บทที่ 307: ข้าเห็นจิงหลิง
เช้าวันรุ่งขึ้น
บัดนี้ท้องฟ้าจากที่เคยมืดสนิทเปลี่ยนเป็นสีซีดไร้ชีวิตชีวา ซึ่งมันเป็นเวลาที่เหล่าภูตตื่นขึ้นมาเก็บสัมภาระทั้งหลาย บางคนก็ขยับไปปลุกคนอื่นในกลุ่มเพื่อเตรียมเดินทางต่อ
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกเดินทาง ภูตกิ้งก่าที่เป็นผู้คุมเชลยก็ค้นพบว่าลูกพี่ซีชาของพวกตนหายตัวไป
“มีใครเห็นลูกพี่ซีชาบ้างไหม?” ภูตชายคนหนึ่งตะโกนถามอย่างเป็นกังวล
“วันนี้ข้ายังไม่เห็นลูกพี่ซีชาเลย”
“ข้าก็ไม่เห็นเหมือนกัน...”
สหายคนอื่นส่ายหัวตอบทันที
เนื่องจากซีชาเป็นผู้นำกลุ่ม ทุกคนจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หากไม่มีเขา ดังนั้นภูตทั้งหมดจึงต้องตามหาเขากันให้ควั่ก
ขณะที่พวกภูตหญิงกำลังจะออกเดินทาง ทันใดนั้นพวกนางก็เห็นภูตตรงหน้าหยุดกะทันหันก่อนจะวิ่งออกไปอีกทางจนทำให้คนที่อยู่ในขบวนสับสน
“เกิดอะไรขึ้น เรายังจะต้องไปต่อไหม?” โหวเซียงขมวดคิ้วถามขณะกอดลูกน้อยขี้เซาทั้ง 2 คนไว้
จากนั้นภูตหญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางเหลือบมองไปยังทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามจากไปพลางพูดเสียงเบาว่า
“ข้าได้ยินพวกมันคุยกันว่าภูตที่ชื่อซีชาที่มารังแกลู่เมี่ยนเอ๋อเมื่อวานนี้หายตัวไป...”
เมื่อเหล่าผู้หญิงได้ยินเช่นนี้ก็แสดงท่าทางเอือมระอา
ส่วนหูหมินพ่นลมแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า
“ถ้าหาตัวมันไม่พบก็สมควรแล้ว คนแบบนี้ตาย ๆ ไปได้เสียก็ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันมารังแกผู้หญิงและเด็ก เทพอสูรเลยอยากจะเอาชีวิตของมันไป”
พอหญิงวัยกลางคนคิดถึงตอนที่หลงอวี้ถูกไอ้ภูตกิ้งก่ายักษ์นั่นเตะเมื่อวานนี้ นางก็ยังรู้สึกทุกข์ใจไม่หาย
เด็กตัวเล็ก ๆ ผอมแห้งคนหนึ่งจะมีสภาพเป็นเช่นไรถ้ามันลงแรงเยอะไปจนทำให้เด็กเจ็บหนัก
หลังจากผู้หญิงอีก 2 คนได้ยินคำพูดของหูหมิน พวกนางก็พยักหน้าเห็นด้วยพลางภาวนาขอให้ซีชาไม่กลับมาอีก
ในเวลาเดียวกัน 2 พี่น้องตระกูลหลงยืนอยู่ข้างหลังท่านยาย พอทั้งคู่ได้ยินบทสนทนาดังกล่าว พวกเขาก็มองหน้ากันแบบมีเลศนัย
ขณะนี้หลงอวี้กำลังเล่นกับหางของลูกลิงที่อยู่บนไหล่โหวเซียง ที่ผ่านมาเสี่ยวเหยาชอบเล่นกับลูกของนางมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าป่านนี้เจ้าน้องชายตัวแสบเป็นอย่างไรบ้าง
โชคดีที่น้องชายคนสุดท้องไม่ได้อยู่ที่นี่ มิฉะนั้นเขาคงจะตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่เด็กชายทั้ง 2 มองหน้ากัน อีกด้านหนึ่งก็เกิดความโกลาหลขึ้นมากมาย
“แย่แล้ว! ลูกพี่ซีชา... ตายแล้ว!” ภูตหนูคนหนึ่งวิ่งกลับมาด้วยความตื่นตระหนก ในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดขาวเพราะความหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น!?”
“ลูกพี่ซีชาตายได้ยังไง เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้า!?”
ภูตกิ้งก่าคนหนึ่งตั้งสติได้ไวที่สุด เขาจึงรีบวิ่งไปคว้าคอเสื้อของคนที่มาแจ้งข่าวแล้วดึงอีกฝ่ายมาตะคอกเสียงดัง
ภูตหนูคนนั้นตัวสั่นเทาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ตนเพิ่งกลับมาและตอบเสียงตะกุกตะกัก
“จะ-จริงสิ ข้าเพิ่งเห็นศพของลูกพี่ซีชาตรงนั้น แล้ว... แล้วอวัยวะภายในของเขาก็ถูกพวกสัตว์ป่ากินไปจนหมด แถมตามพื้นก็ยังเต็มไปด้วยเศษเนื้อและกระดูก...”
ทันทีที่ภูตกิ้งก่าปล่อยมือจากคอเสื้อภูตหนู ขาของเขาก็อ่อนเปลี้ยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
ส่วนคนอื่นที่ได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
จากมุมมองนี้ ภูตของเผ่าหนูมองเห็นได้ไม่ชัดเจน เพราะว่าแขนข้างหนึ่งของซีชาถูกลากกระจัดกระจายไปหลายที่ และอวัยวะภายในท้องของเขาถูกคว้านออกมา อีกทั้งใบหน้ายังถูกกัดแทะจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร ส่วนหิมะโดยรอบก็กลายเป็นสีแดงฉาน
พอภูตทุกคนนึกถึงซีชาที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อวานนี้ แต่ปัจจุบันร่างของเขากลับถูกสัตว์ป่าแทะจนไม่เหลือเค้าเดิม หลังจากมองไปยังพื้นที่รกร้างรอบ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสั่นกลัวขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง...”
“ลูกพี่ซีชาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก เขาจะถูกสัตว์ป่ากัดตายจริง ๆ หรือ? มันเป็นไปไม่ได้!”
“เจ้าเป็นคนฆ่าเขาหรือเปล่า?” จากนั้นภูตคนอื่นก็หันไปจ้องมองคนที่พบศพเป็นคนแรก ในตอนนี้ไม่มีใครสักคนเชื่อว่าลูกพี่ของตนจะถูกสัตว์ป่ากัดตาย
ในตอนนั้นเอง หลงเซียวที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มภูตหญิงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า
“กลางดึกเมื่อคืนนี้ ข้าเหมือนจะเห็นจิงหลิง ตอนที่ลูกพี่ซีชาออกไปขับถ่าย จิงหลิงก็ตามหลังลูกพี่ซีชาออกไป...”
จิงหลิงในสายตาของภูตนั้นเป็นเหมือนกับพวกผีเร่ร่อน ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและความตาย
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเด็กไร้เดียงสา ใบหน้าของทุกคนก็ซีดเผือดลงทันที
“จะ-เจ้าเห็นจิงหลิงจริง ๆ หรือ?” ภูตกิ้งก่าหวาดกลัวมากจนพูดติดอ่าง
เนื่องจากในป่าลึกแบบนี้เป็นสถานที่ที่พวกจิงหลิงชอบออกมาเพ่นพ่าน ก่อนที่หลงเซียวจะทันได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย พวกเขาก็แอบเชื่อเรื่องนี้อยู่ในใจ 5-6 ส่วนแล้ว
เมื่อกลุ่มภูตกิ้งก่าคิดถึงความแข็งแกร่งของลูกพี่ นอกจากจิงหลิงแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นที่สามารถคร่าชีวิตเขาได้อีก
“จริงแท้แน่นอน” หลงเซียวพยักหน้าทันที ในขณะที่เขาซ่อนตัวครึ่งหนึ่งไว้ข้างหลังหูหมินราวกับกำลังนึกถึงฉากที่เขา ‘เห็น’ เมื่อวานนี้ ซึ่งมันทำให้เขาหวาดกลัวมาก และใบหน้าที่ซูบผอมของเขาก็ซีดลง
“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกเราตั้งแต่ก่อนหน้านี้!?” ภูตกิ้งก่ารู้สึกโกรธมาก
“ข้า… ข้าไม่กล้า...” เด็กชายย่อตัวลงด้านหลังผู้เป็นยาย ทันใดนั้นหูหมินก็ถลึงตา กางแขนปกป้องหลานชายโดยป้องกันไม่ให้ภูตกิ้งก่ายักษ์เข้ามาใกล้
ทางด้านหลงอวี้ เปลือกตาของเขากระตุกยามที่ได้เห็นท่าทาง ‘หวาดกลัว’ ของน้องชายคนรอง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นการแสดงอารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ของอีกฝ่ายเลย
ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะแสดงได้เก่งเช่นนี้
คนเป็นพี่ใหญ่ลอบกลืนน้ำลายแล้วเสตามองไปทางอื่นเพราะกลัวว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตัวเองได้
ส่วนภูตกิ้งก่าชำเลืองมองหูหมินและนึกขึ้นได้ว่านางเป็นคนทำร้ายลูกพี่ซีชาเมื่อวาน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงคนนี้
“เขาพูดถูก ถ้าเป็นข้า ข้าก็ไม่กล้าพูดอะไรในตอนที่เห็นจิงหลิง...”
สู่เอ้อร์พึมพำขึ้นมาเบา ๆ
ในขณะที่สู่ต้ากำแขนแน่น ตัวสั่นและพูดขอร้องว่า
“รีบออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ เข้าเถอะ ใครจะไปรู้ว่าจิงหลิงจะโผล่ออกมาอีกทีเมื่อไหร่ พอถึงเวลานั้นคงไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่แน่นอน…”
ถึงยังไงตอนนี้ซีชาก็ตายไปแล้ว ข้าไม่อยากตายตามเขาไป!
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของสู่ต้า หลังของพวกเขาก็เย็นวาบ แล้วก็ไม่มีใครอยากจะอยู่ในสถานที่ที่น่ากลัวแบบนี้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีคนไหนกล้าที่จะไปเก็บร่างของซีชากลับมาเลยด้วยซ้ำ พวกเขารีบเก็บสัมภาระ จัดขบวนแล้วออกเดินทางทันที
ในไม่ช้าก็เหลือเพียงรอยเท้ายุ่งเหยิงจำนวนหนึ่งถูกทิ้งไว้ในค่ายพักแรม
ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นเงาสีขาวเล็ก ๆ 2-3 เงาปรากฏขึ้นข้างศพของชีซา ซึ่งเงานั้นกำลังเต้นรำอยู่บนหิมะ ประกอบกับมีเสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นท่ามกลางทุ่งหิมะที่เงียบสงัด
“มันคือเนื้อ เนื้อสัตว์กินได้~”
“เนื้อนี่เหม็นมาก ข้ากินไม่ได้เลย!”
“ใช่แล้ว เหม็นจริง ๆ มันเทียบไม่ได้กับเนื้อที่หอมหวานนั่น ข้าจะไม่กินเนื้อแบบนี้...”
“มันเหม็นเกินไป ไม่อร่อย!”
เวลาผ่านไปสักพัก เงาสีขาวขนาดเล็กหลายเงาก็เคลื่อนตัวไปรอบ ๆ ศพของซีชา จากนั้นพวกมันก็เหยียดแขนไปเขี่ยซากศพเบา ๆ อย่างขยะแขยงพลางบีบจมูกตัวเองไปด้วย
ต่อมา พวกมันกระโดดโลดเต้นเหมือนจิงโจ้พร้อมกับที่ส่งเสียงร้องระงม
เงาเหล่านี้แทบจะกลืนหายไปกับหิมะ อีกทั้งเสียงพูดคุยของพวกมันก็เหมือนเสียงสายลมที่กลืนไปกับธรรมชาติทำให้พวกมันไม่สะดุดตาเลย
...
ในความเป็นจริง หลงเซียวไม่รู้ว่ามีอะไรปรากฏบนหิมะหลังจากที่พวกเขาออกเดินทางจากตรงนั้นมาแล้ว
ขณะนี้หูหมินรู้เพียงว่าเขากำลังหวาดกลัว นางจึงคอยปลอบโยนเขาตลอดทาง
“เซียวเซียว เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ยายอยู่กับเจ้าตรงนี้แล้ว แม้ว่าจะมีจิงหลิงอยู่แถวนี้จริง ๆ ยายก็จะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายเจ้า ถ้าจิงหลิงโผล่มาอีกครั้ง พวกมันจะต้องไปฆ่าไอ้คนชั่วพวกนั้นก่อน”
เพื่อไม่ให้มีพิรุธ เด็กชายผู้ตาบอดจึงต้องทนฟังท่านยายพูดปลอบไปตลอดทาง และแม้ว่าเขาจะปวดฉี่ นางก็จะคอยติดตามเขาไปติด ๆ เพราะนางกลัวว่าเขาจะไม่กลับมาหากไปไหนมาไหนคนเดียว
ในเวลานี้ ดวงตาที่หลุบลงต่ำของเด็กชายเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ข้าจะให้พี่ใหญ่เป็นคนโกหกพวกเขาแทน
หลังจากทุกคนเดินเท้ามา 1 วันเต็ม ในตอนที่พวกเขาตั้งค่ายพักแรมครั้งถัดไป หูหมินถึงจะเริ่มรู้สึกโล่งใจเมื่อนางเห็นว่าหลานชายคนรองไม่ได้เป็นอะไรมากและปล่อยให้เด็กทั้ง 2 ไปรับอาหาร
ระหว่างนั้นหลงเซียวลูบมือที่อุ่นอยู่เสมอ ก่อนจะหันไปมองหน้าหลงอวี้ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย
“พี่ใหญ่ ท่านทำแบบนั้นได้ยังไง?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: น่ากลัวมากกกก ตกลงพวกนั้นเป็นตัวอะไรกันแน่ แล้ว 2 พี่น้องทำอะไรไป ซีชาถึงได้มีสภาพแบบนั้น