ตอนที่แล้วตอนที่ 9 คําพูดสุดท้ายที่คุณปู่ทิ้งไว้?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 หมอดูลึกลับ

ตอนที่ 10 ความแค้นเคืองของดอกท้อ


“คุณปู่พูดอะไรเป็นครั้งสุดท้ายในตอนนั้น” ฉันถามพ่อ

พ่อของฉันจุดบุหรี่แล้วสูบ แล้วเขาก็เริ่มพูด

ปรากฎว่าเมื่อปู่ของฉันเสียชีวิต เขายังสั่งอีกว่า

“เจิ้งกัง แต่การเรียนรู้วิถีแห่งเต๋านั้น ขัดกับหลักการของท้องฟ้า

ข้าถูกกำหนดให้อยู่ใน ข้อเสีย 5 ประการ และข้อบกพร่อง 3 ประการ

ความตายของข้าเป็นเพราะชีวิตของข้าบกพร่อง ข้าถูกกำหนดไม่ให้อายุยืน คิดเอาเองก็แล้วกัน"

“ถึงข้าอยากจะให้เจ้าเรียนหนังสือเล่มนี้เพื่อกำจัดปีศาจและสืบทอดวิถีแห่งเต๋า  แต่ถ้าเจ้าไม่อยากเรียนข้าก็จะไม่โทษเจ้า

แต่เจ้าต้องหาคนที่จะสืบทอดหนังสือเล่มนี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้วิชาเหล่านี้สูญหายไป”

หลังจากฟังคําพูดของพ่อแล้ว ฉันก็ถามพ่อว่า "ข้อเสีย 5 ประการ ข้อบกพร่อง 3 ประการ หมายถึงอะไร?

"ข้อเสีย 5 ประการ และข้อบกพร่อง 3 ประการ หมายถึง ศาสตร์แห่งตัวเลขทั้ง 8 ที่เรียกว่า แปดแห่งการสูญเสีย”

“สิ่งที่เรียกว่าข้อเสีย 5 ประการคือ เป็นหม้าย กำพร้า โดดเดี่ยว อ้างว้าง และ พิการ  ข้อบกพร่อง 3 ประการ คือ เงิน ชีวิต และอำนาจ”

หลังจากเรียนรู้วิถีแห่งเต๋าแล้ว ลูกอาจต้องจะพิการ และชีวิตสั้น

ข้อเสีย 5ประการ ข้อบกพร้อง 3 ประการ ลูกต้องพบเจอสิ่งเหล่านี้แน่นอน ถ้าลูกไม่ตั่งใจแน่วแน่”

พ่อมองผม “ลูกยังอยากเรียนอยู่ไหม”

ฉันลังเลทันที ฉันก็กลัวตาย ถ้าฉันเรียนรู้ลัทธิเต๋าแล้ว ฉันก็จะอายุสั้นเหมือนปู่ของฉันที่ตายไปในวัย30ปี

แต่ฉันมองไปที่วิญญาณชั่วร้ายสีดำที่แขนของฉัน ฉันได้รับผลกระทบจากวิญญาณชั่วร้ายแล้ว ถ้าฉันไม่สามารถหาผู้สืบทอดตำราการแพทย์ได้ ฉันก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามสิบปีแน่ๆ

“พ่อครับ ผมจะเรียน” ผมยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าผมไม่ตกนรก ผมก็ต้องเหยีบนรก เพื่อรักษาสันติภาพของโลก ผมต้องเสียสละตัวตนเล็กๆของผม เพื่อบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ได้”

ฉันหัวใจเต้นแรง แล้วรู้สึกว่าฉันมีพลังขึ้นมาทันทีเมื่อฉันพูดแบบนี้ ฉันพูดได้ดี ใครบ้างไม่กลัวตาย  ถ้าไม่ใช่เพราะวิญญาณชั่วร้ายบนแขนของฉัน ฉันคงไม่เห็นด้วยกับสิ่งเหล่านี้

แต่ถ้าฉันบอกพ่อว่าเป็นเพราะวิญญาณชั่วร้ายในตัวฉัน ฉันก็อายเกินไป และฉันกลัวว่าพ่อของฉันจะกังวล

พ่อของฉันมองฉันแปลกๆ แล้วถอนหายใจ "ลูกจะทำอะไรก็ได้ ในเมื่อลูกได้ตัดสินใจเองแล้วก็อย่าเสียใจกับเรื่องนี้เลย ลืมมันซะ ทำตามความปรารถนาของคุณปู่เถอะ”

หลังจากพ่อพูดจบก็เดินเข้าห้องไปแล้วไม่ออกมาอีกเลย

แม่ออกมา พร้อมอาหาร แล้วถามฉันว่า "คุยกันเป็นไงบ้าง"

“เรียบร้อยแล้วครับแม่ ผมจะออกไปเดินเล่น” ผมเดินไปที่ประตู หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป

ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ฉันจึงเดินไปที่ประตูโรงพยาบาลประชาชนเขตชิงหยางด้วยความเบื่อหน่าย และเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กระโดดโลดเต้นอยู่ที่ประตู

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อหยางซี อายุสิบสองปี เป็นลูกสาวของรองประธานโรงพยาบาลพ่อของฉันอีกคน

รองประธาน หยาง  และพ่อของฉันเป็นรองประธานทั้งคู่ แต่ตอนนี้เขาขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และอาศัยอยู่ในวิลล่า

แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างโลภในการทำงาน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนเลว พ่อมักจะเชิญพวกเขาไปทานอาหารเย็นอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

ฉันกำลังจะขึ้นไปทักทาย จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งท่าทางเหมือนแรงงานข้ามชาติ เขาเดินเข้ามาหาเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนั้นและพูดคุยกับเธอ

จากนั้นเด็กหญิงตัวเล็ก ก็หยิบกิ๊บติดผมออกมาและยื่นให้ จากนั้นแรงงานข้ามชาติก็ยื่นเงินให้เธอ 20 หยวน ฉันขมวดคิ้วแล้วเดินไปและตะโกนว่า "คุณกำลังทำอะไร"

หลายปีที่ผ่านมามีผู้ค้ามนุษย์จํานวนมาก ฉันเลยรู้สึกกังวล

ก็เลยเดินเข้าไปแล้วตะโกนเสียงดังโดยไม่รู้ตัว

คนงานข้ามชาติคนนี้ผิวคล้ำมาก ดูอายุประมาณ 40-50ปี หลังค่อมๆ พอเขาเห็นฉันเดินเข้ามา เขาก็ฉีกยิ้มโชว์ฟันเหลืองให้ฉัน ดู แล้วเขาก็หันหลังกลับ แล้วเดินจากไป

"พี่จาง" หยางซี เด็กหญิงตัวเล็กๆ ก็รู้จักฉันเช่นกัน ทันทีที่เธอเห็นฉัน เธอวิ่งมาหาฉันอย่างมีความสุขและพูดว่า

"เมื่อกี้ลุงคนนั้นบอกว่า น้องสาวของเขาต้องการซื้อกิ๊บติดผม แต่เขาหาซื้อที่ไหนไม่ได้ เขาเห็นว่ากิ๊บของฉันสวย เขาเลยขอซื้อ  อย่างไรก็ตาม ฉันต้องการเปลี่ยนกิ๊บใหม่พอดี ฉันก็เลยมอบให้เขา"

"อืม" ฉันแตะหัวเธอแล้วพูดว่า “พยายามอย่าคุยกับคนแปลกหน้านะ มันอันตราย”

“คะ” เด็กน้อยหยางซี พยักหน้า

หลังจากพูดจบฉันก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาลและเดินดูรอบๆ พ่อของฉันเป็นรองประธานที่นี่ ฉันเติบโตที่นี่และที่นี่ก็เหมือนครอบครัวของฉัน คุณหมอก็รู้จักฉันดี ทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม

หลังจากเดินเตร็ดเตร่อย่างเอื่อยเฉื่อยก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มเมื่อผมเดินไปที่ล็อบบี้ตึกผู้ป่วยนอก และกำลังจะออกไป จู่ๆ พยาบาลก็วิ่งเข้ามาอุ้มสาวน้อยตัวเล็กอย่างกระวนกระวาย

สาวน้อยคนนั้นคือหยางซี

เร็วเข้า เสี่ยวซีเป็นลมที่หน้าประตู เรียกหมอหลิวมา" พยาบาลตะโกน ทุกคนรีบเข้าไปช่วยหยางซีและวิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน

ฉันขมวดคิ้วแปลกๆ วิ่งไปหานางพยาบาลแล้วถามว่า "พี่ลี่ เป็นอะไรไป"

พยาบาล ลี่ อายุ 25 ปี เธอทํางานในโรงพยาบาลมาหลายปีแล้ว

พี่หลี่บอกว่า "ฉันแค่อยากพาเสี่ยวซีไปทานอาหาร แต่จู่ๆ เธอก็เป็นลมหมดสติไป  อย่าพึ่งพูดอะไรเลย คุณกลับบ้านไปได้แล้ว ฉันจะแจ้งรองประธานหยาง"

“อืม” ฉันพยักหน้า และฉันไม่สนใจ เพราะฉันไม่รู้เรื่องการแพทย์ และฉันก็ช่วยเธออะไรไม่ได้

เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็เข้านอนแล้ว ฉันอาบน้ำอย่างสบายๆ นอนบนเตียงและเผลอหลับไปด้วยความงุนงง

แล้วไม่นานนัก ฉันก็รู้ก็สึกตัว ฉันเหมือนได้ยินเสียงพ่อกับแม่กําลังคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ฉันเดินออกไปแล้วเอาโทรศัพท์ออกมาดู นี่มันเวลาสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว ฉันถามว่าว่า "พ่อ ดึกแล้วมีเรื่องอะไรกัน

“จู่ๆ เสี่ยวซีก็มีไข้สูงเกิน 40 องศา  พ่อจะกลับไปโรงพยาบาล” พ่อของฉันพูดกับฉันแล้วและเดินออกไป



ฉันขมวดคิ้ว มองประตูที่พ่อปิด แม่บอกให้ฉันเข้าไปนอน

ฉันอยากจะกลับไปที่ห้องเพื่อนอน แต่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสี่ยวซีมีสุขภาพที่ดีตั้งแต่เด็ก ตอนค่ำเธอยังสบายดีอยู่เลย

จู่ๆ เขาก็มีไข้ขึ้นสูงได้อย่างไร?

นอนเหรอ ฉันคงนอนไม่หลับ  พอคิดได้ฉันก็รีบแต่งตัวแล้ววิ่งออกไปโรงพยาบาล

ประตูโรงพยาบาลยังเปิดอยู่ ฉันเดินเข้าไป พยาบาลและหมอหลายคนเดินไปมาอย่างใจจดใจจ่อ .

ฉันรีบถามว่าเสี่ยวซีอยู่ห้องไหน และฉันก็ไม่ได้รีบไปที่นั่น  แต่ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาพี่จิงเฟิง

ฉันโทรอยู่นานกว่าพี่จิงฟงจะรับ

“คนจะนอนโทรมาทำอะไรเวลานี้” เสียงพูดดูเหมือนจะหลับอยู่

ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากถามอะไรหน่อย" ฉันรีบบอกพี่จิ่งฟง ว่าเกิดอะไรขึ้น

ความขุ่นเคืองของดอกท้อ?"  พี่จิ่งฟงเยาะเย้ยแล้วพูดว่า

"ใครมันกล้าใช้เวทมนตร์แบบนี้ทําร้ายผู้คน"

"ความขุ่นเคืองของดอกท้อ? มันคืออะไร?" ฉันถาม

“เรื่องนี้เป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างแรก เหยื่อต้องเป็นสาวพรหมจรรย์ แล้วคนผู้นั้นจะต้องหลอกถามให้รู้วันเกิดของเธอ

แล้วจากนั้นก็เอาเงินไปล่อซื้อของใช้ของเธอ แล้วหญิงสาวคนนั้นก็ต้องขายของสิ่งนั้นให้เขาด้วยความเต็มใจ

หลังจากนั้นก็เอาวันเดือนปีเกิดผสมกับของที่ได้มา และใส่ลงไปในหุ่นที่ทำจากฟาง หรือ หญ้าคา

จากนั้นใช้เลือดของตัวเองหยดลงไปในหุ่นฟาง ค่อยๆหยดเลือดลงไปแล้วท่องมนต์ไปด้วยความขุ่นเคือง”

“ภายในสามวัน เด็กสาวจะตาย”

หลังจากเธอตาย วิญญานของเธอจะเข้าสู่เงามืดแล้วจะเข้าสิงสถิตอยู่ในหุ่นฟางตัวนั่น   ภายใน 49 วัน หุ่นฟางตัวนั้นจะค่อยๆกลายเป็นผู้หญิงคนนั่นที่มีเนื้อมีหนัง และสามรถมีเพศสัมพันธ์ ยั่วยวน และสั่งการให้ไปทำเรื่องชั่วร้ายได้

“ใช้คนทำสิ่งชั่วร้าย?” ฉันขมวดคิ้ว

จากคำอธิบายของคุณดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น ไปดูว่ามีดอกท้อสีดำที่แขนขวาของหญิงสาวคนนั้นไหม ซึ่งมันจะเหมือนกับรอยสัก ถ้าใช่ให้โทรหาฉันทันที” พี่จิ่งฟงพูดเสร็จ จากนั้นวางสายโทรศัพท์

ฉันพบห้องที่เสี่ยวซีอยู่ ฉันเปิดประตูและเข้าไป ในขณะนี้ เสี่ยวซี นอนอยู่บนเตียงโดยที่ใบหน้าของเธอแดงก่ำ พ่อและรองประธาน หยาง กำลังยืนอยู่ข้างเตียงของเธอราวกับว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันบางอย่าง

พ่อของฉันได้ยินฉันเปิดประตู แล้วมองมาที่ฉันและถามฉันว่า

“มาที่นี่ทำไม”

น้องเสี่ยวซีป่วยหนัก แน่นอนฉันต้องมาดู" ฉันเดินไปหาเสี่ยวซีและพูดงึมงัมเบาๆ แล้วม้วนแขนเสื้อของเสี่ยวซีขึ้น เมื่อมองไปแวบเดียวมันก็เหมือนกับที่พี่จิ่งฟงพูดจริงๆ แขนขวาของเสี่ยวซีมีดอกท้อสีดําคล้ายรอยสักจริงๆ

“ทำอะไรนะ” พ่อของฉันวิ่งมาและดึงฉันออก แล้วจ้องมาที่ฉันและดุฉัน

รองประธานหยางก็มองฉันแล้วพูดว่า “คุณมีอะไรไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”

ฉันมองไปที่รองประธานหยางแล้วถามว่า “คุณไปทำอะไรให้ใครบางคน ขุ่นเคืองใจหรือเปล่า”

รองประธานหยางดูเหมือนจะอายุสี่สิบกว่าๆ รูปร่างของเขาค่อนข้างอ้วน และเขาสวมแว่นตา เขาดูอ่อนโยน

เขาถามฉันว่า "คุณหมายถึงอะไร"



โปรดติดตามตอนต่อไป

แปลโดย Theclassic108












































0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด