ตอนที่แล้วตอนที่ 41 ไม่ได้เงินคืน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 เฝ้าติดตาม

ตอนที่ 42 รับเงิน


“ขายโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพหรือไม่?”

ในตลาดมืด เฉินเฟยเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้งจากนั้นมาที่แผงขายของและถามอย่างไม่แน่ใจ

“ขาย เม็ดละยี่สิบห้าตำลึง” เจ้าของร้านมองเฉินเฟยพูดอย่างเกียจคร้าน

“แพงมาก”

เฉินเฟยประหลาดใจ เมื่อสองวันก่อนเขาเพิ่งตรวจสอบราคาไป ตอนนั้นเม็ดละยี่สิบตำลึงแต่ตอนนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นอีก

ก่อนที่กองทัพกบฏจะมา โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพมีราคาเพียงสิบสองตำลึงเท่านั้น

“อย่าคิดว่าแพงเกินไป เจ้าต้องเข้าใจสถานการณ์อำเภอผิงหยินในขณะนี้ด้วย โอสถส่วนใหญ่ล้วนถูกส่งออกไปทำให้เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย”

เมื่อเห็นเฉินเฟยไม่ต่อรอง เจ้าของร้านจึงเล่นกับจิตใจเล็กน้อยแล้วอธิบายให้ฟัง

“เป็นแบบนี้เอง”

เฉินเฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารับโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพหรือไม่?”

“เจ้าต้องการขาย?”

เจ้าของร้านที่เอนตัวนอนบนเก้าอี้ถึงกับเด้งตัวขึ้นมานั่ง “สภาพสินค้าเป็นอย่างไร ช่างมัน สภาพสินค้าไม่สำคัญ เจ้าจัดหาได้เท่าไหร่ต่อวัน? ปริมาณมากจะต่อรองราคาได้ง่าย”

“รับประกันได้ว่าวันละยี่สิบสามสิบเม็ด”

“ตกลง! หากเจ้าทำได้ตามจำนวนนี้ข้าจะให้เม็ดละ”

เจ้าของร้านแสดงท่าทาง เฉินเฟยมองดูแล้วส่ายหัว “เจ้าขายยี่สิบห้าตำลึง แต่เจ้าจ่ายเพียงสิบห้าตำลึง ราคานี้น้อยเกินไป”

“สิบห้าตำลึงก็เยอะแล้ว พวกเราต้องแบกรับความเสี่ยงไว้ด้วย” เจ้าของร้านหัวเราะ

“เช่นนั้นข้าจะเก็บไปคิดดู”

เฉินเฟยไม่พูดอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มและตั้งใจหันหลังจากไป

“เฮ้ อย่าเพิ่งไป ราคาต่อรองกันได้”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟยกำลังจะจากไปเขาจึงรีบหยุดเฉินเฟยไว้ทันที ตอนนี้นักหลอมโอสถทุกคนในอำเภอผิงหยินกำลังหลอมโอสถที่อยู่ภายใต้งานหนักหนา มีน้อยคนนักที่อยู่ด้านนอก

หากสามารถซื้อโอสถได้ยี่สิบสามสิบเม็ดทุกวัน นั่นถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แน่นอน

เฉินเฟยหยุดเดิน มองเจ้าของร้านโดยไม่พูดอะไร

“บอกราคามา” เมื่อเห็นเฉินเฟยมองมา เจ้าของร้านจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้

“ยี่สิบสามตำลึง”

“ราคาสูงไป” เจ้าของร้านส่ายหัว

“ราคาโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพเปลี่ยนแปลงทุกสองสามวัน บางทีเจ้าอาจทำเงินได้ในไม่กี่วัน”

“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถซื้อในราคายี่สิบห้าตำลึงได้ ข้ารับมาและส่งมอบให้ตระกูลเป็นหลัก นั่นคือราคาที่เผื่อเอาไว้”

“แล้วเจ้าให้ได้เท่าไหร่?”

“สิบหกตำลึง เป็นราคาที่เหมาะสม...”

เฉินเฟยต่อรองกับเจ้าของร้านอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดจบที่ราคายี่สิบตำลึง

ใบหน้าเฉินเฟยความรู้สึกแสดงเสียดาย แต่ในใจเขากลับมีความสุขอย่างยิ่ง ก่อนที่กองทัพกบฏจะมาเฉินเฟยขายโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพได้เม็ดละแปดตำลึงและต้องซื้อสมุนไพรด้วยตัวเอง

ตอนนี้ตระกูลจ้าวเป็นผู้จัดหาสมุนไพรให้และราคาโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพยังคงพุ่งสูงขึ้น หลังจากคำนวนในนอกแล้ว เฉินเฟยทำเงินได้มากจริงๆ

ตามการหลอมระดับรู้แจ้งของเฉินเฟย เขาสามารถขายโอสถในตลาดมืดได้ประมาณยี่สิบห้าเม็ดต่อวันและรายได้ต่อวันคือห้าร้อยตำลึง

เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต จำนวนนี้ก้าวกระโดดอย่างมาก

“ตรวจดูโอสถ มีประมาณร้อยเม็ด”

เฉินเฟยหยิบขวดโอสถออกมาจากห่อ เจ้าของร้านไม่กล้าประมาทแม้เมื่อครู่จะพูดว่าไม่สนใจเรื่องรูปลักษณ์ก็ตาม อย่างไรแล้วมันคงดีกว่าถ้ามีรูปลักษณ์สมบูรณ์

เมื่อดึงจุกปิดออกกลิ่นหอมสมุนไพรก็โชยออกมา เจ้าของร้านเทออกมาอย่างระวัง เมื่อเห็นผิวเรียบกลมของโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

สำหรับโอสถฟื้นฟูสมรรถภาพระดับนี้ รับในราคานี้ถือว่าไม่ขาดทุน เมื่อถึงเวลานั้นตระกูลหลักต้องชมเขาสำหรับวิสัยทัศน์ที่ดีแน่!

“รับเงินไป”

เจ้าของร้านตรวจสอบปริมาณและแน่ใจว่าไม่มีปัญหา เขาจึงส่งเงินให้เฉินเฟยอย่างรวดเร็ว

เงินสองพันตำลึงค่อนข้างหนัก มีเสียงกระทบของตำลึงเงิน

การทำการค้าในตลาดมืดมักจ่ายเป็นเงินสดและไม่ค่อยใช้ตั๋วเงิน ตอนนี้มีกองทัพกบฏอยู่ด้วยจึงยิ่งไม่กล้าใช้

เฉินเฟยเก็บถุงเงินไว้ด้านหลัง มองเจ้าของร้านและถาม “เจ้ารับโอสถจิตเบาด้วยหรือไม่?”

“เจ้ามีโอสถจิตเบาด้วย!”

เจ้าของร้านเบิกตากว้าง นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก เมื่อก่อนราคาตลาดของโอสถจิตเบาอยู่ที่สิบห้าตำลึง แต่ตอนนี้ราคาได้พุ่งสูงขึ้นมาก

ดังนั้นตอนนี้จึงมีนักยุทธ์น้อยมากที่ใช้โอสถจิตเบาในการบ่มเพาะ แม้แต่ระดับหลอมกระดูกยังใช้โอสถฟื้นฟูสมรรถภาพเท่านั้น

ส่วนฝ่ายกบฏยังคงต้องการโอสถจิตเบาอย่างมาก หากมีโอสถจิตเบามากพอ โอสถจิตเบาและโอสถเลือดลมก็สามารถยกเว้นได้

“หลอมได้แต่เป็นเพียงวิธีทั่วไป และหลอมได้ปริมาณเพียงเล็กน้อย หากเจ้าเชื่อใจข้า ให้พวกเจ้าเตรียมสมุนไพรและเราแบ่งสัดส่วนรายได้กัน”

เฉินเฟยใช้สมุนไพรที่แอบเก็บไว้ก่อนหน้านี้หลอมโอสถจิตเบาจนเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีสมุนไพรขายในอำเภอผิงหยินและฉือเต๋อเฟิงยังหาผู้ลี้ภัยไปเก็บสมุนไพรไม่ได้

เฉินเฟยทำได้เพียงหาจากพ่อค้าริมถนนเหล่านี้ ท้ายที่สุดแล้วคนเหล่านี้หลายคนมาจากตระกูลในอำเภอผิงหยิน

“สมุนไพรหนึ่งชุดต่อโอสถจิตเบาหนึ่งเม็ด นี่คือขั้นต่ำ”

เจ้าของร้านมองเฉินเฟย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “เราจะจัดหาสมุนไพรให้ สมุนไพรหนึ่งชุดต่อโอสถจิตเบาหนึ่งเม็ด ในขณะเดียวกันจะมอบสามตำลึงสำหรับการทำงานของเจ้า เป็นอย่างไร?”

“น้อยไป หกตำลึง ข้าชอบเลขนี้” เฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง ถือว่าเป็นการจ่ายให้สหาย”

เจ้าของร้านครุ่นคิดและตกลง เหตุผลหลักคือในอำเภอผิงหยินมีนักหลอมโอสถไม่กี่คนที่สามารถหลอมโฮสถจิตเบาได้ ต่อให้มาฝึกหลอมตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะสมุนไพรเป็นเกินกว่าจะใช้แบบทิ้งโดยเปล่าประโยชน์

การแลกสมุนไพรหนึ่งชุดต่อโอสถจิตเบาหนึ่งเม็ดไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากเป็นเมื่อก่อนคงเป็นการการทำเงินที่บ้าคลั่ง แต่ตอนนี้สมุนไพรมีราคาสูงขึ้นดังนั้นจึงพูดได้ว่าไม่เลว

“ส่งสมุนไพรมาสามชุดก่อน แล้วพรุ่งนี้เจอกันอีกที”

“ได้ รอสักครู่”

เจ้าของร้านเดินไปห้องโถงด้านหลัง บอกให้พนักงานไปหยิบสมุนไพรและไปรายงานเรื่องนี้

ผ่านไปหนึ่งก้านธูป สมุนไพรมาถึงมือเฉินเฟย เฉินเฟยตรวจสอบสมุนไพรและพบปัญหาใดๆจึงโค้งคำนับเจ้าของร้านและออกจากตลาดมืด

ผ่านไปครึ่งทาง เฉินเฟยเติมเงินทั้งหมดเข้าระบบและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบาใจ

วันนี้ไม่มีคนติดตามมาซึ่งเป็นสิ่งที่เฉินเฟยคาดไม่ถึงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเจ้าของร้านต้องการร่วมมือกับเฉินเฟยจริงๆ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนี่เป็นเพียงวันแรก พวกเขายังไม่รีบร้อนและต้องการพบกันอีก

หลังเดินไปรอบอำเภอเขตผิงยินสองสามครั้งเฉินเฟยจึงกลับมาที่ลานบ้านเช่า

ไม่ได้เริ่มหลอมโอสถจิตเบาในทันที เฉินเฟยพักผ่อนอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบตำราออกมา

วิชาธนูหวนคืนศูนย์

สำหรับตำราวิชาธนูนี้เฉินเฟยซื้อสำเนาทั้งหมดสามชุดจากฉือเต๋อเฟิง เขาต้องการมากกว่านี้แต่มันมีเพียงเท่านี้

มีนักยุทธ์ไม่มากที่ใช้ธนู แน่นอนว่าการเผยแร่วิชาย่อมน้อยลงไปอีก ในกองทัพมีผู้คนมากมายที่ใช้ธนู แต่มันยากยิ่งกว่าที่จะมีตำราวิชาปรากฏอยู่ข้างนอก

เฉินเฟยต้องการฝึกธนู ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่าทักษะกระบี่ของตัวเองอ่อนแอ แต่เขาต้องการเพิ่มวิธีสู้กับศัตรูโดยเฉพาะการโจมตีศัตรูจากระยะไกล

อันที่จริงการฝึกอาวุธลับไม่ได้แย่เช่นกัน แต่ระยะอาวุธลับสั้นเกินไป ตอนนี้เฉินเฟยประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านท่าร่าง และช่วงนี้นี้เฉินเฟยคงไม่ใช้ท่าร่างน้อยลงแน่นอน

ดังนั้นในระยะใกล้เฉินเฟยสามารถชดเชยด้วยท่าร่างได้ เมื่อเป็นระยะไกลหรือศัตรูแข็งแกร่งเกินไปหรือเฉินเฟยไม่เต็มใจสู้แบบตัวต่อตัว ในเวลานั้นธนูจะมีประโยชน์มาก

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่กระตุ้นให้เฉินเฟยฝึกธนู เมื่อเร็วๆนี้เฉินเฟยได้ฝึกวิชายุทธ์ทั้งหมดถึงระดับรู้แจ้งแล้ว

เวลาสำหรับการฝึกพลังภายในถูกกำหนดไว้แล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่เฉินเฟยจะหลอมโอสถทั้งวัน ไม่ต้องพูดถึงว่ามีสมุนไพรไม่มาก ต่อให้มีเฉินเฟยก็ไม่หลอม

การทำเงินจะทำให้ผู้คนมีความสุขและระบบต้องการเงินเช่นกัน แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง เฉินเฟยไม่สามารถวางเกวียนไว้หน้าม้าได้ ดังนั้นหลังจากทำอย่างอื่นได้ดีเฉินเฟยจึงต้องรักษาความแข็งแกร่งไม่ให้หยุดนิ่ง

ฝึกฝนตลอดเวลาและดูตัวเองแข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย สิ่งนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเฉินเฟยและเขาไม่สามารถเลิกทำได้