ตอนที่ 1053 หาการสนับสนุน
เย่ว์หยางรั้งมือออกจากการติดต่อกับสำนึกเทพ
เขาหันหน้าไปมองเริ่นเทียนเกอและคนอื่น
พวกเริ่นเทียนเกอเห็นว่าเย่ว์หยางมีสีหน้าสลดเขาหัวเราะลั่นทันทีเหมือนกับเห็นเย่ว์หยางกำลังกินหนอน พวกเขาไม่ใช่ศัตรูแต่รู้สึกสะใจในหัวใจที่มืดมิด เจ้าเด็กผิดปกติเข้ามาในด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ เขาวางแผนจะไปตรงไหน
พระยายมซิวอิ่งแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าเหมือนกับคนเหนือกว่าเขาฮัมเพลงเบาๆ อย่างภูมิใจ “คนอยู่เหนือสุดเป็นคนดี!”
บัตรเกิดใหม่ของเขาในหุบเขามนุษย์แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งมีเงิน800 ผลึกสวรรค์
คาดว่าต้องมีคนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ใช้ของวิเศษจำนำ
แม้ว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้นำในชีวิตได้ แต่ก็ยังดีกว่าฮ็อกผมแดงมาก และมีโอกาสได้ระดับที่ดีในอนาคต มิน่าเล่าถึงได้กวนโมโหนัก
จ้าวกระดูกยิ้มเยาะแสดงว่าเขาก็มีดีเช่นกัน
จอมถลกหนังเซี่ยทีแสดงบัตรโชคชะตาของเขาโดยตรง นอกเหนือจากพระยายมซิวอิ่งแล้วนับได้ว่าเขามีเงินถึง 750 ผลึกสวรรค์
เริ่นเทียนเกอเป็นอันดับสามมี680 ต่อจากเซี่ยที และบัณฑิตตาเงินมี 600
จากนั้นเป็นชิงหมอที่มี500 นับว่าคาดไม่ถึงจริงๆ
ในเวลานี้คนที่อยู่ข้างหลังทุกคนมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตาเหมือนว่าตนเหนือชั้นกว่าเป็นการระบายความรู้สึกที่ถูกกดดันถึงร้อยวันในหุบเขาปีศาจ
แน่นอนว่ายกเว้นฮ็อกที่น่าสงสารทั้งเนื้อทั้งตัวเขาจำนำสมบัติได้ 250 ผลึกสวรรค์เท่านั้นจำนวนเงินที่น่าสงสารนี้ทำให้ฮ็อกหมดความสนใจในการเกิดใหม่ หากไม่ต้องการเพลิดเพลินกับชีวิตใช้ชีวิตแบบขันทีก็พอเป็นไปได้ ยังไม่ต้องพูดถึงการมีสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม จะเลือกเพศยังต้องใช้เงินลงทุน ยังไม่ต้องพูดโศกนาฏกรรมของการสุ่มเลือกเพศคุณภาพของคน และอื่นๆ ต้องใช้เงินจำนวนมาก มีอยู่เพียง 250 นอกจากเป็นขอทาน แล้วเขาจะทำอะไรอื่นได้?
ฮ็อกร้องไห้เศร้าโศก มันไม่มีเหตุผลเสียเลยจริงๆ!
แม้แต่บัณฑิตตาเงินยังอดหยอกล้อเย่ว์หยางไม่ได้ “เป็นยังไงบ้าง เจ้ามีสหายในหุบเขามนุษย์บ้างไหม? ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลอย่างน้อยต้องใช้เงิน 300 ผลึกสวรรค์ถึงจะมีความก้าวหน้าได้”-
เย่ว์หยางส่ายหน้า
ถ้ามีสหายหรือญาติอยู่ในหุบเขามนุษย์ เขายังจะยอมคุยเรื่องไร้สาระกับพวกนี้อยู่ตรงนี้อีกหรือ? ก็แค่ตรงเข้าไปกอดขาผู้นั้น
เริ่นเทียนเกอเห็นเย่ว์หยางอยู่ในสภาพเช่นนี้เขารีบปลอบโยนทันที “ไม่เป็นไร เจ้ามีพลังและมีสมองที่ฉลาดต่อให้ยากจนไปบ้างก็ไม่เป็นไร!”
นี่เป็นคำปลอบใจแบบไหน? นี่เหมือนกับเอาเกลือทาบาดแผลชัดๆ! ในยุคจีนแดงตอนต้นชาวนามีความภาคภูมิใจเป็นพิเศษที่พวกเขาเกิดมาเป็นชาวนา แต่นี่คือยุคแห่งการหัวเราะ ไม่มีเงิน ก็ตายเร็ว! เย่ว์หยางยังไม่มีอะไรสนองตอบ แต่ฮ็อกผมแดง ไม่มีญาติไม่มีสหายในหุบเขามนุษย์ทั้งยังไม่มีของวิเศษเอาไว้จำนำ
เขาสาบานว่าเขาจะติดตามคนที่สมบูรณ์พูนสุขในชีวิตจะไม่ยอมตายง่ายๆ ต่อไป การเข้าหุบเขามนุษย์ก็เพื่อเปลี่ยนชีวิตไม่ใช่หรือ? ส่วนความสัมพันธ์ผิวเผินก็เพื่อผลประโยชน์เป็นใหญ่ไม่ใช่หรือ?
ไม่มีใครหนุนหลังก็ไม่สามารถทำอะไรได้
โชคดีที่เขาพบว่าเย่ว์หยางก็เป็นเหมือนเขาอาจจะแย่ยิ่งกว่าเขาและมีบางคนช่วยปลอบใจ
มิฉะนั้นเขาคงฆ่าตัวตายโดยตรงไปแล้ว
“ถ้าเจ้าลังเลที่จะจำนำสมบัติระดับเทพเจ้าลองจำนำสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ราคาชิ้นละร้อยผลึกสวรรค์!” เริ่นเทียนเกอไม่ต้องการมีสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับเย่ว์หยางเขารีบให้คำแนะนำ
“ดินแดนสอบฝีมือสามระดับแรกเป็นการทดสอบคุณสมบัติมาตรฐานระดับสี่ถึงหกเป็นการสร้างความสำเร็จส่วนบุคคล เจ้าทำสำเร็จหลังจากผ่านไปสี่ระดับ นั่นพิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าเป็นของจริงเจ้าควรจะแลกเงินผลึกสวรรค์ได้มากอยู่แล้ว” บัณฑิตตาเงินยังคงกล่าวถึงวิธีที่เป็นไปได้
“ขอบคุณ” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินแล้ว แต่สงสัยว่าจะดีหรือ?
ผลเก็บเกี่ยวในหุบเขาราคะและหุบเขาอสูรนับว่าไม่เลวใช้เวลาผ่านด่านอย่างรวดเร็ว และที่หุบเขาปีศาจเขาได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ความสำเร็จคะแนนส่วนตัวนี้คาดว่าน่าจะแลกเป็นเงินผลึกสวรรค์ได้มาก
พลังเทพวิบัติพลังปั่นป่วน แม้ว่าจะยังไม่ดีพอ ไม่สามารถเอามาจำนำได้
แต่เหรียญตราเทพดูเหมือนว่าจะไม่มีผลเรื่องเวลา
บางทีเขาอาจจะแลกเงินได้บ้าง
อย่างไรก็ตามนั่นคือการจำนำ ไม่ใช่ความตาย เขาสามารถหาเงินมาไถ่ถอนคืนได้ภายหลัง!
ฮ็อกรู้สึกแย่เล็กน้อยถ้าเย่ว์หยางโดดออกมาจากชีวิตที่ยากจน เขาจะไม่กลายเป็นชายชราตัวคนเดียวหรอกหรือ?
