ตอนที่แล้วตอนที่ 42 รับเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 44 ช่องมิติ

ตอนที่ 43 เฝ้าติดตาม


“ค้นพบวิชายุทธ์ ต้องการใช้เงินหนึ่งตำลึงทำให้ธนูหวนคืนศูนย์เป็นแบบง่ายหรือไม่?”

“ธนูหวนคืนศูนย์แบบง่าย...ทำให้เป็นแบบง่ายสำเร็จ...ธนูหวนคืนศูนย์ → หมี่แห้ง!”

เป็นผลลัพธ์แบบง่ายที่คาดไม่ถึงอีกอย่าง เฉินเฟยกระพริบตาปริบ อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างธนูกับบะหมี่? มีเส้นเหมือนกัน?

แต่เส้นบะหมี่มันไม่ใช่เส้นเอ็นนะ

เฉินเฟยยิ้มกว้าง เขาหาอาหารที่เก็บไว้แต่ไม่เจอบะหมี่เลย แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายๆด้วยการให้ตระกูลจ้าวนำมาให้พรุ่งนี้

ตระกูลจ้าวมองเฉินเฟยเป็นลูกจ้างทองคำ หากเขาต้องการกินบะหมี่พวกเขาก็ต้องนำมาให้

ตอนนี้ยังเพิ่มความชำนาญวิชายุทธ์ไม่ได้ชั่วคราว เฉินเฟยจึงหยิบสมุนไพรหลอมโอสถจิตเบาของวันนี้ออกมา

ความชำนาญโอสตจิตเบาห่างจากระดับรู้แจ้งเล็กน้อย คาดว่าน่าจะไปถึงในอีกไม่กี่วัน แต่การหลอโอสถจิตเบาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ปริมาณโอสถที่หลอมได้มีไม่น้อย

เฉินเฟยเริ่มหลอมโอสถจิตเบา แต่ละครั้งจะมีอย่างน้อยสองเม็ดถ้าโชคดีจะมีสามเม็ด ดังนั้นการแลกเปลี่ยนสมุนไพรหนึ่งชุดกับโอสถจิตเบาหนึ่งเม็ดและได้รับเงินหกตำลึงจึงเป็นข้อตกลงที่ทำให้เขาร่ำรวย

ท้ายที่สุดแล้วการความรู้เป็นรหัสผ่านสู่ความมั่งคั่ง

ยิ่งมีความรู้สูงความมั่งคั่งก็ยิ่งมาก หากเป็นนักหลอมโอสถคนอื่นคงหลอมโอสถจิตเบาระดับเชี่ยวชาญได้เพียงหนึ่งเม็ดต่อหนึ่งเตา นั่นจึงทำได้แค่หาเงินจากการทำงานหนักเท่านั้น

ตอนบ่ายวันต่อมา หลังจากตระกูลจ้าวได้รับคำขอของเฉินเฟย พวกเขาก็ส่งบะหมี่หนึ่งกล่องมาให้โดยตรง

ปรุงบะหมี่ หลอมโอสถ ฝึกฝนพลังภายใน ตารางงานของเฉินเฟยถูกจัดใหม่จนสมบูรณ์ ในขณะเดียวกันเขายังคงรอข่าวจากฉือเต๋อเฟิง

เนื่องจากการกระทำของสิ่งแปลกประหลาด กองทัพกบฏจึงเข้าไปในภูเขาผิงหยินบ่อยขึ้น ดูเหมือนกองทัพกบฏจะวางแผนจัดการอำเภอผิงหยินเป็นอย่างดี

ไม่รู้ว่าเป็นผลจากการทำงานหนักของกองทัพกบฏหรือไม่ แต่สิ่งแปลกประหลาดบนภูเขาผิงหยินค่อยๆลดลงและไม่ออกมาฆ่าคนเหมือนแต่ก่อน

คนในอำเภอผิงหยินมีทัศนคติต่อกองทัพกบฏดีขึ้น อย่างไรแล้วคนธรรมดาก็ยังกลัวสิ่งแปลกประหลาดมาก แต่เฉินเฟยไม่มีความสุขเลยเพราะเนื้อเน่าติดกระดูกตรงข้อมือเขายังแสดงอาการเช่นเดิม

เมื่อเวลาผ่านไปมันยังแสดงอาการรุนแรงขึ้น

หากไม่ใช่เพราะว่าคำพูดของเขาไร้ซึ่งน้ำหนักหลักฐาน เฉินเฟยอยากรายงานสถานการณ์นี้จริงๆ แต่น่าเสียดายที่กองทัพกบฏไม่ไว้ใจนักหลอมโอสถตัวเล็ก

“ปัก!”

ในลานบ้าน ท่อนไม้ที่แกว่งไหวไปมาถูกเฉินเฟยหักด้วยลูกธนู

เขาวางธนูยาวในมือลง ธนูหวนคืนศูนย์ถึงระดับรู้แจ้งได้อย่างง่ายดายเพราะการทำบะหมี่แห้งนั้นไม่ได้บอกว่าต้องทำครั้งละเท่าไหร่

เฉินเฟยเรียบง่ายมากเช่นกัน เขาทำบะหมี่แห้งครั้งหนึ่งเส้นเท่านั้น นั่นทำให้บะหมี่หนึ่งกล่องสามารถพาไปถึงจุดสูงสุด เมื่อครู่เขาเพิ่งกินบะหมี่แห้งทั้งหมดไปซึ่งมันค่อนข้างเค็ม

สำหรับพลังของธนูนี้ถือว่าธรรมดามาก ท้ายที่สุดแล้วตอนทำเป็นแบบง่ายมันใช้เงินเพียงหนึ่งตำลึง นั่นแสดงให้เห็นว่าวิชาธนูนี้เป็นเพียงของพื้นฐาน

หากเทียบกับวิชาระดับเดียวกัน มันเทียบได้กับหมัดจีซานที่เขาเรียนรู้ในตอนนั้น

แต่เฉินเฟยค่อนข้างพอใจกับมัน เขาใช้เวลาไม่กี่วันในการเปลี่ยนจากมือใหม่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยเป็นนักธนูที่สามารถยิงเป้าได้ ผลลัพธ์แบบนี้จึงไม่มีอะไรให้ต้องบ่น

ยังมีวิชาธนูอีกสองชุด เฉินเฟยคาดเดาว่าต้องใช้เวลาห้าหกวันถึงจะฝึกเสร็จ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไปซื้อธนูยาวที่ดีกว่านี้แม้ว่าจะฝึกเสร็จแล้วก็ตาม

ตอนกลางคืน ตลาดมืด

“นี่เป็นของสำหรับวันนี้”

เฉินเฟยวางโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพและโอสถจิตเบาไว้บนโต๊ะ เจ้าของร้านตรวจสอบเล็กน้อยและรับมันด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันเขามอบเงินกับสมุนไพรโอถจิตเบาห้าชุดให้

เฉินเฟยเก็บสิ่งของหันหลังจากไป ไม่ไกลจากตลาดมืด เขาหยุดเดิน

“ใต้เท้า ตระกูลหลักต้องการทราบว่าสามารถพบหน้าท่านได้หรือไม่?”

คนชุดดำหลายคนเข้าปิดล้อม ดาบในมือสะท้อนแสงจันทร์เย็นยะเยือก

สีหน้าเขายังคงสงบ เขาคิดไว้แล้วว่าการขายโอสถในตลาดมืดวันนี้จะมีปัญหา ท้ายที่สุดแล้วนักหลอมโอสถล้วนเป็นที่ชื่นชอบ

วิธีที่ดีที่สุดคือมัดตัวพากลับไปและให้พวกเขาหลอมโอสถอย่างสิ้นหวัง

“ตอนนี้สายแล้ว ไว้วันหลังเถอะ”

หลังเฉินเฟยพูดจบก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าคนคนนั้นแล้วใช้ดาบที่ใช้ในการปลอมตัวฟันใส่

“หักขาได้ แต่ห้ามทำร้ายมือ!”

ดูเหมือนเฉินเฟยจะไม่ยอมแพ้ คนชุดดำออกคำสั่ง ดาบในมือหลายคนฟันใส่เขา

เฉินเฟยยิ้มแล้วใช้เคล็ดชำระใจทันที ทุกสิ่งรอบตัวในการรับรู้เขาเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

การเคลื่อนไหวต่อไปของคนชุดดำทั้งห้าถูกเปิดเผยต่อสายตาเฉินเฟย ความรู้สึกควบคุมทุกอย่างเกิดขึ้นในใจอีกครั้ง

เฉินเฟยตวัดดาบในมือเหมือนฟันแบบสุ่ม แต่คนทั้งห้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและปล่อยอาวุธในมือทิ้ง

ทั้งห้าตกใจกลัวจนถอยไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่กำข้อมือไว้จู่ๆพวกเขาก็เจ็บขาอย่างรุนแรงพร้อมกับมีเลือดพุ่งออกมา

“อ๊าาาก!!”

ทั้งห้าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปจนต้องกรีดร้องออกมา จากนั้นล้มตัวลงพื้น

เฉินเฟยหัวเราะเสียงดัง ร่างเขากระโจนหายไปจากจุดนั้น

ไม่ว่าใครเป็นคนส่งคนเหล่านี้มาหรือว่ามีคนอื่นคอยเฝ้าดูอยู่รอบนอก แต่เฉินเฟยบรรลุจุดประสงค์ในครั้งนี้แล้ว

จุดประสงค์คือทำให้ตระกูลเข้าใจว่านักหลอมโอสถคนนี้ควบคุมไม่ง่าย นักหลอมโอสถที่มีระดับบ่มเพาะแบบนี้จะโต้กลับหากไม่ระวังให้ดี ดังนั้นการร่วมมือกันแบบปัจจุบันอาจเป็นเรื่องปลอดภัยกว่า

เฉินเฟยคาดการณ์ไว้แล้ว แต่เพื่อแยกตัวเองออกจากตัวตนเดิมเขาจึงไม่ใช้วิชากระบี่

หากต้องการสร้างรายได้ จำเป็นต้องยอมรับความเสี่ยง

“สายตาดี วิชาดาบปานกลาง”

ไม่ไกลนัก หลิงฮั่นจุนมองการเคลื่อนไหวของเฉินเฟยแล้วส่ายหัว

“พวกเราตามไปเถอะ คนคนนี้มีวิชาปลอมตัวที่ดี ข้าไม่สามารถเห็นใบหน้าเดิมของเขาได้ หากได้เห็นภาพเหมือนเขาอาจเจออะไรบางอย่าง” ซิงเหวินเซียงด้านข้างพูด

“ได้!”

หลิงฮั่นจุนพยักหน้า ทั้งสองสั่นไหวติดตามเฉินเฟยไป

เฉินเฟยกำลังจะสลัดผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังหลุด แต่ทันใดนั้นสัมผัสได้ว่ามีสองร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อกำลังคิดว่าจะใช้ท่าร่างสลัดอีกฝ่ายดีไหมก็เห็นหน้าหลิงฮั่นจุนอย่างชัดเจน

สองคนนี้อยู่ในตลาดมืดแต่ไม่ได้ปิดบังหน้าตาเลย พวกเขากล้ามาก!

ความคิดหลายอย่างแวบเข้ามาในหัว ปรากฎว่าตัวตนแรกอาจถูกตัดออกไปแล้ว และรัศมีของหลิงฮั่นจุนทั้งสองไม่เหมือนจะมาฆ่าใคร

เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจดูว่าทั้งสองต้องการทำอะไร เหตุผลหลักคือเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสองคนนี้ได้หากต้องการซื้อขายในตลาดมืดต่อไป

ครู่ต่อมา หลิงฮั่นจุนกับซิงเหวินเซียงมาหาเฉินเฟย

“ขออภัยด้วย มีเรื่องที่ต้องตรวจสอบ”

ซิงเหวินเซียงกุมมือให้เฉินเฟย ส่วนหลิงฮั่นจุนด้านข้างจ้องมองเฉินเฟย

ส่วนสูง หน้าตา โครงหน้าไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แน่นอนว่าหากฝึกวิชาปลอมตัวถึงขั้นละเอียดอ่อนจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ แต่น้อยคนนักที่จะทำได้

ความว่องไวที่คนนี้แสดงให้เห็นเมื่อครู่ยังแตกต่างจากคนในคืนนั้นมาก สง่างามและว่องไวกว่าซึ่งต่างกันลิบลับ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะพัฒนาความว่องไวถึงระดับนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ

หลิงฮั่นจุนถอนสายตาและยื่นภาพเหมือนออกไป