ตอนที่แล้วบทที่ 264 – ความมืดที่ฝังแน่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 266 – วีรบุรุษช่วยหญิงงาม

บทที่ 265 – ความรักของเค้อหลุนตัว


ผมยังไม่สามารถหยุดความสงสัยของตัวเองได้ กล่าวถามเขาออกไปอีก “ในเมื่อเจ้าไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดต่อมู่จือ เหตุใดจึงยอมรับการหมั้นหมายในครั้งนี้ได้?”

เป็นอีกครั้งที่มีคนมองผมเหมือนเป็นคนโง่ เค้อหลุนตัวจ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนจะเอ่ยคำ “ปกติเจ้าเป็นคนฉลาดกว่านี้ไม่ใช่หรือ? ดูเหมือนว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอแล้ว เจ้าจะกลายหัวช้าลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว ข้าจะกล้าต่อต้านการจัดการขององค์จักรพรรดิได้อย่างไร? อีกทั้งยังต้องการมีอำนาจอยู่ในมือด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพ่อของข้าก็ยังมีส่วนกดดันในเรื่องนี้อีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่ข้ารักเป็นใคร? นางเป็นแค่หญิงรับใช้ในบ้านของข้าเท่านั้น ตอนนี้เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าเปิดเผยเรื่องนี้ให้รู้ ดังนั้นอย่าได้บอกต่อให้ใครฟังเป็นอันขาด อันที่จริง! ข้าแอบหวังว่าเจ้ากับมู่จือจะลงเอยกันได้ มันจะเป็นเหตุผลอย่างดีที่ทำให้ไม่เกิดการแต่งงานนี้ขึ้น”

เรื่องราวของเขากระตุ้นความสนใจของผมขึ้นมาไม่น้อย ทำให้ต้องเอ่ยต่อไปอีก “เจ้าสามารถเล่าเรื่องของตัวเองให้ข้าฟังเพิ่มได้หรือไม่?”

เหมือนกับว่านิสัยของเขาจะเปลี่ยนกลับไปเหมือนตอนที่ปลอมตัวเป็นซูเหออีกครั้งหนึ่งแล้ว น้ำเสียงของเขากลายเป็นไม่จริงจังขึ้นมา “ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนประเภทที่อยากรู้เรื่องของคนอื่นด้วย แม้แต่เจ้าหญิงก็ไม่เคยถามข้าแบบนี้มาก่อนเลย เอาล่ะ! ถ้าเจ้าอยากรู้จริง ๆ ข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้ แต่ต้องสัญญากันก่อนนะ ว่ามันจะเป็นความลับที่รู้กันแค่สองคนเท่านั้น”

ตอนนี้ผมลืมความเสียใจที่ได้รู้ว่าไม่อาจจะรักษารอยแผลเป็นตามร่างกายได้ไปหมดแล้ว ยกมือขึ้นมาระดับอก แล้วกล่าวออกไปอย่างนักแน่น “ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นคนที่รักษาคำพูดอยู่เสมอ”

เค้อหลุนตัวหันไปมองดูรอบ ๆ ตัวอย่างระมัดระวัง ก่อนที่แววตาของเขาจะมีความโหยหาบางอย่างปรากฏขึ้น เสียงของเขาเบาลงมาก “อาสุ่ย เป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงได้ต้องออกมาเร่ร่อนอยู่บนถนนตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้ข้ามีอายุ 29 ปีแล้ว ในตอนที่ข้าเพิ่งมีอายุได้ 15 ปี ข้าได้พบกับเธอที่ตอนนั้นเพิ่งได้ 5 ขวบบนถนนแห่งหนึ่ง สภาพดูสกปรกทรุดโทรมเหมือนกับขอทานทั่ว ๆ ไป กำลังถูกพวกขอทานที่โตกว่ารุมรังแกอยู่ พวกนั้นทุบตีจนเธอเลือดออกมาจากทั้งทางปากและจมูกเต็มไปหมด ด้วยความสงสาร ข้าจึงได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในตอนนั้น แต่ตอนนี้ ข้ารู้สึกดีใจที่ได้ช่วยเธอออกมา ไม่อย่างนั้นข้าคงจะสูญเสียสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุดไปแน่”

ผมได้ที กล่าวหยอกเขาออกไป “ดูสีหน้าของเจ้าในตอนนี้ เหมือนกับเด็กที่เพิ่งรู้จักกับความรักเป็นครั้งแรกเลย”

เหมือนกับเขาแค่จะแกล้งทำเป็นโมโห ตอนที่พยายามจะโต้แย้งออกมา “ก็นี่เป็นความรักครั้งแรกของข้าจริง ๆ เจ้ามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ? ยังอยากจะฟังเรื่องราวต่อหรือไม่? ถ้ายังขัดจังหวะขึ้นมาอีก ข้าจะหยุดพูดเรื่องนี้ทันที!”

ผมต้องรีบยอมเขาไปก่อน “เอาล่ะ! ก็ได้! เจ้าเล่าเรื่องต่อไป ข้าจะไม่พูดขัดอีกแล้ว”

เสียงของเขาดูพอใจมากขึ้น “ต้องอย่างนี้สิ! ในตอนนั้น ข้าจัดการกับเจ้าพวกเด็กขอทานโต ๆ นั่นไปจนหมด และเตรียมที่จะทิ้งเงินไว้ให้นางเล็กน้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปตามทาง แต่คาดไม่ถึงว่านางจะไม่ยอมปล่อยให้ข้าจากมา ไม่ว่าข้าจะพยายามด้วยวิธีไหน จะทำตัวเป็นดุร้าย ทั้งขู่ก็แล้ว ตวาดใส่ก็แล้ว แต่นางก็ยังต้องการจะติดตามข้ามาให้ได้ ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะปล่อยเอาไว้ที่หน้าประตูบ้านนั่นแหละ แต่ก็ใจไม่แข็งพอ เลยพานางเข้าไปในบ้านด้วยกัน เมื่อท่านพ่อของข้าได้ทราบเรื่อง แทนที่จะดุด่าว่ากล่าว กลับกลายเป็นชื่นชมในความมีน้ำใจแทน หลังจากนั้น ท่านก็จัดการให้นางกลายเป็นคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งมันเป็นการดูแลนางไปในตัวอยู่แล้ว ครั้งหนึ่งข้าเคยถามออกไปว่า ยังมีสิ่งไหนที่อยากจะทำอีกหรือไม่ นางก็เอาแต่ร้องไห้ และไม่ยอมตอบคำถามของข้ากลับมา จนข้าเริ่มที่จะไม่สนใจ และกะจะปล่อยให้ร้องไห้ต่อไปอย่างนั้น นางก็เอ่ยออกมาจนได้ ว่าข้านั้นเป็นคนดี และถามว่าเมื่อโตขึ้นจะสามารถแต่งงานกับข้าได้หรือไม่?

ผมถึงกับอุทานออกมา “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเจ้าเป็นพวกชอบเด็กนะสิ ตอนนั้นนางยังไม่เป็นสาวเลยนะ!”

เขาถลึงตาใส่ผมอย่างแรง “พวกชอบเด็กอะไรกัน? ตอนนั้นมันเหมือนกับเป็นเรื่องล้อเล่นมากกว่า ข้าได้แต่ตอบนางไปตอนนั้นว่า เอาไว้ให้นางโตก่อนแล้วค่อยมาพูดกันถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ข้าก็เริ่มเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนัก เข้าร่วมกับกองทัพ อยู่ในสนามรบตลอดเวลา มันใช้เวลาไปทั้งหมดเกือบ 4 ปี กว่าที่จะได้กลับมาเจอหน้ากับนางอีกครั้ง แม้ตอนนั้นนางจะเพิ่งอายุเพียง 15 ปี แต่ก็มีหน้าตาที่งดงามเป็นอย่างมาก ได้รับความชื่นชมจากท่านแม่ของข้า จากทั้งที่เป็นเด็กน่ารัก และมีสมองที่ฉลาดเฉลียว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำนางไปเป็นหญิงรับใช้ประจำตัว ในครั้งนั้น ตอนที่ข้าได้เห็นหน้าของนางอีกครั้ง ข้าถึงกับเข้าใจผิดว่าเป็นคุณหนูของตระกูลอื่นมาเยี่ยมเยือนท่านแม่ของข้า แต่เมื่อสอบถามดู ก็รู้ว่าเป็นคนเดียวกับเด็กหญิงที่ข้าได้เคยช่วยเหลือเอาไว้นั่นเอง จนวันหนึ่ง นางก็มาตามหาข้าด้วยตัวเอง แล้วถามว่าตอนนี้นางโตพอแล้วหรือไม่? สามารถแต่งงานกับข้าได้แล้วใช่หรือไม่? นางรู้ตัวดีว่าสถานะของตัวเองนั้นต้อยต่ำ ดังนั้นจึงหวังเพียงแต่จะได้อยู่รับใช้ข้างกายของข้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในฐานะภรรยาหรือข้ารับใช้ก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้น จางกง! เจ้าลองคิดดูสิ ถ้ามีสาวงามมาพูดกับเจ้าอย่างนี้ จะรู้สึกอย่างไรบ้าง?”

เรื่องราวแบบนี้ มันทำให้ผมต้องหวนนึกกับไปถึงไหสุ่ยทันที “เรื่องแบบนี้กล่าวออกมาได้ยากนัก แต่ถ้ายังไม่มีใครอยู่ในใจของเจ้าก่อนแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไร”

เค้อหลุนตัวพยักหน้า “ถูกต้องเลย ถึงแม้ว่าในตอนนั้นข้าจะไม่ได้ตอบนางไปอย่างชัดเจน แต่ในใจของตัวเองก็มีนางเข้ามาอยู่แล้ว ดังนั้น ข้าจึงไปขอนางมาจากท่านแม่ ให้มาเป็นหญิงรับใช้ส่วนตัวของข้า ซึ่งท่านแม่ก็อนุญาตโดยไม่ได้ถามอะไร นั่นเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข นางช่างเฉลียวฉลาด ช่างพูด และมีนิสัยที่อ่อนโยนมาก ไม่ได้แตกต่างจากคุณหนูตระกูลใหญ่เลยแม้แต่น้อย ข้าได้สอนให้นางอ่านเขียน และเล่นดนตรี ซึ่งนางก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมาก พอได้อยู่กับนางไปนาน ๆ เข้า ข้าก็ได้รู้ตัวในที่สุด ว่าไม่สามารถแยกห่างจากนางได้อีก สุดท้ายแล้ว ในคืนหนึ่งที่ฝนตก อากาศค่อนข้างเป็นใจ ข้าดื่มสุราลงไปไม่น้อย และทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดังนั้น......” สีหน้าของเขาแดงกล่ำ ตอนที่กล่าวถึงตอนนี้

ด้วยความที่ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ทำให้สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ผมตวาดใส่เขาอย่างมีโมโหเล็กน้อย “เจ้าคนบ้ากาม เจ้าเอาฉวยโอกาสตอนที่นางลำบากอยู่นี่นา”

เขาจ้องหน้าผมกลับ ก่อนจะกล่าว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ที่ว่าข้าฉวยโอกาส? นี่เป็นเรื่องของความรักที่แท้จริง หลังจากคืนนั้น ข้าสัญญาเอาไว้แล้ว ว่าในชีวิตนี้จะมีแต่นางแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น อาสุ่ยก็ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีกับคำสัญญาเลย นางพอใจเพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างข้าตลอดไปเท่านั้น และหลังจากนั้นไม่นาน องค์จักรพรรดิก็ได้ประกาศเรื่องการแต่งงานระหว่างเจ้าหญิงมู่จือกับข้าออกมา เหตุการณ์ในตอนนั้น ข้ายังจำได้ไม่ลืมเลือน ตอนที่อาสุ่ยรู้ข่าวเรื่องนี้ นางตกใจจนหน้าซีด และล้มป่วยหนักหลังจากนั้น ข้าต้องคอยปลอบโยนและให้สัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งนางไปไหน ต้องใช้สิบแปดกลเม็ดโอนอ่อนเข้าช่วย ถึงได้ทำให้นางสงบลงได้”

ผมถามอย่างสงสัยมาก “สิบแปดกลเม็ดโอนอ่อนคืออะไรกันหรือ?”

รอยยิ้มของเค้อหลุนตัวนั่นลึกลับเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าไม่รู้จักอย่างนั้นหรือ? มีเรื่องอะไรที่เจ้า ผู้สืบทอดแห่งเทพเจ้าไม่รู้อยู่ด้วยหรือนี่? เอาไว้ถ้ามีโอกาส ข้าจะช่วยสอนกลเม็ดนี้ให้แก่เจ้าเอง รับรองว่าจะสามารถใช้กล่อมให้มู่จือเชื่อฟังได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว”

แล้วผมก็เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบาย แต่ผมก็รีบกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว “เจ้า! แล้วเจ้ากับอาสุ่ยจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ? พ่อกับแม่ของเจ้ายังไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ สถานะของนางจะเป็นอย่างไรในภายภาคหน้า? ถ้าเจ้าไม่ยอมถนอมผู้หญิงที่ดี ๆ เอาไว้ รับรองได้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจในภายหลังแน่”

แต่เค้อหลุนตัวกลับกล่าวเถียงออกมา “เรื่องนั้นข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสอนหรอก ตอนที่ข้ามาที่นี่ หน้าที่หลักก็คือการป้องป้องมู่จือให้ปลอดภัย ส่วนอีกเป้าหมายหนึ่ง คือการพยายามทำให้เจ้าสองคนกลับมาคืนดีกันให้ได้ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คือการที่เจ้าลักพาตัวเธอหนีไปเสียเลย ฮ่าฮ่า! ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็จะเป็นคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากเรื่องนี้ ไม่ต้องแต่งงานกับมู่จือ และเลือกที่จะแต่งงานกับอาสุ่ยได้ ฮ่าฮ่า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด