ตอนที่แล้วตอนที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13

ตอนที่ 12


เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่โอเกอร์จะไม่พูดภาษามนุษย์

แต่ถึงอย่างนั้นโอเกอร์บรรพกาลคิงแกรมก็เป็นกรณีพิเศษ

แม้แต่ในเผ่าโอเกอร์ที่มีอยู่มากมาย อย่างหัวหน้าเผ่าฟีนิกซ์ท้องฟ้าที่เป็นโอเกอร์ที่แก่ที่สุดในเผ่าก็ไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่คิงแกรมนั้นใช้ภาษามนุษย์และใช้เวทมนตร์โบราณได้เมื่อแสดงตัวเองแก่ทวีป

เช่นเดียวกับที่ทุกวันนี้มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นมา แต่มันก็พบเห็นได้ง่ายกว่าเมื่อเป็นในอดีต

การได้ครอบครองร่างที่มีคุณสมบัติดีและมีสติปัญญาล้ำเลิศ การมีอยู่ของโอเกอร์คิงแกรมจึงเป็นภัยต่อมวลมนุษย์

สุดท้ายแล้วอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทก็มาเพื่อสยบคิงแกรม

นั่นจึงเป็นการที่คิงแกรมมายืนที่นี่ในฐานะตัวตนอมตะที่ใช้ชีวิตผ่านการเป็นอาติแฟกต์

นี่คือประวัติศาสตร์ 500 ปีของเขา

และผม

“สวัสดีครับ”

[หืม…?]

ประวัติศาสตร์มีชีวิตที่ได้เห็นยุคสมัยมามากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น

และผมยืนอยู่หน้าคิงแกรม

“ฮะฮะ…ผมสั่นกลัวหน่อย ๆ น่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคุณเลย ผมชื่อ ‘รูน อาเดล’”

รูปปั้นยักษ์ที่ใหญ่กว่าโอเกอร์ทั่วไปอย่างน้อยสองเท่า

กับรูปปั้นที่ผมทักทายอย่างสุภาพ

ในตอนนั้น ดวงตาของรูปปั้นได้เปิดออก

หมายความว่าคิงแกรมกำลังมองผม

[เจ้า…ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน]

ผมยักไหล่ตอบ

“ผมมีเงื่อนไขของตัวเองอยู่ มันยาวหน่อย คุณอยากฟังไหม?”

[...ข้าปฏิเสธ]

เขาไม่ได้ล้อเลียนอะไร คิงแกรมใช้เวทย์เป้าหมายด้วยสีหน้าเป็นกลาง

ประตูเปิดจากความว่างเปล่าและก็มีกระเป๋าเงินใบใหญ่ปรากฏขึ้นมา

นี่คือเป้าหมายที่นักเรียนต้องอัดด้วยเวทมนตร์ และจากกระเป๋าใบนี้คิงแกรมก็จะรับพลังเวทย์ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย

มันคือสัญญาณบอกให้ผมเงียบปากและรีบสอบ

“เข้าใจแล้ว อยากให้ผมสอบซักทีสินะ?”

ผมมองตรง ๆ ไปยังคิงแกรมที่ไม่สนใจอะไรและกำหมัด

ในขณะเดียวกัน วงแหวนพลังของผมก็ขยับเล็กน้อย ‘พละกำลัง’ เริ่มไหลเข้าสู่กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกาย

ผมแบมือที่กำหมัดไว้

ฝ่ามือในตอนนี้มีเวทมนตร์ที่อันตรายที่สุดที่ผมร่ายออกมาได้

“นั่นมัน ‘ระเบิดเผามานา!’”

“โว้ว! นั่นมันเวทย์ชั้น 4 ไม่ใช่เหรอ?”

ระเบิดเผามานา

มันคือเวทย์ชั้น 4 ขั้นสูงที่ใช้ ‘กุญแจ’ ของจอมเวทย์เป็นตัวเร่งเพื่อจุดระเบิดมานาที่กระจายในอากาศอย่างรวดเร็วและให้เกิดระเบิด

กุญแจเล็ก ๆ ที่ยิงใส่เป้าหมายนั้นจะกลายเป็นเหมือนตัวจุดระเบิดที่จะสังหารเป้าหมายทันทีเมื่อระเบิดแล้ว

ผมรู้วิธีร่ายเวทย์นี้มานานมากแล้ว

ผมแค่ใช้มันไม่ได้

แต่เร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งจะรู้หนทาง

[...หืม?]

คิงแกรมลืมตาอีกครั้งเมื่อผมย่อตัวลงและตั้งท่าจะกระโจนเข้าไป

[ท่านั่นมันอะไร?]

เขามองด้วยความสนใจ

แน่นอนว่าผมอยากจะทำให้คิงแกรมสนใจอยู่แล้ว

“จะเริ่มแล้วนะ”

แล้วพูดจบ ผมก็พุ่งเข้าใส่คิงแกรมทันที

ผมขยับ ‘กุญแจ’ จากฝ่ามือลงไปที่ปลายเท้าและเมื่อถึงเป้าหมาย ผมก็กระโดดและหมุนเอวเป็น 180 องศา

ผมเตะด้วยพลังทั้งหมดที่มีใส่เป้าหมายด้วยร่างกายที่หมุนอย่างรวดเร็ว

ปั้ง!

ปลายเท้าสัมผัสเป้าหมายโดยตรง

มันคือผลของสกิล ‘ศิลปะร่างกาย’ ด้วย

ด้วยเสียงเตะเป้าดังก้อง ‘กุญแจ’ ก็ได้ระเบิดออกมาพร้อมกันและเริ่มเผามานาจำนวนมากรอบตัวผม

ฟึ่บ!

เมื่อมานาเริ่มไหม้ เวทย์ที่เป็นตัวเร่งก็ก่อให้เกิดระเบิดรุนแรง

ตะ...ตะ…ตู้ม!

ที่น่าตลกก็คือ ผลจากสกิลไม่ได้ทำให้ร่างกายผมได้รับผลจากเวทมนตร์เลย

“โว้ว!”

“นั่นมันบ้าไปแล้ว…”

เหล่านักเรียนอดตื่นเต้นเมื่อเห็นผมไม่ได้

‘ระเบิดเผามานา’ นั้นเหมือนกับเวทมนตร์ขั้นใหม่สำหรับเพื่อนร่วมรุ่นของผม

ทันทีที่กลายเป็นจอมเวทย์ขั้น 5 พวกเขาจะมีทางเลือกในการเป็นจอมเวทย์ในสภา หรืออาจจะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่ลอร์ดเจ้าของดินแดนนับถือ

และ ‘ระเบิดเผามานา’ ก็ไม่ได้ใช้ขั้นตอนรวบรวมและขึ้นรูปมานาในร่างกายด้วย แต่มันใช้มานาที่กระจายอยู่ในอากาศ เป็นเวทมนตร์ระดับสูงที่ต้องการการควบคุมมานาที่เวทย์ต้องใช้

มันคือเวทย์ขั้น 4 ที่จอมเวทย์ขั้น 5 มักจะใช้ได้ การใช้เวทมนตร์นี้ไม่ต่างจากประกาศระดับของผมออกไป

“ระ…รูนเป็นจอมเวทย์ขั้น 4 เหรอ?”

“ไม่ใช่! ขั้น 5 ต่างหาก!”

กลิ่นกำมะถันหนาแน่นกระจายไปทั่วพื้นที่สอบ

หลังจากผมตกลงพื้น ผมก็หายใจเข้าลึกและเงยหน้ามองรูปปั้น

แทบจะไม่เห็นดวงตาที่เปล่งแสงของ ‘คิงแกรม’ ผ่านควัน

‘หรือว่า…’

ผมสงสัยว่าคิงแกรมจะประเมินเวทมนตร์ของผมแบบไหน

แต่จากนั้นเอง

‘เอ๋?’

การตอบสนองของคิงแกรมแปลกไปเล็กน้อย

เขากระพริบตาสองสามครั้งและจากนั้นก็กระพริบตาอีก

เหมือนกับเขากำลังผงะ

นี่เป็นความจริง

และหลังจากกระพริบตา คิงแกรมก็ถามด้วยเสียงสั่นที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

[เจ้า…เจ้าเป็นใคร?]

“เอ๋? อ๊ะ ผมชื่อรูน อาเดล…”

[เจ้าคือดราก้าใช่ไหม?]

“...เอ๋?”

เขาว่าไงนะ?

ไม่ใช่ผมคนเดียวที่แปลกใจ

[ข้ากำลังรออยู่]

“ดราก้า? ใครน่ะ?”

“ไม่รู้สิ เขาพูดชื่อผิดมั้ง?”

“เงียบหน่อย!”

ด้วยการตอบสนองที่ไม่คาดคิดของคิงแกรม เหล่านักเรียนก็เริ่มพูดคุยกันส่วนผู้คุมสอบก็หันไปสนใจ

แต่ผมไม่ได้สนใจกับเสียงภายนอกนั่น

นั่นก็เพราะสิ่งที่คิงแกรมพูด มันคือชื่อที่ผมตามหามาอย่างยาวนาน ชื่อที่ผมใช้เวลาค้นหามาสองเดือนราวกับคนบ้า

‘ผู้ทำลายล้างโลก ดราก้า’

เจ้าของเดิมในพลังของผม

ผมไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะได้ยินชื่อนี้จากปากคิงแกรมด้วยซ้ำ

ผมถามอย่างระมัดระวัง

“เขาเป็น…คนรู้จักของคุณเหรอ?”

คิงแกรมถอนหายใจแรง

[ฮื่ม! ก็ใช่น่ะสิ]

ผมมองคิงแกรมด้วยความงุนงง คิงแกรมเองก็หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นหน้าผม

[น่าสนใจจริง ๆ ฮ่าฮ่า! ข้ากับผู้สืบทอดของเขา! เจ้าบอกว่าเจ้าชื่ออะไรนะ?]

“รูน…รูน อาเดล”

[อืม ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพูดกับเจ้าทีหลังเพราะตรงนี้มีคนอยู่เยอะนะ]

การประเมินจบลงแล้ว

คิงแกรมละสายตาจากผมและตะโกนกับผู้คุมสอบที่ช่วยเหลือการสอบ

[นี่ไม่ใช่เวทยมนตร์ที่ข้าตัดสินได้]

เหล่าผู้คุมสอบต่างลนลาน

“เอ๋ อะไรกัน?”

คำพูดของเขามีน้ำหนักต่อคนอื่นอย่างมาก

ปฏิเสธการประเมิน

นี่เป็นครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น

ในจุดที่คิงแกรมที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามต่อนักเรียน กลับปฏิเสธการให้คะแนน

“ทะ…ท่านคิงแกรม แต่มีแค่ท่านที่ประเมินได้นะ”

“ใช่แล้ว ตามกฎท่านคิงแกรมจะต้องประเมินอย่างยุติธรรมให้กับนักเรียนในโรงเรียนหลังจากการจากไปของอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิท…”

จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

[พอได้แล้ว! พวกเจ้าคิดจะพูดกับข้าเรื่องกฎเรอะ? สำหรับข้าที่ไม่ได้ประเมินจอมเวทย์ที่แท้จริงมา 500 ปีแล้วน่ะรึ?]

“ระ…เราขออภัยด้วย”

ผู้คุมสิบก้มหน้า คิงแกรมบ่นด้วยเสียงรำคาญ

[ฮื่ม…ไอ้พวกโง่อิกนิท ใช่…ใช่แล้ว การประเมินต้องทำให้เสร็จ เพราะข้าสัญญากับเจ้านั่นไว้]

หลังจากคิดสักครู่ คิงแกรมก็อ้าปาก

[ถ้าข้าต้องให้คะแนน… 0 คะแนน]

[หรืออาจจะเป็น 100 คะแนน]

ดวงตาสีแดงเพลิงของคิงแกรมลืมขึ้นมา

ดวงตานั้นจ้องตรงมาที่ผม

[เจ้าต้องการทางไหน นักทำลายตัวน้อย]

ราวกับการยั่วยุของปีศาจ

แต่แม้ว่านี่จะเป็นปีศาจของจริง คำตอบของผมก็แน่อยู่แล้ว

จะถามให้ซ้ำซ้อนทำไมกัน

“100 คะแนน”

แน่นอนว่าผมเลือกอย่างหลัง

เมื่อผมตอบ คิงแกรมก็หัวเราะราวกับพอใจ

[ได้ ข้าจะให้เจ้า 100 คะแนน]

“น่ะ…นั่น…”

“ชั้นหูฝาดใช่ไหม? 100 คะแนน…”

“ไม่…นายได้ยินถูกแล้ว ชั้นก็ได้ยินเหมือนกัน…”

“บางทีพวกเราอาจจะเป็นบ้ากันหมดแล้ว มันมีเวทย์หลอนรึเปล่า?”

เพียงเพราะคำพูดเดียวของคิงแกรม ทั้งสถานที่สอบก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมด้วยความตกตะลึง

“100 คะแนน…”

ความสามารถในการมองดูโชคชะตาในอนาคตของจอมเวทย์นั้นเป็นสิ่งที่รู้กันดี

จอมเวทย์ทุกคนที่ได้ 50 คะแนนหรือมากกว่านั้นจากคิงแกรมจะได้กลาเยป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

แต่ก็ไม่มีใครที่ได้คะแนนเกิน 70 คะแนนเลย

เพราะมาตรฐานของคิงแกรมนั้นสูงเกินไปตั้งแต่แรก

แต่… 100 คะแนน

นักเรียนที่ได้คะแนนเต็มนั้นไม่เคยมีมาก่อน และอาจจะไม่เคยมีอีกแล้วก็ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

ผมได้แต่หัวเราะอย่างว่างเปล่า

100 คะแนนเหรอ?

ผมเหมือนกับว่า ‘นี่พูดจริงเหรอ…?’

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

แบบนี้ก็ได้เหรอ?

แขนและขาของผมเสียพละกำลังไปเมื่อได้ยินแบบนั้น

คิงแกรมพูดอีกครั้ง

[‘เรื่องยาว’ ที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้าอยากรู้แล้ว ข้าอยากจะฟังมันจากปากเจ้า]

“อ๊ะ…ครับ…”

[ตอนสอบเสร็จแล้ว มาที่ชั้นใต้ดิน]

ชั้นใต้ดิน

มันคือแหล่งเก็บสมบัติที่เก็บอาติแฟกต์ทั้งหมดของโรงเรียนเอาไว้

จากที่ข่าวลือกล่าว ในห้องใต้ดินนั้นมีอาติแฟกต์มากกว่าท้องพระคลังของราชววงศ์เสียอีก

เป็นธรรมดาที่นักเรียนจะห้ามเข้าไป

“ผมเข้าไปไม่ได้”

คิงแกรมบอกผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

[ข้าจะบอกเจ้าหนูอิกนิทเอง]

เจ้าหนูอิกนิทที่เขาพูดถึง หรือว่าจะเป็นผู้อำนวยการไทเรียน?

เขาเรียกจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรว่า ‘เจ้าหนู’

อา เดาว่าคงเป็นเพราะเขาอยู่มาพันปี ทุกคนเลยดูเหมือนกับเด็ก

“ครับ เข้าใจแล้ว”

เมื่อผมตอบไป การประเมินก็จบลง

‘พฤติกรรมลึกลับ’ ของคิงแกรมเองก็จบลงด้วย

[ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนอะไรใน 6 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเงินมีเวลาให้เสียเปล่านะ]

หลังจากจบการประเมินของผม คิงแกรมก็กลับมาดูถูกนักเรียนโดยไม่ลังเลอีก

[ข้าไม่อยากจะกินเวทย์นี่ด้วยซ้ำ ไสหัวไป]

[ไม่ได้เรื่อง มีแต่ขยะมารวมตัวกันรึไง เจ้าอยากจะเป็นจอมเวทย์ด้วยความสามารถแค่นั้นเรอะ? ข้าได้แต่หัวเราะกับความอวดดีของเจ้า]

10 คะแนน, 3 คะแนน, 5 คะแนน, 1 คะแนน

มีแต่คะแนนที่แทบจะไม่พ้น 0 ที่คิงแกรมให้มา

ในตอนนี้ก็มีนักเรียนบางคนที่เริ่มมองผมด้วยความแค้น

“รูน…แกจะมากไปแล้วนะ…”

ผมกลายเป็นไอ้เวรที่เพิ่มคะแนนเฉลี่ยขึ้นมาอย่างมหาศาลในทันที

ผมได้แค่ยักไหล่ตอบ

โทษทีนะ

แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้ 100 คะแนน

“ระ…ร้อยคะแนน?”

ผู้อำนวยการโรงเรียน

ไทเรียนอิกนิทได้รับรายงานที่ไม่คาดคิด

รายงานว่าที่ว่า 100 คะแนนที่ไม่มีใครเคยได้รับมาก่อนถูกมอบให้แก่นักเรียนและคิงแกรมก็ขอพบนักเรียนคนนั้นเพื่อพูดคุยกันตัวต่อตัวด้วย

และนักเรียนคนนั้นก็คือ

“รูน……”

รูน อาเดล

เขาลูบเคราสีขาวด้วยความแปลกใจ

“ฮ่าฮ่า…ถึงกับได้ 100 คะแนน…เด็กคนนี้แปลกจริง ๆ”

รูน อาเดล

เขาเคยคิดว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์แต่ล้มเหลว

แต่ในไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ปรากฏตัวพร้อมกับเวทมนตร์ที่พลิกมุมมองของเวทมนตร์ในหัวเขาไป

และตอนนี้ เขาก็ใช้เวทมนตร์ที่ทลายกำลังที่ชื่อว่าคิงแกรมไปด้วย

นี่คือสถานการณ์ที่ไม่แปลกใจคงไม่ได้

“หึหึ”

แม้แต่ไทเรียนเองก็ยังมั่นใจ ว่าเมื่อราว 50 ปีก่อน เมื่อเขาเข้าโรงเรียนในฐานะนักเรียน ว่าเขาได้กี่คะแนนจากคิงแกรม?

เขาจดจำมันได้ขึ้นใจ

คะแนนที่เขาได้ขณะที่ถูกบอกว่าเขาอ่อนแอเกินไปถ้าเทียบกับบรรพบุรุษ

‘เขาให้มา 58 คะแนน…’

58 คะแนน

แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอดีตก็มิอาจปฏิเสธได้ว่ามันเป็นคะแนนที่สูง

ไทเรียน อิกนิทในตอนนี้คือจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และยังเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายของอาณาจักรเรเดียนเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วย

แต่คะแนนที่เขาได้ก็ยังไม่ถึงมาตรฐานของลูกหลานอัครจอมเวทย์ และแม้แต่คะแนนนั้นก็ถูกทำลายสถิติในตอนนี้

เขาจะไปแข่งกับ 100 คะแนนได้อย่างไร?

‘100 คะแนน…คิงแกรมชอบตรงไหนของรูนนักนะ…?’

ไทเรียนรู้เรื่องนี้

ว่าไม่มีใครได้ 100 คะแนนเพียงเพราะว่าพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ยอดเยี่ยม

มันจะต้องเข้ากับนิสัยของคิงแกรมด้วยถึงจะได้ 100 คะแนน

ถ้าคิดแบบนี้ เวทมนตร์เฉพาะตัวของรูนก็อาจจะนับว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง

‘และการได้พูดคุยตัวต่อตัวกับคิงแกรม…เขาเป็นนักเรียนที่น่าสนใจจริง ๆ’

ไทเรียนพยักหน้าด้วยความพอใจ

“อนุญาตให้นักเรียนรูน อาเดลเข้าห้องอาติแฟกต์โดยเข้าไปภายใต้การดูแลของอาจารย์ไฮเดล”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด