ตอนที่แล้วบทที่ 307: ข้าเห็นจิงหลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 309: เนื้อที่ข้าย่างด้วยมือของข้าเองจะไม่สูญเปล่า

บทที่ 308: เขาอยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว


แน่นอนว่าเรื่องจิงหลิงเป็นเรื่องที่พวกหลงอวี้กุขึ้นมา

จุดประสงค์ของ 2 พี่น้องตระกูลหลงก็คือเพื่อขู่พวกเขาให้ออกจากสถานที่นั้นโดยเร็วและขัดขวางไม่ให้คนอื่นสืบหาสาเหตุการตายของซีชา

หากในตอนกลางคืนมีคนเห็นอะไรบางอย่าง พวกเขาจะคิดถึงจิงหลิงเป็นอันดับแรก พอเรื่องมันเป็นไปในทิศทางนั้น ก็จะไม่มีใครสงสัยในตัวพวกหลงอวี้เกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

แผนขั้นแรก หลงเซียวจะไปบอกสู่เอ้อร์เกี่ยวกับเนื้อหมักและดอกเกลือเพื่อหลอกล่อซีชาให้ติดกับ

เดิมทีผู้ชายคนนั้นทั้งโลภมากและตะกละตะกลาม เมื่อเขารู้ว่าในถุงเสบียงมีเกลืออยู่มากมาย เขาก็อยากจะกินมันให้มาก ๆ ก่อนที่จะกลับไปถึงเผ่า หลังจากเขากินเกลือเข้าไปเยอะแล้ว เขาจะดื่มน้ำมากขึ้น

ด้วยวิธีนี้ พวกหลงอวี้จะมีโอกาสลอบโจมตีซีชาในเวลากลางคืน

“ข้าใช้หนังสติ๊กยิงหินใส่คอมันในขณะที่มันไม่ทันระวังตัว มันไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงด้วยซ้ำ” หลงอวี้พูดพลางวางมือข้างหนึ่งไว้ตรงเอวที่เหน็บหนังสติ๊กไว้

ตามปกติแล้วพวกภูตไม่มีนิสัยชอบใช้อาวุธ ฝ่ายศัตรูจึงไม่ได้ค้นร่างกายของใครตอนที่พวกมันจับตัวพวกเขามา ทำให้ของทุกอย่างที่อยู่บนร่างกายของเด็กชายยังคงอยู่ครบ

ประกอบกับตอนนี้หลงอวี้ยังอ่อนแอเกินไป

ถ้าเขาแข็งแกร่งพอ ๆ กับท่านพ่อ เขาจะสามารถหักคอของซีชาได้โดยไม่ต้องใช้หนังสติ๊กด้วยซ้ำ

“แต่หินจะเจาะเข้าไปในตัวมันได้ยังไง” หลงเซียวขมวดคิ้วถามด้วยสีหน้างุนงง

“ข้าก็แค่ลับหินด้านหนึ่งให้เป็นขอบคม” ผู้เป็นพี่ชายคนโตอธิบายเสียงเรียบเฉย

ระหว่างทางเขาได้สังเกตเห็นว่ามีร่องรอยของสัตว์ดุร้ายอยู่ใกล้ ๆ ค่ายพักแรม ขอแค่มีกลิ่นเลือดสักเล็กน้อย มันจะต้องดึงดูดสัตว์ป่าพวกนั้นให้เข้ามากินเป้าหมายอย่างแน่นอน

พอถึงเวลานั้น ศพจะถูกแทะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้ไม่มีใครรู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของซีชาอีก

บางทีในตอนที่เหล่าสัตว์ป่ามาถึง หัวหน้ากลุ่มภูตกิ้งก่าอาจจะยังไม่ตายสนิท เขาน่าจะยังมีสติหลงเหลืออยู่

แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ? ชะตากรรมของชายคนนั้นคือสิ่งที่ทุกคนภาวนาอยากให้เกิดมาตลอดการเดินทาง ถ้าเขาไม่ถูกกำจัดทิ้ง ญาติและคนในตระกูลของเด็กชายจะต้องตายแทน

ยามนี้สีหน้าของหลงอวี้นั้นสงบนิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา

นั่นทำให้หลงเซียวตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง

การลับหินให้กลายเป็นอาวุธมีคมใช่ว่าจะทำได้ภายในวันเดียว

พี่ใหญ่คงอยากจะลอบโจมตีซีชามานานแล้ว…

“อวี้เอ๋อ เซียวเซียว มากินข้าวกันเถอะ”

ในขณะนั้นเอง หูหมินเดินกลับมาพร้อมกับอาหารในมือ พี่น้องทั้ง 2 จึงปิดปากเงียบไปโดยปริยาย แล้วแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้นการเดินทางที่เหลือก็ราบรื่นมากขึ้นเมื่อไม่มีซีชามาคอยสร้างปัญหาให้กับเหล่าเชลย

หลังจากใช้เวลาเดินทางกันอีก 2 วัน ในที่สุดทุกคนก็มาถึงจุดหมาย

นี่คือเผ่า ‘เล่ยเหอ’

ถัดจากเผ่ามีแม่น้ำกว้างชื่อเล่ยเหอ และมีภูเขาสูงตั้งอยู่ใกล้ ๆ ทว่าพื้นที่โดยรอบกลับดูแห้งแล้ง อีกทั้งภายใต้หิมะปกคลุมหนาไม่มีพืชพันธุ์เติบโตเลยสักต้น

แม่น้ำเล่ยเหอนี้เป็นแหล่งน้ำที่ทำให้ผู้คนในเผ่าอยู่รอดมาจวบจนทุกวันนี้

แต่เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูหนาว พวกภูตในเผ่าจึงไม่ได้ออกมาเดินเตร็ดเตร่ข้างนอกเพราะสภาพแวดล้อมอันหนาวเหน็บ

เวลาต่อมา พวกหูหมินถูกนำตัวไปยังถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

“เอาล่ะ พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ส่วนอาหารและน้ำดื่มจะถูกส่งมาเป็นประจำทุกวัน แต่พวกเจ้าจะออกไปไหนไม่ได้หากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า”

ขณะนั้นสู่ต้ายืนผึ่งผายออกคำสั่งอยู่ตรงทางเข้าถ้ำ

ในเวลาเดียวกัน ภูตหญิงมองไปยังถ้ำที่มีขนาดเล็กจนแทบจะขยับตัวกันไม่ได้ และพูดอย่างไม่พอใจว่า

“ที่นี่เป็นที่พักสำหรับผู้หญิงหรือ?”

“ใช่แล้ว พวกเจ้าให้เราอาศัยอยู่ในที่เล็ก ๆ แบบนี้ได้ยังไง แถมไม่พอที่นี่ยังเหม็นอับและชื้นมาก อย่างน้อยเจ้าก็ควรช่วยทำความสะอาดมันสักหน่อย แล้วก็ก่อไฟให้ด้วยสิ!”

บอกตามตรงเลยว่าถ้ำแห่งนี้แย่ยิ่งกว่าถ้ำที่พวกนางเคยอยู่เสียอีก

นั่นเป็นเพราะที่นี่มีโถงถ้ำขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวซึ่งแทบจะไม่สามารถรองรับภูตหญิงและเด็กได้เพียงพอ แม้ว่าข้างในจะไม่ชื้นมากนัก แต่อากาศภายในก็ยังเย็นยะเยือกเพราะปากถ้ำกว้างมาก แม้ว่าจะมีอะไรมากั้นไว้ แต่ยามที่ลมพัดมันก็จะเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี

ถึงแม้ว่าพวกผู้หญิงจะเข้ามาอยู่ในถ้ำ ทว่าสภาพ ณ ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับการอยู่ข้างนอกเลยสักนิด

“ฮึ่ม! ได้มีที่อยู่ก็ดีถมเถไปแล้ว ถ้าพวกเจ้ายังเรื่องมากอีก ข้าจะโยนพวกเจ้าออกไปนอนบนหิมะข้างนอกโน่น หรือไม่ก็หุบปากซะ!” สู่ต้าเขม็งมองภูตหญิงที่ออกมาเรียกร้องพลางตะคอกเสียงดัง

หลังจากพูดจบแล้วเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้โต้แย้งอีกเลยและเดินออกไปกับคนของตน โดยที่พวกเขาจัดให้ภูตเต่า 2 คนเฝ้าทางเข้าถ้ำเอาไว้ ก่อนที่เขาจะสั่งทิ้งท้ายว่าตนไม่อนุญาตให้ใครเดินออกไปจากที่นี่แม้ครึ่งก้าว

“ไอ้ภูตหนูคนนั้นต้องจงใจทำแบบนี้แน่ ๆ!” บัดนี้หูหมินโกรธมาก แม้ว่านางจะเป็นเชลยหญิง แต่พวกนางก็ไม่ควรถูกปฏิบัติเหมือนหมูเหมือนหมาเช่นนี้

นางรู้ว่าเจตนาของสู่ต้าก็คือต้องการแก้แค้นพวกตน

“ท่านป้าหมิน ช่างมันเถอะ นอนที่นี่ดีกว่านอนบนหิมะ เราเพิ่งมาถึงที่นี่เอง อย่าไปมีเรื่องกับพวกเขาดีกว่า” ลู่เมี่ยนเอ๋อดึงหญิงวัยกลางคนให้นั่งลงข้างตน

จากที่สังเกตกันมาสักพัก ทุกคนรู้ว่าสู่ต้าเป็นคนใจแคบมาก หากพวกนางตอบโต้รุนแรงกว่านี้ ถึงอย่างไรคนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ยังเป็นพวกนาง

ระหว่างนั้นหูหมินบ่นอุบอิบต่ออีกไม่กี่คำ ก่อนจะเงียบไปในที่สุด

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน สู่เอ้อร์ก็เข้ามาพร้อมกับภูตหนู 3 คนที่กำลังถือกองฟืนและอาหาร

“ถ้าต้องการจะก่อไฟ พวกเจ้าก็กั้นทางเข้าถ้ำไม่ได้ ของพวกนี้คืออาหารและไม้ พวกเจ้าสามารถเลือกได้ว่าจะก่อไฟหรือกั้นทางเข้าถ้ำ หากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็มาบอกข้าได้เลย”

ขณะนี้มีเพียงลู่เมี่ยนเอ๋อเท่านั้นที่พูดขอบคุณเขาและถามว่า “เจ้าจะขังพวกเราไว้ที่นี่อีกนานแค่ไหน?”

มันคงจะอึดอัดมากหากพวกภูตหญิงกับเด็กจะต้องใช้เวลาตลอดทั้งฤดูหนาวที่นี่

ทางด้านสู่เอ้อร์ที่เห็นว่าผู้หญิงหน้าตางดงามพูดคุยกับตนจึงรู้สึกเขินอาย เขาก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ

หลังจากชายร่างเตี้ยนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็อธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาว่า

“คืออย่างนี้ ตอนนี้หัวหน้าเผ่าของเราไม่ได้อยู่ในเผ่า เมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา หลังจากที่พวกเจ้าพบหัวหน้าเผ่าแล้ว ท่านจะจัดสรรให้อีกทีว่าพวกเจ้าจะต้องไปอยู่ที่ไหน ยังไงพวกเจ้าก็ทนอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ”

ตามปกติหัวหน้าเผ่าจะเป็นคนจัดที่อยู่อาศัยของภูตทั้งหมดในเผ่า แต่พวกเขาก็ไม่ควรทำถึงขั้นที่พาเชลยมาแออัดกันอยู่ในสถานที่คับแคบ

ทว่าสู่ต้าที่ยังเก็บความแค้นเอาไว้เต็มอก เขาจงใจยัดเหล่าภูตหญิงกับเด็กเข้ามาในถ้ำเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อพยายามลงโทษพวกนาง

ความจริงแล้วสู่เอ้อร์รู้ทันความคิดของพี่ชายตั้งแต่แรก แต่เขาไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหาทางช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่คนพวกนี้แทน

“แล้วหัวหน้าเผ่าของเจ้า… เขาเป็นคนยังไงหรือ เขาคุยด้วยง่ายไหม?” ลู่เมี่ยนเอ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามอีกครั้ง

นางหวังว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีนิสัยโหดร้ายป่าเถื่อนเหมือนซีชา

ถ้าอีกฝ่ายใจดีกว่าภูตกิ้งก่า นางอาจจะบอกหัวหน้าเผ่าเล่ยเหอให้ชัดเจนว่าพวกตนมีเผ่าอยู่แล้วและขอให้เขาส่งทุกคนกลับไป

“ไม่ต้องกังวล หัวหน้าเผ่าของเราเป็นคนดีมาก ถ้าเจ้าได้พบท่าน เจ้าจะได้เข้าร่วมเผ่าของเรา และเจ้าจะเป็นภูตของเผ่าเล่ยเหอของเราในอนาคต” สู่เอ้อร์ยิ้มตอบอย่างเขินอาย

เมื่อกวางสาวเห็นว่าภูตหนูตัวเตี้ยบอกว่าพวกนางกำลังจะได้เข้าร่วมเผ่าใหม่ นางก็ลังเลที่จะพูดอะไรต่ออีก

...

ข้างแม่น้ำเล่ยเหอ

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับเด็ก 2 คนช้า ๆ

“สาวน้อย เผ่าของอาหลินอยู่ข้างหน้านี่เอง เจ้ายังไม่เจอเผ่าของเจ้าใช่ไหม ทำไมเจ้าไม่ไปอยู่ในเผ่าของอาหลินล่ะ!” ยามนี้เหล่าหลินแอบลูบมือตัวเองพลางพูดเกลี้ยกล่อมเด็กหญิงตัวเล็ก

ส่วนหลงหลิงเอ๋อที่เดินตามหลังอีกฝ่ายกำลังจับข้อมือของหยินชางเดินเพื่อพยุงตัวเอง

พอนางได้ยินคำพูดของเหล่าหลิน นางก็หันไปมองเด็กหนุ่มโดยไม่รู้ตัว

เดิมทีพวกนางวางแผนที่จะติดตามชายชราแปลกหน้าไปเพื่อออกจากภูเขาและแยกทางกัน แต่ทั้งคู่พบว่าเส้นทางที่พวกพี่ใหญ่มุ่งหน้าไปนั้นเป็นทิศทางเดียวกับสถานที่ที่ชายคนนี้กำลังจะมุ่งหน้าไปพอดี

ดังนั้นพวกนางจึงติดตามชายแก่มาตลอดทางโดยไม่คาดคิดว่าปัจจุบันเกือบจะถึงเผ่าของอีกคนแล้ว และจุดหมายปลายทางของพวกนางก็ยังคงเป็นที่นั่นเหมือนเดิม

เนื่องจากหลงหลิงเอ๋อมีไหวพริบตั้งแต่อายุยังน้อย นางจึงคาดเดาได้อย่างรวดเร็วว่าชายชราแปลกหน้าน่าจะอยู่ในเผ่าเดียวกับกลุ่มภูตที่พรากพวกพี่ชายไป

เมื่อหยินชางสัมผัสได้ถึงสายตาของเด็กหญิง เขาก็เสมองไปด้านข้างก่อนจะขมวดคิ้วและส่ายหัวน้อย ๆ

เด็กหนุ่มต้องการบอกว่าเราไม่ควรติดตามชายแปลกหน้าคนนี้ไปอีก

เนื่องจากเหล่าหลินและภูตที่จับตัวทุกคนมาเป็นพวกเดียวกัน มันจึงค่อนข้างเสี่ยงอันตรายหากทั้งคู่เข้าไปในเผ่ากับเขา ดังนั้นพวกเขาต้องหาทางสลัดอีกฝ่ายทิ้งให้ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด