ตอนที่แล้วตอนที่ 903 การกลับมาของโซเฟีย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 905 พลังอำนาจของอาซิ่น

ตอนที่ 904 อาซิ่นอาสา


พายุกระบี่แสงยังคงดำเนินต่อไปสิบนาทีเต็มและหลังจากกระบี่แสงสุดท้ายแตกกระจาย  ทั่วทั้งโลกดูเหมือนจะเงียบลงกะทันหัน

รัศมีที่แตกกระจายแพรวพราวส่องทะเลสุคติจนสว่างความงามสงัดกลายเป็นสงบลง โดยไม่รู้ตัวทุกคนกลั้นหายใจ กลัวว่าพวกเขาจะส่งเสียงทำลายความเงียบ

แต่ม่านตาของชิวเทียนชิงหรี่แคบ  เขารู้สึกได้ถึงอันตราย

รัศมีเปลี่ยนไปเล็กน้อย  เห็นได้ชัดว่าสงบร่มเย็น  อย่างไรก็ตามเพราะเหตุผลบางประการความรู้สึกของชิวเทียนชิงที่มีต่ออันตรายไม่ได้ลดลง  แต่กลับเพิ่มขึ้น  ชิวเทียนชิงรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ  เขามองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง  แต่สังเกตอะไรที่ผิดธรรมดาไม่ออกคลื่นในทะเลสุคติยังคงสงบ ผิวน้ำสว่างกระจ่างคล้ายกระจกดำ

ความไม่สบายใจของชิวเทียนชิงเพิ่มขึ้นมาก

ภายในเรือสินค้าอาซิ่นปาดน้ำตาและยืนขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวหรือความเจ็บปวด  ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาหรือความหวัง  ความรู้สึกเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อผู้อื่นไม่ใช่เพื่อตนเอง และไม่ใช่เพื่อให้ผู้อื่นรับรู้ ทุกอย่างที่ใครๆ รู้สึกมักจะเพื่อตนเองเสมอ  เพราะความปรารถนาที่แท้จริงยังคงอยู่ในใจเขา

นอกจากเชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่านไม่มีใครรู้ว่าภายในเรือสินค้าที่อยู่ห่างไกลมีหนุ่มใหญ่ที่สูญเสียเสียงขณะที่ร้องไห้อย่างขมขื่นใจ  แม้ว่าพวกเขาจะรู้  พวกเขาอาจไม่เข้าใจได้  หมื่นปีที่แล้วยาวนานเกินไปยาวนานเกินกว่าคนจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก ยาวนานเกินกว่าที่หลายอย่างอาจจะยังเหมือนเดิม  แต่คนเปลี่ยนไป ยาวนานจนสัญญาอาจถูกทำลายไปแล้ว

‘ใครจะปล่อยเวลาอย่างเปล่าประโยชน์?ใครจะต้องรับมือกับการมีชีวิตอย่างนี้อย่างยากลำบาก ชีวิตที่ต่อสู้ไม่จบสิ้น’

ตัวประหลาดแก่ที่ผ่านประสบการณ์มาหนึ่งหมื่นปี  ทั้งความโศกเศร้าและอารมณ์ที่เป็นไป  ถ้าปิงและลั่วซือรู้เรื่องใครจะรู้ว่าพวกเขาจะรับได้หรือไม่

เมื่อคิดถึงลักษณะย่ำแย่ท่วมท้นด้วยความรู้สึกที่แสดงให้เสี่ยวม่านเห็น  อาซิ่นรู้สึกเศร้า  ‘มันจบแล้ว, ข้าคงถูกนางเย้ยหยัน  ข้าแปลกใจว่าเมื่อใดข้าจะกลับคืนสู่ภาพพจน์เดิมๆได้’

‘แม่สาวทรงโตจะเข้าใจความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนอย่างนั้นได้ยังไง’  เขาบ่นในใจ ‘เฮ้อ, จากนี้ไปข้าจะสู้หน้านางได้ยังไง? น่าปวดหัวจริงๆ’

ความคิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในใจของเขา  แต่ใจของเขาสงบลง

ทันใดนั้นเขาคำนับเชียนฮุ่ย  “ข้าน้อยขออนุญาตออกรบ!”

อิทธิพลของสหายเก่าที่อยู่ข้างหน้าส่งผลต่อเขา  พวกเขาทุกคนยอมสละคุณค่าของทะเลสุคติทำให้เขาต้องการจะเอาชนะพวกเขาให้ได้

เชียนฮุ่ยไม่พูดอะไร  แต่มองตรงไปที่อาซิ่นอย่างจริงจัง

อาซิ่นยิ้มกว้างเหมือนกับดวงอาทิตย์   เขาเหมือนกับไม่ใส่ใจอะไรไม่มีร่องรอยของความเสียใจ

แม้ว่าอาซิ่นที่อยู่ต่อหน้านางจะดูแตกต่างไปจากที่เขาเป็นมาโดยปกติอย่างมาก  เชียนฮุ่ยรู้สึกได้ว่าเขาจริงจังและต้องการออกรบ  อาซิ่นและเสี่ยวม่านคือมือขวามือซ้ายของเชียนฮุ่ย  และนางเข้าใจพวกเขาดี  เสี่ยวม่านรักการต่อสู้  แต่อาซิ่นไม่มีอารมณ์หรือตื่นเต้นกับการสู้รบ  ถ้าเขาไม่ต้องการสู้  เขาจะไม่สู้ ถ้าเขาสามารถใช้เวลาสิบนาทีคลี่คลายการสู้รบได้ เขาจะไม่มีทางใช้เวลาถึง 20นาที

เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายขอออกรบก่อน

หลังจากคิดถึงอาการที่อาซิ่นร้องไห้และคร่ำครวญรำพันก่อนหน้านั้น  เชียนฮุ่ยตอบโดยไม่ลังเล  “ได้สิ”

“ขอบคุณ, คุณหนู!”  อาซิ่นคำนับเชียนฮุ่ยด้วยความเคารพ

เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก  เขาพ่ายแพ้และถูกเชียนฮุ่ยจับเป็นเชลยได้ก่อนจะเลือกเข้าร่วมเป็นบริวารนาง แต่ความเต็มใจนั้นไม่ต้องสงสัย มาตรฐานในการควบคุมการสู้รบทำให้เขารู้สึกเคารพนาง  แต่ก็ยังไม่พอให้เขายอมจงรักภักดี  ก็แค่เพียงเขาไม่ต้องการสูญหายไปจากโลก

‘ข้ามีชีวิตอยู่มานานแล้ว  ก่อนจะพบคำตอบ ตายไปยังไม่คุ้มค่า’

นั่นจึงนำไปสู่เหตุการณ์ทั่วไปที่เขาทำงานของเขา  แต่ไม่ทุ่มเทความพยายาม และเทียบกับเสี่ยวม่านเขาไม่มีคุณสมบัติเทียบได้แม้แต่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือไม่เคยไม่พอใจกับตัวเองในเรื่องนั้น

เชียนฮุ่ยหนักแน่นและเป็นตัวของตัวเอง  นางมีมุมมองของตัวเองและไม่ใส่ใจการไม่รับผิดชอบของเขา

เสี่ยวม่านมักหาเรื่องกับเขาถี่บ่อยที่สุด  ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งสองก็คือเสี่ยวม่านภักดีต่อเชียนฮุ่ย

เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนั้นเขารู้สึกละอาย เขาไม่เคยคิดว่าเมื่อเขาขออนุญาตนางออกศึก เชียนฮุ่ยจะเห็นด้วยทันที อาซิ่นเข้าใจไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ความเข้าใจเป็นเรื่องที่หาได้ยาก

ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณของที่มีต่อนางมาจากใจจริง

หน้าของเสี่ยวม่านพลันเย็นชา  นางแค่นเสียง “ถ้าเจ้าทำให้เราเสียหน้าเจ้าก็เชือดคอตายได้เลย”

เชียนฮุ่ยที่นิ่งกับที่อย่างใจเย็นเหมือนกับเทพธิดาศึกมาตั้งแต่แรกนางหน้าแดงเมื่อได้ยินที่เสี่ยวม่านพูดเช่นนั้น นางมองเสี่ยวม่านแต่ไม่ได้พูดอะไร

อาซิ่นหัวเราะลั่นเมื่อคิดเรื่องจะแสดงความทะเยอทะยานอันสูงส่งของเขา  เขากลับถูกเสี่ยวม่านขัดคอ  “ถ้าเจ้าต้องการไป  อย่างนั้นก็ไปได้ อย่ามัวพิรี้พิไรอยู่เลย!”

อาซิ่นหยุดหัวเราะจากนั้นเขาจัดคอเสื้อ

ทันใดนั้นเสียงคำรามดังลั่นมาจากที่ไกล  “กล้าฝ่าฝืนกฎระฆังศักดิ์สิทธิ์ในทวีปเซียนและโจมตีตระกูลชั้นสูงตระกูลชิว ทั้งยังลับๆ ล่อๆ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแพ้ซะเล่า!”

กองทัพที่ดูเหมือนเหมือนเมฆคะนองบินเข้ามาหา

แม่ทัพนายกองและทหารของกองทัพอยู่ในชุดสีแดงเพลิงสีหน้าของทุกคนเย็นชาและเฉยเมยใครก็ตามที่เห็นพวกเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาผ่านการรบมาเป็นร้อยศึก แม่ทัพนายกองที่นำทัพมีร่างกายแข็งแรงหน้าเด็ดเดี่ยวคิ้วหนา  ส่วนที่โดดเด่นที่สุดก็คือผมของเขาสีแดงเพลิง

แสงสีแดงพุ่งอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับดาวตกพุ่งลงมาจากอวกาศ

ปัง!

ท้องฟ้าห่างจากถังเทียนออกไป300 เมตรระเบิดทันที อสรพิษแสงร่ายรำอยู่โดยรอบ เมื่อแสงเจิดจ้าหายไป  ปรากฏกองทัพและใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขา

“แม่ทัพชิว!”  บุรุษร่างกายกำยำคำนับชิวเทียนชิง

ชิวเทียนชิงคำนับเล็กน้อย  “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะต้องรบกวนเรียกแม่ทัพหัวออกมา แต่การสู้รบครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลชิวของเขาข้าหวังว่าแม่ทัพหัวจะไม่แทรกแซง”

แม่ทัพหัวพูดตามหลักการ  “ระฆังศักดิ์สิทธิ์ดังแล้วและเราอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดที่ทุกคนมีข้อผูกมัดกันหมดตระกูลชิวเป็นเสาหลักของทวีปกวงหมิงของเราเราจะให้พวกแมลงเล็กน้อยนี้มาถ่วงเวลาท่านที่นี่ได้ยังไง?”

ชิวเทียนชิงลังเลเล็กน้อย  เขาเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึง  อีกฝ่ายมีความตั้งใจชัดเจน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ไม่มีใครควรสร้างปัญหาอื่น  และถ้ามีการต่อสู้ พวกเขาควรจัดการโดยเร็ว

ชิวเทียนชิงรู้ว่าการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขาเป็นเรื่องใหญ่  นอกจากนี้

เขาชำเลืองมองถังเทียน  และแววเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้าของเขา  เขาพยักหน้า “ท่านแม่ทัพ, ระวังให้ดี พวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง”

ตั้งแต่แรกเขาสงสัยว่าพวกเขาเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่พอใจกัน โซเฟียรู้ชัดเจนว่าเมื่อนางชูดาบของนางต่อตระกูลชิวจึงทำให้เขาสร้างความผิดพลาด

แต่เมื่อประมือกันเขาจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง

เพลิงศักดิ์สิทธิ์  เขาไม่รู้สึกถึงร่องรอยใดๆของเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ถ้าฝ่ายตรงข้าเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิงเป็นไปไม่ได้ เพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแหล่งพลังให้กับอัศวินทุกคน  และในการต่อสู้รุนแรงนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปลอมตัว

ถังเทียนตกใจ เขาไม่เคยคาดเลยว่าชิวเทียนชิงจะตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ใช่อัศวินพิเศษกวงหมิง ก็หมายความว่าแผนการของพวกเขาที่จะปลอมเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิงกลายเป็นฝุ่นไป

แม่ทัพหัวจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและพูดอย่างเฉยเมย  “กล้าใช้ปลอมตัวเจ้าเองเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง  ความผิดของเจ้าทวีคูณ!  วันนี้แม้แต่วิหารก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

ขณะนั้นเสียงหัวเราะดังมาจากสนามรบด้านหลังซึ่งได้ยินกันทุกคน

“ใครบอกว่าเราแกล้งทำเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง?”

ขุนพลวิญญาณโผล่มาจากที่ใดไม่ทราบมาอยู่ข้างถังเทียน

อาซิ่นใช้เวลาสบายๆเดินอยู่กลางอากาศ ด้วยทีท่ากระฉับกระเฉงเข้มงวด “เราคือกองพลหน้ากากเหล็กของตระกูลเมซฟิลด์ ตระกูลชิวและตระกูลเมซฟิลด์ของเรามีเรื่องกันที่ข้าไม่จำเป็นต้องพูดหรือว่าเจ้าต้องการจะเข้ามาแทรกแซง?”

ชิวเทียนชิงและแม่ทัพหัวตกใจทั้งคู่

‘ตระกูลเมซฟิลด์?’

พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่าง แต่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเป็นตระกูลเมซฟิลด์ ตระกูลชั้นสูงแต่ระดับต่ำวิ่งเข้ามาหาตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอดบอกว่าพวกเขามีเรื่องแค้นเคืองกัน

สามัญสำนึกของพวกเขาพังทลายหมดแล้ว  นี่เหลวไหลเกินไป

‘ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลชั้นสูงเล็กๆกล้าท้าทายตระกูลชั้นสูงระดับสุดยอด?’

‘และตั้งแต่เมื่อใดที่ตระกูลชั้นสูงระดับล่างมีกองทัพที่ทรงพลัง?’

บนเรือสินค้า,เสี่ยวม่านโกรธ “เขามักจะฉลาดไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงเปิดเผยสถานะของเรา?”

เชียนฮุ่ยตาเป็นประกายนางหัวเราะ “ข้ารู้สึกว่าเขารับมือได้ดี เนื่องจากเขาไม่ได้อ้างเป็นอัศวินพิเศษกวงหมิง  อย่างนั้นชื่อของตระกูลเมซฟิลด์ต่อไปจะมั่นคงที่สุด  ความคิดของอาซิ่นทำงานได้รวดเร็วจริงๆ”

ตาของเสี่ยวม่านเป็นประกายดีใจ  แต่นางแค่นเสียง  “โชคดีไป”

เชียนฮุ่ยชำเลืองมองเสี่ยวม่านและหัวเราะเบาๆ  แต่นางไม่พูดอะไรสักคำ

เสี่ยวม่านรู้สึกอึดอัดทันทีและบ่น  “คุณหนู,ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไง?”

เชียนฮุ่ยกระพริบตา  “เดาดูสิ”

เสี่ยวม่านหงุดหงิด

ในอากาศแม่ทัพหัวไม่เชื่อคำพูดของอาซิ่น เขาแค่นเสียง  “จริงๆ เลย,ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เจ้าไม่ยอมแพ้เวลาอย่างนั้นยังต้องการให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก  เจ้ากำลังหาที่ตาย!”

อาซิ่นไม่กลัวเขาคำนับถังเทียน “นายผู้ชาย! ท่านจะส่งมอบกระบี่นั่นและให้ผู้น้อยรับผิดชอบการสู้รบครั้งนี้ได้ไหม?”

ถังเทียนคิดถึงความสัมพันธ์ของอาซิ่นและปิง และคิดถึงสถานะของพวกเขาในฐานะคนจากกองทัพดาวกางเขนใต้และนึกอะไรบางอย่างได้  ‘ใช่แล้ว กระบี่นั่นแฝงไปด้วยรัศมีของสหายร่วมรบของอาซิ่น’

โดยไม่พูดอะไรสักคำ  เขาโยนกระบี่อมตะให้อาซิ่น  “จากนี้ไป นี่เป็นของท่าน”

อาซิ่นสั่น  เขาจับกระบี่อมตะอย่างงุ่มง่าม  แม้ว่าถังเทียนจะใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ  ทุกคนสามารถบอกได้ว่ากระบี่นี้ไม่ใช่ของธรรมดา  ถังเทียนมอบกระบี่ให้เขา...

อาซิ่นมองดูถังเทียน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นสีหน้าของถังเทียนซึ่งซ่อนอยู่หลังหน้ากากเหล็ก  แต่ตาของเขากระจ่างเหมือนน้ำใส

ถังเทียนไม่มีลังเลเมื่อเขามอบกระบี่ให้  เป็นการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ

อารมณ์ของถังเทียนที่มีต่อกระบี่อมตะก็คือตกใจต่อการครอบงำของพวกเขา เขาเต็มไปด้วยความนับถือและรู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นที่สามารถร่วมต่อสู้พร้อมกับคนรุ่นเก่า  แต่เขารู้ว่าตำนานเป็นของพวกเขา  อารมณ์เป็นของพวกเขา  เป็นของกองทัพดาวกางเขนใต้

‘ข้าก็ต้องการสร้างตำนานของข้าเอง  ข้าต้องการเขียนความเชื่อมั่นของข้าเอง’  ตั้งแต่เริ่มต้นนั่นคือวิถีที่ถังเทียนเป็น แม้ว่าเขาจะได้รับตกทอดหลายสิ่งหลายอย่างจากกองทัพดาวกางเขนใต้

มรดกของเขาก็คือกลุ่มดาวหมีใหญ่  เมืองสามวิญญาณ สัมพันธมิตรใต้และหนุ่มชาวฟ้า!

สหายของเขาคือปิงอาเฮ่อ เสี่ยวซิ่วซิ่ว พี่จิ่งหาว เซรีน ผี่ผา ติงตัง...

‘ข้าไม่ได้ตัวลำพัง  และข้าไม่ต้องอิจฉาคนอื่น!’

สภาพอารมณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกระบี่ไม่ได้เป็นของเขา  แต่สำหรับอาซิ่น  นั่นคือเหตุผลที่ถังเทียนรู้สึกว่าสมควรจะส่งกระบี่ให้กับอาซิ่น  และกระบี่อมตะจะมีความสุขด้วยเช่นกัน

อาซิ่นคำนับถังเทียนด้วยความเคารพและกล่าว“ข้ามีข้อขอร้อง  ขอให้นายท่านคอยสนับสนุนหลังให้ข้าด้วย”

พอกล่าวเช่นนั้นเขาถือกระบี่อมตะและก้าวไปอยู่บนทะเลสุคติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด