บทที่ 328: เจียวเจียว เจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่?
ขณะนี้ไม่ใช่เพียงแค่ภูตของเผ่าเล่ยเหอเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่พวกลู่เมี่ยนเอ๋อต่างก็มองไปที่หลงโม่ด้วยสีหน้าตกตะลึงปนกังวล
เขาไม่กลัวโดนต่อยปากแตกหรือไงที่พูดแบบนี้ออกมา?
เขากล้าบอกให้คนอื่นย้ายคนทั้งเผ่าไปที่เผ่าของพวกตน แม้ว่าหัวหน้าของทั้ง 2 ฝ่ายจะเห็นด้วย แต่พวกชาวบ้านบางคนอาจจะมีความคิดเห็นที่ขัดแย้ง!
แต่ถึงกระนั้น หลงโม่ก็ยังทำตัวนิ่งเฉยได้เหมือนเดิม เขาไม่รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองแปลกตรงไหนเลย ไม่นานเขาก็พูดต่อด้วยสีหน้าสงบ
“ข้าเชื่อว่าอิงหยวนคงเคยคุยกับท่านเรื่องการเข้าร่วมเผ่าของเรามาก่อนแล้ว เงื่อนไขที่เขาให้กับท่านยังคงเหมือนเดิม แล้วการทำแบบนี้มันจะทำให้ท่านได้อยู่เคียงคู่กับคนที่ท่านรักต่อไปได้ด้วย”
ในขณะนี้ ดวงตาที่ลึกล้ำของมังกรหนุ่มมองไปที่หูหลินเพื่อรอคำตอบจากอีกฝ่าย
ทางด้านผู้เป็นหัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วมุ่น แต่เขาไม่ได้ปฏิเสธทันที เขาเริ่มนิ่งใช้ความคิดอย่างจริงจังแทน
ก่อนที่ชายตัวโตจะทันได้พูดอะไร หูเฉียงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ลากหลงโม่กลับมา
“เจ้าลูกเขย เข้าร่วมเผ่าอะไรกัน? เจ้ากล้าพูดขอให้คนในเผ่าใหญ่เช่นนี้กลับไปพร้อมกับเราได้ยังไง ถ้ากลับไปกันหมดนี่ใครจะดูแลเรื่องเสบียงของพวกเขากัน? แล้วก่อนหน้านี้ฝ่ายนั้นเป็นคนปล้นเสบียงของเรามาด้วย...”
บัดนี้พ่อจิ้งจอกวัยกลางคนรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของลูกเขย
ความจริงเขารู้ว่าการรวมเผ่าเข้าด้วยกันเป็นเรื่องที่ดี แต่เขาแค่ไม่ชอบขี้หน้าหูหลิน
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของหูเฉียง ภูตคนอื่น ๆ ก็แสดงสายตากังวลขณะมองไปที่หูหลินและกลุ่มภูตเผ่าเล่ยเหอที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยความระแวดระวัง
ตามธรรมชาติของภูตนั้นชื่นชอบความแข็งแกร่ง แต่ก็กลัวความแข็งแกร่งมากเช่นกัน
มิหนำซ้ำเสบียงของพวกตนถูกภูตกลุ่มนี้ปล้นมา ซึ่งอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเผ่าของพวกเขาทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ ถ้าทุกคนมุ่งหน้ากลับไปที่เผ่าด้วยกัน ในอนาคตพวกเขาจะต้องถูกอีกฝ่ายควบคุมไม่ใช่หรือ?
ทางด้านหูเจียวเจียวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่าหลงโม่จะกล้าพูดตรงไปตรงมาและกล้าได้กล้าเสียขนาดนี้
ก่อนมาที่นี่ เธอได้รู้จากมังกรหนุ่มกับพี่ใหญ่ของเธอแล้วว่าเผ่านี้คือเผ่าที่เธอทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ ซึ่งเดิมทีเธอวางแผนที่จะเชิญพวกเขาให้เข้าร่วมเผ่าอยู่แล้ว
ทว่าหลงโม่กลับเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน เธอจึงรีบก้าวไปยืนเคียงข้างเขาเพื่อช่วยพูดกับหูหลินอีกแรง
“หัวหน้า หลงโม่พูดถูก ข้าหวังว่าท่านจะพาคนในเผ่าของท่านเข้าร่วมเผ่าของเราได้”
“เจียวเจียว...” หูเฉียงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ในขณะที่เขากำลังจะพูด หูหมินก็หยิกเอวเขาเต็มแรง เขาจึงได้แต่ทำหน้าเหยเกกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้แทน
จากนั้นแม่จิ้งจอกวัยกลางคนดึงเขาไปด้านหลังและพูดเห็นด้วยกับลูกสาว
“ข้าคิดว่าความคิดนี้ดีทีเดียว ถึงยังไงที่นี่ก็ไม่ค่อยมีเสบียงมากนัก เจ้าคงไม่สามารถดูแลภูตในเผ่าของตัวเองให้อยู่ดีกินดีได้ถ้าเจ้ายังรั้งอยู่ที่นี่”
หูหลินที่ได้ยินเช่นนั้นทำท่าทางอับอายพลางกะพริบตามองคนพูด
ถึงแม้ว่ามันจะน่าอายเกินไปสักหน่อยที่นางพูดแบบนั้น แต่ทุกอย่างที่นางพูดมามันก็คือเรื่องจริง
ในเวลาเดียวกัน หูหมินเมินสายตาของเขาแล้วพูดต่อว่า
“เจียวเจียวของเราเป็นคนโปรดของท่านเทพอสูร นางสอนให้เราปลูกผลไม้ดิน เลี้ยงกระต่าย สร้างบ้านหิน แถมไม่พอยังสามารถคิดแผนต้านทานการรุกรานของภูตเผ่าอื่นได้ด้วย ถ้าทุกคนเข้าร่วมเผ่าของเรา ทุกคนก็จะได้เรียนรู้วิธีการพวกนี้ทั้งหมดด้วยเหมือนกัน เจียวเจียวจะเป็นคนสอนเรื่องนี้ให้เอง”
หลังจากพูดจบนางก็ถามลูกสาวด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างที่แม่พูดไหมเจียวเจียว?”
จิ้งจอกสาวยิ้มพร้อมพยักหน้าให้แม่ผู้ช่วยเหลือของเธอและตอบว่า
“ใช่ ขอแค่ท่านนำพวกภูตมาเข้าร่วมเผ่าของเรา ท่านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกว่าจะมีเสบียงไม่เพียงพอตลอดฤดูหนาว และทุกคนก็ไม่จำเป็นจะต้องไปแออัดอยู่ในถ้ำ” เธอหยุดพูดชั่วคราวก่อนจะเสริมว่า “และเผ่าของเราก็มีหมอผีด้วย”
จากนั้นหูหมินก็เชิดหน้าขึ้นพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า
“พวกเจ้าได้ยินไหม ในเผ่าของเรามีหมอผีด้วย... หา! หา! ช้าก่อน!! หมอผีมาจากไหน!?”
แม่จิ้งจอกวัยกลางคนตกตะลึงไปชั่วขณะ นางรีบหันขวับไปมองหน้าคนเป็นลูกสาวก่อนจะดึงนางมากระซิบคุยกันเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ได้ยิน “เจียวเจียว เรามีหมอผีตั้งแต่เมื่อไหร่? การโกหกคนอื่นมันไม่ดีนะ ถ้าเราถูกเปิดโปงล่ะ...”
แม้ว่านางจะหวังให้อีกฝ่ายเข้าร่วมเผ่ากับพวกนางเพื่อที่เผ่าจะได้แข็งแกร่งขึ้น แต่นางก็รู้สึกว่าการโกหกผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่
ถึงอย่างไรความจริงก็จะต้องถูกเปิดโปงในสักวันหนึ่ง
ขณะนั้นหูเจียวเจียวหัวเราะเบา ๆ พลางวางมือบนไหล่ของอีกคนและพูดด้วยความมั่นใจว่า
“ท่านแม่ เผ่าของเรามีหมอผีอยู่จริง ๆ ข้าไม่ได้โกหก”
เธอไม่ได้จงใจลดเสียงลงแล้วพูดออกมาแบบเปิดเผย
ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ภูตทุกคนก็หันมาจ้องมองเธอเป็นตาเดียว พร้อมกับที่พวกเขาเบิกตากว้าง
หมอผี!
ภูตเผาเล่ยเหอ: เผ่าของพวกเขามีหมอผี!!
ลู่เมี่ยนเอ๋อและภูตคนอื่น ๆ: หมอผีมาจากไหน? เผ่าของเรามีหมอผีด้วยหรือ?
ในเวลานั้นภูตกลุ่มหนึ่งต่างก็รู้สึกกังวลใจประกอบกับมีคำถามมากมายอยู่เต็มหัว แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมาตรง ๆ
ทางด้านหูเจียวเจียวสังเกตว่าทุกคนดูประหลาดใจ เธอจึงอธิบายต่อไปอย่างใจเย็น “ข้าพาหมอผีกลับมาจากเผ่าหมาป่า ไม่ใช่แค่หมอผีนะ ข้ายังพาภูตกลับมาด้วยอีก 800-900 คน จากนี้ไปเผ่าของเราจะมีประชากรมากถึงพันคน”
พันคน!?
บัดนี้ภูตทั้งหมดตกตะลึงมาก
จากนั้นโหวเซียงกับโหวเสี่ยวเตียวก็กอดกันด้วยความตื่นเต้นพลางคิดว่าเจียวเจียวช่างเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ นางทำให้เผ่าเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่เคยกล้าฝันถึงมาก่อน!
ส่วนลู่เมี่ยนเอ๋อประสานมือของตัวเองเข้าด้วยกันและวางไว้บนหน้าอก ในขณะที่มองไปยังจิ้งจอกสาวด้วยสายตาชื่นชม
ยามนี้นางรู้สึกละอายใจกับการที่ตนมัวแต่คิดถึงคู่ของนาง
เจียวเจียวเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่นางทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเผ่าได้ตั้งมากมาย ในขณะที่ตัวข้าเองนั้นแทบจะรู้สึกทนไม่ได้ที่ถูกแยกห่างจากอิงหยวน ข้านี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ!
ปัจจุบันกวางสาวรู้แล้วว่าภูตหญิงก็สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือให้เผ่าเจริญเติบโตได้ นางจะต้องเรียนรู้เรื่องนี้จากจิ้งจอกสาวให้มาก ๆ และนางก็จะสามารถทำประโยชน์ให้เผ่าได้เหมือนกับที่อีกฝ่ายทำ แทนที่นางจะใช้ชีวิตโดยการพึ่งพาภูตชายเพียงเท่านั้น!
ขณะนี้ลู่เมี่ยนเอ๋อรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเต็มไปด้วยพลังงาน ราวกับว่ามีพลังจากที่ไหนไม่รู้ไหลเวียนเข้ามาแบบไม่มีที่สิ้นสุด และความรู้สึกด้านลบที่ผ่านมาก็ถูกกวาดหายไปจนสิ้น
ในเวลาเดียวกัน หูหมินกับหูเฉียงมองหน้ากันและแสงเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากดวงตาของทั้งคู่ทันที
“เจียวเจียวของเราน่าทึ่งมาก” คนเป็นแม่ร่ำไห้ด้วยความดีใจ
“ในเมื่อเผ่าเรามีคนอยู่มากมายแล้ว เราก็ไม่ต้องให้พวกเขาเข้าร่วมเผ่าเราแล้วสิ!” พ่อจิ้งจอกวัยกลางคนรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนกับความตื่นเต้นของภรรยา
เมื่อหูหลินและภูตของเผ่าเล่ยเหอได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ในตอนที่อีกฝ่ายเชิญให้พวกเขาเข้าร่วมเผ่า ตอนนั้นไม่มีใครอยากจะย้ายออกจากบ้านที่ตนอาศัยอยู่มานานเลยแม้แต่คนเดียว
ทว่า ‘หมอผี’ คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในเผ่า!
ยิ่งไปกว่านั้น จิ้งจอกสาวยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องเสบียงได้ด้วย จากเสบียงที่พวกเขาไปปล้นมามันทำให้ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของนางเลยสักคน
“หูเฉียง เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?” หูหลินจ้องคู่อริเขม็ง ก่อนที่เขาจะหันไปมองหูเจียวเจียวด้วยรอยยิ้ม
“เจียวเจียวเป็นคนเอ่ยปากพูดเอง แล้วข้าจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง แน่นอนว่าข้าตกลง! คำพูดของนางถือว่าเป็นคำขาด!”
ต่อมา เขากำมือแน่นและกระแอมไอ 2 ครั้ง
จากนั้นเขาก็มองไปที่จิ้งจอกสาวด้วยสีหน้าเป็นมิตร ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ
“เจียวเจียว เจ้าคิดว่าเราควรออกเดินทางกันเมื่อไหร่ดี?”
พอหูเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน
ไอ้จิ้งจอกเฒ่าหน้าไม่อาย!
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นว่าหูหลินที่ยังคงลังเลอยู่เมื่อกี้นี้เปลี่ยนสีหน้าไวอย่างกับงิ้วเปลี่ยนหน้าที่เธอเคยดู เธอก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากและกระแอมเบา ๆ
“อะแฮ่ม... ไม่ต้องกังวล ข้าจะแจ้งให้พวกพี่ใหญ่ของข้าทราบก่อนเพราะว่าตอนนี้มีคนมากกว่า 100 คนรออยู่ข้างนอก ข้ากลัวว่าพวกเขาจะเป็นกังวล”
“ใช่ ๆ” หูเฉียงพยักหน้าซ้ำ ๆ “ไปแจ้งพวกเขาก่อน”
“ตกลง” คนเป็นหัวหน้าเผ่าไม่คัดค้าน “ข้าจะส่งคนไปแจ้งทันที”
แต่หูเจียวเจียวรีบหยุดอีกฝ่าย “ช้าก่อน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในเผ่าเราเถอะ”
หากหูหลินส่งคนแปลกหน้าไป พวกพี่ใหญ่และอิงหยวนอาจไม่เชื่อคำพูดของพวกเขา และอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