บทที่ 311: จับภูตมาทรมานเพื่อเค้นข้อมูล
“เผ่าเล่ยเหอ...”
หลงหลิงเอ๋อมึนงงอยู่สักพัก ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเบิกกว้าง ในขณะที่นางตระหนักถึงสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
นางถูกชายชราแปลกหน้าคนนั้นจับตัวมา!
“ช้าก่อน ท่านบอกว่าคนคนนั้นคือหูหลิน แล้วเขาเป็นหัวหน้าของพวกท่านด้วยหรือ?” เด็กหญิงถามด้วยความเหลือเชื่อ
“ใช่” ภูตเผ่าจิ้งจอกพยักหน้ายิ้ม ๆ
“ท่านไม่ต้องกังวล หัวหน้าบอกไว้แล้วว่าท่านจะเป็นคุณหนูของพวกเรา นับตั้งแต่นี้ไปคนในเผ่านี้คือคนของท่าน ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องกลัว”
ถึงแม้ว่าในเผ่าเล่ยเหอมีภูตจิ้งจอกอยู่น้อยมาก ทว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนสนิทของหูหลิน แล้วตอนนี้อีกฝ่ายมีลูกน้อยน่ารักคนหนึ่ง พวกเขาจึงรู้สึกรักนางเหมือนเป็นลูกของตัวเอง
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อยังคงทำหน้ารังเกียจ
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าชายชราแปลกหน้าคือหัวหน้าของกลุ่มภูตตัวร้ายที่จับตัวคนของเผ่าพวกนางไป!
เป็นเพราะเขาทำให้พวกนางถูกจับ นางจึงไม่อยากอยู่ที่นี่และไม่ยอมรับคนในเผ่านี้
“ข้าไม่ต้องการเป็นคุณหนูของพวกท่าน ปล่อยข้าออกไปนะ! หยินชางอยู่ที่ไหน? ข้าต้องการพบหยินชาง” ตอนนี้เด็กหญิงไม่เห็นเด็กหนุ่ม ดังนั้นนางจึงกระโดดลงจากเตียงหินทันทีและตั้งท่าจะออกไปตามหาเขา
“คุณหนู ท่านออกไปไม่ได้”
ภูตที่เป็นผู้คุมวิ่งไปขวางทางเข้าออกถ้ำทันที
“หยินชางที่ท่านพูดถึงคือเด็กที่อยู่กับท่านใช่ไหม ไม่ต้องกังวล เขาสบายดีและกำลังพักผ่อนอยู่ในถ้ำใกล้ ๆ”
“หัวหน้าบอกว่าจนกว่าท่านจะยอมอยู่ที่นี่ ท่านจะต้องอยู่ในถ้ำนี้เท่านั้น หากท่านต้องการอะไรเราก็จะนำมันมาให้ท่าน”
เมื่อหลงหลิงเอ๋อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ขมวดคิ้วแน่น
ระหว่างนั้นนางเอื้อมมือไปสัมผัสมีดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตัวเอง
นางไม่รู้เลยว่าชายชราแปลกหน้าที่น่ารังเกียจคนนั้นต้องการอะไรกันแน่!
แต่ไม่นานหลงหลิงเอ๋อก็หมดกำลังใจและลดมือลง
ต้องโทษที่ตาแก่นั่นแข็งแกร่งเกินไป เด็กตัวเล็กธรรมดา ๆ แบบนางจะไปทำอะไรได้…
ถัดมา เด็กหญิงชำเลืองมองลูกน้องของหูหลินที่ยังมีท่าทีสงบ ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ถูกศัตรูจับตัวมาแล้ว ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงหาทางหลบหนีออกไปจากที่นี่ในภายหลัง...
...
อีกด้านหนึ่ง
ปัจจุบันพวกอิงหยวนติดตามร่องรอยที่หลงหลิงเอ๋อทิ้งไว้จนไปพบเผ่าเล่ยเหอ
เพื่อไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียก่อน ภูตกลุ่มหนึ่งจึงหยุดห่างจากเผ่าประมาณ 3 กิโลเมตร
ขณะที่หูชิงซานกับหูชิงหยวนเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่สามารถซ่อนตัวในหิมะได้อย่างง่ายดาย พวกเขาจึงแอบย่องไปสำรวจเผ่าเล่ยเหอก่อน
เผ่าแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเล่ยเหอ ซึ่งมันเป็นพื้นที่ราบหายากที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สถานที่แห่งนี้เหมือนกำลังซ่อนตัวอยู่หลังภูเขา อีกทั้งเผ่าไม่มีรั้วรอบขอบชิด มีเพียงภูตเต่าเพียงไม่กี่คนคอยคุ้มกันแล้วลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ
เนื่องจากยามนี้เป็นฤดูหนาว จึงไม่มีใครเข้าออกเผ่า แต่เมื่อพิจารณาจากขอบเขตของเผ่าและจำนวนบ้านไม้ข้างใน จะเห็นได้ว่ามีภูตอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก
จากนั้นพี่น้องตระกูลหู 2 คนก็สำรวจไปรอบ ๆ ด้านนอกของเผ่าเผื่อว่าพวกเขาอาจจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง
“เผ่านี้ดูใหญ่โตทีเดียว จำนวนคนทั้งหมดมากกว่าเผ่าของเรา 2-3 เท่า...” หูชิงหยวนที่ซ่อนตัวอยู่หลังหินก้อนใหญ่ที่ปกคลุมด้วยหิมะกำลังทอดถอนหายใจ
บริเวณใกล้ ๆ นี้มีก้อนหินอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเหมาะที่จะใช้ซ่อนตัว
ส่วนหูชิงซานมีสีหน้าเคร่งขรึม
“พี่ใหญ่ ท่านบอกว่าเผ่าที่อิงหยวนกำลังตามหาอยู่ก็คือที่นี่เช่นกัน ถ้าเผ่านี้จับตัวผู้หญิงและเด็กของเรามาจริง ๆ พวกมันจะไม่ยอมปล่อยทุกคนออกมาแน่...”
“ตอนนี้น้องเล็กก็หายตัวไป ถ้าพวกมันไม่ยอมคืนผู้หญิงและเด็กให้เรารวมถึงไม่ยอมช่วยเราอีกล่ะก็ การเดินทางในครั้งนี้ของเราจะสูญเปล่า”
หูชิงหยวนมักจะมองโลกในแง่ลบ เมื่อเขานึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเผ่า เขาก็ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด แล้วอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามข้างหูของพี่ชาย
“ในเมื่อเราอยู่ที่นี่แล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องกลับไปมือเปล่า”
คนเป็นพี่ใหญ่มองเผ่าตรงหน้าด้วยสายตาเฉียบคมและพูดเสียงทุ้มว่า
“ก่อนอื่น เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกมันจับผู้หญิงและเด็กมาหรือเปล่า ถ้ามันไม่อยากร่วมมือกับเราก็ไม่เป็นไร แต่เราจะต้องนำตัวคนของเรากลับเผ่าให้ได้”
“พี่ใหญ่พูดถูก” หูชิงหยวนกล่าวพร้อมกับที่ดวงตาเป็นประกาย
ต่อมา ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางกลุ่มภูตที่ลาดตระเวนอยู่นอกเผ่าในระยะไกล และภูตกิ้งก่าคนหนึ่งก็แยกตัวออกไปทางอื่น ดูเหมือนว่ามันจะไปขับถ่าย
ทันใดนั้นหูชิงหยวนนึกแผนขึ้นมาได้และพูดอย่างตื่นเต้น
“พี่ใหญ่ ข้ามีวิธีค้นหาแล้วว่าผู้หญิงและเด็กอยู่ในเผ่าหรือไม่!”
...
ในค่ายพักแรมที่เหล่าภูตประจำการอยู่ชั่วคราว
ปัจจุบันพวกหูชิงซานกำลังรวมตัวกันล้อมรอบภูตกิ้งก่าที่นอนตัวสั่นอยู่บนพื้น
“พะ-พวกเจ้าเป็นใคร ทำไมพวกเจ้าถึงจับข้ามา...”
“เลิกถามมากได้แล้ว ตอนนี้ถึงตาข้าถามบ้าง” หูชิงหยวนเหยียบหน้าอกของภูตกิ้งก่าขณะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหยิ่งยโส
ในที่สุดชายหนุ่มก็มีที่สำหรับระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอกตลอดหลายวันที่ผ่านมา และเขาจะไม่เมตตาภูตกิ้งก่ายักษ์คนนี้เด็ดขาด
“บอกข้ามาเร็ว ๆ ว่าพวกเจ้าจับผู้หญิงและเด็กมาได้กลุ่มหนึ่งหรือเปล่า?” จิ้งจอกหนุ่มเค้นถามเสียงเข้ม
ไม่นานภูตกิ้งก่าก็พยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว
“ใช่ ๆ ภูตกลุ่มหนึ่งมาที่เผ่าของเราเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่พวกเราไม่ได้จับพวกมันมา เราเห็นว่าพวกมันไม่มีที่ไปก็เลยบอกให้พวกมันมาเข้าร่วมเผ่าของเรา...”
เขาพยายามปัดความผิดให้พ้นตัว
“เป็นพวกเจ้าจริง ๆ ด้วย!” หูชิงหยวนโกรธมากเมื่อได้ยินแบบนี้
“เข้าร่วมเผ่าของพวกเจ้างั้นรึ? เราอยู่ใกล้เผ่าของตัวเองดี ๆ พวกเจ้าต่างหากที่แย่งเสบียงทั้งหมดของพวกเขาไปทันทีที่มาถึง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าพาพวกเขามาเข้าร่วมเผ่า นี่มันคือการปล้นกันชัด ๆ!”
“พี่ใหญ่ อิงหยวน ทุกคนคงได้ยินแล้วว่าคนพวกนี้จับผู้หญิงและเด็กของเผ่าเรามา พวกมันจะต้องไม่ใช่คนดีแน่!”
ทางด้านภูตกิ้งก่ารู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
หลังจากที่เขามองดูให้ดีอีกครั้ง เขาก็รู้ว่าภูตชายคนนี้หน้าตาคุ้น ๆ “เจ้า-เจ้าคือคนที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง!”
จู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางสิ่งและจำรูปร่างหน้าตาของหูชิงหยวนได้
“ถูกต้อง ข้าเองแหละ!” จิ้งจอกหนุ่มตะคอกเสียงเย็น
จากนั้นเขาเดินไปหาหูชิงซานและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่ใหญ่ ถ้าเผ่าของพวกมันบอกว่าการจับตัวผู้หญิงและเด็กนั้นเป็นเจตนาที่ดี พวกมันจะต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องไปขอร้องให้พวกมันมาช่วยแล้วล่ะ”
ผู้เป็นพี่ชายคนโตพยักหน้า “ดูเหมือนว่าตอนนี้เราจะต้องหาทางช่วยผู้หญิงและเด็กออกมาให้ได้แค่นั้น”
หากพวกนางได้รับการช่วยเหลือ ก็จะถือว่าภารกิจสำคัญเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็สามารถวางใจและตามไปช่วยเหลือพวกหลงโม่ได้ทันทีที่ทุกคนกลับไป
หลังจากอิงหยวนได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าของเขาก็เศร้าหมองเมื่อรู้ว่าลู่เมี่ยนเอ๋ออยู่ในเผ่าที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่เขาก็ช่วยอะไรนางไม่ได้อีกแล้ว
“ข้าจะพาคนไปที่เผ่าของพวกมันแล้วไปช่วยคนของเราที่ถูกลักพาตัวออกมา!”
จังหวะนั้นหูชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะอีกฝ่าย “แต่ว่าพวกมันมีจำนวนคนมากกว่าของเราหลายเท่า ถ้าเจ้าเข้าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าจะจัดการกับคนมากมายขนาดนั้นได้หรือไง?”
ที่ผ่านมาพ่อแม่มักจะพูดกับเขาตลอดว่าเขาไม่ชอบใช้สมองเวลาทำอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าอิงหยวนก็เป็นคนประเภทเดียวกัน! อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถใช้สมองคิดได้บ้างเป็นครั้งคราว...
“แล้วเจ้าคิดจะทำยังไง?” อินทรีหนุ่มเหลือบมองจิ้งจอกหนุ่มอย่างเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ข้าจะไปรู้เรอะ ทุกคนก็รู้ดีนี่ว่าข้าหัวไม่ดี...” หูชิงหยวนเบะปาก ในขณะที่อิงหยวนเองก็ทำหน้าตาไม่ต่างกัน
ทางด้านหูชิงซานที่เห็นเช่นนี้ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วแล้วขัดจังหวะการทะเลาะกันของทั้ง 2 โดยการถามภูตกิ้งก่าว่า “หัวหน้าของพวกเจ้าเป็นคนยังไง?”
“หัวหน้าของเราเป็นคนดีมาก เขาปฏิบัติต่อทุกคนอย่างอ่อนโยนและมีจิตใจที่งดงาม เขาไม่เคยข่มเหงใคร...” ฝ่ายที่ถูกคาดคั้นตอบโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา