ตอนที่ 1366 ข้ามาแล้ว...
ในโลกคัมภีร์
เมื่อเย่ว์หยางลืมตาขึ้นเขาพบว่าเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเขาอย่างกังวล
“สบายใจได้ข้ายังไม่ได้เริ่มโดยตรง เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้คงตรวจไม่พบ” เย่ว์หยางรีบปลอบพวกนาง “นอกจากนี้ ตอนข้าอยู่ในดินแดนฝันของฝ่าบาทแม้แต่เทียนอี้ก็ยังตรวจไม่พบร่องรอยของข้า”
“ความจริงเทียนอี้ไม่ใช่คนที่ข้ากังวลที่สุด” เสวี่ยอู๋เสียกังวลเล็กน้อย “ข้าคิดอยู่เสมอว่าไพ่ในมือของตงฟางไม่ง่ายขนาดนั้น
“ตงฟางเป็นกุญแจสำคัญแน่นอน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงเห็นด้วย
“น่าเสียดายที่เราไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเขามากนักเวลากระชั้นเกินไป มิฉะนั้นเราอาจคิดหาวิธีจัดการกับเขาได้” สาวมารกฎฟ้าส่ายหน้าถอนหายใจเบาๆ นางคิดว่าพลังของตงฟางไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดแต่กลับคุกคามพวกเขาได้อย่างมากเป็นรองแค่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ หากต้องบอกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในประตูเทพฝ่ายเทพทะเลมรณะและจะไม่ทำอะไรเลย นั่นคงเป็นไปไม่ได้”
คำถามก็คือภายใต้เงื่อนไขปัจจุบันจะขุดเอาตงฟางออกมาจากฝ่ายทะเลมรณะและฆ่าเขาได้อย่างไร?
อู๋เหินมองโลกในแง่ดีนางยิ้มปลอบใจทุกคน “บางทีตงฟางอาจเป็นคนดีก็ได้ เขากำลังใช้งานเทียนอี้”
เย่ว์หยางตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าเมืองโล่วฮัวโบกมือพัลวัล “ไม่ เป็นไปไม่ได้ คนทรยศอย่างตงฟางต้องเป็นคนเลวและร้ายกาจมากการกระทำของเขาก็เพื่อสร้างความวิบัติให้หอทงเทียนไม่มีทางเป็นไปได้อย่างอื่นแน่นอน นิสัยคนอย่างเขาไม่มีทางเป็นคนดีไปได้ เขาเป็นคนทรยศและชั่วร้าย เหตุผลที่ตงฟางยังคงซ่อนตัวอยู่ก็เพราะว่ายังไม่ถึงเวลา เมื่อเขาเคลื่อนไหวข้าเกรงว่าจะเป็นการตัดสินขั้นสุดท้าย เขาต้องใช้เทียนอี้ในแผนการ แต่ในทางกลับกัน เทียนอี้จะไม่ใช้เขาเชียวหรือ?”
ในบรรดาสาวๆมีเพียงเย่ว์หวี่เท่านั้นที่สนับสนุนความเห็นของอู๋เหิน
อย่างไรก็ตามพวกนางคิดว่าความเป็นไปได้นี้
ยังไม่น่าเชื่อถือทั้งหมด
แม้ว่าอู๋เหินจะคาดการณ์ในแง่ดีแต่ก็ไม่กล้ายืนยันว่าตงฟางเป็นไส้ศึกให้หอทงเทียน....
“ตงฟางจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ แต่การที่ต้องมาสู้กับตงฟางเป็นเรื่องแย่” เย่ว์หยางคิดว่าตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงเตรียมตัว ไม่ควรตีตนไปก่อนไข้กังวลจนเกินไปหากชนะการประลองชะตาได้ สถานะเทพราชันย์ไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน แต่ถ้าแพ้ในสงครามชะตาจะทำให้เทียนอี้ประสบความสำเร็จ และเขาก็คงมีแต่ความเสียใจ
“เราต้องรอสักพักตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด เจ้าควรออกไปดูก่อน หาทางแทนที่จื้อจุนให้นางเข้ามาก่อน” เสวี่ยอู๋เสียคิดว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้เขาจะกู้วิกฤตหอทงเทียนกลับมาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะดำเนินแผนการทั้งหมดอย่างไร
“ระวังด้วยอย่าทำอะไรโดยใช้อารมณ์ส่วนตัว ต้องไม่ประมาท” เย่ว์หวี่รีบกระตุ้นเตือนน้องชาย นางกลัวที่สุดว่าน้องชายจะบ้าพลังจนลืมทำเรื่องที่ควรทำ
“ไม่ต้องห่วง! รับรองได้ว่าข้าจะไม่หลงกลไปตามแผนของตงฟางและเทียนอี้แน่นอน”เย่ว์หยางตบอกรับรอง
แต่หลังจากพูดรับรองแบบนี้ได้ไม่นาน
เขาออกมาจากโลกคัมภีร์เข้าโลกแกนสมดุลโลกก็แทบบ้าทันที
ความโกรธระเบิดขึ้นแรงเป็นแสนเท่าเหตุผลก็ถูกโยนทิ้งไปภายใต้อารมณ์เลือดร้อนเดือดพล่านรุนแรง ตัวเขาแทบจะควบคุมพลังเทพไม่ได้พลังเทพแทบระเบิดออก
ข้างหน้าเขาในตอนนี้สถานการณ์ในสนามรบดุเดือดเลือดพล่านจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแบกภูเขาศักดิ์สิทธิ์บนไหล่เดินตรงไปที่ทะเลมรณะทีละก้าวสะพานเชื่อมใต้เท้าเขาไกลสุดขอบฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและพังทลายลงภายใต้เท้าของเขาฝ่ายตรงข้ามกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อที่มีร่างสูงใหญ่คอยช่วยค้ำและยันไม่ให้จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเดินหน้าเข้ามา
จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อก้าวไปข้างหน้าต้องใช้ความพยายามร้อยเท่าพันเท่า
บนยอดเขาเทพศักดิ์สิทธิ์เจี้ยนจางเซิงที่คอยพยุงแบกโดมท้องฟ้าล้มลงกับพื้นแล้ว เขาไม่สามารถแบกรับได้อีกต่อไปเทพธิดาบุปผาผู้พิทักษ์อยู่แต่ก่อนได้เข้าแทนที่เขา ร่างเทพของนางถูกทำลายก่อนเวลาอันควรและร่างหินศิลาของนางเริ่มแตกสลายมีแต่เพียงรัศมีแห่งจิตวิญญาณและสำนึกเทพสูงสุดของนางที่ช่วยค้ำโดมท้องฟ้าไว้...
เทพมารแห่งค่ายทะเลมรณะกำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
บางคนโจมตีจักรพรรดิไร้เทียมทานบางคนโจมตีเทพธิดาบุปผาผู้พิทักษ์แห่งภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งยังโจมตีจื้อจุนที่อยู่บนยอดเขาที่ตอนนี้ทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยเลือด
หากไม่มีจื้อจุนวิญญาณของเทพธิดาบุปผาคงถูกทำลายไปนานแล้ว แต่จื้อจุนที่ถูกปีศาจเฒ่ามากมายรุมล้อมจากด้านหน้าต้องใช้ความพยายามไม่ด้อยไปกว่าเทพธิดาบุปผาแต่ยังเบากกว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานที่แบกภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ไว้ทั้งลูก
เขาไม่สามารถถอยหลังได้เพื่อปกป้องจื้อจุนจากด้านหน้า ตลอดทั้งตัวนางเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
เย่ว์หยางไม่เคยเห็นนางบาดเจ็บหนักอย่างนี้มาก่อน
ในพริบตา
เขาเจ็บปวดใจจนแทบแหลกสลาย
ปีศาจเฒ่าน่ารังเกียจเหล่านี้ไร้ยางอายอย่างคาดไม่ถึงรุมล้อมทำลายผู้เยาว์ที่ยังไม่มีบัลลังก์เทพที่บริบูรณ์
“มังกร,มังกรปีศาจเล่า!” เย่ว์หยางคำรามลั่นราวกับฟ้าร้องเขาอยากรู้ว่ามังกรปีศาจที่อ้างตัวเป็นพี่ใหญ่ของเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาทนดูให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เด็กน้อยเจ้าออกมาจนได้โชคดีที่ยังพอมีเวลาให้ข้าได้รวบรวมซากสังขาร” ในใต้เหวสะพานงูลอยฟ้าร่างเทพที่แหลกลาญดูแย่ยิ่งกว่าหุ่นไล่การ้องครวญครางอย่างระโหยโรยแรง
เย่ว์หยางตกใจอย่างหนักมังกรปีศาจผู้แข็งแกร่งอยู่ในสภาพพ่ายแพ้แบบนี้ได้อย่างไร?
มีเทพพิทักษ์ทะเลมรณะสองตนในทะเลมรณะหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
มังกรปีศาจที่อยู่ในสภาพอาการหนักส่ายหัวและส่งสัญญาณบอกว่าเย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องออกมาช่วยตัวเขา “อย่าสิ้นเปลืองพลังงานเลย ข้ารักษาไม่หายแล้วเจ้าไม่ต้องเปลืองน้ำตาด้วย ตลอดชีวิตของข้าสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือปัสสาวะม้าถ้าเจ้ากล้าร้องไห้ข้าคงตายอย่างไม่มีความสุข”
เย่ว์หยางไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ไม่กี่วันการต่อสู้กลับกลายเป็นเช่นนี้ “เกิดอะไรขึ้น?”
มังกรปีศาจแค่นเสียงด้วยความโมโห“เรื่องมันยาวเกินกว่าจะเล่า ข้าขี้เกียจพูด”
จื้อจุนที่บาดเจ็บสาหัสแค่นเสียงโกรธ“คนทรยศตงฟางทำเรื่องงามหน้า ไม่รู้ว่าเขาร้องเรียนที่ไหนบอกว่ามังกรปีศาจได้รับการปล่อยตัวเข้าสู่แดนสวรรค์ก่อเรื่องชั่วร้ายและขอให้มีการลงโทษ เมื่อสามวันก่อนประตูเทพโบราณได้เปิดออกแต่เทพโบราณไม่ได้ปรากฏตัว แต่ค้อนศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ได้ทุบใส่กระดูกสันหลังเจ้าโง่นั่นจนทำให้สนามรบเป็นอย่างนี้เขาต้องออกจากสนามรบ”
“มันน่าขายหน้าข้าเป็นพี่ใหญ่แท้ๆ เสียหน้าหมด!” มังกรปีศาจรู้สึกอับอายมากแต่เดิมทีเขาคิดว่าสามารถคุ้มกันผู้น้องได้แต่กลับเป็นตัวเขาที่กลายเป็นภาระผู้น้อง
“ทำไมพวกเขาทำชั่วจึงไม่มีใครจัดการเจ้าทำตามแบบอย่างเหลยฟง อุตส่าห์ทำความดีแท้ๆ แต่กลับถูกลงโทษหรือว่าจักรวาลนี้ไม่มีความยุติธรรม” เย่ว์หยางยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห
“เจ้ายังบอกว่าทำเรื่องดีก็ต้องมีผิดพลาด จะเลือกก็ไม่ถูกแล้วมันจะดีได้ยังไง?” มังกรปีศาจมองเห็นได้ชัดเจนนั่นเป็นบาปในอดีตของเขา การมาของค้อนลงทัณฑ์สวรรค์เป็นการลงทัณฑ์อย่างเคร่งครัดยังดีกว่าดึงเทพเพชฌฆาตมาทำหน้าที่ตัดหัวร้อยครั้งความเสียใจของเขาเพียงประการเดียวก็คือไม่สามารถเข้าร่วมในการประลองชะตานี้ได้เขาต้องการช่วยให้ผู้น้องได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เขามีพลังไม่เพียงพอ “ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ในชีวิตเลยแต่น่าเสียดายที่มหาเทพไม่ให้โอกาสนี้แก่ข้า”
“บัดซบนี่มันใจดำเกินไปแล้ว ข้าต้องร้องเรียน!” เย่ว์หยางแทบกระอักเลือด
“เจ้ารู้จักเบื้องบนด้วยหรือ?” มังกรปีศาจได้ยินแล้วรู้สึกสะท้านใจ
“เปล่า”เย่ว์หยางพูดอย่างจนใจ
“อย่างนั้นพูดไปก็ป่วยการเปล่าๆ!” มังกรปีศาจตัดบทไม่มีใครฟ้องร้องเบื้องบนได้ ยิ่งเจ้าไม่มีผู้หนุนหลังที่ดี!
“เลิกพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้วเจ้ามาช่วยจิ๋วซื่อเดี๋ยวนี้เลย!” ในที่สุดจื้อจุนก็ได้พักหายใจได้บ้างถ้าเย่ว์หยางไม่ปรากฏตัวและทำให้เทพที่รุมล้อมตกใจหวาดกลัวชั่วคราวนางไม่รู้ว่าจะทนต่อไปได้หรือไม่
“อะไรนะ?”เย่ว์หยางมองดูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์สูงล้านเมตร เขาจะแบกของแบบนี้ได้อย่างไร!
“หรือว่าเจ้าหันไปสู้กับเทพพิทักษ์ทะเลมรณะแทนเล่า” จื้อจุนให้ทางเลือกเย่ว์หยางแค่สองตัวเลือก
“อย่างนั้นแบกภูเขาก็คงดีกว่า!” เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าแบกภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์หนักหนาแค่ไหน?ต่อให้ต้องย้ายภูเขาก็ต้องรอเคลื่อนไหวช้าๆหลังจากเอาชนะศัตรูก็ได้ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะอยู่ตรงหน้าเขาเป็นไปได้อย่างไรที่จะเคลื่อนย้าย แม้ว่าเทพพิทักษ์ทะเลมรณะจะมีพวกสองร้อยห้าสิบคนแต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเฉยมองดูเหตุการณ์เช่นนี้
“ไม่มีเวลาแล้ว!” มังกรปีศาจตะโกนด้วยพลังทั้งหมดของเขา “ชาวโลกแห่งแกนสมดุลโลกรู้มานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้วว่าแกนสมดุลโลกจะกลายเป็นเวทีตัดสินชะตาเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าต้องการจะชนะย่อมเป็นไปไม่ได้เลย! เจ้าสามารถต่อสู้กับกองกำลังอื่นๆได้หรือไม่? หากต้องการชนะก็ต้องรู้ไว้ว่าภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์จะช่วยลดระดับการระเหยแห้งของน้ำในทะเลมรณะนั่นคือสิ่งที่เทพได้อธิบายไว้
“ฮ่าฮ่า ภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ช่วยลดระดับหรือ?ทะเลมรณะระเหยหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะแหงนหน้าหัวเราะ“เจ้าคิดว่าเป็นไปได้จริงหรือ? ข้าผู้เป็นเทพยังคงมีพลังความแข็งแกร่งพอและปล่อยให้จิ๋วซื่อแบกภูเขาเทพตอนนี้เขาไม่สามารถถอยหรือวางภูเขาลงได้ และใกล้จะตายเต็มทนยังกล้าคุยโวถึงสิ่งที่เทพอธิบายไว้หรือ?”
“ข้ายังสามารถแบกต่อไปไม่มีใครในโลกหยุดความทะเยอทะยานของข้าจิ๋วซื่อได้ จักรพรรดิไร้เทียมทานก้าวย่างอย่างหนักหน่วงแม้ว่าจะแบกภูเขาไว้บนบ่าและศัตรูอยู่ข้างหน้า แต่ความแข็งแกร่งของเขายังปรากฏให้เห็นบนใบหน้า ”เย่ว์ไตตันตราบใดที่เจ้าจำได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าคือเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้แกนสมดุลโลกและทะเลมรณะนี้ก็ควรจบลงที่ข้า! นี่คือชะตาที่ข้าแบกรับไว้ ไม่ใช่เจ้าตราบเท่าที่ตัวเจ้าประสบความสำเร็จ แค่นั้นก็พอ!”
“เลิกคิดได้เลยข้าผู้เทพยังมีเวลา แต่จิ๋วซื่อเจ้าจะต้องพ่ายแพ้ตลอดไป!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะไม่ได้มองดูที่เย่ว์หยางเลย
เขากางแขนทั้งหกยันรับมุมภูเขาเทพศักดิ์สิทธิ์ในทิศทางที่จิ๋วซื่อกำลังก้าวไปข้างหน้า
จักรพรรดิไร้เทียมทานตวาดเสียงทุ้ม
พลังเทพระเบิดออก
เขาทุ่มชีวิตต้านรับไม่ให้อีกฝ่ายก้าวเดินได้แม้แต่ครึ่งก้าว....
การประลองพลังแบบนั้นระหว่างจักรพรรดิไร้เทียมทานและเทพพิทักษ์ทะเลมรณะในช่วงสามวันสามคืนนี้ประลองแบบนี้กี่ครั้งแล้ว
ถ้ามองอย่างผิวเผินจักรพรรดิไร้เทียมทานเดินหน้าได้ตลอดไม่มีใครหยุดห้ามได้แต่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะเชื่อว่าชัยชนะสุดท้ายจะต้องเป็นของเขา เพราะภายใต้อุปสรรคขัดขวางอย่างเขาจิ๋วซื่อจะไม่สามารถเดินไปจนถึงขอบทะเลมรณะได้ ในระหว่างเดินทางช่วงครึ่งทางนี้ฝ่ายตรงข้ามผู้มีชะตาเช่นนี้ ใช้พลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมากเกินไปในที่สุดเขาจะต้องพินาศล้มลงกับพื้นในที่สุด
“เย่ว์ไตตันคู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าผู้เป็นเทพนี้” เย่ว์หยางหันหน้าไปมองและพบว่าเป็นเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงมายืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”เย่ว์หยางรู้สึกแปลกใจเจ้าผู้นี้ออกมาจากเขากวงหมิงและเข้าประตูเทพโบราณได้ด้วยหรือ?
“ประตูแห่งชะตาได้เปิดออกอย่างเป็นทางการแล้ว...” เทพพิทักษ์เขากวงหมิงมองไปที่มังกรปีศาจและหันกลับมามองเย่ว์หยางอีก“ในเส้นทางโบราณ ข้าผู้เป็นเทพนี้สามารถฆ่าเจ้าผู้มีคุณสมบัติเข้าประลองโชคชะตา อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีการเผชิญหน้าประลองชะตา เทียนอี้จะได้รับพลังเทพจอมราชันย์ เราผู้เป็นเทพแอบปล่อยให้เจ้าหนีไปพร้อมกับเจ้าโง่มังกรปีศาจเจ้าคิดว่าจะหนีพ้นมือเราผู้เป็นเทพได้จริงๆ หรือ? เส้นทางโบราณของภูกวงหมิงเป็นที่อยู่ของเทพ แม้ว่าเจ้าจะมีพลังของหอทงเทียนทั้งหมดแต่คิดจะใช้อุบายภายใต้จมูกข้าผู้เป็นเทพเจ้านึกว่าจะซ่อนพ้นจากสายตาข้าผู้เป็นเทพได้จริงๆ หรือ?
“ทั้งหมดอยู่ในแผนแล้ว” ตงฟางปรากฏตัวครั้งแรกเขาโค้งคำนับให้จักรพรรดิไร้เทียมทาน จากนั้นยิ้มให้เย่ว์หยาง “ผู้ที่คู่ควรบัลลังก์แท้ไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นผู้อาวุโสจิ๋วซื่อ จากนั้นขอเพียงเขาตาย เพียงแค่นั้นการประลองชะตาของคนรุ่นต่อไปจึงจะเกิดขึ้นได้แค่เพียงเขาตายเท่านั้น หอทงเทียนจะพินาศลง และจะพินาศไปตลอดกาล เย่ว์ไตตัน เจ้าเองก็ไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเจ้าเป็นรองอยู่บ้าง”
“ฉลาดสมกับเป็นตงฟางจริงๆ” เย่ว์หยางปรบมือชื่นชมแต่เสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “อย่างนั้นก็ต้องกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งบ้างใช่ไหม?”
“ไม่”ตงฟางส่ายหัว “การเล่นหมากรุกจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจ้าอยากจะเล่น ก็คงเล่นไม่ได้...เพื่อชัยชนะครั้งสุดท้าย ข้าตัดสินใจตาย สำหรับเกมนี้ ถ้าไม่มีคู่ต่อกรด้วยและเจ้าจะเล่นกับใคร? เจ้าพลาดไปหนึ่งก้าว ตอนนี้ต้องการจะถอยกลับต้องการจะตั้งหมากใหม่ แต่เวลาไม่เพียงพอเสียแล้ว ข้าจะไม่ให้โอกาสนี้กับเจ้าเย่ว์ไตตัน เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ เรื่องนี้ข้าไม่สงสัยเลยแต่ถ้าพูดถึงเรื่องเล่นหมากรุก นี่คือความร้ายกาจของข้า ตงฟาง”
ตงฟางลอยขึ้นไปในอากาศ
และค่อยๆลอยไปในทิศทางของทะเลมรณะ ชุดคลุมของเขากระพืออยู่ในอากาศคนเล่าสง่างามจนมิอาจพรรณนาได้แต่สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมราวกับว่าเขาคือผู้พลีชีพที่คลั่งไคล้ที่สุดในโลกเพื่ออุดมคติของเขา เขาไม่ลังเลที่จะเสียสละชีวิตตนเอง
“ลาก่อนบ้านเกิดที่ให้กำเนิดข้าและเลี้ยงข้าจนได้ดี ลาก่อนหอทงเทียน ลาขาดตลอดกาล”
“ตงฟางเป็นเพียงเศษธุลีเล็กๆในโลก แต่ข้าก็มาที่นี่แล้วและกลายเป็นดาวตกที่สว่างเจิดจ้าแจ่มจรัสแม้ว่ายากจะสว่างได้ชั่วนิรันดร์ แต่มันก็คือแสงรัศมีของข้า...”
“ไม่มีเวลาของข้าตงฟางอีกต่อไปแล้ว แต่อย่างน้อยข้าก็ยังแสดงให้เห็นว่าข้าตงฟางมาถึงแล้ว...”
เหมือนกับดาวหางที่พุ่งผ่านจักรวาล
ตงฟางขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของท้องฟ้าก็ร่วงตกลงมา
ทั้งร่างมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วงและส่องแสงสว่างบนพื้นผิวทะเลมรณะที่น่ากลัวจากนั้นค่อยสลัวลงๆ หรี่ลงและจมหายไปในส่วนลึกของทะเลมรณะ...
******** ****