ตอนที่แล้วตอนที่ 933 ข้อพิสูจน์แรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 935 ทางเลือกของชิวซิ่วหัว

ตอนที่ 934 การตอบสนองของตู้เค่อ


เมื่อจี๋เจ๋อและฝูเจิ้งจือเห็นตู้เค่อ  พวกเขารู้ดีใจ เงาร่างนั้นเกิดขึ้นจากบุรุษผู้ลือนามนักสู้อันดับหนึ่งของแดนบาป ชื่อเสียงและผลกระทบที่ตู้เค่อมีต่อทุกคนในแดนบาปนับว่าทรงพลังมาก  นอกจากนี้เมื่อเห็นวิธีที่ตู้เค่อแสดงออกมาว่าเป็นคนเดียวที่สามารถบินอยู่ได้ในท้องฟ้า พวกเขารู้ว่าเขาสมควรแล้วที่ได้รับสมญานามว่าผู้แข็งแกร่งที่สุด

เมื่อบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบาปเห็นพายุหมุนลอยอยู่เหนือเมืองหิมะเขาถึงกับอ้าปากค้างมีสีหน้าตะลึง

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาจึงหันหน้ากลับมาราวกับจะได้ยินเสียงดังแครก แครก เหมือนกับเครื่องกลไก ทำให้จี๋เจ๋อกับพวกกังวลว่าคอของเขาจะหักหรือไม่

“นายท่านอยู่ข้างในหรือ?” เขามองดูจี๋เจ๋ออย่างตะลึงขณะชี้มือไปที่พายุหมุนอย่างอ่อนล้า

‘เป็นไปตามที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของแดนบาปคาด  สายตาของเขาทรงพลังมาก!’  จี๋เจ๋อพยักหน้าทันที  “ถูกแล้ว, นายท่านอยู่ข้างในมาสองสามวันกับอาซิ่น เสี่ยวม่านและพวก”

‘อยู่ข้างในมาสองสามวัน...’

ตู้เค่อเงยหน้ามองและขณะที่เขาเห็นกระแสเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกดูดเข้าไปข้างใน  มุมปากของเขาถึงกับเบี้ยว เมื่อคิดถึงเรื่องลำแสงเพลิงที่วิหารก่อนหน้านั้น  สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ก็คือฉากภาพน่าตกใจ  ควมเร็วของพายุหมุนในการกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์น่ากลัวมาก เพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถคิดจะพูดได้ในขณะนั้นก็คือ ‘เสี่ยวตู้ ข้ามันก็แค่ไอ้บ้านนอกที่ยังไม่เคยเห็นโลก’

ปากขนาดใหญ่ของพายุหมุนก็คือปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาในชีวิตของเขา  กระแสสีทองที่หลั่งไหลจากท้องฟ้าออกไปจากตัวเขาทิ้งความคิดอย่างเดียวไว้ในใจเขาก็คือ ‘เหมือนปากปลาวาฬ!’ ใช่แล้วอาจไม่มีตัวเปรียบเทียบที่เหมาะสม  แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าน้ำหลากท่วม

หลังจากเห็นประจักษ์ถึงฉากภาพตระการตาต่อหน้าเขา  เขาสงบลงได้ ‘ใช่แล้ว ถ้าท่านถังเทียนไม่ทำอะไรที่น่าประหลาดใจ  เขาจะเป็นท่านถังเทียนได้ยังไง?’  ก่อนหน้านี้  ตู้เค่อก็ยังมีความกลัวต่อประมุขผู้อาวุโส  แต่หลังจากเห็นพายุหมุนยักษ์แล้ว  เขาลืมอารมณ์เหล่านั้นไปเลย ใครก็ตามที่เห็นพายุหมุนคลุมเต็มท้องฟ้าถึงครึ่งหนึ่ง  คงรู้สึกราวกับว่าโลกได้เปิดออกต่อหน้าเขา

“ใครคืออาซิ่นและเสี่ยวม่าน?”  ตู้เค่อถามคร่าวๆ  หลังจากเขาสงบใจลงได้  เขาพบว่านั่นเป็นชื่อที่ไม่คุ้นเคย  ‘พวกเขาเป็นคนใหม่หรือ?’

สำหรับตู้เค่อกองพลเกราะเทพเจ้าได้รับการยกย่องอย่างมาก ฝูเจิ้งจือพูดขึ้น “อาซิ่นและเสี่ยวม่านเป็นขุนพลวิญญาณ พวกเขาเป็นขุนพลของแม่หญิงเชียนฮุ่ย แม่หญิงเชียนฮุ่ยคือว่าที่ภรรยาของนายท่าน”

“ขุนพลวิญญาณ?  เรามีขุนพลวิญญาณด้วยหรือนี่?  ทั้งสองเป็นขุนพลวิญญาณหรือ?”  ตู้เค่อตื่นเต้นทันที  ‘เป็นไปได้หรือว่านายท่านคาดเดาแผนการของวิหารออก? ร้ายกาจ! เจ้าเล่ห์จริงๆ!  เขาก้าวล้ำไปหนึ่งก้าวจริงๆ ข้าเองเคยเปิดเผย ตรงไปตรงมา  แต่ตอนนี้ข้าชักเสียคนตามเจ้านายเสียแล้ว’

‘มียอดฝีมือสองคนอยู่ที่นี่อย่างนี้ นับเป็นเรื่อง นับเป็นเรื่องดี’

อารมณ์ของตู้เค่อดีขึ้นมากตัวประหลาดที่น่ากลัวทั้งสิบสี่ก่อนนั้นสร้างผลกระทบใหญ่ต่อเขา

ฝูเจิ้งจือตอบ  “ถูกแล้ว พวกเขาทั้งสองเป็นขุนพลวิญญาณ ทหารของเขาก็เหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดเป็นขุนพลวิญญาณ รวมกันแล้วมีร้อยยี่สิบนาย”

“หนึ่ง...หนึ่งร้อยยี่สิบ?...ขุนพล..ขุนพลวิญญาณน่ะหรือ?” ตู้เค่อรู้สึกเหมือนกับว่าใจของเขาไม่สามารถนับตัวเลขได้ขณะที่เขาตะลึง

ขุนพลวิญญาณหนึ่งร้อยยี่สิบ...ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่ารัศมีที่ทรงพลังเปล่งออกมาจากลำแสงเพลิงทั้งสิบสี่ก่อนนี้ไม่มีอะไร ในที่สุดเขาก็เข้าใจทำไมขนาดของพายุหมุนถึงได้ใหญ่โตมโหฬารนัก  และทำไมความเร็วในการกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถึงได้น่ากลัวนัก

‘ความจริงมีขุนพลวิญญาณถึงร้อยยี่สิบอยู่ที่นี่!’

‘ถ้าจิ้งจอกเฒ่าที่อยู่ในลำแสงเพลิงรู้เรื่องนี้ เขาจะร้องไห้ไหม?’

“ใช่แล้ว”ฝูเจิ้งจือเห็นสีหน้าของตู้เค่อ จึงรู้สึกลอบกังวลใจต่อตู้เค่อ  ‘ทำไมท่านตู้เค่อถึงกังวลแต่เพียงเรื่องขุนพลวิญญาณ  ทำไมเขาไม่เข้าใจจุดสำคัญของเรื่องราว?’  เขาอดเตือนตู้เค่อไม่ได้  “พวกเขาเป็นขุนพลวิญญาณของแม่หญิงเชียนฮุ่ยและแม่หญิงเชียนฮุ่ยก็คือภรรยาในอนาคตของนายท่าน”

เขาพยายามเน้นเสียงเมื่อพูดถึง“แม่หญิงเชียนฮุ่ย”  ‘เจ้ายังอายุเยาว์ เจ้ายังไม่มีประสบการณ์!  บุรุษหนุ่ม, เจ้ารู้ไหมว่าลมมีพลังมากเพียงไหนถ้าเจ้ารุกรานนายท่านถังเทียน นายท่านก็คงจะทุบตีเจ้าได้ แต่ถ้าเจ้ารุกรานนายหญิง หึหึ ก็อาจตายตั้งแต่ต้นแล้ว เจ้ายังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร’

‘ภรรยาในอนาคตของนายท่าน...’

ดวงตาของตู้เค่อเหลือกทันทีเหมือนกับว่าเขากลิ้งตกจากสวรรค์

“ข้าบอกได้เลยสุภาพสตรีของตระกูลที่มีความงดงามและมีระดับอย่างนี้ฉะนั้นนางต้องเป็นแม่หญิงของเจ้านาย!  นายท่านมีโชคดีอย่างแท้จริง  ดูนางสิ นายท่านมีโชคดีมาก!  เราเองก็พลอยมีโชคดีมากไปด้วยด้วยคำแนะนำของนายหญิง เราจึงอยู่ในแนวทางได้และยังไร้เทียมทานอยู่พวกที่ขวางเราล้วนพลาดท่าพังทลายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นนายหญิง ข้า...เสี่ยวตู้ รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่เมตตาและเป็นกันเองยิ่งนัก...”

ตู้เค่อรู้สึกชื่นชมทันทีเหมือนกับว่าเขาพบพานญาติที่หายสาบสูญไปนาน

ฝูเจิ้งจือที่ก่อนหน้านี้เหมือนกำลังหยอกล้อตู้เค่อถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของตู้เค่อ  ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น  แม้แต่จี๋เจ๋อผู้ให้ความนับถือต่อตู้เค่อก็อึ้งอยู่กับที่

‘เสี่ยวตู้...’

เมื่อเห็นบุรุษวัยกลางคนเรียกตัวเองว่า ‘ข้า..เสี่ยวตู้

‘เฮ้, ท่านคือบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบาปนะ...’

แม้แต่เชียนฮุ่ยก็ยังอายหน้าแดงเมื่อได้ยินตู้เค่อพูดดังๆ“นายผู้หญิง”

ซาดราและประมุขตระกูลอื่นที่ได้เห็นฉากภาพนี้ขณะที่มาถึงกับอ้าปากค้างไปชั่วอึดใจ  ซาดรา, หัวหลิวซางและพวกที่เหลือมองหน้ากันเองและอ่านสถานการณ์ได้ชัดเจนทันที  พวกเขาเห็นความทรงพลังของตู้เค่อว่าไม่ด้อยไปกว่าประมุขผู้อาวุโส แต่บุรุษที่ทรงพลังอย่างนั้นยังคงให้ความเคารพต่อหน้าแม่หญิงเชียนฮุ่ย  ‘ดูเหมือนว่าเขากำลังประจบนางนายท่านและนายหญิงนั้นลึกล้ำยากจะหยั่งจริงๆ!’

‘เป็นไปได้ไหมว่านายท่านและนายหญิงมาจากแดนบาป? ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมนักสู้ผู้ทรงพลังของแดนบาปจึงยอมรับใช้พวกเขา?’

“อย่าคิดมากไป,เราไม่มีคุณสมบัติจะคิดเรื่องอย่างนั้น” ม่ออี้กู่พูดขึ้นมาทันใด

คนอื่นๆ พากันเงียบ แต่ก็เห็นด้วย  เรื่องเช่นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขาจะคิดพิจารณาได้  พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นไม่ต้องคำนึงถึงประวัติของนายท่าน วิหารซึ่งดำเนินการกระทำอันป่าเถื่อนโหดร้ายเช่นนั้นได้เป็นศัตรูทั่วทั้งทวีปกวงหมิงแล้ว  และความคิดของวิหารที่จะยึดอำนาจอีกเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่คนที่กล้าหาญที่สุดก็ยังสั่นสะท้าน

ในสายตาของซาดราและประมุขตระกูลคนอื่นๆ  ใครก็ได้ที่เป็นเจ้าปกครองทวีปกวงหมิง  ตราบเท่าที่ไม่ใช่วิหาร  ก็ยังจะต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเขา

ตอนนี้ที่พวกเขารู้ก็คือบริวารของนายท่านทรงพลังมาก กำลังใจของพวกเขาก็ดีขึ้นและความหวังจะอยู่รอดได้ในหัวใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

**************

ภายในลำแสงเพลิงที่วิหาร  ประมุขผู้อาวุโสลืมตาขึ้น

เขามองดูหมัดของตนเอง หมัดโปร่งใสหนาและนอกจากสีทองเลือนราง ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากมือของคนมีชีวิต แม้ความอบอุ่นและความรู้สึกก็รับรู้ถึงได้เหมือนกัน  นี่เหมือนกับร่างกายเดิมของเขา  เป็นร่างที่มั่นคง

เพลิงศักดิ์สิทธิ์และขุนพลวิญญาณคือชีวิตอมตะ แต่เมื่อทั้งสองถูกสร้างพร้อมกันและพัฒนาจนถึงระดับสุดยอดร่างของเขาไม่ใช่ร่างโปร่งแสงอีกต่อไป แต่กลายเป็นร่างหยาบ ร่างกายของเขามีแสงสีทองเลือนรางเพิ่มราศีสง่างามและศักดิ์สิทธิ์  เมื่อเขาเงยหน้าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปั่นป่วนในตัวเขา

ขณะนั้นเขารู้สึกเหมือนเป็นพระเจ้า

แต่ในเวลารวดเร็วสีหน้าของเขาสลดลงอีก เขาคิดเกี่ยวกับคนเดนตายจากแดนบาปที่เขาเห็นก่อนนั้นซึ่งมีพลังทำให้เขาประหลาดใจ  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์พลังส่วนตัวของเขาคงไม่อาจเทียบกับตู้เค่อได้ ประมุขผู้อาวุโสสามารถบอกได้ว่าตู้เค่อใช้กฎธรรมชาติ  แต่ตู้เค่อมีความเข้าใจกฎลึกซึ้งขนาดไหนเขาไม่แน่ใจ

ประมุขผู้อาวุโสมีเหตุผลให้ต้องประหลาดใจ  นักสู้ผู้ทรงพลังผู้ก้าวเข้าสู่กฎธรรมชาติระดับสูงซึ่งก็คือสนามพลังกฎธรรมชาติมักจะกลายเป็นตำนาน

รูปแบบของพลังเมื่อฝึกจนถึงจุดสุดยอดจะต้องทรงพลังมากและนอกจากนี้สิ่งที่ตู้เค่อฝึกก็คือกฎธรรมชาติ

ประมุขผู้อาวุโสรู้ว่าแดนบาปเป็นได้แต่เพียงศัตรู เนื่องจากไม่มีทางให้อภัยกันได้ระหว่างแดนบาปกับวิหาร

ตอนแรกเขาตั้งใจจะเริ่มโจมตีเมืองหิมะ  แต่เขาไม่สามารถเสี่ยงได้ ก่อนที่ขุนพลวิญญาณอื่นของเขาจะผ่านการเปลี่ยนแปลงได้สำเร็จ  เขาสามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองหิมะมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปยังเมืองหิมะ เขาไม่เคยคาดว่าศัตรูของเขาจะสามารถดูดกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ และรู้ว่าไม่มีมนุษย์ธรรมดาที่สามารถเข้าใจความลับของเพลิงศักดิ์สิทธิ์  แต่พวกเดนตายแดนบาปทำความเข้าใจได้แม้กระทั่งสร้างเปลวเพลิงเลียนแบบ

‘แต่แล้วไงเล่าถ้าเจ้าค้นพบ?  แดนบาปไม่มีขุนพลวิญญาณ’

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น  ประมุขผู้อาวุโสเผยรอยยิ้ม  ‘ข้าวางแผนมานานนับปีไม่ถ้วนแล้วจะถูกทำลายได้ง่ายๆ ยังไง?’

ประมุขผู้อาวุโสเป็นคนช่างสงสัย และการปรากฏตัวกะทันหันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง แม้ว่าความไม่สบายใจจะเป็นแค่เพียงอารมณ์และความรู้สึก  แต่เขาตัดสินใจเพิ่มต้นทุนต่อรอง

แม้ว่าศัตรูจะก้าวอยู่ภายในสนามพลังกฎธรรมชาติ  แต่ทวีปเซียนปัจจุบันนี้เป็นเขตแดนของเขา   ลำแสงลงทัณฑ์ประหลาดห้าร้อยเป็นเหมือนเข็มที่ปักตรึงกับพื้นที่ทุกมุมทวีปเซียนทำให้เขาควบคุมสถานที่ได้ทั่ว

เนื่องจากว่าเขาจำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนเดิมพัน  เขาต้องใช้คน ประมุขผู้อาวุโสมองดูเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าและรอยยิ้มเย็นชาปรากฏอยู่บนหน้าของเขา

ถ้าพันธมิตรตระกูลชั้นสูงต้องทนทุกข์จากการบาดเจ็บล้มตาย อย่างนั้นตระกูลชั้นสูงใหม่ก็จะตกอยู่ในหายนะ  กองทัพที่พวกเขามียังเคยมีประสบการณ์เช่นนั้นเนื่องจากพันธมิตรตระกูลชั้นสูง และความแข็งแกร่งของพวกเขาอ่อนแอ

เมื่อเจอกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาจะตายกันทันที

ประชากรที่ยังเหลืออยู่น้อยกว่า 40%  พันธมิตรตระกูลชั้นสูงเสียประชากรไป30%  และตระกูลต่างๆสามารถรักษาสมาชิกไว้ได้ หลังจากมีตระกูลใหม่และความตายของพวกเขามีมากกว่า 60%ทั้งหมดจะตกอยู่ในความปั่นป่วน

คนที่ยังเหลือมองดูท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า  พวกเขาทั้งหมดรู้สึกถูกเล่นงานจนหัวใจชาด้าน

ประมุขผู้อาวุโสปรากฏตัวทันที  เขาลอยตัวอยู่ในท้องฟ้า และปล่อยแสงทองที่ป้องกันไม่ให้ใครเห็นเขาได้โดยตรง  ลักษณะที่น่ากลัวของเขาห้อมล้อมตัวเขาเขาเป็นเหมือนเทพเจ้า ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกต้องการจะบูชาเขา

ผู้คนที่อยู่ด้านใต้พังทลายไปนานแล้ว  ทุกคนคุกเข่าร้องขอความเมตตา  พวกเขาร้องไห้อ้อนวอนประมุขผู้อาวุโสในท้องฟ้า

ภายในแสงที่แพรวพราวเสียงเด็ดขาดของประมุขผู้อาวุโสดังกึกก้องทั่วดินแดน

“พวกเจ้าทุกคนมีบาป!  ความภักดีของพวกเจ้ากำลังถูกวิหารทดสอบและจะไม่มีรังสีสว่างคงอยู่ในตัวพวกเจ้าทุกคน ข้าจะไม่มีทางรู้ได้ นี่คือการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ กับพวกเจ้าทุกคน  เนื่องจากว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นพลเมืองของวิหาร วิหารตัดสินใจให้โอกาสพวกเจ้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

คนที่อยู่ด้านล่างร้องไห้ด้วยความยินดี

“จำเรื่องนี้ไว้ให้ดีทุกคน นี่เป็นเพียงโอกาสเดียว!

ประมุขผู้อาวุโสตวาดทำให้แก้วหูทุกคนแทบแตก  แต่พวกเขาไม่สนใจเรื่องนั้น

ประมุขผู้อาวุโสโบกมือ  และลำแสงลงทัณฑ์ที่อยู่ไกล้  พุ่งลอยออกมาจากแสงทองซึ่งผู้ที่ลอยอยู่ก็คือประมุขผู้อาวุโส และในพื้นที่ซึ่งเกิดจากประตูสีทองมากมาย

“นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า  ตราบใดที่พวกเจ้าก้าวผ่านเขาประตูเหล่านี้ได้พวกเจ้าทั้งหมดจะได้รับการอภัย”

ทันทีที่ประมุขผู้อาวุโสพูดคำเหล่านั้นออกมาผู้โชคดีรอดชีวิตพากันกรูเข้าหาประตู

ภายในแสงแพรวพราวประมุขผู้อาวุโสมีรอยยิ้มเย็นชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด