บทที่ 333: ชำระบัญชีกับภูตหนู
บัดนี้สู่ต้าจับมือหลงโม่ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง แต่พละกำลังของเขาไม่ต่างจากการกำลังเกามือของอีกฝ่ายเลย ตอนนี้เขาทำให้มันขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปไม่นาน ใบหน้าของชายตัวเตี้ยก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม และดวงตาสีขาวของเขาก็กำลังจะถลนออกมาจากเบ้า
“จะ-เจ้า...ปะ-ปล่อยนะ...”
ขณะนี้มังกรหนุ่มยังคงทำหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกใด ๆ เขายกอีกคนจนเท้าลอยขึ้นสูงโดยไม่คำนึงว่าชายตรงหน้าจะพูดจบประโยคหรือไม่
ส่วนหัวหน้าภูตหนูตกใจมากจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เขารู้สึกหวาดหวั่นกับออร่าอันน่าสะพรึงกลัวของชายหนุ่มร่างสูงจนยืนตัวแข็งอยู่กับที่ เขาต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเรียกสติคืนกลับมาได้ และรีบขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นหัวหน้าเผ่า
“หัวหน้า ช่วยเขาด้วย บอกให้เขาปล่อยสู่ต้า ลูกของข้ากำลังจะถูกเขาบีบคอตายแล้ว!”
“หัวหน้า ช่วยสู่ต้าเร็วเข้า!”
เขารู้ว่าตนไม่สามารถต่อกรกับชายที่ทรงพลังได้แน่นอน เขาจึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากหูหลินเท่านั้น
ทางด้านคนเป็นหัวหน้าเผ่าทำหน้าเย้ยหยันและยังคงยืนดูนิ่ง ๆ ไม่ขยับเขยื้อนอะไร “ข้าเพิ่งบอกไปว่าหลังจากแบ่งเสบียงแล้ว ข้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าและกลุ่มภูตหนูอีก เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”
“แต่ท่านยังไม่ได้ตอบตกลงเรื่องเสบียงพวกนั้น!” หัวหน้าภูตหนูโพล่งออกมาแบบไม่ทันได้คิด
เมื่อหลงโม่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็เพิ่มแรงบีบขึ้นอีก 2-3 เท่าจนทำให้สู่ต้ารู้สึกหายใจไม่ออก
บัดนี้หัวหน้าภูตหนูหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้และรีบเปลี่ยนคำพูดตัวเอง
“ข้าคิดผิดเอง ข้าไม่อยากแบ่งเสบียงแล้ว การแจกจ่ายเสบียงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้าเลย หัวหน้าช่วยลูกข้าด้วย เขาเป็นลูกชายคนเดียวของข้า ท่านต้องช่วยเขา!”
ชายอ้วนตัวเตี้ยรู้สึกทรมานที่เห็นลูกตัวเองใกล้ตายต่อหน้าและกำลังจะร้องไห้อยู่มะรอมมะร่อแล้ว
ในเวลาเดียวกัน สู่เอ้อร์ที่ยืนเบียดเสียดอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยสีหน้าเป็นกังวล วินาทีนั้นเขารู้สึกปวดใจอย่างเฉียบพลันราวกับว่าตนถูกของหนักกระแทกเข้าใส่หัว
ปรากฎว่าในสายตาของผู้เป็นพ่อ เขาไม่ใช่ลูกของท่านพ่อ…
อีกด้านหนึ่ง หลงโม่เหวี่ยงสู่ต้าตรงไปที่หัวหน้าภูตหนูโดยทำเพียงแค่สะบัดมือเบา ๆ
ส่วนภูตที่อยู่รอบ ๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างมีสติ และหัวหน้าภูตหนูก็รีบเอื้อมมือหมายจะไปจับตัวลูกชาย แต่ร่างใหญ่เทอะทะของเขาเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก เขาจึงล้มกลิ้งไปชนอีกฝ่าย ทำให้ทั้งคู่ตกลงไปในหิมะด้วยกัน
“ลูกพ่อ สู่ต้า เจ้าเป็นอะไรไหม?” คนเป็นพ่อลุกขึ้นอย่างเป็นทุกข์ก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงลูกตัวเองขึ้นมา
เวลานั้นหูเจียวเจียวเลิกคิ้วพร้อมกับเดินไปยืนข้างหลงโม่และแอบยกนิ้วโป้งให้เขา
เดิมทีมังกรหนุ่มไม่เคยพูดจาไร้สาระกับใคร ถ้าสิ่งนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยกำลัง เขาก็จะลงมือแบบไม่ลังเล
จากนั้นเธอหันไปมองคน 2 คนบนพื้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
“ข้าไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ ถ้าเจ้าต้องการเสบียงของข้า เจ้าก็สามารถแลกเปลี่ยนมันด้วยชีวิตของเจ้า”
ปัจจุบันเสบียงของเผ่าเล่ยเหอกำลังขาดแคลน เธอคิดว่ามันน่าจะส่งผลกระทบกับ 2 คนนี้เป็นอย่างมาก ทว่าเธอก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับธุระภายในเผ่าของคนอื่น
“ไม่ เราไม่ต้องการมันอีกแล้ว” หัวหน้าภูตหนูโบกมือไหว ๆ พลางจ้องมองหญิงสาวเหมือนกำลังเจอผี
เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่โหดร้ายและไม่มีเหตุผลเช่นนี้มาก่อน
นางใจร้ายกับพวกเขามาก จิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์อย่างหูหลินมีลูกแบบนี้ ในอนาคตเขาจะต้องไม่มีชีวิตที่สงบสุขแน่นอน!
“ข้า… เราต้องการเสบียงจากถ้ำนั้น…”
ก่อนที่ชายร่างอ้วนจะพูดจบ หูเจียวเจียวก็พูดขัดเขาเสียงดัง
“หัวหน้า เขาเพิ่งบอกให้ท่านแจกจ่ายเสบียง ดังนั้นท่านควรตรวจสอบจำนวนเสบียงของเผ่าให้ดีก่อนที่จะแจกจ่าย”
พอคนเป็นหัวหน้าภูตหนูได้ยินดังนั้น เขาก็ตัวแข็งทื่อทันที และยังไม่ทันที่เขาจะได้ปฏิเสธ หูหลินก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ เจียวเจียว พ่อฟังเจ้า!”
ยามนี้ใบหน้าของหัวหน้าเผ่าเปี่ยมสุขเพราะเจียวเจียวออกมาพูดแทนตน แถมนางยังเสนอความคิดให้แก่เขาด้วย!
เจียวเจียวใส่ใจข้า ถือว่านางยอมรับแล้วว่าข้าเป็นพ่อของนาง! ฮ่า ๆ ในที่สุดเจียวเจียวก็ยอมรับข้าแล้ว!
เมื่อความเศร้าโศกหายไปเป็นปลิดทิ้ง หูหลินก็นำกลุ่มภูตไปนับเสบียงโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก
ในเวลาเดียวกัน หัวหน้าภูตหนูไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
...
“หัวหน้า เราตรวจนับเสบียงในถ้ำทั้งหมดแล้ว เสบียงในถ้ำอื่นยังคงเหลือเท่าเดิม แต่เสบียงในถ้ำที่อยู่ใกล้กับเผ่าหนูมีน้อยกว่ามาก…” ไม่นานลูกน้องที่หูหลินส่งไปตรวจนับเสบียงก็กลับมารายงาน
นั่นทำให้ใบหน้าของผู้เป็นหัวหน้าเผ่ามืดมน ในขณะที่เขาถามว่า
“ขาดไปเท่าไหร่?”
“อย่างน้อยก็...ครึ่งหนึ่ง”
วินาทีนั้นหูหลินกำมือแน่นจนกระดูกลั่นเสียงดัง แล้วเขาก็ยั้งมือตัวเองไม่ไหวจึงชกเข้าไปที่สันจมูกของหัวหน้าภูตหนูเต็มแรง
ผัวะ!
ต่อมา เขาตวาดด้วยความโกรธแค้น
“นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าต้องการให้ข้าแบ่งเสบียงสินะ!!”
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเจียวเจียวถึงบอกให้เขานับเสบียงทั้งหทด
ทางด้านหัวหน้าภูตหนูที่ถูกชกเกือบจะลงไปกองกับพื้น แต่โชคดีที่ภูตที่อยู่ข้างหลังเขาช่วยพยุงตัวเขาไว้ได้ทัน
“หัวหน้า ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าแค่ไปหยิบของในนั้นบ้างเป็นครั้งคราวในยามที่ข้ามีเสบียงไม่เพียงพอ…” ชายร่างท้วมยิ้มเจื่อนพลางกุมจมูกอธิบายอย่างรู้สึกผิด
ตราบใดที่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับ มันก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
ระหว่างนั้นหูเจียวเจียวเพิ่งเดินเข้ามา พอเธอได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เธอก็เตือนพ่อคนที่ 2 เสียงเบาว่า
“หัวหน้า ภูตคนนี้ควรถูกขับไล่ออกจากเผ่าทันที และท่านไม่จำเป็นต้องแบ่งปันเสบียงให้เขา”
สิ่งที่จิ้งจอกสาวพูดทำให้หัวหน้าภูตหนูเบิกตาโตจนแทบถลนออกจากเบ้า
“ไม่! ในเผ่าเราร่วมกันหาเสบียงมา ทำไมข้าจะใช้มันไม่ได้!”
เมื่อหูหลินเห็นว่าอีกคนไม่แสดงอาการสำนึกผิด เขาก็ยิ่งหน้าแดงด้วยความโกรธ เขากำหมัดที่สั่นเทาอย่างรุนแรงและพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ
ในอดีต หัวหน้าภูตหนูเป็นคนที่เอาใจใส่มากที่สุด เขามักจะทำงานอย่างกระตือรือร้น แต่เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะความคิดที่น่าเกลียดเช่นนี้
“เจ้าขโมยเสบียงของเผ่า และเจ้านำเสบียงในถ้ำนี้ไปกินไปใช้คนเดียวจนมันเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง งั้นเจ้าก็เอาเสบียงอีกครึ่งที่เหลือไป แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าพูดอย่างฉุนเฉียว
ชายร่างอ้วนท้วนเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นใบหน้าโกรธจัดของชายตรงหน้า เขาก็ไม่กล้าพูดโต้แย้งอะไร
เขากลัวว่าหากตนพูดอะไรออกไป เขาจะไม่เหลือเสบียงอีกครึ่งทีเหลือด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ เสบียงในถ้ำครึ่งหนึ่งจะเป็นของข้า” หัวหน้าภูตหนูพูดอย่างเร่งรีบเพราะกลัวว่าอีกคนจะเปลี่ยนใจทีหลัง
ยามนี้หูหลินโกรธมากจนไม่อยากคุยกับคนชั่ว ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ใครสักคนช่วยขนย้ายเสบียงครึ่งหนึ่งออกจากถ้ำ
ขณะนั้นหูเจียวเจียวเข้ามายืนอยู่ข้างหูหลิน
“หัวหน้า” เธอเรียกเขาแล้วขยับเข้าไปใกล้อีกคนเพื่อกระซิบคำพูดไม่กี่คำข้างหูเขา
เมื่อชายตัวใหญ่ได้ยินคำพูดนั้น ความโกรธในดวงตาของเขาก็จางหายไป ก่อนที่เขาจะเขาพยักหน้าและสั่งลูกน้องของตัวเองต่อ
ในเวลาไม่นาน ภูตจิ้งจอกก็ขนย้ายเสบียงครึ่งหนึ่งออกไปแล้วแยกทางกับกลุ่มภูตหนู
หลังจากหูเจียวเจียวได้รับอนุญาตจากหูหลิน และก่อนที่พวกโหวเสี่ยวเตียวจะกลับมา เธอก็ส่งภูตอีกคนไปรับพวกเขามายังเผ่า
ระหว่างทางกลับ หลงโม่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย เขาจึงถามภรรยาสาวว่า “เจียวเจียว เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับหัวหน้า?”
วินาทีนั้นดวงตาของหูเจียวเจียวมีเลศนัยขณะตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไร เจ้ารอดูต่อไปเถอะ”
…
ในค่ายพักแรมชั่วคราว
โหวเสี่ยวเตียวเพิ่งบอกพวกหูชิงซานเกี่ยวกับข่าวในเผ่าเล่ยเหอ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้กลับไป คนของเผ่าอีกคนก็มาถึง
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ มีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกเจียวเจียวหรือเปล่า?” ลิงหนุ่มถามอย่างประหม่าเมื่อเห็นคนวิ่งเข้ามา
ได้โปรด ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นในเผ่าเล่ยเหอเลย
ภูตคนนั้นส่ายหัวพลางหอบหายใจและกลั้นหัวเราะ
“ไม่มี หูเจียวเจียวบอกให้พวกเจ้าเข้าไปในเผ่าเล่ยเหอ นางบอกว่าให้พักผ่อนในเผ่าเล่ยเหอสัก 2-3 วันก่อนจะเดินทางกลับ และภูตบางส่วนจากเผ่าเล่ยเหอจะเข้าร่วมเผ่าของเรา!”
“น้องเล็กของเราน่าทึ่งมาก!” หูชิงหยวนตบหลังภูตคนที่มาส่งข่าวด้วยความตื่นเต้น
“!!” ฝ่ายที่ถูกประทุษร้ายสำลักน้ำลายจนไอแรง ๆ
นั่นทำให้จิ้งจอกหนุ่มหัวเราะเบา ๆ และดึงมือออกด้วยความรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ข้าลงแรงเยอะไปหน่อย...”
“แค่ก ๆๆๆ...” คนส่งข่าวยังคงไอพลางกลอกตา
นี่เจ้าหนักมือไปหน่อยไหม กะเอากันตายเลยนะเนี่ย!
ภูตชายใช้เวลาสักครู่เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ พอเขาเห็นเด็ก 2 คนที่ยืนอยู่ข้างหลังหูชิงหยวน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายพร้อมกับโบกมือให้ทั้ง 2 คน
“หลงจง หลงเหยา หูเจียวเจียวขอให้ข้ามารับพวกเจ้ากลับไปด้วย แล้วอีกเรื่อง นางบอกว่าในเผ่ามีเหยื่อสด ๆ ด้วย ถ้าพวกเจ้าไปกับข้า นางจะเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้กิน”
ทันทีที่เจ้าตัวเล็กได้ยินคำว่า ‘อาหาร’ เขาก็เป็นเหมือนผึ้งน้อยที่กำลังมองหาน้ำหวาน เขาซอยขาสั้น ๆ แล้วเบียดตัวออกจากฝูงชนไปทันที
จากนั้นเจ้าของดวงตากลมโตฉายแววไร้เดียงสาขณะส่งเสียงว่า “ฟังดูน่ากินจัง! เสี่ยวเหยาอยากจะไปหาท่านแม่แล้ว เร็วเข้า ๆ ไปกันเถอะ!”