม็งมองแบบโกรธเคือง

“นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ มีอาหารให้กินอยู่ดี ๆ ก็ดีแล้ว เจ้าจะเอาไปแลกเปลี่ยนกับของอย่างอื่นทำไมกัน!?”

จากนั้นเขาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของลูกชายคนรองอย่างแรง “เจ้านี่มันไม่ได้ข้ามาเลยสักนิด เราจะอยากได้เชื้อเพลิงทำความร้อนไปทำไม ขนบนตัวของเจ้ามีไว้ประดับเฉย ๆ หรือไง เจ้าคิดว่าเราจะแข็งตายได้ง่าย ๆ รึ?” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยความไม่พอใจ

“น้องรอง เจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ นี่เจ้าเป็นลูกของท่านพ่อหรือเป็นลูกของหัวหน้ากันแน่ ถ้าเจ้าไม่มีอะไรกินตลอดฤดูหนาว มันจะทำให้เจ้ามีชีวิตรอดไปได้หรือไง?”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...” สู่เอ้อร์รีบโบกมือเพื่ออธิบายตัวเอง “ข้าก็แค่กังวลนิดหน่อย...”

“จะกังวลไปทำไม? รอดูต่อไปเถอะว่าพวกมันจะอดตายก่อนหรือเราจะแข็งตายก่อนกันแน่” สู่ต้าเบะปากและพูดขัดจังหวะน้องชาย

สู่เอ้อร์อ้าปากค้างมองไปที่ผู้เป็นพ่อกับพี่ชายอย่างเศร้าหมอง แล้วสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่ออีก...

ในตอนเย็นของวันนั้น หูชิงซานนำภูตเข้ามาในเผ่าเล่ยเหอ แล้วหูหลินก็ช่วยจัดหาที่พักให้กับพวกเขาด้วยตัวเอง

เนื่องจากนี่เป็นการตัดสินใจแบบเร่งด่วน อีกทั้งคนที่หูเจียวเจียวพามาก็มีจำนวนมากเกินไป เผ่าเล่ยเหอจึงเหลือแค่ถ้ำธรรมดา ๆ ให้คนที่เหลือได้ใช้พักผ่อนเป็นการชั่วคราว

แต่ถึงกระนั้น สำหรับภูตมันก็ดีกว่าการนอนอยู่ข้างนอกมากมาย แล้วมันดีมากที่พวกเขาไม่ต้องไปนั่งกินและนอนอยู่ในที่โล่งให้ลมพัดโกรกตลอดเวลา

ทันทีที่เหล่าภูตสงบลง อิงหยวนก็แทบรอไม่ไหวที่จะถามหูหลินว่า

“ผู้หญิงอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปพบพวกนาง”

ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าวางมือจากงานตรงหน้ามามองหน้าตาบอกบุญไม่รับของชายที่เขาเคยพบ ก่อนจะเมินอีกคนไปแล้วยิ้มให้กับหูชิงซานที่กำลังสั่งให้ทุกคนเก็บสัมภาระ “เจ้าคือลูกชายคนโตของหมินหมิ่น หูชิงซานใช่ไหม?”

“เจ้าหน้าตาดีทีเดียว แล้วก็เก่งพอ ๆ กับเจียวเจียว สมแล้วที่เจ้าเป็นลูกของหมินหมิ่น ไหนมาให้พ่อดูชัด ๆ หน่อย...”

ปัจจุบันหูหมินแก่เกินกว่าจะมีลูกได้อีก หูหลินที่ได้เจอบรรดาลูกของนางจึงพยายามปฏิบัติตัวต่อเหมือนพวกเขาเป็นลูกของตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของจิ้งจอกหนุ่มค่อนข้างแข็งกระด้างและเขาก็ก้มศีรษะลงพลางเรียกชายตรงหน้าด้วยความเคารพ

“หัวหน้า ข้าชื่อหูชิงซาน ข้าเป็นลูกชายคนโตของตระกูลหู”

ปัจจุบันชายหนุ่มได้รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่ตนเองกับหูหลินจากโหวเสี่ยวเตียวแล้ว แต่เขายังทำใจเปิดปากเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อไม่ได้จริง ๆ

“ไม่เลว ๆ เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ แล้วในอนาคตเจ้าจะต้องมีความสามารถเทียบเท่ากับพ่อแน่นอน!”

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินคำพูดที่ไม่ค่อยเข้าหูของลูกชายคนโต เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แถมยังหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี

จากนั้นเขาก็ตบหน้าอกชื่นชมตัวเองเช่นกัน

“...”

คำพูดและท่าทางของหูหลินทำให้มุมปากของหูชิงซานกระตุกยิก ๆ

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: นี่คือตัวอย่างของคำว่า มีผู้นำแย่ เราจะตาย-่ากันหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด