ตอนที่ 21-6 มอบความไว้วางใจ
ชั้นที่สิบแปดสุสานเทพเจ้า สว่างเรืองแสงอีกครั้ง ตอนนี้ลินลี่ย์ลืมตาขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์หลอมรวมประกายมหาเทพเสร็จแล้วเบรุต บลูไฟร์และบีบีอดยิ้มเต็มหน้าไม่ได้
“ลินลี่ย์! เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” เบรุตถาม ค่อนข้างกระวนกระวาย
เบรุตไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายมากไม่เคยมีสักครั้งในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา! แต่บัดนี้..เขากระวนกระวายอย่างแท้จริง! จะเป็นอย่างไรถ้าลินลี่ย์หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพสองชิ้นแล้วจะไม่ทรงพลังเหมือนอย่างที่เขาคิด? นี่จะส่งผลว่าเขาเบรุตจะสามารถออกไปจากพิภพยูลานอย่างเปิดเผยในอนาคตได้หรือไม่ เขาสามารถท่องเที่ยวไปในพิภพชั้นสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้!
“ข้ารู้สึก..” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย!”
“ไม่เลวเลยหรือ?” เบรุตบลูไฟร์และบีบีจ้องมองลินลี่ย์กันทุกคนด้วยสีหน้าประหลาดใจ คำว่าไม่เลวของลินลี่ย์มีพลังระดับใดกันแน่?
“พี่ใหญ่! ท่านทรงพลังระดับประมุขมหาเทพได้หรือยัง?” บีบีถามทันที
“หือ...?” ลินลี่ย์ลังเลเล็กน้อย
“ปู่เบรุต! ท่านรู้ความแตกต่างระหว่างพลังของมหาเทพน้อยและมหาเทพกลาง,ประมุขมหาเทพว่ามีเท่าใดไหม?” ลินลี่ย์ถาม เมื่อไม่เข้าใจชัดว่าแต่ละระดับทรงพลังมากเพียงไหน ลินลี่ย์ก็ไม่สามารถประเมินระดับพลังของตนเองได้ถูกต้อง
เบรุตรีบอธิบายทันที “ลินลี่ย์! มีความแตกต่างในเรื่องระดับพลังของมหาเทพอย่างมากมาย! ตัวอย่างเช่นมหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนด้วยเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางผู้หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ห้าเคล็ดจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่พวกเขาจะมีระดับใกล้เคียงกันมาก! ตัวอย่างที่คล้ายกันมหาเทพชั้นกลางที่เป็นพารากอนจะมีพลังที่แทบจะไล่เลี่ยกับประมุขมหาเทพผู้หลอมรวมได้ห้าเคล็ด แต่แน่นอนว่าเขายังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย นี่ยังไม่นับรวมอาวุธและทักษะเทพธรรมชาติเข้าไปด้วย”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
มหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางผู้หลอมรวมได้ห้าเคล็ด
ในแง่เคล็ดลึกลับมหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนจะมีพลังมากกว่ามหาเทพกลางถึงสิบเท่า แต่แม้กระนั้นพวกเขาไม่ยังไม่เหนือกว่ามหาเทพกลาง นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของพลังปณิธานที่มากกว่าถึงสิบเท่า
นอกจากนี้เท่าที่ผ่านมามหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนไม่ใช่แค่ครองพลังปณิธานของมหาเทพเท่านั้น พวกเขามีพลังของปณิธานซึ่งเอกภพมอบให้พวกเขาเมื่อพวกเขากลายเป็นเทพพารากอน เพียงแต่พลังปณิธานของพวกเขาจะอ่อนแอมากกว่าพลังปณิธานของมหาเทพชั้นกลางหลายเท่า
จากนั้น...
มหาเทพน้อยธรรมดาเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางน่าจะมีปริมาณพลังปณิธานเพียงหนึ่งในร้อยของประกายเทพของเขา
“พูดตามเหตุผล” เบรุตหัวเราะ “ลินลี่ย์! ในเมื่อเจ้ามีพลังของปณิธานจากวิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุอยู่แล้วและตอนนี้เจ้าหลอมรวมประกายมหาเทพสองชนิดแล้ว พลังของปณิธานของเจ้าน่าจะมีระดับพลังที่สูงขึ้น ตอนนี้เจ้าควรจะมีพลังปณิธานที่เทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง”
บลูไฟร์มองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย “ลินลี่ย์! เจ้าเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพ หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพสองชนิดแล้ว ปณิธานภายในประกายมหาเทพสามารถหลอมรวมด้วยกันได้ใช่ไหม?”
“ไม่” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “พลังของปณิธานของมหาเทพเกือบทั้งหมดอยู่ภายในประกายเทพ จะเอามาหลอมรวมกันได้อย่างไร?”
“ปู่เบรุตคาดการณ์ได้ถูก” ลินลี่ย์พยักหน้า “หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพธาตุน้ำแล้ว วิญญาณทั้งห้าของข้าได้รับพลังปณิธานเพิ่มอีกครั้ง! ตามการคาดคำนวณของข้า ในแง่พลังปณิธานอย่างเดียวข้าเทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง”
“แต่เจ้ายังหลอมรวมพลังมหาเทพได้” เบรุตหัวเราะ
“ถูกแล้วพลังมหาเทพสองรูปแบบสามารถหลอมรวมกันได้”
ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงกระแสพลังมหาเทพสีเขียวเข้มที่ไหลโคจรอยู่รอบตัวเขา เขาพยักหน้า “พลังมหาเทพหลอมรวมนี้ในแง่ของพลังน่าจะมากกว่าพลังของมหาเทพธรรมดาถึงสิบเท่า ในแง่ของพลังปณิธานและพลังของมหาเทพ ข้าควรจะเทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง!”
ถ้าเป็นคนอื่นแม้ว่าเขาอาจจะมีร่างแยกมหาเทพได้สองร่าง นั่นหมายความว่าเขามีร่างมหาเทพเพิ่ม และวิญญาณแต่ละสายธาตุก็เพิ่มด้วย แต่จะเพิ่มต่างหากจากกันเฉพาะในพลังปณิธานเท่านั้น
แต่ลินลี่ย์ไม่ใช่แค่รับพลังเพิ่มเฉพาะในปณิธานเท่านั้น พลังมหาเทพของเขาก็สามารถหลอมรวมกันได้!
“และเจ้ายังมีสมบัติจอมเทพ!” บลูไฟร์ยิ้ม “ด้วยสมบัติจอมเทพนี้,เจ้าน่าจะเทียบได้กับประมุขมหาเทพธรรมดาทั้งหก!”
ลินลี่ย์รู้ว่าหกคนนั้นหมายถึงประมุขมหาเทพคนไหน,ในบรรดาประมุขมหาเทพทั้งสิบเอ็ดคน มีเพียงห้าคนที่ได้รับสมบัติจอมเทพ
ชั้นที่สิบแปดของสุสานเทพเจ้า
“ควั่บ”
สายลมพัดแผ่วเบาเบรุตโบกแขนอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้นมีเสียงครืดดกระเบื้องสีฟ้าทั้งหลายเคลื่อนที่และแท่นที่เก็บศพของพญามังกรฟ้ายุบลงอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันโต๊ะและเก้าอี้หินสี่ตัวปรากฏขึ้นบนพื้นศิลาสีฟ้าเช่นกัน
“ทุกคน! มานั่งสนทนากันเถอะ” เบรุตหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขานำทุกคนนั่งลง ขณะเดียวกันเขาเอาเหล้าชั้นดีและอาหารออกมาจากแหวนมิติเก็บของ “หมื่นปีมานี้ข้าไม่เคยมีความสุขเท่ากับวันนี้เลย ฮ่าฮ่า.. ข้าไม่เคยแม้แต่จะคิด...ว่าคนที่จะนำข้าออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นคนที่มาจากอาณาจักรเฟนไล ในพริบตาเดียวนักเรียนจากสถาบันจอมเวทก็จะกลายเป็นบุคคลเทียบได้กับประมุขมหาเทพ”
“ข้าก็อัศจรรย์ใจเช่กัน?” บีบีพูดอย่างร่าเริง “ข้าจำได้ทันทีว่าการได้อยู่และติดตามพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมขนาดไหน”
“จำได้ทันทีหรือ?” ลินลี่ย์พูดพร้อมกับยิ้ม “ตอนนั้นข้าใช้เหยื่อล่อเจ้าใช้ทั้งกระต่ายปิ้งและน่องไก่..”
บีบีประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่า..” บลูไฟร์เมื่อเห็นสีหน้าของบีบีอดหัวเราะไม่ได้ พลางดื่มเหล้าในมือของเขา
“มาเถอะลินลี่ย์ ดื่มฉลองกัน ในอนาคตไม่ว่าบลูไฟร์และข้าจะสามารถออกจากพิภพยูลานได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” เบรุตหัวเราะ
ลินลี่ย์ดื่มเหล้าในแก้วของเขาเช่นกัน “ไม่ต้องห่วง, ปู่เบรุต ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นเรื่องสมควรที่ข้าจะต้องทำอยู่แล้ว ท่านมอบประกายมหาเทพสองชิ้นให้ข้า ในที่สุดท่านก็ปลดเปลื้องปัญหายากลำบากออกไปจากตนเองได้อย่างหนึ่ง ข้าก็ต้องขอบคุณท่าน” ลินลี่ย์พูดด้วยความจริงใจ
เบรุตหัวเราะจากนั้นส่ายศีรษะ “ฮ่าฮ่า, เจ้าถ่อมตัวเกินไป ข้าคงจะต้องไปหารับเลือกคนที่จะเป็นมหาเทพอีกเสียแล้ว!”
“และเป็นไปได้หรือว่าข้าจะหายอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุได้ที่ไหนอีก? นี่ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เดิมทีบลูไฟร์กับข้าก็ให้ความสนใจเจ้าอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่เมื่อการกลายสภาพของวิญญาณยังทำให้เจ้ามีชีวิตรอดอยู่ได้ ตอนแรกเราคิดว่าเจ้าจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ ใครจะคิดกันเล่าว่าเจ้าสามารถรอดพ้นจากอันตรายและสามารถรอดชีวิตกลับมาได้?เจ้าเอาชีวิตรอดจากความตายได้หวุดหวิด” เบรุตถอนหายใจชื่นชม
ลินลี่ย์ไม่ได้พูดขัดอีกต่อไป เขาแค่หัวเราะอย่างมีความสุขกับคนที่อยู่รอบๆเขา
“อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเคล็ดลึกลับในกฎธาตุของข้ายังนับว่าต่ำมาก” ลินลี่ย์พูดพลางขมวดคิ้ว
ในแง่ของเคล็ดลึกลับยังคงหลอมรวมได้สี่เคล็ดมหาเทพอื่นหลอมรวมได้อย่างน้อยห้าเคล็ด
“ไม่ต้องรีบร้อน” บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ลินลี่ย์! เนื่องจากระดับพรสวรรค์ของเจ้าและความจริงที่ว่าเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับสี่เคล็ดในช่วงเวลาไม่กี่พันปีนี้เองและด้วยพลังงานศรัทธาที่มีมากมหาศาล ข้าคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าจะมีระดับความรู้แจ้งที่สูงส่ง อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์ข้าขอเตือนเจ้าบางอย่าง ข้าขอแนะนำให้เจ้าพัฒนาพลังโจมตีวัตถุ”
“ทำไมท่านถึงพูดอย่างนั้น...?” ลินลี่ย์ค่อนข้างสงสัย
“ร่างของเจ้าแข็งแกร่งมาก” บลูไฟร์ถอนหายใจ “ข้าได้ยินมาจากเบรุตว่าร่างของเจ้าตอนนี้เทียบได้กับสมบัติมหาเทพ! เจ้าต้องเข้าใจว่าแม้แต่บรรดามหาเทพทั้งหมดจำนวนมหาเทพที่มีความสามารถระดับนี้สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น”
“โอว?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ “เป็นเรื่องยากมากที่มหาเทพจะเสริมพลังร่างกายได้หรือ? เท่าที่ข้ารู้ บรรพบุรุษของตระกูลมังกรฟ้าเรามหาเทพมังกรฟ้าก็มีร่างกายแข็งแกร่งพอๆ กับสมบัติมหาเทพ”
บลูไฟร์แค่นเสียง “มหาเทพมังกรฟ้า? เจ้าคิดว่ามหาเทพธรรมดาจะเอาไปเทียบได้กับสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีทักษะธรรมชาติผิดธรรมดาหรือ?”
ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์...มีทักษะธรรมชาติที่ไม่ธรรมดางั้นหรือ?
แต่คำพูดของบลูไฟร์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด ไม่เพียงแต่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกตนมีทักษะเทพธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังสามารถหลอมรวมทักษะเทพธรรมชาติให้เป็นหนึ่งนี่เป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดามาก
“ลินลี่ย์, จงมองดูข้า ข้าก็เป็นมหาเทพผู้หนึ่งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถใช้พลังมหาเทพให้ปรากฏที่ร่างข้า แต่ข้าไม่สามารถเสริมพลังให้ร่างกายได้” บลูไฟร์ส่ายศีรษะ “สำหรับร่างของข้าแข็งแกร่งเท่ากับสมบัติมหาเทพไหมเล่า? นั่นเป็นสิ่งเหลือเชื่อแล้วที่พวกท่านมีมาตั้งแต่เกิด ตัวอย่างเช่น สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์, เบรุต,ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง หรือประมุขมหาเทพวิถีมรณะนั่นเป็นความจริงที่ใช้ได้กับพวกเขาทั้งหมด
บีบีที่อยู่ใกล้ๆร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและวิถีทำลายล้างไม่ใช่มนุษย์หรือ?”
“พวกเขาไม่ใช่มนุษย์” เบรุตพยักหน้า “ประมุขมหาเทพวิถีมรณะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาในยุคแรกที่ยมโลกก่อกำเนิด เมื่อยมโลกถูกสร้างทีแรกทวีปของยมโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน แต่ลึกลงไปในทะเลบาดาลกว้างไกลไม่มีที่สุดสิ่งมีชีวิตแรกถือกำเนิดเป็นประเภทพฤกษา! นั่นคือร่างแท้จริงของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ”
“พฤกษา? เป็นพฤกษาชนิดไหน?” ลินลี่ย์สงสัยเล็กน้อย
“นั่นไม่ค่อยชัดเจนนัก” เบรุตส่ายศีรษะ “ไม่มีใครสามารถบังคับให้ประมุขมหาเทพวิถีมรณะแสดงร่างที่แท้จริงของนางได้ เป็นที่รู้กันดีว่า ‘ต้นผลสิ้นหวัง’ ที่มีชีวิตอยู่ในภูเขาสิ้นหวังเป็นผลต้นไม้ที่มาจากส่วนหนึ่งของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ
“โอว?” ลินลี่ย์เข้าใจทันที
ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกย้อนไปถึงลวดลายที่ปรากฏอยู่บนชุดยาวของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ กิ่งก้านและเถาเหล่านั้นและอสรพิษเงินที่ขดพันรอบ “ต้นผลสิ้นหวังและประมุขมหาเทพเทพวิถีมรณะเป็นต้นไม้ทั้งคู่! สำหรับอสรพิษทองและเงินขนาดใหญ่ทั้งสองคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ทั้งสองนั้น”
“มีขีดจำกัดที่พลังมหาเทพสามารถช่วยเสริมพลังให้เทพ” บลูไฟร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“พลังมหาเทพที่ข้าหลอมรวมไม่สามารถเสริมพลังให้ร่างกายข้าได้อีก” ลินลี่ย์พูดพลางขมวดคิ้ว
เมื่อเขาหลอมรวมพลังเทพชั้นสูงสี่สายธาตุและสร้างพลังเทพที่เขาหลอมรวม เขาสามารถเสริมพลังให้ร่างกายของเขาได้มากมายและยังเสริมพลังให้สมบัติเทพของเขาและอาวุธประกายเทพ! แต่พลังมหาเทพหลอมรวมของเขาในแง่การเสริมพลังและผลที่ได้ยังด้อยกว่าพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุ
ต้องเข้าใจก่อนว่าพลังของพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุมีพลังมากกว่าพลังมหาเทพธรรมดาสิบเท่า
ขณะที่พลังมหาเทพหลอมรวมของลินลี่ย์มีพลังมากกว่าพลังมหาเทพธรรมดาสิบเท่า เทียบกับพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุของเขาก่อนนั้นถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก! แม้ว่าในแง่พลังโจมตี ก็ยังแทบไม่มีความแตกต่าง ในแง่ผลกระทบพิเศษยังด้อยกว่าพลังเทพหลอมรวมของเขา
“ดูเหมือนว่าการหาความสมดุลเป็นเรื่องสำคัญ พลังงานของร่างทั้งสี่ของข้ายังไม่สมดุล” ลินลี่ย์สามารถคาดการณ์ถึงสาเหตุได้
“ลินลี่ย์! ร่างของเจ้าแข็งแกร่งพอๆกับเบรุตและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์” บลูไฟร์พูดจริงจัง “ถ้าเจ้าพัฒนาพลังโจมตีวัตถุ อย่างนั้นแม้ด้วยระดับปัจจุบันของเจ้า เจ้าก็อาจเทียบได้กับประมุขมหาเทพธรรมดา”
“อย่างไรก็ตาม...ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อกรประมุขมหาเทพแห่งแสงในตอนนี้” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีสมบัติจอมเทพเช่นกัน!
“ไม่ต้องรีบร้อน ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป” เบรุตหัวเราะอย่างเยือกเย็น “เจ้าเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพ เมื่อเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสี่จากกฎธาตุที่ต่างกัน พลังก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่ามากกว่าเมื่อเวลาเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งหกในธาตุเดียวกันเสียอีก ถึงตอนนั้นเจ้าย่อมเหนือกว่าประมุขมหาเทพแห่งแสง ออกุสตาแน่นอน”
ศักยภาพของลินลี่ย์ในแง่พลังกฎธาตุ ยังสูงมากกว่ามหาเทพธรรมดา
แสงจันทร์เหมือนกับน้ำฉายลงมาพื้นโลกไม่มีที่สิ้นสุด
ภายในปราสาทเลือดมังกร
ลินลี่ย์และเดเลียนอนประคองกอดอยู่บนเตียงนี่เป็นคืนที่สามหลังจากลินลี่ย์กลายเป็นมหาเทพ วันก่อนที่ลินลี่ย์กลับมายังปราสาทเลือดมังกรและอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เดเลีย เดเลียถึงกับตะลึง นางไม่เคยนึกคิดมาก่อน..ว่าลินลี่ย์จะมาถึงระดับนี้ได้
แค่อาศัยอาวุธจอมเทพของเขา ลินลี่ย์ในตอนนี้เทียบได้กับประมุขมหาเทพคนหนึ่ง
ถ้าเขาสามารถได้รับการรู้แจ้งเคล็ดลึกลับมากขึ้น เขาย่อมมีโอกาสเอาชนะประมุขมหาเทพแห่งแสงได้
“ลินลี่ย์! เจ้ากลายเป็นมหาเทพแล้วข้ารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน” เดเลียแอบอิงอยู่บนอกลินลี่ย์และพูดอ่อนโยน สายตาของนางมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก
“มหาเทพ..น่าเสียดายจริงๆ,ข้าไม่สามารถทำให้ปู่เดลินกลับมามีชีวิตได้อีก” ลินลี่ย์ถอนหายใจรำพึง
เดเลียหันไปมองลินลี่ย์และยิ้มให้กำลังใจ “ถ้าปู่เดลินยังมีชีวิต เขาคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเจ้า นอกจากนี้..เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา... ปู่เดลินก็มีชีวิตยืนยาวนานแล้ว อย่าเสียใจไปเลย”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแล้วในตอนนี้” เดเลียยิ้ม “จะไม่มีมรสุมโลหิตใดๆ มากขึ้นไปกว่านี้แล้ว เจ้าคงไม่ต้องออกจากพิภพยูลาน แค่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอ เราจะดูพระอาทิตย์ขึ้นดูอาทิตย์อัสดงค์สักพันปี หมื่นปี!”
เมื่อได้เช่นนี้ลินลี่ย์อดดึงเดเลียเข้ามากอดมิได้
ลินลี่ย์รู้ว่าชีวิตในอนาคตของเขาจะต้องมีความสงบแน่นอน
แต่แน่นอนว่าแม้ในช่วงเวลาที่เงียบสงบ ลินลี่ย์ยังต้องการฝึกฝน ขณะที่เวลาผ่านไปพลังของเขาเพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดที่แทบไล่ตามประมุขมหาเทพแห่งแสงได้ทัน!
“ประมุขมหาเทพแห่งแสง..ข้าต้องเอาชนะและฆ่าเขาให้ได้! ลินลี่ย์รำพึงกับตนเองเงียบๆ
ที่สำคัญอิสรภาพของมารดาของเขายังอยู่ภายใต้การครอบงำของประมุขมหาเทพแห่งแสง