บทที่ 319: เขาไม่สามารถเป็นพ่อคนได้อีกแล้ว
“โอ๊ย ๆๆ! สาวน้อยคนนั้นเป็นหลานสาวของเจ้ารึ!?”
หูหลินตกตะลึงหลังจากได้รู้ความจริง ทันทีที่เขาเปิดปาก หูหมินก็ทำให้เขาร้องเสียงหลงทันที
เขาไม่กล้าขัดขืนหญิงผู้เป็นที่รัก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงบิดตัวเหมือนหนอนพลางกัดฟันทนความเจ็บปวดต่อไป
“หมินหมิ่น ใจเย็น ๆ ก่อนนะ...”
ปัจจุบันแม่จิ้งจอกวัยกลางคนไม่สนใจฟังสิ่งที่ตาแก่คนนี้พูดเลยสักนิด นอกจากนางจะไม่ยอมปล่อยมือแล้ว แต่นางยังออกแรงดึงมากขึ้นในขณะที่พูดอย่างโมโห
“ไอ้แก่หน้าด้านคนนั้นคือเจ้านี่เอง เจ้าบังอาจมากที่มารังแกหลิงเอ๋อของข้า แล้วทีนี้เจ้ายังอยากจะให้ข้าเป็นแม่ของนางอีกงั้นรึ!”
“วันนี้ข้าต้องสั่งสอนบทเรียนดี ๆ ให้กับเจ้าสักหน่อย เจ้ากล้ามากที่จับหลานของข้ามา แถมไม่พอยังจะมาตามรังควานนางอีก...”
ในขณะนี้ ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไม่สามารถต่อสู้ขัดขืนสตรีตรงหน้าได้ เขาจึงทำได้เพียงร้องขอความเมตตาจากนางต่อไป
“หมินหมิ่นคนดี ข้ารู้ว่าข้าทำผิด แต่ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นหลานสาวของเจ้า ข้าแค่คิดว่านางหน้าตาเหมือนเจ้าหลายส่วน และข้าก็คิดถึงเจ้ามาก ข้าเลยอยากจะรับตัวนางกลับมาเป็นลูกของข้า...”
ยามนี้ใบหน้าของหูหลินเต็มไปด้วยความคับข้องใจ และเขาก็พยายามอธิบายเจตนาของตัวเอง
“และ... ตอนที่ข้าพานางกลับเผ่า นางก็เต็มใจที่จะกลับมากับข้า ข้าไม่ได้บังคับนางสักหน่อย อีกอย่างเจ้าเข้าใจผิดบางอย่างไป ข้าไม่ได้รังแกนางเลยสักครั้ง”
ถ้าเขารู้ว่าสาวน้อยเป็นหลานของหมินหมิ่น เขาคงไม่กล้าทำแบบนี้แม้ว่าเขาจะขวัญสูงเทียมฟ้าก็ตาม!
หากเขาได้เป็นพ่อของเด็กหญิง เขาก็จะกลายเป็นลูกชายของหมินหมิ่นไม่ใช่หรือไง?
เมื่อหูหลินคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจมากที่ตนไม่สามารถเป็นพ่อคนได้อีกแล้ว
“เจ้ายังมีหน้ามาเถียงข้าอีก!” หูหมินโกรธมากจนยกมือขึ้นตั้งท่าจะตีอีกฝ่าย จึงทำให้ชายตัวใหญ่รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที พร้อมกับโบกมือเพื่อยอมรับความผิด
“ข้าผิดเอง มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้าจะไปขอโทษสาวน้อย!”
เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นว่าคู่ที่พลัดพรากกันมานานของตนยอมรับความผิดแต่โดยดี นางก็พ่นลมอย่างเย็นชาแล้วปล่อยมือ
“เจ้าพูดเองนะ ไปขอโทษหลิงเอ๋อเดี๋ยวนี้เลย!”
หูหลินยิ้มพลางยกมือขึ้นกันมือของอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วสูดหายใจเข้าออก 2-3 ที “พอแล้ว เดี๋ยวมือของเจ้าเจ็บ ข้าจะไปขอโทษนางเดี๋ยวนี้ หมินหมิ่น เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ”
ขณะที่หูหมินมองดูท่าทางของคนตัวใหญ่ นางก็แอบรู้สึกใจอ่อน
ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ท่าทางของเขาไม่ได้บ่งบอกว่าตัวเองโกรธเลยสักนิด อีกทั้งเขาไม่ได้พูดต่อว่าอะไรนาง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายคนเดิมที่ยังคงรักนางเหมือนกับในตอนนั้น
20 ปีผ่านไป หูหลินยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย…
“เร็วเข้า” หญิงวัยกลางคนยกเท้าขึ้นเตะก้นของอีกคนเพื่อเร่งให้เขารีบลุกขึ้น แต่นางไม่ได้ใช้แรงมากนัก
ในเวลาเดียวกัน ภูตแห่งเผ่าเล่ยเหอตกใจจนขากรรไกรค้าง
ผู้หญิงคนนี้กล้าเตะหัวหน้าของพวกเขาด้วย!
และหัวหน้าก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับนางโดยที่ไม่แสดงอารมณ์โกรธเลยสักนิด
นี่เขายังเป็นหัวหน้าที่เคร่งขรึมของพวกเขาอยู่หรือเปล่า?
หลังจากนั้นหูหลินก็รีบเดินเข้าไปในถ้ำจนไปถึงตรงหน้าหลงหลิงเอ๋อ
ทางด้านหลงอวี้กับหลงเซียวมองชายผู้มาใหม่อย่างระแวดระวัง พวกเขาไม่ยอมขยับถอยไปไหนและยังคงตั้งท่าปกป้องน้องสาวที่อยู่ข้างหลังตน
ส่วนหูหลินเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีถือสาอะไร ไม่นานเขาก็รีบพูดขอโทษเด็กหญิงด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย ก่อนหน้านี้มันเป็นความเข้าใจผิด ข้าไม่ไม่อยากให้เจ้าเรียกข้าว่าพ่ออีกแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าสามารถเรียกข้าว่าท่านตาแทนก็ได้ ฮ่า ๆ”
เขาคิดว่าการเปลี่ยนจากลูกกลายเป็นหลานก็ไม่เลวเหมือนกัน
มิหนำซ้ำนางยังเป็นหลานสาวของหมินหมิ่นด้วย ถึงอย่างไรเขาก็ถูกใจสาวน้อยคนนี้มากอยู่แล้ว
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อมองไปที่รอยยิ้มของชายร่างใหญ่ที่ทำตัวราวกับว่าตนไม่เคยบังคับนาง ในขณะที่เด็กหญิงใช้มือทั้ง 2 ข้างคว้าเสื้อผ้าของหลงอวี้กับหลงเซียวเพื่อดึงทั้งคู่ให้ถอยหลังไป 2 ก้าวเป็นการต่อต้าน
จนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังคงรู้สึกสับสนอยู่
จะมีใครบอกนางได้บ้างว่าทำไมชายชราแปลกหน้าถึงกลายเป็นตาแก่ใจดีในทันใด
เมื่อหูหลินเห็นว่าสาวน้อยตั้งท่าปฏิเสธตนก็ไม่โกรธและยังคงทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ เหมือนเดิม
“ท่านป้าหมิน เขาคือใครหรือ...” ลู่เมี่ยนเอ๋อเดินมายืนอยู่ด้านข้างหูหมิน พร้อมกับมองชายตัวใหญ่ที่ยังคงยิ้งกว้างด้วยความสับสน
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าภูตชายตรงหน้าน่ากลัวมาก แต่ปัจจุบันนางคิดว่าเขาดูแปลก ๆ มากกว่า
เมื่อหูหมินเห็นว่าลู่เมี่ยนเอ๋อและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางจึงอธิบายว่า
“เขาเป็นคู่ของข้า เราพลัดหลงกันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้พบกันที่นี่” หลังจากที่แม่จิ้งจอกวัยกลางคนพูดจบ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะหันหน้าไปมองหูหลินและกลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกถ้ำ
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเห็นสีหน้าของนาง เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสับสน เขาเลยรีบอธิบายว่า
“หมินหมิ่น นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเขาไปจับพวกเจ้ากลับมา พวกเขาแค่ออกไปหาอาหารและบังเอิญพาพวกเจ้ากลับมาด้วยเท่านั้น ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ระหว่างเดินทางมาที่นี่ เขาได้ถามพวกลูกน้องเกี่ยวกับสถานการณ์ของภูตหญิงกับเด็กเหล่านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ถัดมา หูหลินมองไปที่ลู่เมี่ยนเอ๋อและคนอื่น ๆ อีกครั้ง
“ข้าคงจะทำให้พวกเจ้าขวัญเสียแล้ว ข้าจะจัดที่อยู่อาศัยใหม่ให้พวกเจ้าพักผ่อนในเผ่าก่อน”
ในเมื่อภูตเหล่านี้เป็นคนในเผ่าของหมินหมิ่น ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องต้อนรับขับสู้พวกนางให้ดีที่สุด
ขณะเดียวกัน พวกผู้หญิงมองไปที่หูหมินทีละคน
พอทุกคนเห็นนางผงกหัวเล็กน้อย พวกนางก็รู้สึกโล่งใจและเชื่อคำพูดของชายคนนั้น
เนื่องจากภายในถ้ำนี้มีขนาดเล็ก กลุ่มคนที่อยู่ข้างในจึงได้ยินบทสนทนาที่เกิดขึ้นข้างนอกทั้งหมด ในเมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของหัวหน้าเผ่านั่นก็ถือว่าเป็นคำขาด
เวลาต่อมา หูหลินสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพาภูตผู้หญิงและเด็กไปยังที่พักแห่งใหม่ทันที
ปัจจุบันพวกผู้หญิงกำลังเหนื่อยล้ามากเนื่องจากการเดินทางที่แสนยาวนาน บางคนถึงขั้นป่วยหนัก รวมถึงทุกคนมีอาการเป็นหวัดเล็กน้อย พวกนางจำเป็นจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หูหมินจึงยอมทำตามข้อตกลงของอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน หลงหลิงเอ๋อจับมือผู้เป็นยายและเตือนเสียงเบาว่า “ท่านยาย ยังมีพวกลุงสามและหยินชางด้วย”
ในตอนนั้นเองหูหมินก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเกือบจะลืมลูกชายของตัวเองไปแล้ว
...
หลังจากหูเจียวเจียวปลอบโยนเด็กทั้ง 2 จนสงบลง เวลาผ่านไปไม่นาน ภูตกว่าร้อยคนที่ติดตามพวกเธอก็มาถึงที่ที่ทุกคนปักหลักกันแล้วเช่นกัน
ทางด้านหูชิงซานพบภูตกลุ่มนี้ขณะสำรวจพื้นที่โดยรอบ ก่อนจะรู้ว่าหลงโม่พาพวกเขามาช่วยเหลือภูตหญิงและเด็ก นอกจากนี้น้องเล็กก็มาพร้อมกับพวกเขาด้วย ชายหนุ่มจึงพาทุกคนกลับมาที่ค่ายพักแรมทันที
เมื่อคนเป็นพี่ใหญ่เห็นน้องสาว ในที่สุดหินก้อนใหญ่ที่ถ่วงอยู่ในใจของเขาก็ถูกยกออกไป
ต่อมา หูเจียวเจียวสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าเล่ยเหอจากคนในกลุ่ม แล้วได้รู้ว่าอิงหยวนเป็นคนเข้าไปเจรจากับเผ่า เธอจึงหันไปถามพวกเขาว่า
“การเจรจาของอิงหยวนเป็นยังไงบ้าง พวกเขายอมตกลงที่จะแลกเปลี่ยนหรือเปล่า?”
หูชิงหยวนเบะปากก่อนจะโพล่งออกมาแบบไม่ต้องคิดซ้ำ “เรายังจำเป็นต้องบอกอีกหรือ? แค่ดูหน้าเจ้านั่นก็รู้แล้วมั้งว่าการเจรจาครั้งนี้ต้องล้มเหลว! พี่ว่ามันอาจจะถูกขับไสไล่ส่งออกมาด้วยซ้ำ”
นอกจากการเจรจาจะล้มเหลวแล้ว หมอนั่นยังเอาอารมณ์มาลงกับเสี่ยวเหยาอีก!
จิ้งจอกสาวที่ได้ยินเช่นนั้นลดสายตาลงและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่ พี่สี่ ถ้าหลงโม่กลับมาแล้ว ข้าจะไปที่นั่นเอง ข้าจะลองดูอีกสักครั้ง”
แค่ใช้หัวแม่มือคิดก็รู้แล้วว่าอินหยวนไม่ใช่นักเจรจาที่ดีนัก นอกจากนี้พี่ใหญ่ยังบอกอีกว่าหัวหน้าของฝ่ายตรงข้ามเป็นคนดี
หากเป็นไปได้ เธอต้องการพาคนในเผ่ากลับมาโดยที่ไม่ต้องมีการสูญเสียใครไปแม้แต่คนเดียว ซึ่งนั่นเป็นการดีที่สุด
แม้แต่ภูตผู้แข็งแกร่งที่มีความสามารถในการรักษาตนเองอย่างดีเยี่ยมก็ยังบาดเจ็บล้มตายกันได้
ทว่าหูชิงซานไม่เห็นด้วย เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “พี่จะไปเอง”
ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะปล่อยให้น้องสาวคนเล็กไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร?
“ไม่ น้องเล็ก เจ้าเป็นผู้หญิง ถ้าเจ้าถูกจับตัวไปอีกคนล่ะ พวกเราจะทำยังไง?” หูชิงหยวนเองก็คัดค้านอย่างเป็นห่วงเช่นกัน
“นอกจากนี้ อิงหยวนยังไปทำให้หัวหน้าของอีกฝ่ายไม่พอใจอีกด้วย ถ้าเจ้าไปพบเขาครั้งนี้แล้วเขาจับตัวเจ้าไปล่ะ ไหน ๆ พี่สี่กับพี่ใหญ่ก็อยู่ที่นี่แล้ว เราจะปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงอีกไม่ได้!”
ถ้าเขากล้าปล่อยน้องสาวไปจริง ๆ แล้วพ่อแม่รู้เข้า เขาจะไม่โดนตบหัวพร้อมด่าจนกลับบ้านไม่ถูก 3 วัน 7 คืนเลยหรือไง?
“ท่านพี่อย่ากังวลไป แม้แต่เผ่าหมาป่าข้าก็หนีออกมาได้ เผ่านี้จับข้าไว้ไม่ได้หรอก” หูเจียวเจียวยิ้มให้พี่ชายทั้ง 2 คนอย่างมั่นใจ
จังหวะที่หูชิงซานกับหูชิงหยวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ เสียก่อน
ขณะนี้หลงโม่กับอิงหยวนกลับมาแล้ว
ทันทีที่ทั้งคู่เข้ามาใกล้ หูชิงหยวนก็เห็นใบหน้าของอิงหยวนชัดเจน เขาจึงหัวเราะเสียงดังพลางเอามือกุมท้องทันที
“ฮ่าๆๆ! อิงหยวน หน้าของเจ้าเป็นอะไรไป ใครเป็นคนทำให้เจ้ามีสภาพเป็นแบบนั้นเนี่ย?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: อยากให้ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันเร็ว ๆ จัง ; - ;