ตอนที่แล้วตอนที่ 932 การตัดสินใจของตระกูลหัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 934 การตอบสนองของตู้เค่อ

ตอนที่ 933 ข้อพิสูจน์แรก


เป็นไปตามคาดซาดราและตระกูลที่เหลือตัดสินใจเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขาเห็นพายุหมุนขนาดมหึมาพวกเขาไม่กล้าคิดเป็นอย่างอื่น

สถานการณ์ของพวกเขาไม่เหลือทางเลือกให้พวกเขาเลย  พันธมิตรตระกูลชั้นสูงถูกทำลายไปแล้วแต่ละตระกูลมีความสูญเสียครั้งใหญ่ อย่างน้อยมากกว่า 30% ของกองกำลังต้องตายไป ความสูญเสียมากมายขนาดนั้นไม่พอจะทำลายสองสามตระกูล  แต่ที่สำคัญที่สุด พวกเขาไม่มีทางให้ถอย  พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง  และตระกูลต่างๆที่เลือกจากไปมีแต่ตายเร็วขึ้นเท่านั้น

ความพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวดคือประสบการณ์ที่น่ากลัวสำหรับตระกูลต่างๆ

แต่จุดที่ถูกทำร้ายหนักที่สุดก็คือกำลังใจและความมั่นใจ

ในอดีตเหตุผลที่ซาดราและพวกไม่พอใจสถานะของพวกเขาและกล้าโต้แย้งกับวิหารเพื่ออำนาจส่วนใหญ่เป็นเพราะความเชื่อมั่นของพวกเขา  และเป็นความทะเยอทะยานของผู้กล้าของตระกูลชั้นสูงต่างๆ พวกเขาเชื่อหนักแน่นว่าพวกเขาคือเจ้าแห่งทวีปกวงหมิงที่แท้จริง และเชื่อว่าพวกเขามีคุณสมบัติแบ่งปันอำนาจเหนือทวีปกวงหมิงกับวิหาร

ความทะเยอทะยานนี้ไม่ได้มาจากความไม่มีอะไรหรือจากสมบัติที่มากมายของพวกเขา แต่มาจากบรรพบุรุษของพวกเขาผู้ใช้มือและเลือดตนเองสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งทรงพลังได้รับชัยชนะมาหลายรุ่น ผ่านความรุ่งเรืองมานับไม่ถ้วนผ่านวันผ่านคืนสะสมความเชื่อที่สร้างสถานะให้พวกเขาเป็นตระกูลชั้นสูง

แต่เวลานี้ศรัทธาและความเชื่อมั่นของพวกเขาทั้งหมดถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง  เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขผู้อาวุโสพวกเขากลายเป็นอ่อนแอไร้พลังเหมือนกับเด็กๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้   จำนวนผู้เสียชีวิตของตระกูลต่างๆเพิ่มขึ้น และพวกเขาตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้  พวกเขาไม่มีที่ให้หนี  และกลัวต่อการรอความตายโดยไม่เหลือความกล้าหาญ  ความมีชีวิตชีวาของพวกเขาและโดยอาการอย่างนั้นแม้แต่ความหวังของพวกเขาก็เริ่มลดน้อยถอยลง

การตัดสินใจของพวกเขาเพื่อเข้าร่วมกับถังเทียนหมายความว่าพวกเขาจะต้องยอมทิ้งความภูมิใจในฐานะผู้อยู่ชั้นบนของห่วงโซ่อาหารและจากนั้นพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับมนุษย์เดินดินทั่วไป

ซาดราและประมุขตระกูลอื่นรู้เรื่องนี้  แต่เทียบกับการถูกทำลายล้างตระกูลอย่างสิ้นเชิงเสียความภูมิใจไปจะเป็นไร? อย่างน้อยตระกูลก็ยังอยู่รอดได้

ซาดราและคนอื่นไม่มีทางเลือกอื่น

ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขาเป็นแค่ปุถุชนและการสู้รบที่พวกเขาทำอยู่นั้นเป็นการสู้กับสัตว์ประหลาด  ในเวลาอย่างนั้นพวกเขาไม่ได้วางตัวโอ่อ่าตำหนิความโง่เขลาของตัวเอง  ความแข็งแกร่งของพวกเขาได้กำหนดไว้เพียงให้พวกเขาสนับสนุนในสมรภูมิซึ่งรวมทั้งความแข็งแรงในการสนับสนุนความทะเยอทะยานของพวกเขาด้วย

ซาดราและประมุขตระกูลคนอื่นเห็นแสงแห่งความหวังบนใบหน้าของสมาชิกตระกูลพวกเขาและความเจ็บปวดในหัวใจพวกเขาลดลง เพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบเมืองหิมะทั้งหมดถูกดูดลงไปในพายุหมุนกระบี่  ทำให้ทหารทุกคนผู้ทำงานจนเกินขีดความสามารถสมองจะรับได้หลับลงได้อย่างรวดเร็ว

ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพักได้อย่างปลอดภัย

ทุกคนหวังว่าสัตว์ประหลาดของพวกเขาจะชนะและอธิษฐานจิตให้กับพายุหมุนยักษ์

เวลายังคงผ่านไปและบรรยากาศในเมืองหิมะเริ่มหนักหน่วงขึ้น ทหารที่รับผิดชอบสังเกตลำแสงสิบสี่สายที่วิหารกลับมารายงานเหตุเปลี่ยนแปลง

ทุกคนตื่นตัวทันที ซาดราและประมุขตระกูลอีกสองสามคนไปเยี่ยมดูที่วิหาร

เสาแสงทั้งสิบสี่ที่วิหารเริ่มตกผลึกที่ฐานและเสาเพลิงสีทองกลายเป็นผลึกใสสีทองรังสีที่น่ากลัวทั้งสิบสี่สายแตกต่างจากที่พวกเขาได้ประสบมาเมื่อไม่กี่วันก่อน  แต่ละต้นมีพลังรุนแรงมากขึ้น  สัตว์ประหลาดที่อยู่ภายในเสาเพลิงเริ่มมีพลังมากขึ้นและเสียงหัวใจเต้นดังเหมือนกลอง  ทุกๆ จังหวะเต้นก้องทำให้เกิดระลอกในท้องฟ้า  แม้จากในที่ไกลพวกเขาก็สามารถได้ยินเสียงลมหายใจ

ซาดราและพวกมีลางสังหรณ์อัปมงคล นั่นคือเมื่อสัตว์ประหลาดที่อยู่ภายในลำแสงเพลิงอาจปรากฏตัวได้ทุกขณะ

พวกเขากลัวพายุหมุนยังคงเติบโตโดยไม่มีท่าทีจะยุติเลย แต่ถ้าประมุขผู้อาวุโสและสัตว์ประหลาดอีกสิบสี่ตนปรากฏขึ้นก่อน  พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน  และสถานการดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่พวกเขาไม่ต้องการ

สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือในท้องฟ้าด้านหลังพวกเขา  ตู้เค่อสังเกตลำแสงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เนื่องจากเขาเลียนแบบเพลิงศักดิ์สิทธิ์และหลอกผนึกในท้องฟ้าได้  เขาจึงสามารถบินได้ตามใจปรารถนา

ตู้เค่อสามารถรู้สึกได้ถึงรังสีน่ากลัวในลำแสงเพลิง และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถป้องกันการเห็นของเขาได้  ทำให้เขาเห็นผ่านลำแสงเพลิงได้อย่างชัดเจน

สายไหมทองนับไม่ถ้วนที่มองดูคล้ายกับเส้นเลือดมนุษย์และบรรจบรวมเข้าหาขุนพลวิญญาณที่แยกอยู่ตามเสาแสงต่างๆ  ตู้เค่อตระหนักได้ทันที ‘ขุนพลวิญญาณ, เพลิงแปลกประหลาดเหล่านั้นถูกเตรียมไว้ให้ขุนพลวิญญาณ’

สีหน้าของตู้เค่อยังคงจริงจัง  เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของขุนพลวิญญาณและพวกเขามีระดับพลังอย่างที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน  มันไม่ใช่ดินแดนที่หยั่งถึงแต่เป็นการสะสมพลังงาน ในสายตาของเขาไม่มีวิชาอะไรเป็นพิเศษแค่ใช้พลังสะสมที่บริสุทธิ์  แต่เก็บพลังนับไม่ถ้วนเพื่อบังคับขุนพลวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า

ตู้เค่อไม่เคยคิดว่าโลกจะมีวิธีการที่ง่ายและรุนแรงเพื่อเพิ่มพลังให้กับนักสู้

ใช่แล้วขุนพลวิญญาณที่อยู่ในเสาเพลิงทุกต้นเปล่งรัศมีที่เหมือนสัตว์ประหลาดปีนออกมาจากกระแสน้ำ  แม้จากระยะไกลเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวของขุนพลวิญญาณ  พวกเขาไม่ปิดบังกลิ่นอายของพวกเขา  ขุนพลวิญญาณรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาเกิดขึ้นมาจากทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ระลอกพลังสร้างจากการบีบตัวของพลังงานในปริมาณมากและสามารถเห็นขุนพลวิญญาณได้ชัดเจนว่าอยู่ภายในลำแสงเพลิงเนื่องจากกกฎธรรมชาติปั่นป่วน

นั่นเป็นจุดสุดยอดของการบีบอัดพลังงานที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์

ตู้เค่อหรี่ตาของเขาใจของเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมวิหารจึงต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไว้มากมาย  เขาสามารถรู้สึกได้ผ่านม่านฟ้าเกิดการเชื่อมต่อกับเสาอื่น เสาลำแสงทั้งสิบสี่สามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยละล่องอยู่ในทวีปเซียน

‘น่ากลัวจริงๆ...’

เมื่ออะไรก็ตามถึงระดับสุดยอด  หลายอย่างก็เกิดขึ้นได้

ขุนพลวิญญาณทุกตนมีท่าทีคุกคามต่อเขา การรู้แจ้งกฎธรรมชาติของเขาอยู่ในระดับสุดยอด  และสนามพลังกฎธรรมชาติของเขามีพลังไร้คู่ต่อสู้ แต่พลังที่สะสมอยู่ภายในตัวขุนพลวิญญาณแต่ละตนยิ่งใหญ่กว่าพลังที่เขาสามารถใช้ได้

แค่พลังงานล้วนๆก็คุกคามต่อพลังกฎธรรมชาติของเขา

ขณะนั้นเอง ขุนพลวิญญาณที่อยู่ในเสาแสงต้นกลางลืมตาขึ้นและมองตู้เค่อด้วยสายตาเย็นชา

หัวใจของตู้เค่อตกใจ  ‘ศัตรูพบข้าแล้วหรือ!’

เขารีบสงบจิตใจ  แม้ว่าศัตรูจะทรงพลัง  แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจในพลังของตนเอง  ใช่แล้วแม้ด้วยสนามพลังกฎธรรมชาติของเขาศัตรูก็ยังมีความสามารถคุกคามเขาได้ แต่ขณะเดียวกัน ไม่ว่าศัตรูจะมีพลังมากมายเช่นใด  สนามพลังกฎธรรมชาติของเขาก็ยังคุกคามศัตรูของเขาได้อยู่ดี

ก็เป็นแค่สถานการณ์ไม่เป็นประโยชน์ต่อเขาแต่เขาไม่ได้อยู่ตามลำพัง

ประมุขผู้อาวุโสสามารถรู้สึกได้ถึงการคุกคามจากตู้เค่อและลอบตกใจ  ตาของเขาฉายประกาย  “งั้นเจ้าก็คือสมาชิกที่รอดอยู่ของแดนบาปสินะ!”

เสียงประมุขผู้อาวุโสดังออกมาจากลำแสงเพลิงและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้ากลายเป็นปราดเปรียวขึ้นมาทันที  ตู้เค่อรู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกอยู่ในพายุสายลมพัดใส่เขา และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขาอย่างดุดันราวกับว่าต้องการจะเผาเขาให้เป็นจุล

ตู้เค่อยังคงสงบ อากาศรอบตัวเขากลายเป็นซึมเซาและไม่ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะรุนแรงยังไงแต่พวกมันไม่สามารถเข้ามาในระยะสามสิบเมตรจากตัวเขาได้

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นคลื่นซึ่งไหลเข้าหาตู้เค่อพร้อมกับพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

“วิหารทำกับพลเมืองของตนเองอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าสุกรสุนัข สังหารพวกเขาเพียงเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกายตัวเจ้าเอง  บาปของเจ้าเกินกว่าจะไถ่ถอนต่อให้ตายร้อยครั้งเจ้าไม่มีทางไถ่บาปตัวเองได้!”

เพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุมร่างตู้เค่อ แต่เสียงดังมาจากดังมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์อย่างชัดเจนเป็นเสียงคำรามลั่นไม่อาจปกปิดได้

ตู้เค่อเผยร่างขึ้นอีกครั้ง  เขาเหมือนกับหินที่มั่นคงอยู่ในกระแสน้ำ  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ขาวเป็นเหมือนกับน้ำที่ไหลอยู่รอบตัวเขา  เขาไม่เป็นอันตราย และยังคงนิ่งเฉย แต่น้ำเสียงของเขายังสะท้อนก้องเปี่ยมไปด้วยพลัง

หน้าของประมุขผู้อาวุโสพลันคล้ำ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรตู้เค่อจึงได้แต่แค่นเสียง  “เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดได้เลย  ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะเสมอผู้แพ้กลายเป็นคนชั่วได้อยู่ดี ข้าต้องการดูว่าเจ้ายังยิ้มอยู่ได้หรือไม่เมื่อเราออกมา”

พูดเพียงแค่นั้นเขาไม่สนใจตู้เค่ออีกต่อไป แต่เขาดูดกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพิ่ม

ตู้เค่อยังคงรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถทำอะไรหรือหยุดยั้งศัตรูได้ ลำแสงเพลิงทั้งหมดและม่านเพดานที่กั้นอยู่ในท้องฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ถ้าเขาพยายามโจมตี  ก็หมายความว่าจะต้องโจมตีทั้งหมดซึ่งเขาไม่มีโอกาสจะชนะ

และเมื่อขุนพลวิญญาณเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง  ร่างของพวกเขาจะมีคุณภาพที่เปลี่ยนแปลง  เวลานั้นพวกเขาจะไม่ต้องการเข้าไปอยู่ในลำแสงเพลิงอีกต่อไป  และไม่จำเป็นต้องการพลังจากลำแสงเพลิงอีกต่อไป

‘ขุนพลวิญญาณเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปเกือบหมดแล้ว’

ตู้เค่อมองดูลำแสงเพลิงต่างๆ  จากนั้นหันไปอีกตำแหน่งหนึ่ง  เนื่องจากเขาสามารถรู้สึกได้ถึงตำแหน่งที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์กำลังไหลไปรวมกันในอีกตำแหน่งหนึ่ง  นอกจากนี้ เขาสามารถรู้สึกได้ถึงรัศมีที่คุ้นเคยจากตำแหน่งดังกล่าว

‘ถังเทียน!’

ตู้เค่อตื่นเต้นทันทีไม่ว่าศัตรูทรงพลังเพียงไหน แต่ถังเทียนไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากมายเพียงไหนกำลังหลากเข้าไปหาถังเทียนเช่นกัน  ใจของตู้เค่อก็ทำงานเช่นกัน  ‘หรือว่าถังเทียนก็ยังใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ด้วย?’

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นไปได้แต่เขาก็ยังสงสัย ถังเทียนไม่ใช่บุรุษที่ใช้สามัญสำนึกตัดสินได้และมักจะทำสิ่งที่แปลกและผิดธรรมดาออกมาได้ นี่คือสิ่งที่ตู้เค่อสรุปได้จากตัวถังเทียน  และถ้าถังเทียนไม่ทำอะไรแปลกประหลาดออกมา  ตู้เค่อนั่นแหละคงจะรู้สึกแปลกใจ

เขาเร่งความเร็วของเขาทันทีขณะที่เขาบินอยู่ในท้องฟ้าเต็มไปด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์  เขาไปได้รวดเร็วมาก  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่น่ากลัวไม่สามารถทำอะไรเขาได้

ด้านล่าง ซาดราและผู้นำตระกูลคนอื่นๆตะลึงกันหมด  พวกเขาไม่รู้จักตู้เค่อ แต่เมื่องพวกเขาเห็นว่าเขายังบินได้โดยไม่ถูกพลังจำกัดจากท้องฟ้าและสามารถต่อต้านประมุขผู้อาวุโส พวกเขาเห็นว่าเขาไม่ได้เสียเปรียบเลย

‘แข็งแกร่งทรงพลัง!’

พวกเขาทั้งหมดมีความรู้สึกเหมือนกัน  ขณะที่พวกเขาบินเข้าไปใกล้วิหาร  พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวแล้ว  แต่พลังโจมตีของเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นรุนแรงมาก  แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายตู้เค่อได้  ซาดราและพวกที่เหลือรู้สึกเหมือนกับว่าความรู้เกี่ยวกับโลกของพวกเขาพังทลาย  ขณะที่มีผู้ทรงพลานุภาพทะยอยปรากฏตัวออกมา

เบาะแสอย่างเดียวที่พวกเขาได้ยินคือ“เดนตายจากแดนบาป” ‘แต่ว่าแดนบาปมีคนคนที่ทรงพลังขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?  เขาทรงพลังมาก และยังดูอายุเยาว์อีกด้วย’

‘เดี๋ยวก่อน!’

พวกเขารู้สึกตัวทันที  ‘ตำแหน่งที่นักสู้แดนบาปผู้ทรงพลังกำลังมุ่งไปคือเมืองหิมะไม่ใช่หรือ?’

ทุกคนมองหน้ากันเองและวิ่งแตกตื่นกลับเมืองหิมะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด