บทที่ 325: นี่คือพ่อของเจ้า
ก่อนที่หูเจียวเจียวจะพึงพอใจ หูหลินก็พูดต่อว่า
“แต่ข้าคงปล่อยพวกเขาไปก่อนไม่ได้อยู่ดี ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือเปล่า ถ้าเจ้าโกหกข้าก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ตัวพวกเขากลับไป” เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือกว่า
ระหว่างที่ผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากล่าว แสงสีดำก็ส่องประกายในดวงตาของเขา
วันนี้เขาต้องหาแนวทางแก้ไขเฉพาะหน้าไปก่อน แล้วหลังจากนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะยอมปล่อยคนพวกนั้นไปหรือไม่
ขอแค่มีเสบียงเพียงพอ เขาจะยิ่งสบายใจมากขึ้นที่จะเก็บหมินหมิ่นไว้ข้างกาย และเขาจะทำให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้นเอง
ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเอ๊ย!
หูเจียวเจียวแอบสาปแช่งชายผู้นี้อยู่ในใจ
ผู้ที่สามารถเป็นหัวหน้าคนได้นั้นมีทั้งคนที่แข็งแกร่งและโดดเด่น หรือไม่ก็เป็นคนที่ฉลาดเจ้าเล่ห์
เธอไม่รู้ว่าหัวหน้าเผ่าคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอมั่นใจได้ก็คืออีกฝ่ายเจ้าเล่ห์กว่าเธอที่เป็นภูตจิ้งจอกเหมือนกัน
“ท่านหัวหน้า งั้นเราถอยกันคนละก้าว ท่านนำคนของข้าออกมา แล้วข้าจะบอกท่านก็ต่อเมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้บุบสลาย”
คำพูดและดวงตาที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มของจิ้งจอกสาวทำให้ชายวัยกลางคนสงบลง
“ถ้าท่านสงสัยในตัวข้า ท่านสามารถดูเสบียงที่ขโมยมาจากเผ่าของเราก็ได้ การหาเสบียงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า แต่มันจำเป็นสำหรับพวกท่าน”
เมื่อหูหลินได้ยินเช่นนี้ เขาก็ชำเลืองมองภูตที่เฝ้าอยู่ตรงประตู
ตั้งแต่กลับมายังเผ่าเขาก็มัวแต่ยุ่งกับการจัดการหลายเรื่องจึงยังไม่ทันได้เห็นเสบียงที่พวกลูกน้องนำกลับมา
ไม่นานภูตคนนั้นก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของผู้เป็นนาย แล้วเอามือขวาป้องปากเพื่อกระซิบข้างหูของอีกคนว่า “หัวหน้า พวกเขามีเสบียงเยอะมาก คนในเผ่านั้นอาจจะน้อยกว่าเราหลายเท่า แต่เสบียงของพวกเขามีมากกว่าของเราครึ่งหนึ่ง”
หูหลินที่ได้ฟังกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่เขาจะโบกมือให้ลูกน้องกลับไป
ในขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาโดยไม่พลาดการแสดงสีหน้าที่ละเอียดอ่อนใด ๆ ทั้งนั้น
เวลาผ่านไปไม่นาน ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าก็หันศีรษะไปมองแขก
“แล้วไง ตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้ว เจ้าสามารถเสกเสบียงจากอากาศได้ไหมล่ะ?”
เขาพูดเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามด้วยเสียงทุ้ม
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าว่าจะบอกข้าตอนนี้เลย หรือถ้าไม่ก็อย่าคิดว่าจะพาใครออกไปได้ทั้งนั้น”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหูหลิน ภูตกิ้งก่าที่แข็งแรงและมีมัดกล้ามหลาย 10 คนก็วิ่งเข้ามาจากประตู
เขาอาจจะไม่สามารถลงมือกับคนพวกนี้ได้ก็จริง แต่การข่มขู่ให้พวกเขาหวาดกลัวก็คงจะไม่เป็นอะไร
หลังจากที่ตนได้รู้วิธีการหาเสบียงจากอีกฝ่ายแล้ว เขาจะพิจารณาอีกทีว่าจะส่งคนในตระกูลของหมินหมิ่นกลับไปก่อนหรือไม่
วินาทีนั้นสีหน้าของหลงโม่เปลี่ยนไปทันที เขาเหลือบสายตาคมดุมองภูตกิ้งก่ารอบตัวทีละคน
หากพวกมันกล้าที่จะทำร้ายเจียวเจียว วันนี้เขาจะใช้กำลังเพื่อพานางและคนในเผ่ากลับมา
ส่วนจิ้งจอกสาวทำหน้าเสียใจเล็กน้อย จากนั้นเธอส่ายหัวก่อนจะถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าหัวหน้าจะไม่ได้ตั้งใจทำข้อตกลงนี้กับข้า”
ถัดมา เธอเอามือข้างหนึ่งสอดกลับเข้าไปในแขนเสื้อเพื่อนำหน้าไม้ออกมาจากมิติเงียบ ๆ
ปัจจุบันอีกฝ่ายนั่งอยู่กับที่ซึ่งถือได้ว่าเป็นเป้านิ่งของหูเจียวเจียว แม้ว่าเธอจะไม่แน่ใจว่าตนเองจะยิ่งโดนจุดสำคัญของเขาหรือไม่
นอกจากนี้ เคยมีคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าจะจับโจรก็ต้องจับตัวหัวหน้า’
ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่เห็นด้วย หากหญิงสาวสามารถจัดการกับคนเป็นหัวหน้าได้ เรื่องต่าง ๆ ต่อจากนี้ก็จะง่ายขึ้น
บางทีอาจเป็นไปได้ที่เธอจะนำผู้คนในเผ่านี้กลับไปด้วยตามที่เจ้าตัวกล่าว
“เข้ามา จับพวกมันมาให้ข้า” หูหลินออกคำสั่งโดยไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในแววตาของหูเจียวเจียว
“ใครกล้าแตะต้องนาง มันตาย!” ขณะเดียวกัน มังกรหนุ่มปกป้องภรรยาสาวที่อยู่ข้างหลังตน บัดนี้ดวงตาของเขาดุร้ายและกระหายเลือดไม่ต่างจากงูพิษหลากสี
ออร่าที่หลงโม่แผ่ออกมาจากตัวทำให้ภูตกิ้งก่าต่างพากันตกใจ พวกเขาหันมามองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ทั้งคู่เลยสักคน
ในตอนนั้นเอง
จู่ ๆ ภูตที่เฝ้าประตูถูกใครบางคนผลักออกไป ก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะวิ่งเข้ามาในบ้าน
“หยุดนะ หยุด!”
“หมินหมิ่น ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่...” เมื่อหูหลินเห็นคนที่พรวดพราดเข้ามาด้านใน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนเพื่อพยายามขวางนางไว้ข้างนอก
แต่หูหมินผลักเขาออกไปให้พ้นทาง และชี้ไปที่ภูตรอบตัวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “นี่คือสิ่งที่เจ้าสัญญากับข้างั้นรึ?”
เมื่อสักครู่นางเห็นท่าทีของหลงโม่ทันทีที่เข้าประตูมา หากนางมาช้ากว่านี้อีกก้าวหนึ่ง ทุกคนคงจะลงมือต่อสู้กันแล้ว
“หมินหมิ่น ข้า...” ชายตัวโตทำหน้ารู้สึกผิดและกำลังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นผู้เป็นแม่ เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะส่งหน้าไม้อาบยาพิษกลับเข้าไปในมิติทันที
“ท่านแม่!”
พอหญิงวัยกลางคนได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคย นางก็ตกตะลึงในทันใด
จากนั้นนางหันไปมองภูตที่ห่อตัวมิดชิด ก่อนที่นางจะพยายามสำรวจดูว่าคนตรงหน้าเป็นใครกันแน่ เพราะนางจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“เจียวเจียว!! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ในที่สุดหูหมินก็วิ่งเข้ามาจับมือลูกสาวด้วยความตื่นเต้นโดยที่ปลายนิ้วของนางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
เดิมทีนางคิดว่าเป็นหลงโม่ที่พาคนในเผ่ามาช่วย แต่นางไม่คาดคิดว่าเจียวเจียวจะมาด้วยตัวเอง!
“ท่านแม่ ข้ากับหลงโม่มาที่นี่เพื่อพาท่านกลับไปยังเผ่า ไม่ได้มีแค่เรา 2 คนนะ พี่ใหญ่กับพี่สี่ รวมทั้งจงเอ๋อและเสี่ยวเหยาก็อยู่ข้างนอกด้วย” หูเจียวเจียวรีบถอดหมวกอันใหญ่ออก และถอดผ้าพันคอพลางอธิบายด้วยสีหน้ามีความสุข
หลังจากจิ้งจอกสาวเห็นว่าหูหมินปลอดภัยดีแล้ว หินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจของเธอก็ถูกยกออกไป
ทางด้านหูหลิน เขามองดูผู้หญิง 2 คนสลับไปมาขณะยืนทำหน้างุนงงอยู่กับที่
“เจียว…เจียวเจียว?”
เขาทวนชื่อนั้นด้วยความตกตะลึง
นั่นชื่อลูกของหมินหมิ่นไม่ใช่หรือ!?
เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้คือ...
ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนลอบกลืนน้ำลายและหันไปมองหูหมินด้วยคอที่แข็งเป็นเอ็น
ส่วนแม่จิ้งจอกวัยกลางคน ราวกับว่านางรับรู้ได้ถึงสายตาของหูหลิน นางจึงปล่อยมือของหูเจียวเจียว ก่อนจะเอามือเท้าสะเอวแล้วเดินไปบิดหูของคนตัวโตกว่าเต็มแรง
มันทำให้ชายร่างใหญ่ตัวเอียงไปด้านข้างพร้อมกับส่งเสียงร้องไม่หยุด
“ไอ้แก่ เมื่อกี้เจ้ากล้าข่มขู่ใคร? เจ้าจะให้ใครทิ้งชีวิตไว้ที่นี่? เจียวเจียวเป็นลูกของข้า ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องนาง เจ้าจะต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
“ตอนแรกเจ้ารังแกหลิงเอ๋อ ตอนนี้เจ้ายังกล้าข่มขู่เจียวเจียวของข้าอีก ข้าคิดว่าเจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก เจ้าจงใจที่จะรั้งข้าไว้ที่นี่ต่อใช่ไหม?” ยามนี้หูหมินโกรธมากจนใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
เนื่องจากลูกสาวคนเล็กเป็นที่รักของนาง ดังนั้นการที่ใครมากลั่นแกล้งเจียวเจียวก็เท่ากับว่าเป็นการกรีดหัวใจของนางไปด้วย
ขณะนั้นหูหลินตะโกนร้องโอดครวญและขอความเมตตาจากนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ข้าไม่กล้า ข้าจะกล้าได้ยังไง โอ๊ย! ข้าผิดไปแล้ว หมินหมิ่น...”
“ถ้าข้ารู้ว่านางคือเจียวเจียว ข้าคงไม่กล้าข่มขู่นางหรอก แม้ว่าข้าจะมีเป็น 10 ชีวิต ข้าก็ไม่กล้า...”
ชายตัวโตยังคงร้องคร่ำครวญเสียงดังไม่หยุด
วันนี้ศักดิ์ศรีความเป็นหัวหน้าของเขาป่นปี้ไม่มีชิ้นดี
ทันทีที่หูหมินพูดประโยคข้างต้นทั้งหมดออกมา สีหน้าของหูเจียวเจียวกับหลงโม่ก็เปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาก็พากันหันไปมองนาง
“ท่านแม่ ท่านรู้จักเขาหรือ?”
ส่วนมังกรหนุ่ม เมื่อเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายกลั่นแกล้งหลิงเอ๋อ ใบหน้าของเขาก็มืดมนและเย็นชา หากดวงตาของเขากลายเป็นมีดจริง ๆ ตอนนี้มันคงจะสับหูหลินเป็นร้อยชิ้นพันชิ้นไปแล้ว
ครู่ถัดมา แม่จิ้งจอกวัยกลางคนหันกลับไปหาลูกสาว แล้วท่าทางขึงขังเมื่อกี้ก็อ่อนลงทันที
นางรีบอธิบายว่า “เราไม่ใช่แค่รู้จักกัน เขาเป็นพ่อของเจ้า”
หูเจียวเจียวที่ได้รู้ความจริงทำหน้าสับสน
“??”
หูเฉียงเป็นพ่อของเธอไม่ใช่หรือ?
แล้วเธอมีพ่อโผล่มาจากไหนอีกคนกัน?
ทางด้านมังกรหนุ่มผู้ถูกกระตุ้นต่อมความอยากรู้ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาสีทองของเขาฉายแววฉงนพร้อมกับที่เขาจับมือภรรยาสาวด้วยความกังวล เนื่องจากเขากลัวว่านางจะตกใจกับคำพูดของคนเป็นแม่
เมื่อหูหมินเห็นท่าทางแปลก ๆ ของลูกสาว นางก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด นางจึงรีบโบกมืออย่างเร่งรีบและอธิบายอีกครั้ง
“ไม่ พ่อของเจ้าคือหูเฉียง ส่วนเขาเป็นคู่ของแม่อีกคน เขาถือว่าเป็นพ่อของเจ้าเหมือนกัน”
ในที่สุดหูเจียวเจียวก็เข้าใจสิ่งที่แม่พูดทันที
ที่แท้หูหลินก็เป็นพ่อคนที่ 2 ของเธอนี่เอง!
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: มีพ่อนิสัยแบบนี้ ขอไม่มีดีกว่า!