ตอนที่ 21-5 มหัศจรรย์หลอมรวมพลังมหาเทพ
ชั้นที่สิบแปดของสุสานเทพเจ้า ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นทะเลธาตุบริสุทธิ์สีเหลืองน้ำตาล ขณะที่ลินลี่ย์ลอยนิ่งกับที่หลับตาราศีที่น่ากลัวเปล่งออกมาจากร่างของเขา เบรุต บลูไฟร์ และบีบีมองดูอยู่ใกล้ๆโดยไม่กระพริบตา
ภายในทะเลจิตสำนึกของลินลี่ย์
ร่างหลักของเขาร่างแยกธาตุลม ไฟและน้ำนั่งขัดสมาธิอยู่บนผิวทะเลจิตสำนึก ร่างทั้งสี่นั่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และด้านบนพวกเขามีอัญมณีเหมือนแก้วลอยลอยวนอยู่ กระแสพลังปณิธานที่มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้กำลังหมุนวนอยู่รอบวิญญาณทั้งห้าของลินลี่ย์
วิญญาณของร่างหลักของเขาและร่างแยกทั้งสี่ในความเป็นจริงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเหมือนกัน
ในขณะนั้นวิญญาณของร่างแยกธาตุดินมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วขณะที่วิญญาณของร่างหลักและของร่างแยกอื่นอีกสามร่างมีพัฒนาการที่ช้ากว่า
“ความจริงก็เป็นไปเหมือนกับที่ลอร์ดเบรุตว่า ปณิธานของมหาเทพใช้ได้ไม่มีหมด แต่ต้องเพ่งอยู่แต่ภายในประกายมหาเทพเท่านั้น พลังวิญญาณที่แท้จริงของพวกเขามีพลังปณิธานเล็กน้อย” ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าแม้ปริมาณของพลังปณิธานภายในวิญญาณทั้งห้าของเขาจะเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นไปอย่างจำกัด
วิญญาณของร่างแยกธาตุดินของเขาหลังจากกลายเป็นมหาเทพแล้วก็ได้รับพลังปณิธานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปณิธานที่เทพพารากอนมี
สำหรับร่างเดิมของเขาและร่างแยกอีกสามร่างได้รับพลังเพียง 80% ของปณิธานที่เทพพารากอนมี
“มิน่าเล่างั้นนี่ก็เป็นเหตุผลที่แม้ว่ามหาเทพจะส่งร่างแยกของเขาเข้าไปในพิภพโลกธาตุเขาก็ยังไม่สามารถฆ่าเทพพารากอนได้” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ จากนั้นรำพึงในใจ “อย่างไรก็ตามแม้ว่าก่อนจะกลายเป็นมหาเทพ พลังปณิธานของข้าก็เหนือพารากอนไปแล้ว! ตอนนี้ข้ามีความแข็งแกร่งมากขึ้น!” ขณะนั้นเอง...
คลื่นสีทองที่น่ากลัวเข้าไปในใจเขาทันที นี่เป็นกระแสสีทองที่ไร้ลักษณ์ที่ทะลักเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเขาและจมลงสู่จิตวิญญาณของเขา
“นี่คือ...”
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขามีสภาพใจที่กระจ่างชัดมากขึ้นเป็นสิบเท่าและความสามารถในการวิเคราะห์ของวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นมากมาย
“นี่คือ...พลังงานของศรัทธา!” ลินลี่ย์ตะลึง
ความจริงลินลี่ย์มักจะดูดซับพลังศรัทธาอยู่เสมอ แต่นั่นเป็นพลังศรัทธาเล็กน้อยที่เขาได้รับจากพิภพยูลานซึ่งสำหรับลินลี่ย์ในปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีอะไรเลย แต่แม้ว่าพลังศรัทธาน้อยนิดแต่ก็ทำให้การฝึกปรือของลินลี่ย์มีความเร็วเพิ่มขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตามเหมือนกับว่าสายพลังศรัทธาสายหนึ่งได้เข้าไปในทะเลจิตสำนึกของเขาปริมาณที่เขาได้รับมาฉับพลันนั้นเทียบได้กับพลังงานศรัทธาที่เขาสร้างขึ้นในช่วงสองสามพันปีที่ผ่านมา
ชั้นที่สิบแปดของสุสานเทพเจ้า คลื่นแก่นธาตุสีเหลืองน้ำตาลหายไปโลกกลับคืนสู่สภาพสีฟ้าอีกครั้ง
ลินลี่ย์ลืมตาจ้องมองเบรุตและบลูไฟร์อย่างตกใจ “ลอร์ดเบรุต, พลังศรัทธานี้..”
“ตอนนี้เจ้าเป็นมหาเทพแล้ว เจ้าไม่อ่อนแอกว่าข้าอีกต่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องยกข้าเป็นลอร์ดเบรุตอีกแล้ว เจ้าเรียกข้าว่าเบรุตได้เลย!” เบรุตเพียงแต่หัวเราะ
ลินลี่ย์รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณต่อเบรุต เป็นเบรุตที่มอบประกายมหาเทพให้เขา ในความเป็นจริงมอบให้เขาสองประกายเทพ เป็นเวลาสองพันปีมากแล้ว เขาดูแลลินลี่ย์มาอย่างต่อเนื่องลินลี่ย์ไม่อาจลืมเรื่องนี้ได้ “ลอร์ดเบรุต ถ้าเราไม่รู้จักกันและกัน ข้าคงใช้การเปรียบเทียบพลังเพื่อกำหนดสถานะของเรา แต่ลอร์ดเบรุต แม้แต่ตัวข้ายังไม่รู้ว่าจะตอบแทนความกรุณาที่ท่านมีต่อข้าได้ยังไง..”
หลังจากวิญญาณของเขากลายสภาพลินลี่ย์ก็ทรงพลังเท่ากับเทพพารากอนคนหนึ่ง
ถ้าพวกเขาต้องกำหนดสถานะผ่านการเทียบระดับพลังเนื่องจากลินลี่ย์ไม่รู้ว่าเบรุตเป็นมหาเทพพูดโดยทั่วไปลินลี่ย์ก็ควรเริ่มวางตัวเสมอกับเบรุตแล้ว อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ไม่ทำเช่นนั้น
ในใจลินลี่ย์...
เบรุตเป็นเหมือนญาติอาวุโสที่คอยดูแลเขาอยู่เสมอมา
“ฮ่าฮ่า, ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าก็จะทำหน้าหนาขอให้เจ้ากับบีบีเรียกข้าเป็นปู่เบรุตก็แล้วกัน เจ้าจะว่ายังไง?” เบรุตหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาพบความคงอยู่ของบีบีเบรุตก็เริ่มให้ความสนใจกับลินลี่ย์เช่นกัน เบรุตมักจับตาดูลินลี่ย์มาตั้งแต่เขาเยาว์วัยแล้ว
โดยไม่ทันรู้ตัวความใส่ใจที่เขามีต่อบีบีจึงเผื่อแผ่ไปถึงลินลี่ย์เป็นธรรมดา
“ปู่เบรุต” ลินลี่ย์รีบกล่าว
“ฮ่าฮ่า...” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เบรุตรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้แนวคิดของเบรุตมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก่อนหน้านี้ความคงอยู่ของบีบีเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างลินลี่ย์และเบรุต มีความสัมพันธ์ที่คล้ายกับผู้อาวุโสและผู้เยาว์ ความสัมพันธ์นี้ยังคลุมเครืออย่างไรก็ตามยังไม่มีการกำหนดสถานะอย่างเป็นทางการ
แม้ว่าหนึ่งในเหตุผลที่เบรุตเลือกลินลี่ย์เป็นเพราะพลังของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอย่างมากแต่ก็ยังเป็นเพราะเขาต้องการยืมพลังของลินลี่ย์เพื่อสู้ตอบโต้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง
แต่ในทันทีนั้น...
เมื่อลินลี่ย์เริ่มกำหนดสถานะให้เบรุตเป็นปู่ เบรุตย่อมมีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมเป็นธรรมดา เขาเข้าใจ..ว่าพลังของลินลี่ย์จะล้ำหน้าเขาไปมาก เพื่อช่วยยกระดับสุดยอดฝีมืออย่างนั้น และยอดฝีมือนั้นก็ยังเป็นผู้เยาว์ในครอบครัวของเขาเอง..เป็นธรรมดาที่เบรุตย่อมรู้สึกยินดีเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม” เบรุตหัวเราะ “เมื่อครู่นี้ เจ้าพูดถึงพลังศรัทธา...”
“ใช่แล้ว ทันทีที่ข้ากลายเป็นมหาเทพข้ารู้สึกได้ถึงกระแสของคลื่นพลังศรัทธาที่หนาแน่นทะลักเข้ามาในทะเลจิตสำนึกของข้า นี่มันยังไงกัน?” ลินลี่ย์ตะลึง
บลูไฟร์ที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะ “ลินลี่ย์! ก่อนหน้านี้เจ้าถามว่าทำไมมหาเทพทั้งหมดหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้อย่างน้อยห้าเคล็ดไม่ใช่หรือ?”
“เป็นความจริงที่ว่าไม่ใช่มหาเทพทั้งหมดที่มีพรสวรรค์ธรรมชาติ สำหรับพวกเขาทุกคนการหลอมรวมห้าเคล็ดลึกลับหรือมากกว่าเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงแน่นอน” ลินลี่ย์รู้สึกตัวทันที “ท่านกำลังบอกว่า...นี่เป็นเพราะพลังศรัทธาอย่างนั้นหรือ?” ลินลี่ย์ระลึกถึงวัตถุประสงค์ของพลังศรัทธาทำให้ยอดฝีมือสามารถรู้แจ้งได้เร็วและฝึกฝนได้เร็วขึ้น
แต่แน่นอนมีขีดจำกัดที่ว่าพลังศรัทธาจะช่วยได้มากแค่ไหน
ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่มีมหาเทพที่เป็นพารากอนเพียงน้อยนิดเป็นแน่
“พลังศรัทธาจะมีมากแค่ไหน?และน่ากลัวมากแค่ไหน...” ลินลี่ย์รีบกล่าว
เบรุตอธิบาย “ลินลี่ย์มีพิภพจักรวาลอยู่นับไม่ถ้วนบางที่ก็บูชาแสง บางที่ก็บูชาความมืด บ้างก็บูชาดิน บ้างก็บูชาสายฟ้าบ้างก็บูชาเทพทำลายล้าง.. มีวิหารแทบทุกรูปแบบอยู่ทั่วไปในพิภพนับไม่ถ้วนพลังศรัทธาปริมาณมากที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นเป็นสิ่งอัศจรรย์มาก”
“ข้าจะยกตัวอย่าง ในพิภพจักรวาลนับไม่ถ้วนมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากเพียงไหนที่บูชาแสง? จำนวนนี้ก็นับไม่ถ้วนแล้ว พลังศรัทธาทั้งหมดจะถูกสร้าง และ 99%ของพลังจะได้รับไปโดยเจ็ดมหาเทพแห่งแสง! พลังศรัทธาที่ได้รับทุกครั้งจะมีปริมาณมากมายน่ากลัว” เบรุตหัวเราะ “จะว่าไปแล้วเพราะหลอมรวมพลังศรัทธามากมหาเทพจะฝึกได้เร็วมากและรู้สึกได้ง่ายขึ้นมาก นี่คือเหตุผลที่ทำให้มหาเทพแต่คนหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้อย่างน้อยห้าเคล็ด
“สถานการณ์เป็นแบบนั้น” บีบีพึมพำ “นั่นโกงกันชัดๆ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น มหาเทพจะยอมให้ศาสนจักรของพวกเขาก่อตั้งในพิภพจักรวาลทำไม? ทำไมพวกมหาเทพจึงต้องรวบรวมเวททุกประเภทด้วยเล่า?” เบรุตหัวเราะ
“รวบรวมเวท?” ลินลี่ย์ตกใจ
“อะไรกัน, เป็นเรื่องแปลกนักหรือ?” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ลินลี่ย์, คิดดูสิ การร่ายเวทเทียบได้กับอะไร?”
ในการใช้เวทมนตร์ผู้ใช้จะต้องใช้พลังวิญญาณสนับสนุน การลดขั้นตอนใช้เวทจำเป็นต้องใช้พลังเวทของตนเองเพื่อกระตุ้นการทำงานของแก่นธาตุของโลกและสร้างเป็นเวทมนตร์ขึ้น จอมเวทผู้ทรงพลังบางคนสามารถใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลังของพวกเขาใช้เวทโดยไม่ต้องร่ายเวท! ตัวอย่างเช่นจอมเวทระดับแปดสามารถร่ายใช้เวทระดับแปดได้ แต่ถ้าเขาต้องการใช้เวทในฉับพลันเขาคงได้แต่ดึงเวทระดับที่ต่ำกว่ามาใช้
“การลดขั้นตอนใช้เวทจำเป็นต้องใช้การร่ายเวทช่วย นักเวทผู้อาศัยพลังของตนเองสามารถลดขั้นตอนการใช้เวทระดับต่ำกว่า แต่เมื่ออาศัยลดขั้นตอนการใช้เวทแล้วเขาจะสามารถปลดปล่อยเวทได้ทรงพลังมากขึ้น!” ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที “โดยอาศัยคำบริกรรมพลังโจมตีของนักเวทจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่คล้ายกับวิธีใช้เคล็ดลึกลับของกฎธาตุมาเพิ่มพลังโจมตีของนักเวท!”
“ถูกแล้ว” เบรุตยิ้ม“ เวทคาถาคือเคล็ดลึกลับของกฎธาตุแบบง่ายๆนั่นเอง แม้ว่าเวทมนตร์เหล่านั้นจะไม่ทรงพลังเท่ากฎธาตุ แต่ก็ยังใช้งานได้ดี”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันที “ฮ่าฮ่า..ตัวอย่างเช่นเวทระดับต้องห้ามธาตุลม ‘คมมีดมิติ’ เป็นพื้นฐานง่ายๆ ของเคล็ดลึกลับ ‘พลังโจมตีมิติของกฎธาตุลม และเวทธาตุลมระดับเก้า”วายุทำลายล้าง“นี่ก็เป็นวิถีในการประยุกต์ ‘ลมมิติ’ ของกฎธรรมชาติธาตุลม!”
บีบีที่อยู่ใกล้เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าและพูดอย่างดีใจ “ใช่แล้ว ‘เวทแรงโน้มถ่วง’ ของเวทธาตุดินก็เป็นสนามพลังโน้มถ่วงระดับง่ายๆ นั่นเอง และเวทธาตุดินธรรมดาหลายอย่างก็เป็นพื้นฐานของเคล็ดลึกลับของแก่นธาตุดิน”
เมื่อพวกเขาเปรียบเทียบกันจริงจังลินลี่ย์และบีบีในตอนนี้ตระหนักรู้ได้ทั้งหมดว่าเวทหลายๆ อย่างเป็นพื้นฐานง่ายๆของเคล็ดลึกลับของกฎธาตุ!
แม้ว่านักเวทจะไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวเคล็ดลึกลับ แต่โดยการท่องจำและทำซ้ำๆ พวกเขาสามารถเอาเวทมาใช้ได้ทันทีและปล่อยพลังเวทที่ทรงพลังได้! ขณะที่พวกเขาเข้าใจเรื่องเคล็ดลึกลับได้มากขึ้น พวกเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงขั้นที่นักเวทลดขั้นตอนการร่ายเวทและเข้าสู่หนทางการวิเคราะห์เคล็ดลึกลับได้โดยตรง!
“การลดขั้นตอนร่ายเวทเป็นวิธีง่ายๆในการประยุกต์พลังเคล็ดลึกลับของกฎธาตุมาใช้” ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม “ผู้ใช้จำเป็นต้องมีระดับรู้แจ้งที่ลึกในธรรมชาติของแก่นธาตุและเคล็ดลึกลับของกฎธาตุเพื่อพัฒนาลดขั้นตอนร่ายเวท ถ้าข้าต้องพัฒนาเวทใหม่บางทีอาจทำให้ข้าต้องใช้เวลาอีกนานมากเช่นกัน”
หลักการที่อยู่เบื้องหลังการใช้เวทได้ฉับพลันเป็นรูปแบบของการสะกดจิตอย่างหนึ่ง ผู้ใช้จะต้องมีพลังวิญญาณเพื่อหลอมรวมแก่นธาตุให้ดีกว่า แต่การพัฒนการใช้เวทใหม่ๆ เล่า? นั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก
เบรุตหัวเราะ “เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าพลังศรัทธาสนับสนุนจะยังคงมีต่อไป นี่ทำให้รู้สึกว่ามหาเทพจะใช้เวลาส่วนใหญ่พัฒนาเวทมนตร์ต่อไป”
“อย่างไรก็ตามมหาเทพในตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดกันเกือบทั้งหมดดังนั้นการควบคุมดินแดนโลกธาตุของพวกเขาจึงหละหลวม” เบรุตหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ธรรมดาแล้วแดนโลกธาตุบางแห่งที่สร้างศาสนจักรสองสามแห่งบูชาเทิดทูนเทพผู้รับพลังศรัทธาเป็นไว้ส่วนตัวคนเดียวทั้งหมด นี่คือสิ่งที่รู้จักกันว่า ‘บาป’ ซึ่งจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน มหาเทพจะเดินทางไกลเท่าที่ได้ระยะส่งร่างฉายพลังงานออกไปกำจัดร่องรอยของบาป อย่างไรก็ตามมหาเทพตอนนี้ให้ความสนใจต่อบาปประเภทนี้น้อยลงไม่เหมือนแต่ก่อนที่พวกเขาจะทำลายล้างศาสนจักรนอกรีตทั้งหมด”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ประชากรของทวีปยูลานมีเบาบางเมื่อเทียบกับพิภพโอคาลุนด์ ซึ่งมีประชากรถึงแปดล้านล้าน พลังงานศรัทธาจะผลิตออกมาได้มากเพียงไหน? โลกธาตุในจักรวาลนับไม่ถ้วนถ้าเพิ่มพลังศรัทธาเข้าไปอีกจะมีการพบเจอที่น่ากลัวเพียงไหน
“ถ้า..ยกตัวอย่างเช่นมนุษย์ในพิภพโอคาลุนด์บูชาเทพธิดาเจิดจรัส พลังศรัทธาจะไปรวมกันอยู่ที่ใด?” ลินลี่ย์ถาม
“เทพธิดาเจิดจรัส?” เบรุตหัวเราะ “ถ้าไม่มีองค์บูชาที่ชัดเจน และเทพธิดาเจิดจรัสก็ยังคลุมเครืออยู่ พลังศรัทธามากกว่า 99% มหาเทพแห่งแสงทั้งเจ็ดก็จะได้ไป มีปริมาณที่น้อยนิดที่เทพสายธาตุแสงของพิภพโอคาลุนด์จะได้รับ
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ มหาเทพเหนือกว่าอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้ถูกกำหนดโดยมหาเทพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีโลก
“มิน่าเล่า มหาเทพถึงได้ทรงพลังมากนักด้วยพลังศรัทธาที่มากมายความเร็วในการฝึกฝนของข้าเองจะทะยานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนเช่นกัน” ลินลี่ย์รำพึงในใจตนเอง และจากนั้นเขามองดูประกายเทพชิ้นที่สองในกล่องศิลา...ประกายมหาเทพธาตุน้ำ
ติ๋ง!
เลือดหยดหนึ่งหยดลงบนประกายมหาเทพธาตุน้ำและอัญมณีนั้นซับเลือดไว้ได้ รัศมีแสงสีฟ้าเขียวแพรวพราวฉายพวยพุ่งทันที
“ครืน...” โลกเต็มไปด้วยแก่นธาตุปริมาณหนาแน่นเต็มพื้นที่อีกครัง ครั้งนี้เป็นของธาตุน้ำ พลังมหาเทพของเหลวธาตุน้ำโคจรอยู่รอบตัวลินลี่ย์และเริ่มเข้าไปในร่างของเขา ก็เหมือนเมื่อก่อน วิญญาณทั้งห้าของลินลี่ย์มีพลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
บลูไฟร์และเบรุตมองหน้ากันเอง
“เบรุต! ลินลี่ย์จะมีพลังได้ถึงระดับไหน?” บลูไฟร์ถาม
“ไม่แน่ใจ” เบรุตพูดอย่างเคร่งขรึม “แต่ข้ารู้ว่าเมื่อหลอมรวมประกายมหาเทพสองชิ้นพลังปณิธานของมหาเทพจะต้องยิ่งใหญ่กว่ามหาเทพธรรมดาอย่างพวกเรา นอกจากนี้ เขาเองเป็นวิญญาณกลายสภาพสี่สายธาตุตั้งแต่แรกและมีปณิธานที่ทรงพลังอยู่แล้ว แม้ว่าเราไม่ต้องคิดเรื่องอื่นเอาแค่พลังปณิธานของเขาอย่างเดียวก็คงเทียบได้กับมหาเทพชั้นกลางแล้ว”
บีบีที่อยู่ใกล้รีบกล่าว “และยังพลังมหาเทพหลอมรวมของเขาอีกด้วย”
“ถูกแล้วไม่เคยมีการหลอมรวมพลังมหาเทพสองสายที่แตกต่างกันมาก่อน และพลังของเขายังคงขยายมากขึ้นได้” เบรุตยิ้มและพยักหน้า “พลังมหาเทพหลอมรวมก็คงจะทรงพลังมากกว่าพลังมหาเทพกลาง และเมื่อจับคู่กับสมบัติจอมเทพอีก..”
“จับคู่กับสมบัติจอมเทพเขาก็น่าจะเทียบได้กับประมุขมหาเทพผู้ไม่มีสมบัติจอมเทพ” บลูไฟร์ค่อนข้าตื่นเต้น
“ใช่แล้วแต่แน่นอนว่า...ยากจะกล่าวว่า..บางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้นเพราะพลังมหาเทพหลอมรวม” เบรุตกล่าว
และขณะนั้นเองลินลี่ย์ที่ลอยตัวอยู่ก็ลืมตาขึ้น