เขาหวังว่าเย่ว์หยางจะกลายเป็นคนยากจนเหมือนกับตัวของเขาเองทั้งจะต้องกอดคอร้องไห้รำพึงรำพันโศกนาฏกรรมของชีวิตในอนาคต เขาจะต้องดิ้นรนทำงานในค่ายผู้แพ้ชีวิตอย่างหนักคอยอิจฉาคนหล่อคนร่ำรวยและจะตายไปด้วยกัน นอกจากนี้ถ้าสหายทุกคนเข้ามาในหุบเขาด้วยกัน แค่โศกนาฏกรรมเรื่องเดียวที่พบเจอเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“น่าเบื่อ! งั้นข้าจะล่วงหน้าไปก่อน” ทันใดนั้นชิงหมออดทนรอไม่ไหวและค่อยๆวางบัตรวิญญาณติดต่อกับสำนึกเทพและเทเลพอร์ตเข้าหุบเขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในหุบเขามนุษย์
“เจ้าจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวันรอให้ชิงหมอได้ตั้งตัวจากนั้นใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ได้หรือเปล่า?” บัณฑิตตาเงินไม่ได้มองเย่ว์หยางแต่มองไปที่ฮ็อกแทน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าฮ็อกไม่ยอมหนีแม้เมื่อยักษ์ดาบทองใช้ตารางมิติฟ้าเล่นงาน เขาคิดว่าคนผู้นี้เป็นพันธมิตร มิฉะนั้นเขาคงไม่ให้คำแนะนำนี้แน่
“ไม่!” ฮ็อกได้ยินแล้วส่ายหัวโบกมือ “อย่าว่าแต่สองสามวันเลย ต่อให้รอสองสามปีชิงหมอก็ไม่มองข้าว่าเป็นสหายแน่ ช่างเถอะ ข้าเตรียมเกิดใหม่ ถึงไม่ดีแต่ข้าพร้อมจะเสี่ยงทุกอย่าง ไม่ว่ายังไงข้าไม่เป็นขอทาน...”
สิ่งที่เขาพูดหมายถึงเย่ว์หยางโดยนัย
ตราบเท่าที่เย่ว์หยางยังคงยากจน
อย่างนั้นเขาก็พอใจ
เด็กใหม่มีศักยภาพมากไม่ธรรมดา แต่ยากจนแสนเข็ญและยังคงเป็นบุรุษที่แสดงความรักได้สามวินาที มีอะไรที่ไม่สมดุลหรือ? ต้องรู้ว่าคนเราไม่ได้สมบูรณ์ไปทุกอย่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดโศกนาฏกรรมทำนองเดียวกัน
ปกติฮ็อกต่อให้ตายก็ต้องขอสง่างามไว้ก่อน เขาต้องสูงที่สุด หล่อที่สุดแม้จะตายก็ต้องมีความสะดวกสบาย
ไม่ได้หมายความว่าความริษยาเป็นลักษณะของชนเผ่าทั้งหมด
“เจ้าคิดว่าคนอื่นจะต้องยากจนเหมือนเจ้าจริงๆหรือน่าขัน” จอมถลกหนังเซี่ยทีแค่นเสียง เจ้าเด็กเย่ว์หยางไม่พูดอะไรสมบัติเทพเขามีอยู่หลายชิ้น สามารถเอาออกมาจำนำได้ เขาอยู่ในระดับเดียวกับ 200 ตั้งแต่เมื่อใด
ยากจน?
คนอื่นไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
ฮ็อกจำได้ทันทีว่าในช่วงศึกร้อยวันสะท้านโลก เย่ว์หยางมีสมบัติเทพจริงๆ ทำให้เขาหลั่งเหงื่อพรั่งพรู
เขาอยากจะบอกว่าอย่าใช้สมบัติชั้นเทพแลกเปลี่ยน เป็นเรื่องน่าขายหน้ากับการแลกเปลี่ยนเพื่อเอาชีวิตรอด
คล้ายๆกับนักเล่นเกมออนไลน์
แน่นอนว่าถ้าผู้เล่นหยุดก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ขณะหยุด
ที่สำคัญนั่นเป็นเงินของคนอื่น นั่นเป็นเรื่องของคนอื่น
คนจะแลกเปลี่ยนเงินใครจะยุ่งได้
เย่ว์หยางแสดงท่าทางมั่นใจกับเขาเป็นทำนองว่าเขาจะไม่มีทางเอาสมบัติเทพไปจำนำเพื่อรอไถ่ถอนภายหลัง ที่สำคัญของเหล่านี้พอหลุดมือไปหากไม่สามารถไถ่ถอนกลับมาได้นับเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้ เย่ว์หยางไม่ต้องการเอาสมบัติเทพมาล้อเล่น สมบัติเทพของเขา เขาไม่ต้องการแลกจริงๆ อย่างไรก็ตามไม่มีปัญหากับเหรียญตราฝ่ายเทพ
เขาหยิบเหรียญตราฝ่ายเทพออกมาและต้องการดูว่าสิ่งนี้จะมีค่าพอให้จำนำได้หรือไม่
เขาวางไว้ใกล้ฐานเทวรูป
รัศมีประหลาดฉายประกายออกมาทันที
สำนึกเทพของเทพสมบัติมีการสะท้อนตอบอย่างรุนแรง ข้อมูลนำเสนอคือ : นี่คือสมบัติเทพ ได้รับพรพิเศษจากพลังเทพโบราณในด่านที่หกหุบเขาปีศาจและเป็นประกาศเกียรติคุณประกาศความสำเร็จสะสมคะแนนได้อันดับหนึ่งมีค่าสองพันผลึกสวรรค์.... เมื่อเห็นข้อมูลนี้ทุกคนตกตะลึงทรุดกับพื้น
โชคของเจ้าเด็กนี่ขัดกับเจตจำนงฟ้าหรือไม่?
เหรียญตราฝ่ายเทพกลายเป็นสมบัติชั้นเทพ ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จอันดับหนึ่งสามารถจำนำได้ถึงหนึ่งพันผลึกสวรรค์
มิเล่าจีอู๋ลี่ถึงพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อขึ้นไปยืนอันดับหนึ่ง
เริ่นเทียนเกอและซิวอิ่งอยากร้องไห้ ให้ตายเถอะพวกเขาปกครองอยู่ในหุบเขาปีศาจมาหลายพันปีเอาของที่ระลึกทั้งหมดแลกเงินผลึกสวรรค์ได้ไม่ถึงร้อย เจ้าเด็กนี่มาที่นี่เพียงร้อยกว่าวันใช้เวลาต่อสู้ร้อยวัน ได้ตำแหน่งที่หนึ่งก็แลกเป็นเงินได้พันผลึกสวรรค์ อย่างนี้ผู้คนจะมีชีวิตได้อย่างไร? ทำไมสมบัติสำหรับแลกเปลี่ยนเงินผลึกสวรรค์ถึงได้ตกไปอยู่ในมือเจ้าเด็กใหม่
หรือว่าเจ้าเด็กนี่เป็นลูกนอกสมรสของเทพชะตา?
เย่ว์หยางไม่ได้แลกเปลี่ยน เมื่อเขาเห็นเหรียญตราเทพเป็นสมบัติเทพชนิดพิเศษเขาดึงกลับทันทีและบอกว่าล้อเล่น ของดีแบบนี้จะเอาไปแลกเงินได้อย่างไรกัน?
แม้ว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนความสำเร็จส่วนบุคคลได้ถึงพันผลึกสวรรค์ แต่เย่ว์หยางไม่แน่ใจว่าสมบัติเทพนี้จะหายไปจากการแลกเปลี่ยนหรือไม่ ในเมื่อเทพโบราณมอบพรให้อิคคาไปแล้ว ทำอย่างนี้จะเป็นการผิดวัตถุประสงค์ของสมบัติเทพเหมือนอย่างที่จักรพรรดิอวี้ตกทอดสมบัติให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ได้จะไม่คุ้มกับที่เสียไป ดังนั้นเหรียญตราเทพไม่อาจแลกเปลี่ยนหรือจำนำได้ปล่อยเงินสองพันผลึกสวรรค์หลุดมือไปก่อน นี่เป็นเรื่องใหญ่!
ยังไงก็มีอาหารอยู่ในมือแล้ว
ไม่,ยังมีสมบัติเทพอยู่ในมือของเขา ต่อให้ยากจนเขาก็ไม่ตื่นเต้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า....” ฮ็อกหัวเราะ เขามีความสุขที่ได้เห็นเช่นนั้น เขาอดสวมกอดเย่ว์หยางแนบแน่นไม่ได้เหมือนว่าต่อให้เย่ว์หยางไม่สนใจ แต่เขาเต็มใจจะเป็นสหายที่ดีของเย่ว์หยาง ฮ็อกโบกมือ “น้องชายเราผู้พี่ยินดีต้อนรับสู่สโมสรยาจกพึ่งพาตนเอง ข้าฮ็อกสามารถพูดได้อย่างภูมิใจว่าเราจะพึ่งพาพลังตนเอง ไม่ขอพึ่งพาเงิน!”
“เพราะยากจนนั่นแหละถึงต้องพึ่งพาลำแข้งตนเอง!” เซี่ยทีพูดเสริมเขาเน้นคำว่ายากจนเป็นพิเศษ
“เจ้าโง่” ซิวอิ่งไม่พูดกับฮ็อกอีก เจ้าเด็กนี่มีเหรียญตราเทพในตัวอย่างเดียวเท่านั้นหรือ? สมบัติเทพมีอยู่สองสามชิ้นจะกลายเป็นคนจนได้อย่างไร?
“ข้าไม่อาจจำนำได้ สมบัติเทพนี้เป็นของที่ระลึกของจ้านฟงสหายข้า เขากำหนดให้ข้าเป็นทายาทของเขาข้าจะรับมรดกของเขาได้ไหม?” เย่ว์หยางยิ้มในฐานะจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนนั่นไม่ใช่ดีแต่ชื่อเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นเขาสามารถรับมรดกของจักรพรรดิอวี้ได้ทั้งหมด
คำขอร้องของเย่ว์หยางได้รับการอนุมัติ
แต่เพราะความสัมพันธ์ฉันท์มิตรจักรพรรดิอวี้จ้านฟงมีมรดกตกทอด 1800 ผลึกสวรรค์อยู่ในหุบเขามนุษย์และเย่ว์หยางสามารถรับตกทอดได้ครึ่งหนึ่ง
ฮ็อกเกิดอาการห่อเหี่ยวในพริบตาแม้ว่าจะสามารถรับมรดกได้ครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เย่ว์หยางมี 900 ผลึกสวรรค์ยังมีมากกว่าพระยายมซิวอิ่ง 100 ผลึก ความหวังจะได้ร่วมตั้งสมาคมยาจกพังทลาย ก็ยังดี..ชีวิตคนเราไม่ได้ถูกบังคับล่ามตรวน
ซิวอิ่งจินหายและเซี่ยทีอิจฉาแทบตาย
เจ้าเด็กนี่โชคดีอีกแล้วหรือ?
สหายผู้ล่วงลับสามารถทิ้งเงินผลึกสวรรค์ไว้ถึง 1800 ในหุบเขามนุษย์ด้วยหรือ? ทั้งยังกำหนดให้เขารับสืบทอดด้วยหรือ? เจ้าเด็กนี่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ลูกนอกสมรสของเทพชะตา พวกเขาไม่เชื่อเด็ดขาด
เริ่นเทียนเกอและบัณฑิตตาเงินมองหน้ากันเองด้วยความแตกตื่น
เจ้าเด็กนี่มีสหายผู้ผ่านด่านหุบเขามนุษย์ด้วยหรือ? หลังจากผ่านด่านหุบเขามนุษย์แล้วยังมีเงินผลึกสวรรค์เหลือมากถึง 1800 สหายจ้านฟงผู้นี้ของเขานับว่ามีบุคลิกไม่ธรรมดา! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาปกครองหุบเขาปีศาจมาหลายพันปี เริ่นเทียนเกออาจรู้จักจักรพรรดิอวี้จ้านฟงก็ได้ แต่เพราะเวลาและมิติทำให้เขาพลาดจากการพบเจอวีรบุรุษผู้ต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้
บัณฑิตตาเงินขมวดคิ้วเล็กน้อย
สุดยอดความทรงจำของเขาจำได้ว่าจ้านฟงคือผู้ท้าทายผ่านด่านที่สะสมคะแนนได้เป็นอันดับแปด และเมื่อจีอู๋ลี่มา เขาตกไปอยู่อันดับเก้า
จ้านฟงนี้เป็นสหายกับเจ้าเด็กใหม่นี้จริงหรือ?
มิน่าเล่าเจ้าเด็กนี่ถึงไม่ธรรมดา!
“นี่คือของที่ระลึกจากนางพญาผู้พิชิตนางเป็นอาจารย์ข้า สมบัตินางที่เหลืออยู่ในหุบเขามนุษย์ ข้าจะรับตกทอดจากนางได้ไหม?”เย่ว์หยางนำเข็มทิศสามภพออกมาเป็นหลักฐานในการสอบถามครั้งที่สอง
“นางพญาผู้พิชิต?” ไม่น่าแปลกใจที่เริ่นเทียนเกอกับพวกไม่รู้จักจักรพรรดิอวี้จ้านฟง แต่ไม่มีใครในพวกเขาที่ไม่รู้จักนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นางพญาผู้พิชิตผู้สั่นสะเทือนแดนสวรรค์ทั้งหมด ไม่ว่านางย่ำไปที่ใดล้วนแต่สร้างข่าวที่น่าแตกตื่นกับนักรบแดนสวรรค์ ยอดฝีมือที่ร้ายกาจขนาดนี้เป็นอาจารย์ของเจ้าเด็กนี่จริงหรือ?
สำนึกเทพของเทพสมบัติยอมรับแต่ความสัมพันธ์ไม่ได้ยอมรับที่ตัวบุคคล
คำตอบที่ได้รับก็คือรับมรดกได้แน่นอน
แต่รับสิทธิ์ได้เพียงสองในสามเพราะสัมพันธ์อาจารย์กับศิษย์ไม่ใช่สัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุด
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเป็นผู้ทำสถิติการผ่านด่านหุบเขามนุษย์ได้ไวที่สุดใช้เวลาครึ่งปี นางก็ผ่านด่านได้ จึงเหลือทรัพย์สินไว้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่ประมวลผลออกมาก็ยังทำให้ฮ็อกน้ำตาร่วงได้ เพราะสมบัติของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหลังจากผ่านด่านไปได้แล้วเหลืออยู่ 6000 ผลึกสวรรค์ คิดเป็นมรดกตกทอดให้เย่ว์หยางก็คือ 4000 ผลึกสวรรค์
“มีอาจารย์ดีๆ เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ” ฮ็อกเสียใจที่เขาไม่รู้จักหาอาจารย์ดีๆในอดีต ถ้าเขามีอาจารย์ดีๆเขาคงสามารถสู้ได้ครึ่งชีวิต
“ข้าล่ะอยากปล้นคนจริงๆ!” เซี่ยทีรู้สึกอารมณ์ไม่ดี ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เย่ว์หยางเขาคงปล้นไปแล้ว
“ไม่มีทาง, คนอื่นมีครูบาอาจารย์ดีจริงๆ!” เริ่นเทียนเกอฝืนยิ้มเรื่องนี้ทำอะไรได้ไม่มาก
“นางพญาผู้พิชิตเป็นอาจารย์....” บัณฑิตตาเงินเริ่มคิดอีก คิ้วเขาค่อยๆ ขมวดมากขึ้น
“นี่คือของที่ระลึกของมารดาข้า ในฐานะบุตรชาย ข้าขอรับมรดกที่นางทิ้งไว้ในหุบเขามนุษย์ได้ไหม?” แม้ว่าจะมีเงินผลึกสวรรค์เพียงพอแล้ว แต่เย่ว์หยางพยายามลองดูว่าพี่สาวแม่สี่เคยเข้าหุบเขามนุษย์และผ่านด่านหุบเขามนุษย์มาหรือไม่ คิดได้ดังนั้นเขาหยิบจี้หยกดำและค่อยๆ วางไว้บนฐานเทวรูปเทพสมบัติ เขาเห็นว่ามีรัศมีแปลกประหลาด และเป็นแสงเจิดจ้าเป็นพิเศษมากกว่าตอนเปล่งแสงของการแลกสมบัติหรือวางของที่ระลึกอื่น เย่ว์หยางต้องการดึงจี้หยกดำกลับคืนโดยไม่มีการพิสูจน์ต่อ แต่สายเกินไป
สำนึกเทพตอบสนองทันที:คำขอของผู้เกิดใหม่เป็นจริงเพราะสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดเจ้าจะได้เงินผลึกสวรรค์ 19876 ปราสาทหนึ่งหลัง เมืองสองเมือง ไร่สวนหนึ่งผืนเหมืองแร่หนึ่งแห่ง ที่นาหนึ่งผืน บริวาร 500 บ่าวทาส 3000...
ไม่ต้องพูดถึงผู้สังเกตการณ์อย่างเริ่นเทียนเกอ แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังตกใจ
จริงหรือนี่?
นอกจากนี้ยังมีอสังหาริมทรัพย์มากกว่าหมื่นแห่งคาดว่าเกือบถึงสองหมื่น ทั้งปราสาทก็มีบ่าวไพร่บริวาร.... พระเจ้า! พี่สาวแม่สี่เป็นใครกันแน่? นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมีทรัพย์ 6000 ผลึกสวรรค์ก็ยังสู้ไม่ได้
ก่อนที่เย่ว์หยางจะนึกอะไรออกฮ็อกโผเข้ามากอดขาเย่ว์หยางไว้แน่นและหลั่งน้ำตา “องค์ชาย! ข้าขอเป็นผู้ติดตามรับใช้เจ้าดีกว่าเป็นขอทานอยู่ข้างถนน ข้าอุตส่าห์ดูเจ้าทำสงครามร้อยวันจนจบ ได้โปรด รับข้าไปด้วย!”