ตอนที่แล้วตอนที่ 21-5 มหัศจรรย์หลอมรวมพลังมหาเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21-7 ทวีปบลัดดรากอน

ตอนที่ 21-6 มอบความไว้วางใจ


ชั้นที่สิบแปดสุสานเทพเจ้า สว่างเรืองแสงอีกครั้ง  ตอนนี้ลินลี่ย์ลืมตาขึ้นแล้ว

เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์หลอมรวมประกายมหาเทพเสร็จแล้วเบรุต บลูไฟร์และบีบีอดยิ้มเต็มหน้าไม่ได้

“ลินลี่ย์!  เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”  เบรุตถาม ค่อนข้างกระวนกระวาย

เบรุตไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายมากไม่เคยมีสักครั้งในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา!  แต่บัดนี้..เขากระวนกระวายอย่างแท้จริง! จะเป็นอย่างไรถ้าลินลี่ย์หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพสองชิ้นแล้วจะไม่ทรงพลังเหมือนอย่างที่เขาคิด?  นี่จะส่งผลว่าเขาเบรุตจะสามารถออกไปจากพิภพยูลานอย่างเปิดเผยในอนาคตได้หรือไม่  เขาสามารถท่องเที่ยวไปในพิภพชั้นสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้!

“ข้ารู้สึก..” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย!”

“ไม่เลวเลยหรือ?”  เบรุตบลูไฟร์และบีบีจ้องมองลินลี่ย์กันทุกคนด้วยสีหน้าประหลาดใจ  คำว่าไม่เลวของลินลี่ย์มีพลังระดับใดกันแน่?

“พี่ใหญ่!  ท่านทรงพลังระดับประมุขมหาเทพได้หรือยัง?”  บีบีถามทันที

“หือ...?” ลินลี่ย์ลังเลเล็กน้อย

“ปู่เบรุต! ท่านรู้ความแตกต่างระหว่างพลังของมหาเทพน้อยและมหาเทพกลาง,ประมุขมหาเทพว่ามีเท่าใดไหม?” ลินลี่ย์ถาม  เมื่อไม่เข้าใจชัดว่าแต่ละระดับทรงพลังมากเพียงไหน ลินลี่ย์ก็ไม่สามารถประเมินระดับพลังของตนเองได้ถูกต้อง

เบรุตรีบอธิบายทันที  “ลินลี่ย์! มีความแตกต่างในเรื่องระดับพลังของมหาเทพอย่างมากมาย!  ตัวอย่างเช่นมหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนด้วยเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางผู้หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ห้าเคล็ดจะอ่อนแอกว่าเล็กน้อย  แต่พวกเขาจะมีระดับใกล้เคียงกันมาก! ตัวอย่างที่คล้ายกันมหาเทพชั้นกลางที่เป็นพารากอนจะมีพลังที่แทบจะไล่เลี่ยกับประมุขมหาเทพผู้หลอมรวมได้ห้าเคล็ด  แต่แน่นอนว่าเขายังอ่อนแอกว่าเล็กน้อย นี่ยังไม่นับรวมอาวุธและทักษะเทพธรรมชาติเข้าไปด้วย”

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!”  ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

มหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางผู้หลอมรวมได้ห้าเคล็ด

ในแง่เคล็ดลึกลับมหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนจะมีพลังมากกว่ามหาเทพกลางถึงสิบเท่า แต่แม้กระนั้นพวกเขาไม่ยังไม่เหนือกว่ามหาเทพกลาง  นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของพลังปณิธานที่มากกว่าถึงสิบเท่า

นอกจากนี้เท่าที่ผ่านมามหาเทพน้อยที่เป็นพารากอนไม่ใช่แค่ครองพลังปณิธานของมหาเทพเท่านั้น  พวกเขามีพลังของปณิธานซึ่งเอกภพมอบให้พวกเขาเมื่อพวกเขากลายเป็นเทพพารากอน เพียงแต่พลังปณิธานของพวกเขาจะอ่อนแอมากกว่าพลังปณิธานของมหาเทพชั้นกลางหลายเท่า

จากนั้น...

มหาเทพน้อยธรรมดาเมื่อเทียบกับมหาเทพกลางน่าจะมีปริมาณพลังปณิธานเพียงหนึ่งในร้อยของประกายเทพของเขา

“พูดตามเหตุผล” เบรุตหัวเราะ  “ลินลี่ย์!  ในเมื่อเจ้ามีพลังของปณิธานจากวิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุอยู่แล้วและตอนนี้เจ้าหลอมรวมประกายมหาเทพสองชนิดแล้ว พลังของปณิธานของเจ้าน่าจะมีระดับพลังที่สูงขึ้น ตอนนี้เจ้าควรจะมีพลังปณิธานที่เทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง”

บลูไฟร์มองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย  “ลินลี่ย์!  เจ้าเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพ  หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพสองชนิดแล้ว ปณิธานภายในประกายมหาเทพสามารถหลอมรวมด้วยกันได้ใช่ไหม?”

“ไม่” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “พลังของปณิธานของมหาเทพเกือบทั้งหมดอยู่ภายในประกายเทพ  จะเอามาหลอมรวมกันได้อย่างไร?”

“ปู่เบรุตคาดการณ์ได้ถูก”  ลินลี่ย์พยักหน้า  “หลังจากหลอมรวมประกายมหาเทพธาตุน้ำแล้ว วิญญาณทั้งห้าของข้าได้รับพลังปณิธานเพิ่มอีกครั้ง!  ตามการคาดคำนวณของข้า ในแง่พลังปณิธานอย่างเดียวข้าเทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง”

“แต่เจ้ายังหลอมรวมพลังมหาเทพได้”  เบรุตหัวเราะ

“ถูกแล้วพลังมหาเทพสองรูปแบบสามารถหลอมรวมกันได้”

ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงกระแสพลังมหาเทพสีเขียวเข้มที่ไหลโคจรอยู่รอบตัวเขา  เขาพยักหน้า “พลังมหาเทพหลอมรวมนี้ในแง่ของพลังน่าจะมากกว่าพลังของมหาเทพธรรมดาถึงสิบเท่า  ในแง่ของพลังปณิธานและพลังของมหาเทพ  ข้าควรจะเทียบได้กับมหาเทพระดับกลาง!”

ถ้าเป็นคนอื่นแม้ว่าเขาอาจจะมีร่างแยกมหาเทพได้สองร่าง นั่นหมายความว่าเขามีร่างมหาเทพเพิ่ม และวิญญาณแต่ละสายธาตุก็เพิ่มด้วย แต่จะเพิ่มต่างหากจากกันเฉพาะในพลังปณิธานเท่านั้น

แต่ลินลี่ย์ไม่ใช่แค่รับพลังเพิ่มเฉพาะในปณิธานเท่านั้น  พลังมหาเทพของเขาก็สามารถหลอมรวมกันได้!

“และเจ้ายังมีสมบัติจอมเทพ!”  บลูไฟร์ยิ้ม  “ด้วยสมบัติจอมเทพนี้,เจ้าน่าจะเทียบได้กับประมุขมหาเทพธรรมดาทั้งหก!”

ลินลี่ย์รู้ว่าหกคนนั้นหมายถึงประมุขมหาเทพคนไหน,ในบรรดาประมุขมหาเทพทั้งสิบเอ็ดคน มีเพียงห้าคนที่ได้รับสมบัติจอมเทพ

ชั้นที่สิบแปดของสุสานเทพเจ้า

“ควั่บ”

สายลมพัดแผ่วเบาเบรุตโบกแขนอย่างอารมณ์ดี  ทันใดนั้นมีเสียงครืดดกระเบื้องสีฟ้าทั้งหลายเคลื่อนที่และแท่นที่เก็บศพของพญามังกรฟ้ายุบลงอีกครั้งหนึ่ง  ขณะเดียวกันโต๊ะและเก้าอี้หินสี่ตัวปรากฏขึ้นบนพื้นศิลาสีฟ้าเช่นกัน

“ทุกคน!  มานั่งสนทนากันเถอะ”  เบรุตหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขานำทุกคนนั่งลง  ขณะเดียวกันเขาเอาเหล้าชั้นดีและอาหารออกมาจากแหวนมิติเก็บของ  “หมื่นปีมานี้ข้าไม่เคยมีความสุขเท่ากับวันนี้เลย ฮ่าฮ่า.. ข้าไม่เคยแม้แต่จะคิด...ว่าคนที่จะนำข้าออกไปจากสถานการณ์เช่นนี้จะเป็นคนที่มาจากอาณาจักรเฟนไล  ในพริบตาเดียวนักเรียนจากสถาบันจอมเวทก็จะกลายเป็นบุคคลเทียบได้กับประมุขมหาเทพ”

“ข้าก็อัศจรรย์ใจเช่กัน?”  บีบีพูดอย่างร่าเริง “ข้าจำได้ทันทีว่าการได้อยู่และติดตามพี่ใหญ่ยอดเยี่ยมขนาดไหน”

“จำได้ทันทีหรือ?”  ลินลี่ย์พูดพร้อมกับยิ้ม  “ตอนนั้นข้าใช้เหยื่อล่อเจ้าใช้ทั้งกระต่ายปิ้งและน่องไก่..”

บีบีประหลาดใจ

“ฮ่าฮ่า..” บลูไฟร์เมื่อเห็นสีหน้าของบีบีอดหัวเราะไม่ได้ พลางดื่มเหล้าในมือของเขา

“มาเถอะลินลี่ย์ ดื่มฉลองกัน  ในอนาคตไม่ว่าบลูไฟร์และข้าจะสามารถออกจากพิภพยูลานได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”  เบรุตหัวเราะ

ลินลี่ย์ดื่มเหล้าในแก้วของเขาเช่นกัน  “ไม่ต้องห่วง, ปู่เบรุต ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นเรื่องสมควรที่ข้าจะต้องทำอยู่แล้ว  ท่านมอบประกายมหาเทพสองชิ้นให้ข้า ในที่สุดท่านก็ปลดเปลื้องปัญหายากลำบากออกไปจากตนเองได้อย่างหนึ่ง  ข้าก็ต้องขอบคุณท่าน”  ลินลี่ย์พูดด้วยความจริงใจ

เบรุตหัวเราะจากนั้นส่ายศีรษะ “ฮ่าฮ่า, เจ้าถ่อมตัวเกินไป ข้าคงจะต้องไปหารับเลือกคนที่จะเป็นมหาเทพอีกเสียแล้ว!”

“และเป็นไปได้หรือว่าข้าจะหายอดฝีมือที่มีพลังวิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุได้ที่ไหนอีก?  นี่ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้แล้ว  ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เดิมทีบลูไฟร์กับข้าก็ให้ความสนใจเจ้าอย่างต่อเนื่องแล้ว  แต่เมื่อการกลายสภาพของวิญญาณยังทำให้เจ้ามีชีวิตรอดอยู่ได้  ตอนแรกเราคิดว่าเจ้าจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ ใครจะคิดกันเล่าว่าเจ้าสามารถรอดพ้นจากอันตรายและสามารถรอดชีวิตกลับมาได้?เจ้าเอาชีวิตรอดจากความตายได้หวุดหวิด”  เบรุตถอนหายใจชื่นชม

ลินลี่ย์ไม่ได้พูดขัดอีกต่อไป  เขาแค่หัวเราะอย่างมีความสุขกับคนที่อยู่รอบๆเขา

“อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจเคล็ดลึกลับในกฎธาตุของข้ายังนับว่าต่ำมาก”  ลินลี่ย์พูดพลางขมวดคิ้ว

ในแง่ของเคล็ดลึกลับยังคงหลอมรวมได้สี่เคล็ดมหาเทพอื่นหลอมรวมได้อย่างน้อยห้าเคล็ด

“ไม่ต้องรีบร้อน”  บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้หัวเราะอย่างเยือกเย็น  “ลินลี่ย์! เนื่องจากระดับพรสวรรค์ของเจ้าและความจริงที่ว่าเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับสี่เคล็ดในช่วงเวลาไม่กี่พันปีนี้เองและด้วยพลังงานศรัทธาที่มีมากมหาศาล ข้าคิดว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าจะมีระดับความรู้แจ้งที่สูงส่ง  อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์ข้าขอเตือนเจ้าบางอย่าง  ข้าขอแนะนำให้เจ้าพัฒนาพลังโจมตีวัตถุ”

“ทำไมท่านถึงพูดอย่างนั้น...?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างสงสัย

“ร่างของเจ้าแข็งแกร่งมาก”  บลูไฟร์ถอนหายใจ “ข้าได้ยินมาจากเบรุตว่าร่างของเจ้าตอนนี้เทียบได้กับสมบัติมหาเทพ!  เจ้าต้องเข้าใจว่าแม้แต่บรรดามหาเทพทั้งหมดจำนวนมหาเทพที่มีความสามารถระดับนี้สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น”

“โอว?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ “เป็นเรื่องยากมากที่มหาเทพจะเสริมพลังร่างกายได้หรือ?  เท่าที่ข้ารู้ บรรพบุรุษของตระกูลมังกรฟ้าเรามหาเทพมังกรฟ้าก็มีร่างกายแข็งแกร่งพอๆ กับสมบัติมหาเทพ”

บลูไฟร์แค่นเสียง  “มหาเทพมังกรฟ้า? เจ้าคิดว่ามหาเทพธรรมดาจะเอาไปเทียบได้กับสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีทักษะธรรมชาติผิดธรรมดาหรือ?”

ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์...มีทักษะธรรมชาติที่ไม่ธรรมดางั้นหรือ?

แต่คำพูดของบลูไฟร์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด  ไม่เพียงแต่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกตนมีทักษะเทพธรรมชาติที่ไม่ธรรมดา พวกเขายังสามารถหลอมรวมทักษะเทพธรรมชาติให้เป็นหนึ่งนี่เป็นความสามารถที่ไม่ธรรมดามาก

“ลินลี่ย์, จงมองดูข้า  ข้าก็เป็นมหาเทพผู้หนึ่งเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถใช้พลังมหาเทพให้ปรากฏที่ร่างข้า  แต่ข้าไม่สามารถเสริมพลังให้ร่างกายได้”  บลูไฟร์ส่ายศีรษะ “สำหรับร่างของข้าแข็งแกร่งเท่ากับสมบัติมหาเทพไหมเล่า? นั่นเป็นสิ่งเหลือเชื่อแล้วที่พวกท่านมีมาตั้งแต่เกิด  ตัวอย่างเช่น สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์, เบรุต,ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง หรือประมุขมหาเทพวิถีมรณะนั่นเป็นความจริงที่ใช้ได้กับพวกเขาทั้งหมด

บีบีที่อยู่ใกล้ๆร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ “ประมุขมหาเทพวิถีมรณะและวิถีทำลายล้างไม่ใช่มนุษย์หรือ?”

“พวกเขาไม่ใช่มนุษย์”  เบรุตพยักหน้า “ประมุขมหาเทพวิถีมรณะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาในยุคแรกที่ยมโลกก่อกำเนิด  เมื่อยมโลกถูกสร้างทีแรกทวีปของยมโลกไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน แต่ลึกลงไปในทะเลบาดาลกว้างไกลไม่มีที่สุดสิ่งมีชีวิตแรกถือกำเนิดเป็นประเภทพฤกษา!  นั่นคือร่างแท้จริงของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ”

“พฤกษา? เป็นพฤกษาชนิดไหน?”  ลินลี่ย์สงสัยเล็กน้อย

“นั่นไม่ค่อยชัดเจนนัก”  เบรุตส่ายศีรษะ “ไม่มีใครสามารถบังคับให้ประมุขมหาเทพวิถีมรณะแสดงร่างที่แท้จริงของนางได้  เป็นที่รู้กันดีว่า ‘ต้นผลสิ้นหวัง’ ที่มีชีวิตอยู่ในภูเขาสิ้นหวังเป็นผลต้นไม้ที่มาจากส่วนหนึ่งของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ

“โอว?” ลินลี่ย์เข้าใจทันที

ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกย้อนไปถึงลวดลายที่ปรากฏอยู่บนชุดยาวของประมุขมหาเทพวิถีมรณะ กิ่งก้านและเถาเหล่านั้นและอสรพิษเงินที่ขดพันรอบ  “ต้นผลสิ้นหวังและประมุขมหาเทพเทพวิถีมรณะเป็นต้นไม้ทั้งคู่! สำหรับอสรพิษทองและเงินขนาดใหญ่ทั้งสองคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ทั้งสองนั้น”

“มีขีดจำกัดที่พลังมหาเทพสามารถช่วยเสริมพลังให้เทพ”  บลูไฟร์หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“พลังมหาเทพที่ข้าหลอมรวมไม่สามารถเสริมพลังให้ร่างกายข้าได้อีก”  ลินลี่ย์พูดพลางขมวดคิ้ว

เมื่อเขาหลอมรวมพลังเทพชั้นสูงสี่สายธาตุและสร้างพลังเทพที่เขาหลอมรวม  เขาสามารถเสริมพลังให้ร่างกายของเขาได้มากมายและยังเสริมพลังให้สมบัติเทพของเขาและอาวุธประกายเทพ!  แต่พลังมหาเทพหลอมรวมของเขาในแง่การเสริมพลังและผลที่ได้ยังด้อยกว่าพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุ

ต้องเข้าใจก่อนว่าพลังของพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุมีพลังมากกว่าพลังมหาเทพธรรมดาสิบเท่า

ขณะที่พลังมหาเทพหลอมรวมของลินลี่ย์มีพลังมากกว่าพลังมหาเทพธรรมดาสิบเท่า เทียบกับพลังเทพหลอมรวมสี่สายธาตุของเขาก่อนนั้นถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก!  แม้ว่าในแง่พลังโจมตี ก็ยังแทบไม่มีความแตกต่าง ในแง่ผลกระทบพิเศษยังด้อยกว่าพลังเทพหลอมรวมของเขา

“ดูเหมือนว่าการหาความสมดุลเป็นเรื่องสำคัญ  พลังงานของร่างทั้งสี่ของข้ายังไม่สมดุล”  ลินลี่ย์สามารถคาดการณ์ถึงสาเหตุได้

“ลินลี่ย์!  ร่างของเจ้าแข็งแกร่งพอๆกับเบรุตและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์” บลูไฟร์พูดจริงจัง “ถ้าเจ้าพัฒนาพลังโจมตีวัตถุ อย่างนั้นแม้ด้วยระดับปัจจุบันของเจ้า เจ้าก็อาจเทียบได้กับประมุขมหาเทพธรรมดา”

“อย่างไรก็ตาม...ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อกรประมุขมหาเทพแห่งแสงในตอนนี้”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ

ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีสมบัติจอมเทพเช่นกัน!

“ไม่ต้องรีบร้อน  ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป”  เบรุตหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “เจ้าเป็นเทพวิญญาณกลายสภาพ เมื่อเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งสี่จากกฎธาตุที่ต่างกัน  พลังก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่ามากกว่าเมื่อเวลาเจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับทั้งหกในธาตุเดียวกันเสียอีก  ถึงตอนนั้นเจ้าย่อมเหนือกว่าประมุขมหาเทพแห่งแสง ออกุสตาแน่นอน”

ศักยภาพของลินลี่ย์ในแง่พลังกฎธาตุ ยังสูงมากกว่ามหาเทพธรรมดา

แสงจันทร์เหมือนกับน้ำฉายลงมาพื้นโลกไม่มีที่สิ้นสุด

ภายในปราสาทเลือดมังกร

ลินลี่ย์และเดเลียนอนประคองกอดอยู่บนเตียงนี่เป็นคืนที่สามหลังจากลินลี่ย์กลายเป็นมหาเทพ วันก่อนที่ลินลี่ย์กลับมายังปราสาทเลือดมังกรและอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เดเลีย  เดเลียถึงกับตะลึง  นางไม่เคยนึกคิดมาก่อน..ว่าลินลี่ย์จะมาถึงระดับนี้ได้

แค่อาศัยอาวุธจอมเทพของเขา ลินลี่ย์ในตอนนี้เทียบได้กับประมุขมหาเทพคนหนึ่ง

ถ้าเขาสามารถได้รับการรู้แจ้งเคล็ดลึกลับมากขึ้น  เขาย่อมมีโอกาสเอาชนะประมุขมหาเทพแห่งแสงได้

“ลินลี่ย์!  เจ้ากลายเป็นมหาเทพแล้วข้ารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน” เดเลียแอบอิงอยู่บนอกลินลี่ย์และพูดอ่อนโยน  สายตาของนางมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก

“มหาเทพ..น่าเสียดายจริงๆ,ข้าไม่สามารถทำให้ปู่เดลินกลับมามีชีวิตได้อีก” ลินลี่ย์ถอนหายใจรำพึง

เดเลียหันไปมองลินลี่ย์และยิ้มให้กำลังใจ “ถ้าปู่เดลินยังมีชีวิต เขาคงจะมีความสุขมากที่ได้เห็นเจ้า  นอกจากนี้..เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา... ปู่เดลินก็มีชีวิตยืนยาวนานแล้ว อย่าเสียใจไปเลย”

“ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ

“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแล้วในตอนนี้”  เดเลียยิ้ม “จะไม่มีมรสุมโลหิตใดๆ มากขึ้นไปกว่านี้แล้ว  เจ้าคงไม่ต้องออกจากพิภพยูลาน  แค่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็พอ  เราจะดูพระอาทิตย์ขึ้นดูอาทิตย์อัสดงค์สักพันปี หมื่นปี!”

เมื่อได้เช่นนี้ลินลี่ย์อดดึงเดเลียเข้ามากอดมิได้

ลินลี่ย์รู้ว่าชีวิตในอนาคตของเขาจะต้องมีความสงบแน่นอน

แต่แน่นอนว่าแม้ในช่วงเวลาที่เงียบสงบ ลินลี่ย์ยังต้องการฝึกฝน  ขณะที่เวลาผ่านไปพลังของเขาเพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดที่แทบไล่ตามประมุขมหาเทพแห่งแสงได้ทัน!

“ประมุขมหาเทพแห่งแสง..ข้าต้องเอาชนะและฆ่าเขาให้ได้!  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเองเงียบๆ

ที่สำคัญอิสรภาพของมารดาของเขายังอยู่ภายใต้การครอบงำของประมุขมหาเทพแห่งแสง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด