ตอนที่แล้วตอนที่ 904 อาซิ่นอาสา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 906 พยุหะโซ่ใบไม้ร่วง

ตอนที่ 905 พลังอำนาจของอาซิ่น


เพียงก้าวเดียว ร่างของเขาก็พร่ามัว  อาซิ่นลงไปอยู่บนทะเลสุคติ

เขามีท่าทางดูซับซ้อน เคร่งขรึม ตื่นเต้นตื้นตัน รำลึกถึง ใจของเขามีอารมณ์หลากหลายนับพัน แต่ทั้งหมดผุดผ่านดวงตาของเขาก่อนที่เขาจะคืนสู่ความเงียบสงบ  และเขาสงบเหมือนน้ำใส

ความโกรธในใจของชิวเทียนชิงพุ่งขึ้นอีกครั้ง

เขาสู้กับบุรุษผู้ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งแม้คุมเชิงอยู่นานก็ยังเอาชนะไม่ได้  และเกือบตลอดเวลาเขาเป็นฝ่ายถูกกดดันทำให้ชิวเทียนชิงผู้หยิ่งยโสโกรธจัด  และการโผล่เข้ามาอย่างฉับพลันของตระกูลหัวยิ่งทำให้เหมือนกับเร่งเชื้อไฟ

ชิวเทียนชิงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลหัวแม้แต่น้อย  เขามีความมั่นใจว่าเขาสามารถทำลายศัตรูได้   ‘ถ้าข้าไม่สามารถรับมือคนที่ไม่รู้จักนี้และขอความช่วยเหลือจากตระกูลหัวข้าจะถูกกล่าวขานยังไง? ถ้าพวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นใคร ข้าจะต้องเสียหน้ามากมายเพียงไหน!’

‘ไม่สามารถรับมือตระกูลเล็กน้อยได้ นี่เราเป็นตระกูลชั้นสูงแบบไหน? สิ่งที่แย่ก็คือนี่จะทำให้คนอื่นคิดว่าตระกูลชิวอ่อนแอ  เพราะพวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเราในช่วงเวลาที่วิกฤติอย่างนั้น  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องเกิดผลกระทบใหญ่กับตระกูลของเรา

‘เคลื่อนไหวบุ่มบ่ามอาจแพ้ทั้งกระดาน’

แต่หลังจากคิดแล้วคิดอีก  เพื่อประโยชน์ต่อแผนการใหญ่  ชิวเทียนชิงข่มความโกรธในใจของเขา  และยอมรับความช่วยเหลือจากตระกูลหัว  เขาต้องยอมรับว่าการดูแลวิหารเป็นเรื่องสำคัญ

แม้ว่าเขาจะตกลงกับตระกูลหัวก็ตาม  แต่ชิวเทียนชิงยังคงโกรธอยู่ในใจ ในขณะนั้นเมื่อเขาเห็นแม่ทัพใหญ่ของของฝ่ายตรงข้ามออกจากสนามรบและให้ขุนพลวิญญาณบริวารของเขาแทนที่  เขาไม่อาจข่มความโกรธในใจได้

ใครบ้างไม่รู้ว่าชิวเทียนชิงผ่านศึกสร้างชื่อเสียงมาเป็นร้อยศึกและมีชื่อเสียง?  ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ต้องสั่นด้วยความกลัวเมื่อเผชิญกับกองทัพที่ทรงพลังของเขา?

ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เขาถูกใครก็มิทราบดูถูกเขา?

ชิวเทียนชิงสูดหายใจลึก  หน้าของเขามีสีหน้าที่น่ากลัว  “ถ้าข้าไม่ตัดศพเจ้าเป็นชิ้นๆ ในวันนี้ข้าไม่ขอชื่อชิวเทียนชิง!”

บริวารทุกคนของเขาสั่นด้วยความกลัว  พวกเขารู้ว่าเจ้านายโกรธจริงๆ

ชิวเทียนไม่ได้ล้อเล่น บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีและกฎธรรมชาติฤดูใบไม้ผลิไม่สิ้นสุดในกองทัพตระกูลชิวเริ่มหมุน ‘แคล้ง แคล้ง แคล้ง’ เสียงเหมือนโซ่ดังต่อเนื่องขึ้นปรากฏเป็นชั้นน้ำแข็งบางบนพื้นแตกออกราวกับว่ามีบางสิ่งลากผ่าน

หมอกในกองพลหดตัวลง  และกองพลปรากฏตัวอีกครั้ง  เมื่อทุกคนมองเห็นกองทัพตระกูลชิวอีกครั้งพวกเขาประหลาดใจ

ทหารทุกคนในกองทัพตระกูลชิวสวมชุดเกราะสีเทามีแนวเส้นสีทองเลือนรางทุกคนมีสีหน้าซีดขาวและไม่แสดงอารมณ์ นัยน์ตาของพวกเขามีหมอกคลุมทหารทุกคนเปล่งกลิ่นอายเยือกเย็นและภายในรัศมีเจ็ดนิ้วใต้เท้าเขาน้ำแข็งฤดูใบไม้ร่วงสามารถมองเห็นได้ ร่างของพวกเขาปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง

จี๋เจ๋อหรี่ตาแคบ  เกราะกฎธรรมชาติ!

ในแดนบาป เกราะกฎธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป ในความเป็นจริงเกราะที่สร้างโดยกฎธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป  แต่เพราะวิธีทั่วไปทั้งหมดกลับถึงระดับสนามพลังกฎธรรมชาติครึ่งก้าวนั่นเป็นเรื่องเห็นได้ยาก แนวเส้นสีทองบนเกราะเชื่อมโยงโดยกฎธรรมชาติ

จี๋เจ๋อไม่เคยเห็นทหารมากมายหลายคนที่สามารถสร้างเกราะได้เหมือนกันมาก่อน  แต่ตาของเขาคมกล้ากว่าคนที่เหลือ  เขาสามารถบอกได้ว่าเกราะสีเทาไม่ธรรมดา  เหมือนกับว่ามีความเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขา

เขาคิดถึงเสียงที่เหมือนโซ่

อาซิ่นทำเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในกองทัพตระกูลชิว เขายังคงลูบกระบี่อย่างแผ่วเบาขณะที่เขาสังเกตเห็นรอยร้าวทั้งหมดบนกระบี่  ทะเลสุคติใต้เท้าของเขายังคงสงบแสดงถึงความเงียบที่กดดัน

‘กลิ่นอายที่คุ้นเคยอารมณ์ที่คุ้นเคย เสียงตะโกนและคำรามที่คุ้นเคย ใช่แล้วหลังจากผ่านไปหมื่นปี ก็ยังรู้สึกคุ้นเคยมากใช่แล้วหลังจากผ่านไปหมื่นปี เราก็ยังได้พบกัน’

รอยยิ้มอย่างจริงใจปรากฏบนใบหน้าของเขาขณะที่อากาศรอบตัวเขายังคงนิ่ง ตาของเขาฉายประกายเจิดจ้า เหมือนพระจันทร์ส่องรัศมีสว่าง

‘เนื่องจากพวกเจ้าไม่สามารถพักอย่างสงบได้งั้นเราก็มาสู้ด้วยกัน!’

“ทุกคน,ออกมา!”

เขาชูกระบี่อมตะและตะโกน

หลังจากการเคลื่อนไหวของกระบี่ของเขา  ร่างหลายร่างค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากผิวทะเลสุคติ

ร่างที่ดูเหมือนทำจากหมอกมีเส้นรอยร้าวสีแดงอยู่ทั่วตัวที่ดูเหมือนเส้นเลือดที่ทำให้พวกเขาดูเด่น พวกเขาเหมือนกับตุ๊กตาดินเผาที่ถูกทำลายแล้วเอามาต่อกันใหม่อีกครั้งพวกเขายังคงนิ่งและเงียบ

มือที่จับกระบี่อมตะสั่นสะท้าน ข้อมูลนับไม่ถ้วนผ่านเข้ามาจากกระบี่อมตะเข้าสู่หัวใจของอาซิ่นเกิดภาพเหตุการณ์นับไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลสุคติในช่วงเวลาที่ผ่านมาหมื่นปีในที่สุด

เขาเม้มปากแน่น ขณะที่เพ่งสมาธิข้างหน้าฝืนบังคับไม่ยอมให้น้ำตาหลั่งไหล

‘งั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าในหมื่นปีที่ผ่านมาสินะ...’

สายตาของเขากวาดมองทุกร่างบนทะเลสุคติ  ใบหน้าของทุกคนเลือนรางเหมือนหมอก  เขาไม่สามารถเรียกชื่อของพวกเขา  แต่เขารู้พวกเขาเป็นใคร  บาดแผลทั้งหมดและอาการบอบช้ำที่เกิดขึ้นในทุกส่วนของร่างกายพวกเขาคล้ายกับสายลวดความร้อนไม่ใช่เป็นแค่คนเดียว แต่เป็นกันทุกคน

อาซิ่นรู้สึกเหมือนกับถูกมีดแทงหัวใจ  แต่เขายังมีรอยยิ้มบนใบหน้ารัศมีเยือกเย็นจัดถูกปล่อยออกมาจากร่างของเขาทำให้เขาดูและรู้สึกเหมือนกับปีศาจที่เดินออกมาจากนรก เพียงแต่ว่าเขายิ้ม

เขาชูกระบี่และคำรามลั่น  “วิญญาณของทหารเราจะไม่มีทางสูญสลาย  สนามรบเป็นอมตะนิรันดร หัวใจของเราจะคงอยู่ไม่มีเสื่อมคลาย”

ร่างเลือนรางทุกร่างสั่นสะท้าน  พวกเขาเงยหน้าขึ้นและมองกระบี่อมตะ ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นเหมือนกับสิ่งไม่มีชีวิตไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต  แต่หลังจากได้ยินคำพูดของอาซิ่น  รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาพบจิตสำนึกของพวกเขา

อาซิ่นปล่อยแรงกดดันจากร่างของเขาทำให้อากาศรอบตัวเขาบิดเบี้ยว ใบหน้าที่ปกติของเขาเปล่งรัศมีชัดเจนทำให้ผู้คนไม่อาจมองดูเขาตรงๆได้

ตาของเขาแดง สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ปลายกระบี่ชี้ขึ้นท้องฟ้า  ด้วยความรู้สึกที่จริงใจและซื่อตรง  เขามีความซื่อสัตย์และความหยิ่ง แต่ละคำที่ดังขึ้นเหมือนกับค้อนที่หวดลงมาจากท้องฟ้า

“กฎอัยการศึกข้อที่เก้าพลเอกซิ่นถืออำนาจเต็มในการควบคุมกองทัพ ทหารทุกหน่วยจงขานรับ!”

เสียงที่ทรงพลังของเขาดังกึกก้องข้ามไปทั่วทะเลสุคติ

ร่างที่เงียบและดูว่างเปล่ามีการกระทำเหมือนกันทันที  ทุกร่างก้าวขึ้นมายืนบนผิวทะเล ปัง..พวกเขาสามารถได้ยินเพียงเสียงเดียว เกิดเป็นคลื่นเสียงกระแทกในทะเลลึกลงไปเกิน 10เมตร

ร่างเลือนรางยืนตรงเหมือนทวน พวกเขายกแขนวันทยาหัตถ์เคารพอาซิ่นพวกเขาตอบรับ “วันทยาหัตถ์”

เสียงของพวกเขาดังพร้อมกันเหมือนกับเสียงฟ้าผ่าทำให้ท้องฟ้าและดินสั่นสะเทือน

แม่ทัพหัวสังเกตจากระยะไกลมีอาการตกตะลึง  ‘กองทัพแบบไหนกันที่มีพลังขนาดนั้น?’

ร่างที่เลือนรางทั้งหมดดูเหมือนจะชัดขึ้นมาเล็กน้อยและแม้แต่รอยเส้นสีแดงดูเหมือนจะสว่างมากขึ้น

หน้าของแม่ทัพหัวเปลี่ยนร่างพร่าเลือนที่ตายแล้วที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาปลดปล่อยรัศมีที่น่ากลัวเหมือนกับว่าพวกเขากลับมีชีวิตทันที

ถังเทียนตะลึง ‘พะ..พลเอก!’

‘พลเอกแห่งกองทัพดาวกางเขนใต้... อาซิ่นเป็นพลเอกจริงๆ!’

ถังเทียนคุ้นเคยกับยศทหารของกองทัพดาวกางเขนใต้ แต่ พลเอก...

ถังเทียนตกใจ พลเอกเป็นยศเพียงลำดับสองรองจากจอมพลที่เป็นยศทหารและสิ่งที่น่าตกใจมากขึ้นก็คืออำนาจสั่งการของพลเอกพลเอกสามารถสั่งการทหารและระดมพลได้สองล้านนาย

‘ยศของอาซิ่นความจริงสูงกว่าลุงปิง  นั่นน่ากลัวจริงๆ’

บนเรือสินค้าเชียนฮุ่ยกับเสี่ยวม่านมีท่าทีตกใจ ‘พลเอก...ไม่ว่าอยู่ที่ใดในกองทัพ  ในกองทัพใดก็ตามถือว่าเป็นสุดยอดในกองทัพแล้ว’

เสี่ยวม่านเหม่อมองดูอาซิ่นผู้สง่างาม  นางไม่สามารถทำใจว่าบุรุษที่ดูเหมือนกับเทพสงครามที่อยู่ต่อหน้านางคนที่มักเกียจคร้านที่นางไล่เตะก้นอยู่เสมอ

ยศพลเอกเสี่ยวม่านเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าหมายถึงอะไร เนื่องจากกองทัพคนแบกงูเป็นศัตรูคู่แค้นกับกองทัพดาวกางเขนใต้ในอดีต  เสี่ยวม่านมีพรสวรรค์ที่ดี  แต่นางยังมียศเป็นเพียงร้อยเอกในกองทัพดาวคนแบกงูมีอำนาจสั่งการกำลังพลได้พันคน ดังนั้นนางไม่ทราบแนวคิดระดับพลเอก?

อาจกล่าวได้ว่านอกจากเป็นรองจากผู้บัญชาการสูงสุดแล้วเขายังมีอำนาจมากกว่าผู้บัญชาการรองเพราะผู้บัญชาการรองจะรับผิดชอบเกี่ยวกับการคำนวณ

‘งั้นคนผู้นี้มีอำนาจมากสินะ..’

เสี่ยวม่านรู้สึกผิดหวังโดยไม่รู้ตัว  นางไม่รู้ว่าทำไมอาซิ่นในอดีตจึงทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ

เชียนฮุ่ยและเสี่ยวม่านเหมือนกับเป็นพี่น้องกันเชียนฮุ่ยรับรู้อารมณ์หดหู่ของเสี่ยวม่านได้ทันที และคิดด้วยปัญญา นางคาดเดาเหตุผลได้ทันทีและพูดเหมือนไม่ตั้งใจ  “ข้าไม่นึกเลยว่าอาซิ่นจะเคยทรงอำนาจจริงๆ  พูดไม่ออกเลยจริงๆ ข้าให้เขาเป็นผู้ช่วยเจ้าและเขาก็มีความสามารถหลายอย่างแต่ซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดี อืม... เจ้าต้องใช้ดาบเจ้าฟาดเขาให้หนัก”

เสี่ยวม่านตื่นตัวทันที  ‘ถูกแล้ว,ไม่สำคัญว่าในอดีตจะมีอำนาจมากเพียงไหน ต่อให้เป็นพลเอกแล้วยังไง? ถ้าเขาไม่เชื่อฟังข้า   ข้าจะซัดเขา! ไม่ว่าเขาจะใหญ่มาจากไหน เขาก็ยังเล็กกว่าเจ้านายของเรา!  มิน่าเล่าถึงได้เชี่ยวชาญนัก  เป็นพลเอกเป็นอีกเรื่องที่แตกต่างออกไป  เขายังมีสิ่งที่แตกต่างออกไปอีกหลายอย่าง’

เสี่ยวม่านยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่นางกดดาบยักษ์ สีหน้าที่น่ากลัววูบผ่านใบหน้านาง

ชิวเทียนชิงตกใจแตกต่างไปจากคนที่เหลือ  เนื่องจากเขารู้สึกได้ถึงอันตรายทันที  ในทวีปกวงหมิงมีเพียงห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิงที่เป็นระดับพลเอก ไม่มีคนอื่นที่มีคุณสมบัติ

‘แต่แล้วไงเล่า?’

รังสีฆ่าฟันในดวงตาของชิวเทียนชิงเพิ่มขึ้น  ห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิงทรงพลัง แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าเขาจะด้อยกว่าพวกนั้น เขารู้สึกว่าห้าแม่ทัพมีชื่อว่าแม่ทัพใหญ่เป็นเรื่องประโยชน์ภายใต้วิหาร

ตระกูลชิวก็ยังมีแม่ทัพใหญ่อยู่ด้วยอัจฉริยะชิวซิ่วหัว

ตั้งแต่อายุน้อยชิวซิ่วหัวมักจะเป็นคู่แข่งตรงๆของเขามากที่สุด นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะชิวซิ่วหัวเอาชนะเขาได้และมีโอกาสเข้าร่วมกับวิหาร  แน่นอนเขาสามารถกลายเป็นหนึ่งในห้าพลเอกแม่ทัพใหญ่ประจำกวงหมิง

ตั้งแต่เริ่มต้น  เขามีชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาชิวซิ่วหัวมาตอด  แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ไม้ตายพายุใบไม้ร่วงจนถึงสนามยะเยือกใบไม้ร่วง เขาก้าวไปทีละก้าวจนถึงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ไม่มีใครรู้ว่าห้าแม่ทัพพยัคฆ์เป็นศัตรูโดยสมมติของเขา น่าเสียดายที่พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ห่างจากเขา  ดังนั้นเขาไม่เคยมีโอกาสพิสูจน์ตัวเขาเอง

แต่ในที่สุดเขาก็ได้เผชิญหน้ากับพลเอก

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ากองทัพศัตรูมาจากไหน แต่คนระดับยศพลเอกเป็นแม่ทัพไม่ใช่เรื่องไม่สำคัญ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  หน้าที่ไม่สามารถกำหนดพลังได้  แต่ยศของกองทัพพอเพียงจะบอกได้ทุกอย่าง

ความตั้งใจสู้ในตัวเขาทะยานอย่างไม่เคยมีมาก่อนมีโอกาสสู้กับพลเอกเป็นโอกาสยากแสวงหา

‘นี่คือบททดสอบที่แท้จริง’

ชิวเทียนชิงมีสีหน้าสงบ  เขารู้ว่าเป็นความคิดของเขาเองค่อยๆ จางหายไปเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาเหมือนกับผีหลอก  ถ้าเขาไม่ทำลายมัน  เขาไม่มีทางก้าวหน้าต่อไปในอนาคต  ตราบใดที่เขาเอาชนะเรื่องยุ่งเหยิงในใจของเขา  อนาคตของเขาจะไร้ขีดจำกัด

‘มาเลย,  เรามาสู้กัน’

เขาทะยานขึ้นไปในอากาศ ข้างฝ่ายเขาทหารชุดเกราะห้าพันนายบินขึ้นไปด้วย  เสียงโซ่ดังอยู่ในอากาศ  แต่ไม่มีใครเห็นโซ่

นี่เป็นครั้งแรกของกองทัพตระกูลชิวที่เป็นฝ่ายโจมตีตั้งแต่เริ่มสู้รบมา ความปรารถนารุนแรงทำให้ชิวเทียนชิงไม่ยินยอมปรับตำแหน่งป้องกัน

พวกเขาเหมือนกับกลุ่มเมฆเทาขณะที่พวกเขาลอยเข้าหาอาซิ่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด