บทที่ 318: เผชิญหน้ากับหูหลิน
เมื่อหูหมินได้ยินว่าตาเฒ่าที่คอยรังควานหลงหลิงเอ๋ออยู่ที่นี่แล้ว ใบหน้ามีเสน่ห์ของนางก็เจือไปด้วยโทสะ จากนั้นนางจับมือของหลานสาวเพื่อดึงอีกฝ่ายมาซ่อนไว้ข้างหลังตน
“ไอ้แก่ไร้ยางอาย เจ้ายังมีหน้ามาที่นี่อีกงั้นรึ หลิงเอ๋อ เจ้ารออยู่ตรงนี้นะ ยายจะไปสั่งสอนมันเอง” คนเป็นยายดันเด็กน้อยกลับเข้าไปในถ้ำและเดินปรี่ออกจากถ้ำไปอย่างโกรธแค้น
ขณะเดียวกัน หลงอวี้กับหลงเซียวรีบไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าหลงหลิงเอ๋อแล้วตั้งท่าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม โดยที่พวกเขาพยายามบดบังน้องสาวเอาไว้ข้างหลังจนมิด
บัดนี้ผู้เป็นพี่ชายทั้ง 2 ตั้งตัวเป็นปรปักษ์ต่อชายชราแปลกหน้าคนนั้นอย่างเต็มที่
“ไอ้สารเลวคนไหนบังอาจมาให้หลานข้าเรียกมันว่าพ่อ หน้าไม่อาย! ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าแม่ก่อนสิ!”
เมื่อหูหมินเดินจ้ำอ้าวผ่านปากถ้ำไป นางก็สบถยาวเหยียดพร้อมกับถือก้อนหินไว้ในมือ และตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับใครบางคน
ส่วนภูตเต่าที่เฝ้าทางเข้าออกถ้ำช้าไปหนึ่งก้าว พอพวกเขากำลังจะเข้าไปขวาง หญิงวัยกลางคนก็เดินออกจากถ้ำโดยมีก้อนหินอยู่ในมือ 2 ก้อนขณะจ้องมองไปยังฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ข้างนอก
จังหวะนั้นภูตเต่าทั้ง 2 พุ่งไปข้างหน้าเพื่อร่วมมือกันจับภูตหญิงแล้วพยายามลากนางกลับไปที่ถ้ำ
“ปล่อยข้านะ!”
หูหมินขัดขืนเต็มกำลัง นางพยายามยืดคอตะโกนใส่ภูตทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้แก่คนไหนที่จะมาลักพาตัวคนในครอบครัวของข้าไป เจ้ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับงั้นรึ!?”
ทางด้านหูหลิน หลังจากเขาสั่งสอนสู่ต้าเสร็จ ความโกรธในใจของเขาก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจ
เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเสียงที่คุ้นหูแต่ไม่คุ้นเคยจากด้านหลัง ทั้งร่างของเขาก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ เขาอยากจะหันกลับไปมองทางต้นเสียงแต่ร่างกายไม่รักดีกลับแข็งเป็นหินจนขยับไม่ได้ แม้แต่การจะหันหลังกลับไปมองเขาก็ยังต้องใช้แรงมหาศาล
ผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับประกายแสงวาบขึ้นในดวงตาที่ขุ่นมัว เขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียง
“หมิน- หมินหมิ่น?”
ในตอนนั้นเอง ริมฝีปากของหูหลินกระตุก และเสียงของเขาก็สั่นเล็กน้อย
เสียงนี้เป็นของหมินหมิ่น!
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พบนางมา 20 ปีแล้ว แต่เขารู้ว่าเสียงของนางยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาเสมอมา
เมื่อหูหมินได้ยินเสียงของชายคนนั้น นางก็ผงะไปเช่นกัน นางหยุดดิ้นรน พลางเบิกตากว้างมองไปข้างหน้า
ราวกับว่านางสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ในที่สุดนางก็เห็นชายวัยกลางคนที่โดดเด่นออกมาท่ามกลางฝูงชนภายในแวบเดียว
“หูหลิน?”
แม่จิ้งจอกวัยกลางคนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างไม่แน่ใจ
ไม่นานนางก็เห็นว่าผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบังเอิญมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำของนาง เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ในวัยเยาว์ในอดีต ตอนนี้หูหลินดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และบุคลิกของเขาก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
ในชั่วขณะนั้น นางแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ยามนี้เสียงของหูหมินดูเหมือนจะไปสะกิดใจของหูหลิน เขาผลักภูตที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้าออกไปแล้วเดินไปหานาง
“ปล่อยนาง! พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวนาง!”
ก่อนที่ภูตเต่าจะทันได้ตอบสนอง คนเป็นหัวหน้าเผ่าก็โบกมือให้พวกเขาหลบออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา และพุ่งเข้ามากดมือลงบนไหล่ของหญิงวัยกลางคนอย่างแน่นหนา
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเปิดปากพูดอย่างตื่นเต้น
“หมินหมิ่น เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ในที่สุดข้าก็หาเจ้าพบ!”
ในเวลาเดียวกัน เมื่อพวกหลงอวี้เห็นหูหลินใกล้เข้ามา พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรบางอย่างกับหูหมิน ทั้งคู่จึงตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปช่วยผู้เป็นยาย แต่เมื่อเห็นท่าทางที่คุ้นเคยระหว่างทั้ง 2 คน พวกเขาก็ต้องตกตะลึง
ท่านยายรู้จักตาแก่คนนี้หรือ?
ทำไมพวกเขาทำเหมือนกับว่ารู้จักกัน?
อีกด้านหนึ่ง เหล่าภูตของเผ่าเล่ยเหอตกตะลึงยิ่งกว่าคนในถ้ำหลายเท่า เนื่องจากหัวหน้าของพวกเขาเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวนและชอบทำอะไรแปลก ๆ มาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำตัวเลวร้ายต่อผู้คนในเผ่า แต่เขาก็ไม่เคยอ่อนโยนกับใครเลย
มิหนำซ้ำ เขาเป็นหัวหน้าที่ไม่เคยเป็นมิตรกับใครทั้งนั้น ยิ่งกับคนต่างเผ่าแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้
แล้วแม่นางผู้โชคดีคนนี้คือใครกัน?
ภูตกลุ่มหนึ่งมีความคิดมากมายหรือไม่ก็วิตกกังวลขณะมองทั้ง 2 คนด้วยสายตาแปลก ๆ
ส่วนหูหมินไม่คาดคิดว่าจะได้พบหูหลินอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี ดวงตาของนางจึงรื้นไปด้วยน้ำตาที่ห้ามเอาไว้ไม่ได้
“หูหลิน เจ้ายังมีชีวิตอยู่... หลายปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา...”
สมัยที่เผ่าจิ้งจอกของพวกเขาถูกศัตรูโจมตี หูหมิน, หูหลิน, หูเฉียงรวมถึงชาวบ้านในเผ่าคนอื่นต่างก็หนีตายออกจากเผ่าและต้องเร่ร่อนอยู่ในป่าตลอดทาง
ยามนั้นทุกคนต้องการตามหาเผ่าอื่นเพื่อขอเข้าร่วมด้วย แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น พวกเขาเจอน้ำป่าไหลหลากระหว่างทาง ด้วยเหตุนี้หูหลินจึงส่งหูหมินขึ้นไปที่สูงเพื่อปกป้องนางและหลีกเลี่ยงน้ำ ก่อนที่เขาจะถูกกระแสน้ำพัดไป
พอหูหมินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็เห็นเพียงหูเฉียงกับสมาชิกในเผ่าอีก 2-3 คน แม้ว่านางจะค้นหาไปรอบ ๆ แต่นางก็ไม่เจอหูหลินเลย
เวลาต่อมา กลุ่มคนที่เหลือปักหลักอยู่ที่เดิมจนกระทั่งฤดูหนาวใกล้เข้ามา พวกนางจึงต้องจากไปพร้อมกับหูเฉียงและเข้าร่วมเผ่าปัจจุบัน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ค่อย ๆ ยอมรับความจริงที่ว่าหูหลินเสียชีวิตไปแล้ว
นางรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ เขาจะกลับมาหาตนอย่างแน่นอน
แต่ด้วยคลื่นน้ำที่เชี่ยวกรากเช่นนั้น ความหวังที่เขาจะมีชีวิตรอดมันช่างริบหรี่ยิ่งนัก…
เวลานี้หูหลินกอดผู้หญิงที่ตนรักไว้ในอ้อมแขนพลางพูดตำหนิตัวเอง
“ข้าขอโทษ หมินหมิ่น มันเป็นความผิดของข้าเอง ตอนนั้นข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับการช่วยเหลือจากภูตของเผ่าอื่น หลังจากนั้นข้าก็ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าครึ่งปี”
ในอดีตเขาบาดเจ็บจนร่างกายมีแต่บาดแผลเต็มไปหมด มิหนำซ้ำขายังหักไปอีก 1 ข้าง แต่ก็ยังโชคดีที่เขาได้พบกับหมอผีที่มาช่วยรักษาให้เขาในภายหลัง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชีวิตรอดผ่านฤดูหนาวเมื่อ 20 ปีก่อนมาได้
เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากทำให้ชายวัยกลางคนจำต้องจากคนที่เขารักและบาดเจ็บสาหัสปางตาย
“ข้ากลับไปหาเจ้าทันทีที่อาการบาดเจ็บหายดี แต่เจ้าไม่อยู่แล้ว ข้ากลับไปหาเจ้าหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าคิดว่าเจ้า...” หูหลินเงียบไปเพราะไม่กล้าพูดคำนั้นออกมา
ยามนี้ผู้เป็นหัวหน้าเผ่ากระชับกอดหูหมินไว้แน่นเพื่อซึมซับความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวนางเพราะกลัวว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้มันจะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน
ถัดมา หูหลินพึมพำเสียงเบาว่า
“ดีจังที่เจ้าไม่เป็นไร ในอนาคตข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีก”
ในเวลานี้ ชายตัวใหญ่ตรงหน้ากำลังออดอ้อนผู้หญิงร่างเล็กเหมือนกับเด็กน้อย
ทางด้านหูหมิน หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด นางก็อดไม่ได้ที่จะสูดจมูกกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา นางรู้ว่าปัจจุบันคำพูดของหูหลินอาจจะฟังดูผ่อนคลาย แต่ในตอนนั้นถ้าเขาไม่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด นางก็จะไม่มีวันได้พบเขาอีก
อีกทั้งนางไม่รู้สึกอยากตำหนิเขาเลยแม้แต่น้อย
นางแค่พูดอย่างมีความสุขว่า “โชคดีจริง ๆ ที่พวกเราทุกคนยังมีชีวิตอยู่”
“หมินหมิ่น มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมดที่ทำให้เจ้าหายไป ตอนนั้นเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา เจ้าเป็นยังไงบ้าง?” บัดนี้ใบหน้าของหูหลินมีแต่ความตื่นเต้นแล้วในหัวของเขาก็มีคำถามมากมายที่อยากจะถามผู้หญิงตรงหน้า
เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนี้ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนออกมาทำอะไรที่นี่
ครู่ต่อมา นางผลักไหล่ของคนตัวใหญ่ออกไป และยกมือตบ ๆ แก้มตัวเอง ก่อนที่ความโศกเศร้าบนใบหน้าจะถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
จากนั้นนางก็ถามหูหลินอย่างโกรธเคืองว่า
“หากเจ้าไม่ถามข้า ข้าคงลืมไปแล้ว เจ้าจับตัวหลิงเอ๋อมาและบังคับให้นางเรียกเจ้าว่าพ่อหรือ?”
“หลิงเอ๋อ? อ๋อ สาวน้อยคนนั้น ข้าเป็นคนพานางกลับมาเอง”
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินเด็กหญิงบอกว่าชื่อของนางคือหลงหลิงเอ๋อ แต่ระหว่างทางเขามักจะเรียกอีกคนว่าสาวน้อยและไม่ได้เรียกนางด้วยชื่อ เขาเลยต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะรู้ว่าหูหมินกำลังพูดถึงใคร
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าเผ่านึกถึงเด็กน้อย เขาก็มีความสุขและแทบรอไม่ไหวที่จะเล่าให้ผู้หญิงตรงหน้าฟัง
“หมินหมิ่น เจ้ารู้จักสาวน้อยคนนี้ด้วยหรือ ถูกต้อง ข้าวางแผนที่จะรับนางมาเป็นลูกบุญธรรมของข้า ในอนาคตเราทั้งคู่จะมีลูกด้วยกัน!”
การที่ผู้หญิงมีอายุมากขึ้นก็เท่ากับว่ายิ่งมีลูกยากขึ้นไปอีก นอกจากจะตั้งครรภ์ยากแล้ว ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในระหว่างการคลอดบุตรก็มีสูงกว่าผู้หญิงอายุน้อยหลายเท่า แม้ว่าเขาจะเสียใจที่ในชีวิตนี้ตนจะไม่สามารถมีลูกกับหมินหมิ่นได้ แต่ปัจจุบันพวกเขามีหลงหลิงเอ๋อ ดังนั้นเขากับนางสามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยกันแทนก็ได้!
ขณะนี้หูหลินพูดอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจสีหน้าของอีกฝ่ายเลย
ในเวลาเดียวกัน หูหมินยกมือขึ้นมาหยิกเอวของเขาเต็มแรง พร้อมกับที่สบถด่าด้วยความโกรธ
“ไอ้แก่หน้าไม่อาย เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าจะรับเลี้ยงหลิงเอ๋ออีกงั้นรึ นางคือหลานสาวของข้า!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: อื้อหือ เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนในอดีต!