ตอนที่แล้วซวยแล้วไง! ดันไปเพิ่มอัตราการดรอปไอเท็มให้สูงสุดซะงั้น ตอนที่ 9 ผู้เฝ้ายามกลางคืน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซวยแล้วไง! ดันไปเพิ่มอัตราการดรอปไอเท็มให้สูงสุดซะงั้น ตอนที่ 11 พยัคฆ์ราตรี

ซวยแล้วไง! ดันไปเพิ่มอัตราการดรอปไอเท็มให้สูงสุดซะงั้น ตอนที่ 10 การคัดเลือก


“เจียงฮ่าว!”

ชายหนุ่มในชุดดำอ่านชื่อของคนถัดไปทันที

ชายหนุ่มผมดำท่าทางดูแข็งแรงคนหนึ่งก้าวออกมาจากฝูงชน

"เจียงฮ่าว อายุยี่สิบปี จำนวนภารกิจที่ทำสำเร็จทั้งหมดคือเจ็ดครั้ง! จากทั้งหมด สามภารกิจคือระดับห้า สองภารกิจระดับสาม หนึ่งภารกิจระดับสอง และอีกหนึ่งภารกิจระดับหนึ่ง !"

หัวหน้ากลุ่มบีและกลุ่มซีจ้องมองไปที่เจียงฮ่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

ภารกิจที่เหล่าสาวกของนิกายภายนอกทำนั้นมักมีตั้งแต่ระดับห้าไปจนถึงระดับหนึ่ง โดยที่ระดับห้าเป็นระดับที่ง่ายที่สุดและระดับหนึ่งเป็นระดับที่ยากที่สุด

มีศิษย์สายนอกไม่มากนักที่สามารถบรรลุภารกิจระดับแรกได้

ยิ่งงานยากเท่าไหร่ อันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

สาวกหลายคนที่ปฏิบัติภารกิจระดับแรกส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตในภารกิจกันหมด

ชายหนุ่มที่มีชื่อว่าเจียงฮ่าวคนนี้สามารถทำภารกิจระดับแรกได้สำเร็จนั้นถือว่าเป็นบุคคลที่หาได้ยากมาก

เป็นคนที่มีความสามารถค่อนข้างดี

เขาได้รับเลือกจากหัวหน้ากลุ่มบีและได้เข้าร่วมกลุ่มบีในทันที

"ลำดับต่อไป"

"หวังซีตง อายุสามสิบปี จำนวนภารกิจที่ทำทั้งหมดคือสี่ครั้ง และทั้งสี่ครั้งเป็นภารกิจระดับห้าทั้งหมด"

"เถาโม่ อายุยี่สิบปี..."

หลังจากที่เขามองดูสาวกภายนอกถูกคัดเลือกไปทีละคนๆแล้ว

เซียวซีก็ค่อยๆหาเกณฑ์ในการคัดเลือกคนเข้ากลุ่มของหัวหน้าทั้งสี่คนนี้

ในหมู่พวกเขาทั้งหมด กลุ่มเอเป็นกลุ่มที่คนส่วนใหญ่ต้องการเข้าร่วมมากที่สุด

แต่คนที่จะเข้าร่วมกลุ่มเอได้นั้นมีแค่ส่วนน้อย เฉพาะอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นถึงจะได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้ากลุ่มเอ

เพราะเธอไม่แม้แต่จะชายตามองคนธรรมดาๆเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่ศิษย์ระดับหัวกะทิอย่างเจียงฮ่าวก็ยังห่างไกลจากเงื่อนไขการคัดเลือกของเธอ

กลุ่มบีและกลุ่มซีนั้นส่วนใหญ่จะรับศิษย์ระดับหัวกะทิเป็นหลัก

ส่วนผู้ที่มีคุณสมบัติค่อนข้างปานกลางจะอยู่ในกลุ่มดีทั้งหมด

"กลุ่มเอเป็นกลุ่มของพวกอัจฉริยะ"

"กลุ่มบีและกลุ่มซีก็จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีศิษย์ชั้นยอด..."

"ส่วนกลุ่มดีนั้นเป็นกลุ่มธรรมดา"

เซียวซีวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสี่กลุ่มนี้อย่างรวดเร็ว

"ลำดับต่อไป"

“เซียวซี”

หลังจากที่ชายหนุ่มในชุดดำอ่านชื่อของเขาแล้ว เซียวซีก็ก้าวไปข้างหน้าทันที ท่ามกลางสายตามากมาย

ชายหนุ่มในชุดดำมองไปที่แผ่นหยกและอ่านออกเสียง

“เซียวซี อายุสิบห้าปี จำนวนภารกิจที่ทำได้...หืม?”

จู่ๆเขาก็ตัวแข็งทื่อไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาสงสัยว่าตนเองอ่านอะไรผิดไปหรือเปล่า

เขายืนยันซ้ำๆหลายครั้งติดต่อกันจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาไม่ได้อ่านผิดไป แล้วจึงเริ่มอ่านออกเสียงใหม่

"จำนวนของการทำภารกิจทั้งหมดคือ...ศูนย์!"

ทันทีที่คำพูดของเขาถูกเอ่ยออกมา

ทุกคนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ

แม้แต่หัวหน้ากลุ่มทั้งหมดยังผงะ

เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่ไม่ได้ทำภารกิจเลยแม้แต่อย่างเดียวอยู่เลยด้วยซ้ำ

หัวหน้ากลุ่มบีที่มีอายุมากที่สุดในบรรดาหัวหน้าทั้งสี่และเป็นหัวหน้ากลุ่มมายาวนานที่สุดนั้น ได้ผ่านการคัดเลือกสาวกภายนอกที่แตกต่างกันมามากกว่าสิบกลุ่มมาแล้ว

แต่ในบรรดาศิษย์สายนอกจำนวนมากมายเหล่านั้น เขากลับไม่เคยเห็นใครที่บ้าบิ่นขนาดที่ไม่เคยทำเลยแม้แต่ภารกิจเดียวมาก่อน

ไม่ว่าศิษย์ชั้นนอกจะเลวร้ายถึงเพียงใด แต่พวกเขาก็จะเลือกทำภารกิจระดับที่ห้าอย่างน้อยสองหรือสามครั้งอยู่เสมอ

แต่ศิษย์ผู้นี้กลับไม่ทำเลยแม้แต่ภารกิจเดียว...

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เจอจริงๆ

ในขณะเดียวกัน ในส่วนของการสัมผัสถึงพลังลมปราณและเลือดของเซียวซีแล้วนั้น ความผันผวนของลมปราณและเลือดที่พวกเขาสัมผัสได้ก็เป็นเพียงความผันผวนของลมปราณและเลือดของศิลปะการต่อสู้ในระดับที่สี่เท่านั้น

แม้ว่าพื้นฐานการฝึกฝนนี้จะไม่เลว แต่เขากลับไม่เคยทำภารกิจเลยแม้แต่ภารกิจเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจเซียวซี

ในท้ายที่สุด เซียวซีก็สามารถเข้าร่วมได้แค่ทีมดีเท่านั้น

ทั้งหมดนี้...ก็เหมือนกับที่เซียวซีคาดไว้

นอกจากนี้แล้วมันยังเป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการอีกด้วย!

แม้ว่าเขาจะไม่เคยทำภารกิจใดเลย แต่ด้วยการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับที่เจ็ดในปัจจุบันของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาแสดงการฝึกฝนที่แท้จริงออกมา เขาก็จะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้ากลุ่มเออย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดแล้ว ก่อนที่สาวกของนิกายภายนอกจะกลายเป็นผู้เฝ้ายามกลางคืนนั้น พื้นฐานการฝึกฝนของพวกเขาโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่างระดับที่สองของศิลปะการต่อสู้และระดับที่ห้าของศิลปะการต่อสู้เท่านั้น

ผู้ที่สามารถฝึกฝนถึงระดับที่ห้าของศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นอัจฉริยะที่หายากมากอยู่แล้ว

ถ้าเป็นเช่นนั้น คนอย่างเขาที่ฝึกฝนจนถึงระดับที่เจ็ดของศิลปะการต่อสู้นั้นก็คงจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงพอที่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ขึ้นได้อย่างแน่นอน!

มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้าร่วมกลุ่มเอ

แต่เซียวซีรู้ว่า...

กลุ่มเอเป็นกลุ่มที่มีความสามารถแพรวพราวที่สุดในบรรดาทั้งสี่กลุ่ม

โดยรวมแล้วมีความสามารถที่สูงเกินไปและสะดุดตามากเกินไป

ในฐานะยามกลางคืนแล้ว ยิ่งมีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

สำหรับเซียวซี ผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรกเสมอ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่เขาจะเอาตัวเองขึ้นไปอยู่บนยอดพายุ เว้นแต่จะมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ยังไงเขาก็ไม่เข้าไปอยู่ในกลุ่มเอแน่นอน

ส่วนกลุ่มบีและกลุ่มซีก็ยังเลือกคัดเลือกแต่ศิษย์ชั้นยอด

แม้ว่าจะไม่เท่ากลุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างกลุ่มเอ แต่มันก็สามารถดึงดูดความสนใจได้อยู่ดี นั่นจึงไม่ใช่สิ่งที่เซียวซีต้องการ

เขารู้สึกว่ากลุ่มดีนั้นเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับเขา

ผู้คนในกลุ่มดีก็เป็นเพียงสาวกชั้นนอกธรรมดาๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับความสนใจใดๆจากที่นี่

สิ่งที่ธรรมดาที่สุด ไม่โดดเด่นที่สุด นั่นจึงสามารถพูดได้ว่า ปลอดภัยที่สุด

"ฉันควบคุมพลังลมปราณได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยสินะ..."

เซียวซีพอใจกับผลลัพธ์มาก

หลังจากนั้นไม่นาน

สาวกชั้นนอกจำนวนกว่าเจ็ดร้อยคนก็ถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม

ในหมู่พวกเขา กลุ่มดีมีจำนวนคนมากที่สุด

รวมเป็นจำนวนกว่าสามร้อยคนที่ได้เข้าร่วมกลุ่มดี

ซึ่งเกือบจะถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนคนทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ

กลุ่มบีและกลุ่มซีมีผู้เข้าร่วมมากกว่าหนึ่งร้อยคน

ส่วนกลุ่มเอนั้นมีจำนวนคนน้อยที่สุด โดยมีไม่ถึงหนึ่งร้อยคน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สามารถเข้าร่วมกลุ่มเอได้นั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น

ในเวลานี้ หัวหน้าทั้งสี่คนได้นำสมาชิกในกลุ่มของตนไปยังพื้นที่ที่เป็นของกลุ่มตนเอง

ณ กองตรวจการณ์กลางคืน

“จากนี้ไป พวกเจ้าทุกคนถือเป็นผู้เฝ้ายามกลางคืนของกลุ่มดี”

ดวงตาที่เหล่มองมาอยู่ตลอดเวลาและใบหน้าที่ใจดีอยู่เสมอ หัวหน้าติงมองมาที่ทุกคนด้วยรอยยิ้ม

มีการแจกอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในฐานะยามกลางคืนอย่าง ชุดสูทสีดำมาตรฐาน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้า และหมวกสีดำ ให้กับทุกคนเป็นอันดับแรก

จากนั้นพวกเขาก็ได้รับเครื่องหมายประจำตัวของยามกลางคืนและแบบฝึกหัดพิเศษของยามกลางคืน

เครื่องหมายประจำตัวไม่เพียงบันทึกข้อมูลของตนเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคะแนนสะสมที่ได้มาจากการให้ความร่วมมือในนิกายด้วย ซึ่งคะแนนความร่วมมือเหล่านี้มีประโยชน์ในเมืองจินอวิ่นแห่งนี้มาก

ส่วนวิธีการฝึกฝนนั้นจะเป็นวิธีการฝึกฝนที่เรียกว่า “พยัคฆ์ราตรี”

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคเฉพาะของผู้เฝ้ายามกลางคืนเท่านั้น

อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลที่ยามกลางคืนถูกเรียกว่ายามกลางคืนนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถแยกตัวออกจากการฝึกฝนที่เรียกว่า “พยัคฆ์ราตรี” นี้ได้

“พวกเจ้ามีเวลาทั้งหมดสามวันในการฝึกฝนพยัคฆ์ราตรี หลังจากสามวันแล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะฝึกฝนจนสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ยังไงพวกเจ้าทุกคนก็จะต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจของผู้เฝ้ายามกลางคืนทันที”

"แต่ข้าแนะนำให้พวกเจ้าฝึกให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะเทคนิคนี้สามารถช่วยให้พวกเจ้าเอาตัวรอดได้ง่ายขึ้นเมื่อออกไปทำภารกิจต่างๆ"

เสียงของหัวหน้าติงนั้นอ่อนโยน แต่เมื่อมันผ่านเข้ามาในหูของทุกคนแล้ว มันกลับทำให้เขาดูภูมิฐานขึ้นมาในทันที

พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงกองตรวจการณ์กลางคืนด้วยซ้ำ...

โดยปกติแล้วผู้เฝ้ายามกลางคืนที่เพิ่งเข้าร่วมจะมีอัตราการตายสูงที่สุด

เพราะมีเวลาฝึกฝนเพียงแค่สามวัน...

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของทุกคนบีบรัดอย่างรุนแรง

ภายใต้การจัดการของหัวหน้ากลุ่ม พวกเขาทั้งหมดจึงได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ของกองตรวจการณ์กลางคืนในวันนั้นทันที ยามกลางคืนของกลุ่มดีทั้งหมดนั้นได้อาศัยอยู่ที่นี่

เมื่อกลับถึงที่พักแล้ว

ทุกคนอดใจรอไม่ไหวที่จะหยิบแผ่นหยกที่บันทึกเทคนิคการฝึกฝน "เยว่หู" (พยัคฆ์ราตรี) ออกมาและเริ่มฝึกฝน

เซียวซีก็ไม่มีข้อยกเว้น

แม้ว่าการฝึกฝนของเขาจะถึงระดับที่เจ็ดของศิลปะการต่อสู้แล้ว แต่เขารู้ว่าในฐานะยามกลางคืน การฝึกฝนเช่นนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาปลอดภัย

หลังจากดูอย่างระมัดระวัง ตามคำอธิบายในแผ่นหยกแล้ว ในที่สุดเซียวซีก็เข้าใจว่าทำไมยามกลางคืนจึงไม่สามารถแยกตัวออกจากการฝึกนี้ได้

อาจกล่าวได้ว่าเทคนิคนี้อธิบายได้อย่างสมบูรณ์เลยว่าทำไมยามกลางคืนจึงถูกเรียกว่ายามกลางคืน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด