ตอนที่แล้วChapter 21 Senior ordinary military
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 23 Search

Chapter 22 Fine martial-looking


精英武者

เกล็ดหิมะที่ล่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า,ปูพรมขาวโพลนไปทั่วผืนปฐพี,อู๋หยุนเทียนและซูเห่าสองพ่อลูกที่ยืนเคียงข้างกันบนหลังคาจ้องมองความเงียบสงบของท้องฟ้า.

ในช่วงเวลานี้เหล่าเด็ก ๆ ก็มักจะออกมาเล่นกันบนพื้นหิมะ,ในอดีตเหอชิงชิงและลูกน้องมักจะมาชวนซูเห่าไปเล่น,ทว่าเวลานี้กับไม่มีอีกแล้ว.

อู๋หยินเทียนที่จ้องมองซูเห่า,ภายในใจที่ได้แต่ทอดถอนใจ“ช่วงเวลาของการเป็นเด็ก,เป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าที่สุด,อายุเท่านี้ เวลานี้ควรจะชอบเล่นสนุก,การที่กลายเป็นคนเงียบขรึมเช่นนี้,ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย.”

ภรรยาของเขาเสียชีวิตเพราะปกป้องเด็กคนนี้,ภายในใจของเขาที่มีร่องรอยไม่พอใจและขุ่นข้องใจกับเด็กคนนี้เช่นกัน,แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่,เขาได้ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปหมดแล้ว,ความเศร้าซึมและหดหูไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว,แม้แต่เปลี่ยนเป็นความคาดหวังในอนาคตของเด็กคนนี้แทน.

ซูเห่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อู๋หยุนเทียน,จ้องมองชื่นชมทัศนียภาพของหิมะที่ล่วงหล่นลงมา,ดูงดงามสบายตา,เขาไม่รู้ว่าบิดาของเขาคิดอะไร ทำไมถึงได้เงียบ,ทว่าเขารู้สึกว่ามีความสุข,สบายใจกับการได้ยืนมองหิมะตกเช่นนี้.

ผ่านไปนานเหมือนกัน,อู๋หยุนเทียนที่เป็นคนเอ่ยปากออกมาก่อน“เซี่ยงหวู่,นักรบเป็นผู้ข้ามขีดจำกัดทางร่างกายของตัวเอง,เพื่อที่จะรับพลังมา,โดยการฝึกวิชายุทธ์,ตระหนักรู้ปราณโลหิต,เปลี่ยนและสะสมมันให้มากขึ้นเรื่อย ๆ,ทำลายขีดจำกัดตัวเองทีละขั้น ๆ ปีนสู่ระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ,อย่างไรก็ตามกระบวนการทำลายขีดจำกัดแต่ละครั้ง,ยิ่งสูงก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ,เซี่ยงหวู่,ตอนนี้เจ้าพบเข้ากับขีดจำกัดครั้งแรกแล้วอย่างงั้นรึ?”

ซูเห่าที่ดึงสติกลับมา,ครุ่นคิดครู่หนึ่งและเอ่ยออกมาว่า“ใช่,ปริมาณปราณโลหิตของข้าดูเหมือนว่าจะเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะทนได้แล้ว,แม้นว่าจะสามารถเปลี่ยนปราณโลหิตได้ต่อ,ทว่า ไม่เพียงไม่อาจเพิ่มความแข็งแกร่ง,ยังทำร้ายตัวเองด้วย,แล้วจะทำอย่างไรจึงจะสามารถก้าวไปยังขั้นต่อไปได้?”

อู๋หยุนเทียนที่ถอนหายใจยาว”สำหรับคนอื่น,มีความยากสามประการ,ประการแรก,ยากที่จะสะสมปราณโลหิต,แต่ละคนมีความเข้าใจเรื่องปราณโลหิตแตกต่างกันไป,ทำให้ความเร็วในการสะสมช้าเร็วแตกต่างกันไป,ต้องการสะสมให้ได้มีระดับเช่นเจ้า,ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปใช้เวลาสะสม 5-8 ปี,หรืออาจจะช้ากว่านั้น,กระทั่งบางคนก็ไม่อาจทำได้เลย.

ความยากประการที่สองก็คือคอขวดของปราณโลหิต,ปราณโลหิตเมื่อสะสมกันได้ถึงระดับหนึ่ง,ร่างกายก็จะสร้างความสมดุลของร่างกายขึ้นมาใหม่,ในเวลานั้นต้องการสะสมปราณโลหิตต่อไป,จึงทำไม่ได้,เว้นแต่จะสามารถทำลายสมดุลดังกล่าวลงไปก่อน,ถึงจะสามารถสะสมปราณโลหิตต่อไปได้.

สำหรับความยากประกายที่สาม,คือสิ่งที่เจ้าพบอยู่ในเวลานี้,เมื่อปราณโลหิตมาถึง ขีดจำกัดของร่างกาย,ก็ไม่อาจยกระดับความแข็งแกร่งไปได้อีก,ในเวลานี้มีสองวิธีแก้ไข,อย่างแรกคือเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายให้สูงขึ้น,ซึ่งจะทำให้ขีดจำกัดการสะสมปราณโลหิตสูงขึ้นด้วย,ส่วนวิธีที่สองคือตกผลึกปราณโลหิต,ทำให้ปราณโลหิตมีความสามารถใหม่,ซึ่งจะทำให้สามารถยกระดับพลังขึ้นอย่างก้าวกระโดด.

ยกตัวอย่าง...... ”

กล่าวจบ,อู๋หยุนเทียนที่กวาดหิมะออก,พร้อมกับนำกิ่งไม้แห่งกิ่งหนึ่งขึ้นมา,ก่อนสะบัดหิมะให้ลอยกระเด็นออก.

“ตั้งใจดู!”

ในเวลาต่อมา,กิ่งไม้ดังกล่าวได้ทะลวงเข้าไปในศิลาก้อนหนึ่ง.

ซูเห่าที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต,กิ่งไม้แห้งจะสามารถทะลวงก้อนศิลาหนาได้อย่างไร?,เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกินความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปไกลเลยหรอกรึ?.

“ร้ายกาจมาก! นี่คือความสามารถของจอมยุทธ์อย่างงั้นรึ?”

อู๋หยุนเทียนพยักหน้ารับ เผยยิ้มเล็กน้อย“นี่คือความสามารถของจอมยุทธ์,เป็นอย่างไร?”

ซูเห่าพยักหน้ารับ,อดรนทนไม่ได้จนต้องสอบถามออกมา“ท่านพ่อ,แล้วจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”

อู๋หยุนเทียนที่ส่งกิ่งไม้ตายให้กับซูเห่า,หลังจากที่ซูเห่ารับมา,เขาก็เอ่ยออกมาว่า“เจ้าคิดว่า,กิ่งไม้นี้,สามารถแทงศิลาได้ใหม?”

ซูเห่าที่เอ่ยกล่าวตามจริง“ไม่ได้.”

“เป็นความจริงว่าไม่ได้,ไม่ว่าจะเป็นกรณีใหน ๆ,กิ่งไม้แห้งก็ไม่อาจทะลวงศิลาได้,ดังนั้นเมื่อครู่ที่ทะลวงศิลาไม่ใช่กิ่งไม้,แต่เป็นปราณโลหิต!”

“ปราณโลหิต? ทำไมจึงสามารถส่งปราณโลหิตปกคลุมกิ่งไม่ได้? แก่นโลหิตไม่ใช่สะสารที่อยู่ได้เพียงแค่ในร่างกายของมนุษย์หรอกรึ?”

อู๋หยุนเทียนที่ส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าเอ่ย,ทว่าสามารถบอกได้ว่าปราณโลหิตนั้นสามารถเคลื่อนย้ายส่งไปยังกิ่งไม้ได้,นี่คือความแตกต่างของผู้ฝึกยุทธ์และจอมยุทธ์.”

ซูเห่าที่เอ่ยสอบถามอย่างคาดหวัง“แล้วต้องทำอย่างไร?”

อู๋หยุนเทียนที่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดา,เอ่ยออกมาตรง ๆ,“เพียงแค่ปล่อยปราณโลหิตออกมาเท่านั้น.”

“หะ?”ซูเห่าที่กลายเป็นเซ่อไปเลย,เกี่ยวกับความเข้าใจของเขา,ปราณโลหิตมีความสัมพันธ์เหมือนกับอวัยวะภายในร่างกาย,การจะเคลื่อนอวัยวะ,ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องตลกหรอกรึ?

ความหมายของอู๋หยุนเทียนดูเหมือนว่าจะไม่ได้ล้อเล่น,จากนั้นก็เอ่ยอธิบายออกมาอีกว่า“การเคลื่อนย้ายปราณโลหิตในร่างกายออกมานั้น,จะต้องเปลี่ยนแปลงปราณโลหิตเป็นรูปร่างใหม่ก่อน,เพื่อที่ง่ายในการเคลื่อนย้ายออกมานอกร่างกาย,จากนั้นก็ส่งผ่านมันออกมายังกิ่งไม้เมื่อสักครู่นี้,ทำให้กิ่งไม้สามารถทะลวงศิลาได้.”

ซูเห่าที่จ้องมองอย่างงง ๆ,เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน,ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องราวที่ลึกลับเป็นอย่างมาก.

ซูเห่าที่เอ่ยคำถามสุดท้าย“แล้วจะควบคุมเคลื่อนที่ปราณโลหิตอย่างไร?”

อู๋หยุนเทียนที่ยกมือขึ้นตบบ่าอีกฝ่าย,กล่าวอย่างจริงจัง“เซี่ยงหวู่,ตอนนี้เจ้าไม่ควรคิดถึงเรื่องแก่นจอมยุทธ์,ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป,การตัดผ่านไปยังขอบเขตจอมยุทธ์อย่างเร่งรีบ,ไม่ใช่เรื่องดีนัก,เจ้าเข้าใจความหมายของข้าใหม?”

เห็นท่าทางจริงจังของบิดา ซูเห่าอดไม่ได้ที่ต้องพยักหน้ารับ

“ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถตัดผ่านระดับไปยังจอมยุทธ์ได้อย่างไม่ยากเย็น,แต่ข้ากังวลว่าร่างกายของเจ้านั้นอ่อนแอเกินไป,ไม่อาจแบกรับพลังได้,ปราณโลหิตที่เจ้ามีตอนนี้มันเพียงพอแล้ว,ตอนนี้เพียงแค่อดทน,เติบโตและพัฒนาร่างกาย,หลังจากที่ร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ,ข้าจะสอนเจ้าวิธีการเป็นจอมยุทธ์ให้.”

“อืม!”ซูเห่าที่พยักหน้ารับ,จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า“แล้วเมื่อไหร่ข้าถึงจะแข็งแกร่งพอ?”

อู๋หยุนเทียนที่จ้องมองซูเห่าเป็นเวลานาน,ไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร,เพราะเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน,ดังนั้นจึงเอ่ยคาดเดา ตามความรู้สึก“สามปี! สามปีหลังจากนี้ข้าจะสอนเจ้าอีกครั้ง.”

“ตกลง.”ซูเห่าที่ไม่สงสัยในตัวอีกฝ่าย,พยักหน้ารับทันที.

ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูง,มีพลังปกป้องตัวเองได้แล้ว,สามปีหลังจากนี้,เขายังต้องการวิจัยเกี่ยวกับปราณโลหิตเพิ่มเติม,นอกจากนี้เป็นดั่งที่อู๋หยุนเทียนเอ่ย,เขาเป็นเพียงเด็กห้าขวบ,ร่างกายอ่อนแอมาก,หากฝืนฝึกฝนยุทธ์ต่อไป,ร่างกายที่อ่อนแอก็แบกรับความเสี่ยงมากขึ้นและอาจร้ายแรงจนเขาเสียชีวิตแทน,นอกจากนี้ภัยร้ายที่จะพรากชีวิตของเขาในเร็ว ๆ นี้ก็ได้หายไปแล้วนั่นเอง.

ซูเห่า,ก็รับรู้เช่นกันว่าการฝนวิทยายุทธ์นั้นมีความเสี่ยง,เขาจะต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี,การเสี่ยงที่จะรับพลังเพิ่มขึ้นเลยขีดจำกัด,ก็ไม่ต่างจากการทำร้ายตัวเอง,ดังนั้นเขาจึงหยุดเพิ่มระดับปราณโลหิตไปก่อน..

อู๋หยุนเทียนที่ครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า“จากนี้สามปี,เจ้าจะต้องเรียนทักษะต่อสู้กับข้า! เมื่อข้ามีเวลา ข้าจะพาเจ้าลงสนามต่อสู้จริง.”

ซูเห่าที่ดวงตาเป็นประกายเอ่ยออกมาทันที“ขอบคุณพ่อ.”

“เจ้าต้องเผชิญกับความลำบากมาก.”

“ข้าไม่กลัวความลำบาก.”

อู๋หยุนเทียนพยักหน้ารับ,จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหิมะที่ล่วงหล่นลงจากท้องฟ้าไม่หยุด,ครุ่นคิดไม่รู้ว่าการตัดสินใจของเขาครานี้ ผิดหรือถูก.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด