ตอนที่แล้วบทที่ 6
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8

บทที่ 7


บทที่ 7

สวี่ล่ายยิ้ม ยกเซียะเทียนที่กำลังหลับสนิทในอ้อมแขนออก แล้วใช้สร้อยข้อมือแตะลงบนหัวมันเบาๆ

บังเกิดประกายแสงแห่งจิตวิญญาณสะท้อนวาบ จากนั้น เซียะเทียนก็ถูกดูดเข้าไปในสร้อยข้อมือ

สวี่ล่ายกวาดจิตสำนึกเข้าตรวจสอบ และพบว่าเซียะเทียนข้างในสร้อยยังสบายดี เขาก็โล่งใจ และสวมมันในมือซ้าย

“ต่อไปก็ตรวจสอบแหวนมิติ”

สวี่ล่ายกำแหวนมิติระดับวิญญาณ ในใจแอบปลื้มปีติ

ไม่ต้องพูดถึงสมบัติในที่เก็บแหวน อาศัยแค่แหวนมิติในระดับวิญญาณเพียงอย่างเดียว ก็ล้ำค่ากว่าแหวนมิติที่ตัวเขามีมากแล้ว ความจุข้างในต่างกันอย่างน้อยร้อยเท่า!

กวาดจิตสำนึกเข้าไป สวี่ล่ายก็พบทักษะฝึกระดับธรณีหลายอย่างที่ระบบเคยแจ้งเตือน

“ประสานหนึ่งไร้ขอบเขต ทักษะฝึกระดับธรณีขั้นกลาง ... เป็นอะไรที่เหมาะเจาะจริงๆ ทีนี้ฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องไม่มีทักษะฝึกดีๆให้ใช้งานแล้ว” สวี่ล่ายนำแผ่นหยกที่บันทึกทักษะฝึกออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นนำมันแปะลงตรงหน้าผาก

แสงสีทองกะพริบไหว อักขระสีทองซึ่งประกอบไปด้วยทักษะฝึกอันยากจะเข้าใจไหลเข้าสู่หัวเขา

หลังจากผ่านไปนาน

“ฟู่ว ... ช่างเป็นอะไรที่ร้ายกาจจริงๆ”สวี่ล่ายลืมตาขึ้นมือที่ถือแผ่นหยกสั่นเล็กน้อย

ประสานหนึ่งไร้ขอบเขตนั้นคู่ควรแล้วที่ได้เป็นทักษะฝึกระดับธรณี การบำเพ็ญเพียรโดยวิธีของมัน ไม่เพียงช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดซับปราณบริสุทธิ์ได้อย่างมากเท่านั้น แต่ยังมีผลในการชำระไขกระดูกและขัดเกลาร่างกาย

“ชำระไขกระดูกและขัดเกลาร่างกาย!” ดวงตาของสวี่ล่ายเปล่งประกายแวววาว น้ำตาแห่งความปลื้มปิตินองหน้า

การชำระไขกระดูกและขัดเกลาร่างกายคือสิ่งที่สวี่ล่ายต้องทำอย่างเร่งด่วนในตอนนี้ ตราบเท่าที่เขาบรรลุประสานหนึ่งไร้ขอบเขต บางทีอาจสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดที่ต้องพึ่งพาแต่ทักษะกระหายเลือดได้

แต่น่าเสียดาย ที่ทักษะประสานหนึ่งไร้ขอบเขตในมือสวี่ล่ายนี้มีไม่ครบ มันบันทึกไว้เพียงวิธีฝึกใน 2 ขั้นแรกเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น ผลลัพธ์ของมันก็อัศจรรย์ชนิดที่ว่าทักษะฝึกระดับอำพันนั้นเทียบไม่ติด

“ดีล่ะ งั้นก็ถือโอกาสนี้มาทดลองใช้กันเลย”หลังจากที่สวี่ล่ายตัดสินใจได้ เขาก็นำเม็ดโอสถในแหวนออกมา เตรียมฝึกฝนประสานหนึ่งไร้ขอบเขต

เม็ดโอสถละลายในปากเขา กระแสของปราณบริสุทธิ์เริ่มไหลช้าๆไปตามเส้นลมปราณ

หนึ่งวัน สองวัน สามวัน ...

สวี่ล่ายลืมวันเวลา จมอยู่กับการฝึกตนอย่างบ้าคลั่ง

...

หนึ่งเดือนต่อมา

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ทักษะฝึกตน ประสานหนึ่งไร้ขอบเขตขั้น 1 เรียบร้อยแล้ว]

“ฟู่ว~” สวี่ล่ายค่อยๆลืมตาขึ้น หายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกได้ถึงปราณบริสุทธิ์อันทรงพลังในตัวเขา

“ยอดเยี่ยม! เท่านี้ก็อยู่ห่างจากขอบเขตรวมวิญญาณแค่ก้าวเดียวเท่านั้น! ไม่นึกว่าประสานหนึ่งไร้ขอบเขตจะมีมนต์ขลังขนาดนี้”

สวี่ล่ายรู้สึกตื่นเต้นมาก ทักษะฝึกระดับธรณีไม่ธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆ

สำหรับทักษะฝึกระดับอำพัน ทุกครั้งที่โคจรสมาธิ จะสามารถเพิ่มได้แค่ปราณบริสุทธิ์ที่หนาเท่าเส้นผมเส้นเดียวเท่านั้น

แต่ทุกครั้งที่โคจรประสานหนึ่งไร้ขอบเขต มันจะสามารถเพิ่มปราณบริสุทธิ์ที่มีขนาดเท่าไม้จิ้มฟันได้

นี่ขนาดมันยังเป็นแค่ขั้น 1 นะ!

ถ้าเขาสามารถฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขตจนไปถึงระดับสูงสุดแล้วล่ะก็ นอกจากช่วยขัดเกลาสมรรถภาพทางกายแล้ว ด้านพลังรบในอนาคตคงแก่กล้าไร้ขีดจำกัด

“เยี่ยมจริงๆ ในที่สุดฉันก็สามารถกำจัดสถานการณ์น่าลำบากใจอย่างการที่ต้องพึ่งพาแค่ ‘ทักษะกระหายเลือด’ ในการยกระดับซักที” แม้ในขณะที่สวี่ล่ายกำลังรู้สึกตื่นเต้น เขาก็ยังไม่ลืมแซวตัวเอง

สวี่ล่ายลุกขึ้นและตั้งใจชะล้างสิ่งสกปรกบนร่างกายของเขา เพื่อเตรียมฝึกฝนวิชายุทธระดับลึกล้ำในมือต่อ

‘ฟ้ามายาเมฆาสามานย์’ มีกระบวนท่าทั้งหมด 4 ท่า แต่น่าเสียดายที่ในมือสวี่ล่ายเป็นเพียงหน้าตำราบางส่วน จึงบันทึกไว้แค่ 2 ท่าแรกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่กระบวนท่าทั้งสองนี้ถูกแบ่งออกเป็น 9 ท่อน เลยยังคงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและปรับใช้งานในแต่ละส่วนหรือสถานการณ์ได้

สวี่ล่ายถือดาบไว้ในมือขวา ขับเคลื่อนปราณบริสุทธิ์ในร่างกาย

ดาบกระหายเลือดในมือขวาส่งสั่นไหวเบาๆ ก่อนถูกเหวี่ยงไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมดที่มี

“ฟ้ามายาเมฆาสามานย์รูปแบบที่ 1 --เมฆาเปิดหมอก!”

ฟุ่มมมม! แสงดาบสองสายกะพริบไหว และพุ่งออกไป

อย่างไรก็ตาม

บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่มันพุ่งชน กลับทิ้งไว้เพียงรอยเฉือนตื้นๆแค่นั้น

“เหมียว?”

“อะไร? นี่นายกำลังหัวเราะเยาะฉันงั้นหรอ?”สวี่ล่ายกลอกตา หันศีรษะไปมองที่ร่มเงาของต้นไม้ที่มีแมวดำลำตัวยาวครึ่งหมี่นอนหมอบอยู่

ปัจจุบันเซียะเทียนโตขึ้นมาก ถึงเจ้าหมอนี่นอกจากเวลากินแล้วจะหลับทั้งวัน ทำนิสัยไม่ต่างจากหมู แต่สวี่ล่ายสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าปราณปีศาจในตัวของเซียะเทียนกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

“หง่าวว~!”

เซียะเทียนหาวอย่างเกียจคร้าน หางใหญ่สีดำแกว่งไปแกว่งมาตามใจชอบหลายครั้ง

“ไอ้เจ้าหมอนี่ .. บอกเลยว่านายกำลังประเมินฉันต่ำไป!” สวี่ล่ายกัดฟัน นึกไม่ถึงว่าการทดสอบใช้วิชายุทธครั้งแรกของเขา จะถูกสัตว์วิญญาณของตัวเองหัวเราะเยาะ

“มาอีกครั้ง ... เมฆาเปิดหมอก!”

ฟุบ ฟุบ ฟุบบ!

แสงปราณดาบสามสายสว่างวาบ ยังไงก็ตาม พวกมันก็ยังไม่สามารถสำแดงอานุภาพที่แท้จริง

“บ้าชะมัด ผิดพลาดตรงไหนกันเนี่ย?”

สวี่ล่ายนิ่งคิดทบทวนเงียบๆอยู่พักหนึ่ง และคาดเดาว่าอาจเกิดความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในระหว่างการใช้งานปราณบริสุทธิ์

“มาลองอีกครั้ง!”

แต่คราวนี้ สวี่ล่ายไม่รีบร้อนที่จะแสดง เขาหลับตาลงช้าๆ ใช้สมาธิทั้งหมดของตัวเองมุ่งเน้นไปที่ดาบกระหายเลือด ค่อยๆป้อนปราณบริสุทธิ์เข้าไป

หึ่ง หึ่ง!

ดาบกระหายเลือดคล้ายสัมผัสได้ถึงพลังงานปราณบริสุทธิ์อันทรงพลังนี้ มันเริ่มส่งเสียงเบาๆ

“เมฆาเปิดหมอก! ย่า~” สวี่ล่ายลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ดาบกระหายเลือดในมือเขาเหวี่ยงไปข้างหน้าเต็มแรง

ฟุบ ฟุบ ฟุบบบ!

ประกายแสงพุ่งจากดาบ ก่อนแยกตัวเป็นคมดาบนับสิบสายลอยไปทางก้อนหินฝั่งตรงข้าม

ตูม ตูม ตูมมม!

กลุ่มคมดาบฟันเข้ากับก้อนหิน เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ

“เหมียว!?” กระทั่งเซียะเทียนก็ยังผงกหัวขึ้น อาการง่วงหงาวหาวนอนหายไปในพริบตา

“มันได้ผล! วู้ว!”สวี่ล่ายกระโดดตัวลอยอย่างตื่นเต้น

“วิชายุทธระดับลึกล้ำนี่เฉียบคมจริงๆ ต่อไปฉันจะฝึกฝนมันอย่างเต็มที่!”

...

หนึ่งเดือนต่อมา

แกว๊ก!

“เซียะเทียน หยุดมันไว้”

ลึกเข้าไปในป่าหมอก อินทรีวัชระขนแดงระดับกลางขั้น 2 กระพือปีก ตั้งใจจะลอยขึ้นไปในอากาศโดยเร็วเพื่อหลีกหนีจากการโจมตีของสวี่ล่าย

“กรร——!”

ประกายแสงสีดำสายหนึ่ง กระโจนลงมาจากต้นไม้ที่สูงกว่าสิบหมี่ เหวี่ยงอุ้งเท้าใหญ่ตะปบอย่างโหดเหี้ยม

“แกว๊ก?——!?” อินทรีวัชระขนแดงตะลึง หมุนตัวอย่างเร็วเพื่อเอี้ยวหลบ เบี่ยงเบนจุดสำคัญของตัวเอง ไม่ให้โดนกรงเล็บอันแหลมคมที่ใกล้เข้ามา

วืดดด--!

“แกว๊ก!”

การลงมือของเซียะเทียนไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็สามารถบังคับให้อินทรีวัชระขนแดง ร่อนกลับลงมาจากกลางอากาศ

“ฮ่า ฮ่า! นี่แหละโอกาสดี! จงเบิ่งตาดูซะ นี่คือเมฆาเปิดหมอกของฉัน!”

สวี่ล่ายเห็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง ทันใดนั้นสองเท้าถีบส่งตัวอย่างแรง ดาบกระหายเลือดในมือยกขึ้น

ฟุบ ฟุบ ฟุบบ!

ประกายดาบกว่าสามสิบเล่มม้วนไปในอากาศดั่งพายุ กวาดทุกคมแหลมเข้ากลืนกินอินทรีวัชระขนแดง

แกว๊กกก!

ดวงตาของอินทรีวัชระขนแดงส่องประกาย คู่ปีกทอรัศมีแสงปีศาจเจิดจ้า ขนนกเหล็กนับร้อยบินออกมา

ฟุบ ฟุบ ฟุบบบ!

เคร้ง เคร้ง เคร้ง——!

อย่างไรก็ตาม ขนเหล็กพวกนี้ชัดเจนว่าไม่ได้ทรงพลังเท่าประกายดาบ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ขนเหล็กส่วนใหญ่ก็ถูกตัดเป็นสองส่วน

แกว๊กกก!

อินทรีวัชระขนแดงโฉบลงมาตามแรงโน้มถ่วง มันกางสองกรงเล็บใหญ่ที่ทอประกายแวววาวเตรียมจิกสวี่ล่าย

“เหอ เหอ มาใกล้ๆได้ซักทีนะ! ตัดแสงจันทรา! ย่า~”

ดวงตาของสวี่ล่ายหรี่เล็กลง ปราณบริสุทธิ์ในตัวพุ่งสูงขึ้น สองมือจับดาบกระหายเลือดและฟาดเต็มแรง

บรึ้ม——!

แกว๊——!

ตูม!

กรงเล็บทองของอินทรีวัชระขนแดงและปีกของมันถูกสวี่ล่ายตัดขาดในดาบเดียว ร่างใหญ่โตร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง มันพยายามยกตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล

“ตาย!” สวี่ล่ายพุ่งเป็นลูกศร ยกดาบกระหายเลือดในมือขึ้นและจ้วงแทงอย่างโหดเหี้ยม

ฟัฟฟฟ!

แก--!

อินทรีวัชระขนแดงกรีดร้องอย่างน่าสมเพช สุดท้ายหมดลมหายใจ ตายลงในที่สุด

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณฆ่าสัตว์ปีศาจระดับกลางขั้น 2 อินทรีวัชระขนแดง]

[“ได้รับแก่นปีศาจธาตุทองขั้น 2 , ขนนกเหล็กขั้น 2 , แก่นโลหิตขั้น 2 ...]

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ยอดเยี่ยม! ร่ำรวย ร่ำรวย!”

สวี่ล่ายมีความสุขมากด้วยความร่วมมือของเซียะเทียน เขาสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจระดับกลางขั้น 2 ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งมันยังเป็นสัตว์ปีศาจประเภทบินที่จัดการได้ยากที่สุด——อินทรีวัชระขนแดงอีกด้วย!

หลังจากจัดแจงวัสถุดิบเล็กน้อย สวี่ล่ายก็เปิดทักษะกระหายเลือด

หึ่ง หึ่ง!

[คุณเปิดใช้งานทักษะกระหายเลือด ต้องการแปลงเป็นปราณบริสุทธิ์หรือไม่?]

“แปลง”

หึ่ง หึ่ง!

กระแสปราณบริสุทธิ์ถูกรวมเข้าสู่ร่างกาย

ในช่วงเวลาสั้นๆ ปราณบริสุทธิ์ในตันเถียนของสวี่ล่ายก็มาถึงจุดอิ่มตัว กระนั้นก็ยังมีปราณบริสุทธิ์อีกมากที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด

“หือ? ความรู้สึกนี้มัน หรือว่า ...”

ปราณบริสุทธิ์จำนวนมากโหมกระหน่ำเข้าหาเส้นลมปราณที่ปิดสนิท มุ่งหน้าเปิดทางที่อุดตันโดยอัตโนมัติ

บรึ้ม!

ร่างของสวี่ล่ายสั่นไหว รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันเกรี้ยวกราดในตัวช่วงเวลาที่มันทะลวงผ่านอุปสรรคไป และนี่มาพร้อมความรู้สึกเจ็บปวด

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ขอบเขตรวมวิญญาณขั้นแรก]

“โอ้ ... นี่ ... นี่น่ะหรือขอบเขตรวมวิญญาณ?” ใจของสวี่ล่ายมีความสุขขึ้นมาทันใด หลับตาทั้งสองข้าง พยายามซึมซับความรู้สึกต่างๆที่เกิดจากขอบเขตรวมวิญญาณ

ตอนนี้ ความเร็วในการไหลเวียนของปราณบริสุทธิ์ในตัวไวขึ้น , พื้นที่ตันเถียนที่ใช้กักเก็บปราณบริสุทธิ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมไปถึงประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบคมมากกว่าเดิม และรัศมีในการรับรู้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ...

“นี่สินะ ... ดินแดนของสมญานามผู้ชำนาญการต่อสู้!”

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับสมญานามผู้ชำนาญการต่อสู้]

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณทำภารกิจยกระดับสู่ขอบเขตรวมวิญญาณสำเร็จ ได้รับแต้มสะสม 1,000 แต้ม]

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณปลดล็อคสายเลือดซ่อนเร้นของตระกูล ต้องการเปิดตราประจำตระกูลเลยหรือไม่?”

“อะไรล่ะเนี่ย มีสายเลือดซ่อนเร้นอยู่ด้วยหรอ?” สวี่ล่ายได้ยินแบบนี้ เขาตื่นเต้นจนเกือบกระโดดตัวลอย

สิ่งที่เรียกว่าสายเลือดซ่อนเร้นของตระกูล  แสดงว่ามันต้องมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน และจะต้องเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน สวี่ล่ายไม่เคยนึกเลยว่าตนยังมีสิ่งนี้ด้วย

“เปิดเลย” สวี่ล่ายเลือกเปิดอย่างไม่ลังเล

[เปิดตราประจำตระกูล หักแต้มสะสม 2,000 แต้ม]

[ติ๊ง!]

เสียงนี้แผ่วเบานุ่มนวล  แต่กลับทำให้แต้มสะสมทั้งหมดของสวี่ล่ายลดฮวบลงเหลือ 0 ทันที

ยังไงก็ตาม แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เขารู้สึกได้เลยว่าพื้นที่บริเวณรอบตัวหนาแน่นขึ้น แสงวิญญาณสีเงินปรากฏขึ้นจากอากาศอันบางเบา เริ่มก่อตัวในในอากาศเป็นรูปดาวหกเหลี่ยมขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่ง

เมื่อดาวหกเหลี่ยมก่อตัวเสร็จสิ้น มันก็ค่อยๆลอยเข้าสู่หน้าอกของสวี่ล่าย จากนั้นก็หายไป

“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?” สวี่ล่ายรีบปลดเสื้อออก เผยตรงช่วงอกเขา

เห็นเพียงตรงตำแหน่งหัวใจข้างซ้าย ปรากฏค่ายกลแสงสีเงินจางๆ ผลุบเข้าไปในค่ายกลวงแหวนผนึกสีดำ

อย่างไรก็ตาม วงแหวนผนึกนี้ถูกหมอกดำปกคลุมไว้ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน

“นั่นมัน... คืออะไร?”

ระหว่างสวี่ล่ายกำลังสงสัยอยู่ เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณปลดล็อคตราประจำตระกูลแล้ว ได้รับทักษะติดตัว ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้น 50%!]

“เอาจริงดิ! ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้น 50%!?”

ทันทีที่เห็นแจ้งเตือนนี้ สวี่ล่ายเกือบกัดลิ้นตัวเองด้วยความตกใจ

ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้น  50%!!

เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ ความกังวลของสวี่ล่ายก็ผ่อนคลายลง

เพราะหากได้รับการเพิ่มความเร็วบำเพ็ญเพียร 50% นี้มา ตัวเขาก็สามารถเรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ทัดเทียมได้กับอัจฉริยะคนอื่นๆแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในที่สุดสวี่ล่ายก็สามารถกำจัดสถานการณ์อันน่าลำบากใจตอนนี้ได้เสียที

“ตอนนี้ ฉันมีความสามารถในระดับเดียวกับพวกอัจฉริยะแล้ว!”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด