ตอนที่แล้วตอนที่ 902 แสงแห่งอดีตจะฉายเจ้าในปัจจุบัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 904 อาซิ่นอาสา

ตอนที่ 903 การกลับมาของโซเฟีย


ชิวเทียนชิงสงบใจได้มาตั้งแต่เริ่มแรก แม้ว่าพลังโจมตีของคู่ต่อสู้จะดุร้ายรุนแรงมาก แต่สนามยะเยือกใบไม้ร่วงของพวกเขาไม่ใช่วิชาง่ายๆเขามั่นใจไม้ตายสนามยะเยือกใบไม้ร่วง แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ว่าเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้ใช้ออกนับตั้งแต่สร้างขึ้นมา

เพราะไม้ตายสนามยะเยือกใบไม้ร่วงแตกต่างจากไม้ตายสังหารของกองทัพทั้งปวง

กฎธรรมชาติ!

เหตุผลเดียวว่าทำไมถึงได้แตกต่างจากไม้ตายสังหารของกองทัพอื่นเป็นเพราะสนามยะเยือกใบไม้ร่วงบรรจุไปด้วยกฎธรรมชาติของฤดูใบไม้ร่วง  ในแก่นสาระสำคัญสนามยะเยือกใบไม้ร่วงจะเหนือกว่ากลุ่มไม้ตายของทหารไปแล้ว

ต้องใช้เวลาถึงสิบห้าปีจึงจะสร้างไม้ตายนี้ออกมาได้

เมื่อชิวเทียนชิงสร้างไม้ตายพายุใบไม้ร่วง เขามักไตร่ตรองหาวิธีสร้างไม้ตายสังหารที่แข็งแกร่งมากกว่าไม้ตายพายุใบไม้ร่วง

แนวคิดนี้ใช้เวลานานนับทศวรรษ

และจากนั้นความเข้าใจอย่างหนึ่งเกิดขึ้นทำให้เขาได้รับการรู้แจ้ง แต่เป็นแค่ตอนแรก สำหรับไม้ตายสังหารของกองทัพไม่ใช่สิ่งที่แม่ทัพทหารลำพังจะทำสำเร็จได้ เขาใช้เวลาอีกห้าปีทำให้เขาและบริวารของเขาสร้างไม้ตายที่สมบูรณ์ต่อไป  จนกระทั่งสร้างไม้ตายสังหารขั้นสูงสุดสนามยะเยือกใบไม้ร่วง!

เมื่อไม้ตายสนามยะเยือกใบไม้ร่วงถูกใช้งาน  พื้นดินที่กองทัพยืนอยู่จะมีกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงถูกกระตุ้นใช้งานสร้างเป็นพื้นที่แห่งฤดูใบไม้ร่วงที่ไม่เหมือนใคร พื้นที่ฤดูใบไม้ร่วงสามารถสร้างพลังงานอย่างต่อเนื่องน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงจะถูกเปลี่ยนเป็นหมอกกว้างไกลไม่สิ้นสุด

เมื่อเทียบกับวิทยายุทธส่วนบุคคล  วิชาไม้ตายสังหารของกองทัพมีความซับซ้อน เป็นเรื่องที่แม่ทัพนายกองและทหารจะได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ ดังนั้นความต้องการไม้ตายสังหารก็ยิ่งยากมากขึ้น  แต่เมื่อทำได้สำเร็จ  พลังของมันจะเหนือกว่าจินตนาการใดๆ ทุกอย่าง

ถังเทียนตระหนักได้ทันทีว่าเขาตัดสินใจพลาด

กฎธรรมชาติในสนามยะเยือกไม้ไม้ร่วงไม่เพียงแต่สร้างด้วยสายใยกฎธรรมชาติ  แต่เป็นผิวกฎธรรมชาติ!  นอกจากนี้  ยังไม่ใช่แค่ผิวกฎธรรมชาติเท่านั้น กฎธรรมชาติฤดูใบไม้ร่วงภายในพื้นที่นี้มีสัญญาณการสร้างสนามพลังกฎธรรมชาติ  ตัวอย่างเช่นการฟื้นฟูตัวเองนี่เป็นลักษณะเฉพาะทั่วไปของสนามพลังกฎธรรมชาติ

‘อีกครึ่งก้าวจะเข้าสู่ระดับสนามพลังกฎธรรมชาติ!’

มีอีกคนหนึ่งที่สามารถรับรู้ข้อเท็จจริงนอกจากถังเทียนนั่นคือจี๋เจ๋อ คนในกองพลเกราะเทพเจ้าค่อนข้างจะมีความรู้ธรรมดารวมทั้งฝูเจิ้งจือที่มีความพลังค่อนข้างโดดเด่นยกเว้นอายุเขาเท่านั้นในบรรดาคนเหล่านี้มีเพียงคนเดียวที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ นั่นคือจี๋เจ๋อ

ตอนแรกจี๋เจ๋อมองดูกองทัพตระกูลชิวอย่างเหยียดหยาม  แต่เมื่อหมอกขัดขวางกระบี่แสงได้  หน้าของเขาพลันจริงจัง  จากความเครียดจริงจังกลายเป็นความทึ่งและลงท้ายเหมือนกับว่าเขาเห็นผี

‘ข้าถูกผีหลอกจริงๆหรือนี่!’

จี๋เจ๋อไม่อยากเชื่อสายตาของเขา  ‘นี่มันตลกแล้ว! พวกเขาก้าวเข้าไปในสนามพลังกฎธรรมชาติครึ่งก้าว!’

แม้แต่ในแดนบาป มีเพียงคนเดียวที่ได้รับการรู้แจ้งระดับสนามพลังกฎธรรมชาติ และนั่นทำให้ตู้เค่อกลายเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของแดนบาปที่ได้รับการยอมรับทั่วไป

ในความเป็นจริงตั้งแต่จี๋เจ๋อเข้ามาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เขาดูถูกขุนพลของกองทัพทั่วไป ไม่มีสักคนเดียวที่รู้แจ้งกฎธรรมชาติ กฎธรรมชาติและพลังงานคือระดับพลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ก่อนที่เขาจะคุ้นกับการใช้กฎธรรมชาติควบคุมพลังงาน  เขาอ่อนแอมาก แต่ทันทีที่เขาบรรลุผ่านอุปสรรคได้ พลังของเขาปะทุออกมาในชั่วข้ามคืน ใครก็สามารถพูดได้ว่ามีอุปสรรคขนาดกระดาษบางคั่นระหว่างกฎธรรมชาติและพลังงานไม่ว่ากระดาษจะบางมากเพียงเมื่อมีการเคลื่อนไหวจากกฎธรรมชาติไปหาพลังงาน  แต่จากพลังงานไปหากฎธรรมชาติกระดาษนั้นจะหนามาก

ดังนั้นสายตาของเขาที่มองดูแม่ทัพนายกองของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มักจะมองด้วยความหยิ่งผยองเสมอ

แต่นั่นคือกองทัพที่เขาดูถูก กลับได้รู้แจ้งกฎธรรมชาติ และสามารถสร้างพื้นที่คล้ายสนามพลังกฎธรรมชาติด้วยตัวเองได้  แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง?

เขาไม่คาดเลยว่าจะได้เห็นสนามพลังกฎธรรมชาติครึ่งก้าวซึ่งใช้ออกโดยเหล่านักสู้ที่ทรงพลังผู้ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

แต่เหมือนกับว่าถังเทียนจะประเมินสนามยะเยือกใบไม้ร่วงต่ำเกินไป ในทำนองเดียวกันชิวเทียนชิงก็ประเมินกระบี่อมตะต่ำเกินไป พายุกระบี่แสงไม่สุดสิ้นดูเหมือนจะทำให้อารมณ์ของชิวเทียนชิงเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

หลังจากผ่านไปห้านาทีกระบี่แสงไม่มีทีท่าว่าจะพร่องลง

‘นั่นคือวิชาอะไร?’

‘บุรุษนั้นสามารถทนใช้พลังที่แข็งแกร่งอย่างนั้นได้นานเพียงไหน?’

‘นี่คือพลังโจมตีระดับเดียวกับอาวุธเรือรบ ไม่ว่าพลังของกระบี่แสงจะโจมตีได้ถี่เพียงไหน  ทั้งหมดก็เป็นอาวุธระดับเรือรบ!  นอกจากนี้ ยังเป็นเรือรบระดับทอง!’

เหมือนกับที่จี๋เจ๋อรู้สึกเหมือนว่าเขาถูกผีหลอกเมื่อเขาเห็นว่ากองทัพดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้พลังระดับสนามพลังกฎธรรมชาติครึ่งก้าว  ชิวเทียนชิงกำลังรู้สึกทำนองเดียวกัน ในโลกของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งกองทัพปกครอง การได้เห็นพลังส่วนบุคคลเทียบได้กับเรือรบไม่ต่างอะไรกับการเห็นผี

กองทัพส่วนใหญ่การสู้ด้วยเรือรบและการสู้โดยไม่ใช้เรือรบต่างกันราวฟ้ากับดิน

ถ้ากองทัพไม่มีเรือรบสามารถปลดปล่อยพลังโจมตีที่เทียบได้กับเรือรบลำหนึ่ง  พวกเขานับได้ว่าเป็นยอดฝีมือชั้นสูง  ‘แต่เพราะพลังส่วนตัวที่ทำได้เช่นนั้น… นั่นจะทำให้เขาเป็นเหมือนมนุษย์เรือรบหรือ?  มีคนแบบนั้นในโลกได้ยังไง?’

พลังของเรือรบยิ่งใหญ่มาก ตามด้วยความทนทานของพลังป้องกัน  แต่ประโยชน์ของมันมีอย่างจำกัด  ตัวอย่างเช่นมีอ่าวอย่างจำกัดหรือข้อจำกัดในสงครามขนาดเล็ก สมรภูมิของเรือรบปกติจะอยู่ในทะเลพลังงานที่กว้างขวาง

‘แต่...มนุษย์ที่มีพลังเท่าเรือรบ...นั่นน่ากลัวเกินไป!  ไม่ถูกขัดขวางด้วยภูมิประเทศคล่องแคล่วว่องไวมาก สามารถลอบโจมตีที่ทรงพลังเทียบเท่าเรือรบ’

‘นี่มันคืออาวุธระดับสูงสุดแล้ว’

ก่อนนี้ชิวเทียนชิงสงสัยว่าอีกฝ่ายปลอมตัวเป็นหนึ่งในอัศวินพิเศษกวงหมิง  แต่เมื่อเห็นพลังโจมตีของถังเทียน  เขานึกว่าถังเทียนมาจากวิหาร  ชิวเทียนชิวเชื่อแน่วแน่ว่ามีแต่วิหารจึงจะสามารถสร้างสัตว์ร้ายเช่นนั้นขึ้นมาได้

โชคดีที่สนามยะเยือกใบไม้ร่วงยังคงไม่มีอันตรายทำให้เขาถอนหายใจโล่งอก  แต่ความโกรธพลุ่งขึ้นในใจของเขา

‘วิหารต้องการทำลายตระกูลชิวของข้า!’

‘อย่างนั้นก็มาเลย  พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าตระกูลชิวจะยอมแพ้ง่ายๆ?’

บุรุษวัยกลางคนที่กำลังมองดูจากที่ไกลถึงกับเปลี่ยนสีหน้า  เขาและชิวเทียนชิงมีความคิดเหมือนกัน  สามารถสร้างนักสู้พลังเรือรบได้อย่างสมบูรณ์แบบ  เขาต้องเป็นไพ่เด็ดของวิหารอย่างแน่นอน!

ถ้าตระกูลชิวถูกวิหารทำลายจริงๆ  วิหารก็สามารถแสดงพลังของพวกเขาผ่านการรบได้จะมีสักกี่คนที่กล้าต่อต้านพวกเขา? เวลานั้นความเป็นพันธมิตรระหว่างตระกูลชั้นสูงจะพังทลาย

ความกลัวที่รุนแรงเต็มอยู่ในใจเขา  พวกเขาเหมือนกับยิงธนูออกไปแล้ว และไม่สามารถเอากลับมาได้ พวกเขาคุ้นเคยกับรูปแบบการรับมือของวิหารมากเกินไป  แม้ว่าเรื่องจะสงบลงชั่วคราวแต่ทันทีที่สถานการณ์มั่นคง จะเป็นเวลาที่ตระกูลชิวต้องชดใช้หนี้ พวกเขาไม่สามารถหนีพ้น

บุรุษวัยกลางคนสงบจิตใจตนเอง  มีแววเข้มงวดในประกายตาขณะที่เขาเรียกหาองครักษ์ใกล้ๆเขาและออกคำสั่งเบาๆ

หน้าขององครักษ์เคร่งเครียดและพยักหน้า  จากนั้นหันหน้าบินจากมา

*****************

โซเฟียยืนอยู่ด้านนอกประตูวิหาร   จากภายในประตูที่ใหญ่เด่นสง่าแสงสีขาวที่เปล่งออกมาจากพลังงานที่หนาแน่นสว่างไสว  ราวกับว่าภายในของตำหนักจะเป็นโลกต่างกันสิ้นเชิง

นางยืนอยู่ที่นั่นหันหน้าเข้าหาประตูยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นไม่พูดอะไรสักคำ

นางเข้าออกในที่นี้มานับครั้งไม่ถ้วน  นั่นคือบ้านของนาง  และที่ซึ่งนางคุ้นเคยเป็นส่วนใหญ่  มีคนที่นางคุ้นเคยที่สุดอยู่ด้วย  ประตูใหญ่ยังคงเด่นสง่า  แสงสีขาวยังคงหนาแน่น  แต่คนที่นางคุ้นเคยที่สุดยังไม่ปรากฏ

การกลับมาของโซเฟียทำให้ผู้อาวุโสทุกคนประหลาดใจ

เมื่อโซเฟียก้าวเข้ามาในวิหาร  สิ่งที่ต้อนรับนางคือสายตาที่ซับซ้อนจากผู้อาวุโส  นางรู้ว่าพวกเขาคิดอะไร  แต่นางไม่สนใจพวกเขา  ชีวิตของพวกเขาสำคัญกับนางตั้งแต่เมื่อไหร่?

นางทำราวกับว่าไม่เห็นพวกผู้อาวุโส  กุมดาบที่เอวนาง  นางค่อยๆเดินลึกเข้าไปในวิหารโดยไม่พูดอะไรสักคำ ผ่านไปครึ่งทางนางจึงพูดขึ้น “ห้องโถงไหนที่ฝ่าบาทถูกปลงพระชนม์?”

หนึ่งในผู้อาวุโสผู้มีปัญญาฉับไวตอบทันที  “เป็นห้องอาทิตย์อัศดงค์”

โซเฟียพยักหน้านาง จากนั้นเปลี่ยนทิศเดินไปที่ห้องอาทิตย์อัศดงค์

พวกผู้อาวุโสดูนางเดินจากไป  จากนั้นยังปรึกษากันในหมู่พวกเขา

“นางบุ่มบ่ามเกินไป  นางกล้ากวาดล้างตระกูลชิวนั่นจะกระตุ้นความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นหรือเปล่า?”

“เฮ้อ,เจ้าอย่าโทษว่านางเลย  นางและฝ่าบาทชาร์ลส์มีความสัมพันธ์ต่อกันที่ลึกซึ้ง  เมื่อได้ยินว่าเขาถูกลอบฆ่า นางจะควบคุมตัวเองได้ยังไง?  ความจริงตระกูลเหล่านั้นก็ป่าเถื่อนเกินไป  พวกเขาหยิ่งผยองและบังอาจ  เราต้องรับมือพวกเขาให้ได้โดยเร็ว  ก่อนที่ภัยพิบัติจะมาเยือน”

“เฮ้,ระวังคำพูดของเจ้าไว้!  กำแพงมีหู ประตูมีตานี่คือกลุ่มของคนเสียสติที่กล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท  เจ้านึกหรือว่าพวกเขาจะเห็นเราอยู่ในสายตา?”

“เจ้ากลัวอะไรด้วย!  อัศวินกวงหมิงยังอยู่ที่นี่  ถ้าพวกเขากล้ามา  ก็เท่ากับหาที่ตาย!”

“ถูกแล้ว  อัศวินพิเศษกวงหมิงกลับมาแล้ว  เราหลับได้อย่างสบายใจ”

…..

โซเฟียยืนอยู่นอกประตูห้องอาทิตย์อัศดงค์  เรื่องที่เกิดในห้องอาทิตย์อัศดงค์เป็นเรื่องร้ายแรงมาก  และทั่วทั้งสถานที่ถูกตรวจสอบค้นหามานับครั้งไม่ถ้วน  แม้แต่พื้นก็ยังถูกขุดลึกลงไปสองสามนิ้ว  จนสถานที่ยุ่งเหยิง

นางยืนอยู่ด้านนอกประตูอย่างเงียบงัน  แต่ไม่เข้าไป

ภายในวิหารผู้อาวุโสยังคงจับกลุ่มเล็กสนทนากันเอง สายตาของพวกเขาหันไปมองส่วนลึกของวิหารเป็นครั้งคราว

“นางยังคงอยู่ที่ทางเข้าห้องอาทิตย์อุทัยหรือ?  นี่ก็สองชั่วโมงแล้ว!”

“นางเจ็บปวดคนที่ตายคือฝ่าบาทนะ!”

ทุกคำพูดสนทนาสามารถได้ยิน  เนื่องจากไม่มีผู้อาวุโสคนใดจากไป  พวกเขาอยู่ในพื้นที่ใหญ่ที่สุดของวิหาร  รอข่าวคราวล่าสุด

ประมุขผู้อาวุโสไม่แสดงอารมณ์ใดๆต่อการที่โซเฟียกวาดล้างค่ายทหารตระกูลชิว  ประมุขผู้อาวุโสไม่พูดอะไรสักคำเมื่อโอรสศักดิ์สิทธิ์ชาร์ลส์ถูกลอบสังหาร

พวกเขารู้ว่าประมุขผู้อาวุโสกำลังรอให้โซเฟียกลับ

ทันใดนั้นพวกผู้อาวุโสกลับกลายเป็นกระวนกระวาย ข่าวแพร่สะพัดไปว่าโซเฟียออกจากห้องอาทิตย์อัศดงค์ไปที่ห้องเจิดจรัส  ผู้อาวุโสเริ่มกังวลใจ เมื่อประมุขผู้อาวุโสพูดขึ้นวิธีการและจุดยืนของวิหารจะต้องได้รับการแก้ไขทันที

กลุ่มผู้อาวุโสไม่เพียงแต่ห่วงใยเท่านั้นแม้แต่ตระกูลชั้นสูงที่ได้รับทราบข่าวก็กังวลใจเช่นกัน  ประมุขผู้อาวุโสคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจวิหาร

ถ้าเขาบอกว่าต้องสู้ ทั่วทั้งวิหารจะต้องไม่สนใจทุกอย่างและเข้าสู้ทันที  ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเพียงไหน  ไม่ว่าจะต้องเสียสละเพียงใดก็ตาม  วิหารจะสู้จนถึงที่สุด  ถ้าประมุขผู้อาวุโสพูดถึงสันติ  อย่างนั้นไม่ว่าก่อนนั้นการสู้รบจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม  ไม่ว่าผู้คนจะโกรธแค้นเท่าใดก็ตามวิหารต้องอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายให้ได้

โซเฟียเดินไปที่ทางเข้าห้องเจิดจรัสและคุกเข่า  ไหล่ของนางสะท้านขณะที่นางหลั่งน้ำตาอย่างควบคุมไม่ได้ นางขดตัวกับพื้น หลั่งน้ำตานองหน้า นางเศร้ามากจนรู้สึกอ่อนแอลง

“สร้างความลำบากให้เจ้าแล้วลูกเอ๋ย! ร้องไปเถอะ,อย่าเก็บมันเอาไว้เลย”

เสียงนุ่มนวลดังออกมาจากเหนือศีรษะนางทำให้หัวใจนางรู้สึกย่ำแย่ นางร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

ประมุขผู้อาวุโสถอนหายใจ  จากนั้นลูบศีรษะโซเฟีย

ฝ่ามือของประมุขผู้อาวุโสมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุม  ไม่ได้มีความอบอุ่นแต่อย่างใด  แต่มีพลังทำให้ใจนางสงบ

อารมณ์ของโซเฟียค่อยๆ มั่นคง ตาของนางแดงขณะที่นางสารภาพผิดต่อประมุขผู้อาวุโส  “ข้าน้อยไม่ได้รับคำสั่งและถือความคิดเห็นตนเองเป็นใหญ่โจมตีตระกูลชิวข้าน้อยเป็นต้นเหตุสร้างผลกระทบตามมา ขอผู้อาวุโสลงโทษ!”

“ข้าจะลงโทษเจ้าทำไม?” เสียงทรงพลังแต่อ่อนโยนดังขึ้นจากภายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชน เสียงของประมุขผู้อาวุโสแฝงไปด้วยความโกรธที่พยายามเก็บกดไว้ “พวกมันคิดว่าพวกมันสามารถทำให้ข้ายอมอ่อนข้อให้หรือ?  พวกมันเข้าใจผิดแล้ว!  ข้ายอมให้วิหารถูกทำลาย  แต่จะไม่ประนีประนอมกับพวกมัน!”

“ข้าต้องให้พวกมันได้รู้ว่า  พวกมันประเมินตนเองสูงเกินไปเพียงไหน!”

ทั่วทั้งวิหารเริ่มกระหึ่มทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด