ตอนที่แล้วตอนที่ 481 สำนักมวยชางหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 483 เหล่าร้าย

ตอนที่ 482 ไป่อาโฉ่ว


ฟู่จงซานมีใบหน้าสี่เหลี่ยมผิวของเขาแดงราวกับอินทผลัม คิ้วบางเหมือนกับดาบรูปร่างกำยำกิจการทั่วไปของสำนักมวยชางหยางอยู่ในการดูแลของเขาจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะมีราศีสง่างาม

หลีรั่วมองดูฟู่จงซานและพูดอย่างกังวล  “ท่านพี่ เรื่องราวครั้งนี้ไม่ง่ายเลย  มีคนมากมายกำลังจับตาเราเรายังจะคัดเลือดศิษย์ในปีนี้อีกหรือ?  จะต้องมีคนลอบปะปนเข้ามาอย่างแน่นอน!”

“เราต้องทำตามแผน” ฟู่จงซานกล่าว  “โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างได้”

หยางเฮ่าหลันพยักหน้าคิดและกล่าวต่อ “คนพวกนั้นมีเจตนาไม่ดีจะต้องคิดหาทางเข้ามาเป็นแน่ ในกรณีนี้พวกเขาจะต้องปะปนเข้ามาและเข้าร่วมในสำนักมวยได้สำเร็จ  เราจะต้องจับตาพวกเขาให้ดี  ขอบเขตการจับตาของเรามีขนาดเล็กมาก”

“เฮ่าหลันพูดถูก!”  ฟู่จงซานพยักหน้า  “ทุกคนต้องระมัดระวัง”

ทั้งสามคนปรึกษากันอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับไปประจำที่ของตนเอง

เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่จะแหวกผ่านฝูงชนตั้งมากมาย แม้แต่ถังเทียนก็ยังอ่อนเพลียอย่างน่าประหลาดใจ  “ว้า... มีคนมากมายเหลือเกิน”

“ฝ่า... อาโฉ่วยังไม่คุ้นกับที่นี้”  เฉินหวี่เกือบหลุดปากแล้ว และแอบแลบลิ้นตกใจและการเรียกฝ่าบาทว่าอาโฉ่วจะดีจริงๆ หรือ?

ใจของเขาเต้นรัวเหมือนกลองแต่เขาฝืนแนะนำ “สำนักมวยชางหยางคือสำนักมวยที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์และมีนักสู้ชั้นเซียนคอยหนุนหลัง  ทุกๆปีจำนวนคนที่มาจะมีความชัดเจน”

“ไป่อาโฉ่ว?” ศิษย์คนหนึ่งจากสำนักมวยจ้องตาถังเทียน “ตั้งชื่อได้เหมาะกับหน้ามากว่ะ”(อาโฉ่ว – น่าเกลียด)

“ศิษย์น้อง เงียบเลย”  ศิษย์อีกคนหนึ่งตะโกนทันที และคำนับให้เฉินหวี่“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักเฉินจะพาคนมาส่งที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าต้องขออภัยที่ศิษย์น้องทำอะไรโง่เขลาลงไป  หวังว่าท่านเจ้าสำนักจะให้อภัยเรา”

เฉินหวี่ไม่กล้ามองหน้าถังเทียน  แต่เขารู้สึกอยากจะฆ่าเจ้าคนที่พูดว่า“ตั้งชื่อได้เหมาะกับหน้ามาก” เขาได้แต่ฝืนหัวเราะ “อาโฉ่วคือญาติห่างๆ ของข้า และใจของเขาบริสุทธิ์มุ่งแต่วิถียุทธพรสวรรค์ของเขาไม่แย่นัก ข้าไม่ต้องการให้เขาเสียเวลา ก็เลยส่งเขามาที่นี่ให้อาจารย์หลีช่วยสั่งสอน”

ศิษย์ที่อายุมากกว่าตอบทันที “เนื่องจากเขาเป็นคนที่เจ้าสำนักมาส่งด้วยตัวเอง อย่างนั้นเราคงไม่สงสัยความสามารถของเขาเป็นแน่  เพียงแค่นั้นวันนี้ทางสำนักก็วุ่นวายพอแล้วและอาจารย์ก็ไม่ว่างมาต้อนรับท่านเจ้าสำนัก ข้าหวังว่าท่านเจ้าสำนักจะให้อภัยเราด้วย”

“หามิได้ หามิได้” เฉินหวี่หัวเราะทันที

“อย่างนั้นเราจะพาเขาเข้าไปเอง  ท่านเจ้าสำนักเชิญพักตามสบาย”  ศิษย์ในสำนักกล่าว

“ขอบคุณ, รบกวนพวกเจ้าด้วยนะ”  เฉินหวี่เห็นว่ายิ่งคนเข้ามามากเขารู้ว่าพวกเขาจะตกเป็นเป้าสนใจของคนอื่น

เฉินหวี่เดินออกไปและพบกับติงตังในที่ไม่ไกล  ติงตังเห็นเฉินหวี่ทำหน้าหดหู่ และถาม“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”

เฉินหวี่มองดูนางและโบกมือให้“ไม่มีอะไร เรื่องราวราบรื่นดี”

เรื่องเช่นไป่อาโฉ่วมีชื่อที่เหมาะกับหน้าเขาจะทนคำพูดอย่างนั้นได้ยังไง?

“ข้าได้ยินมาว่าศิษย์ภายในสำนักแบ่งแยกเป็นระหว่างศิษย์ฝ่ายในและศิษย์ฝ่ายนอก  ท่านประมุขสามารถเข้าไปอยู่ในสำนักชั้นในหรือเปล่า?”  ติงตังถาม

จิตวิญญาณของเฉินหวี่ลุกโชนทันที  “อย่าเป็นห่วงไปเลยมาตรฐานของศิษย์สำนักในเป็นรองนักสู้ชั้นทองครึ่งก้าว  และถ้าพวกเขาใช้พลังของนักสู้ระดับทองได้  อย่างพวกเขาจะสามารถเข้าไปได้อยางแน่นอน พลังของท่านประมุขเข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในได้แน่นอน”

เขาเลียนแบบติงตังเรียกถังเทียนว่าประมุข

เมื่อได้ยินเช่นนั้นติงตังสงบใจตนเอง ถังจอมห้าวคือคนที่สามารถฆ่าเซียนนักสู้ได้  ดังนั้นการเข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในจึงไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน

****************

“วันนี้ศิษย์น้องทำจนเกินไปนะ!” ศิษย์ผู้พี่ดุศิษย์น้องที่ล้อถังเทียนเสียงเข้ม

ศิษย์น้องตอบ  “ก็เขาหน้าอัปลักษณ์จริงๆ จนข้าทนไม่ไหวนี่”

“เหลวไหล!”  ศิษย์ผู้พี่จ้องมองเขา  “เจ้าสำนักเฉินเป็นครูมวยที่มีชื่อเสียงด้วยความสัมพันธ์ของเขากับอาจารย์ เจ้าควรระวังอย่าให้ถูกลงโทษจะดีกว่า”

“ผู้น้องผิดไปแล้ว!” เมื่อเห็นว่าศิษย์พี่โมโหหนัก เขาสำนึกผิดทันที เขารู้ว่าเขาพูดผิดไป และเปลี่ยนหัวข้อทันที  “ศิษย์พี่ อย่างนั้นจะจัดการให้อาโฉ่วยังไงดี?เจ้าสำนักเฉินบอกว่าเขามีพรสวรรค์ดี นั่นหมายถึงพลังหรือความฉลาดของเขา?  ข้ามองดูปราณแท้ของเขายังเห็นว่าไม่ถึงระดับแปด น่าจะมีเพียงระดับหกข้าไม่สามารถรู้สึกได้ถึงพลังจากชีพจรใดๆ เลย ด้วยพรสวรรค์อย่างนั้น ข้าไม่รู้จะพูดยังไงดี”

ศิษย์พี่ยังคงใช้สมบัติดวงดาวตรวจสอบถังเทียนและรู้ว่าศิษย์น้องของเขาไม่ได้โกหกจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ “เราคงได้แต่จัดเขาไว้เป็นศิษย์ชั้นนอกก่อน  ถ้าเขาถึงระดับแปด  แม้ว่าเขาจะยังไม่ถึงระดับเตรียมนักสู้ชั้นทองบางทีเราสามารถคิดอะไรบางอย่างให้เขาอยู่ในสำนักชั้นในก็ได้  และไม่มีพลังสายเลือดเขาคงเป็นได้แต่เพียงศิษย์ชั้นนอกไปก่อน”

“เราควรแจ้งอาจารย์ไหม?”  ศิษย์น้องถาม

“ไม่จำเป็น เมื่อเร็วๆ นี้อาจารย์มีเรื่องต้องจัดการมากมาย เราจะไม่รบกวนท่าน  เราจะดูแลด้วยตนเอง  ถ้าไป่อาโฉ่วมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง  เราจะให้ความสนใจดูแลเขามากขึ้น”  ศิษย์พี่คิดแล้วกล่าว

“ก็ได้อย่างนั้นข้าจะพาเขาไปที่พื้นที่ศิษย์ชั้นนอกก่อน”  ศิษย์น้องกล่าว

ถังเทียนยืนงงอยู่ในกลุ่มผู้คน  เขาผ่อยคลายมาก มีสมบัติตรวจสอบหลายรูปแบบซึ่งตรวจตราอยู่ในพื้นที่  ปิงเกรงว่าจะถูกจับได้ ดังนั้นเขากับหยาหยาจึงเข้าไปอยู่ในห้องจิตวิญญาณยุทธ (ในตัวถังเทียน)

รอบๆตัวเขามีแต่ผู้เยาว์ล้วนๆ พูดคุยปรึกษากันอย่างหลงใหลซึ่งถังเทียนไม่ได้เจอกับบรรยากาศแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้วทำให้เขารู้สึกสดชื่น เขาอดคิดถึงคืนวันเก่าก่อนในสถาบันแอนดรูว์ไม่ได้  แต่ตอนนั้นเขาคือขาใหญ่จอมเกเรจึงไม่มีใครยินดีเข้าใกล้เขา ดังนั้นเขาจึงกีดกันตัวเองจากกลุ่ม

และปัจจุบันนี้เขาเป็นผู้ปกครองที่ทรงอิทธิพลอำนาจมากกว่าเดิม  มีพลังอำนาจฆ่าคนอยู่ในเงื้อมมือของเขา  นอกจากเสี่ยวเฮ่อและคนอื่นๆ อีกสองสามคน  คนที่เหลือจะระมัดระวังแสดงความนอบน้อมต่อหน้าเขา  พวกเขาระมัดระวังตัวต่อเขามาก  ขณะที่คนอย่างโส่วจินเป็นเด็กดีและมารยาทดีอยู่แล้วแม้จะระมัดระวังตัวมากก็ยังทำให้ถังเทียนหงุดหงิดจนแทบคลั่ง

ในที่ปัจจุบันนี้ไม่มีใครคอยเอาใจเขา ทุกคนแค่คุยกันอย่างไร้เดียงสาและเรียบง่าย

“รอจนกว่าข้าเป็นนักสู้ระดับทองก่อน  ข้าจะกลับไปแต่งกับอาเจียว”

“แค่นั้นยังไม่พอ  ฝันของข้าคือ ต้องเป็นเซียนนักสู้ให้ได้!”

“อย่าโม้ดีกว่าเจ้าบอกว่าอยากเป็นเซียนนักสู้ ถ้าเจ้ากลายเป็นนักสู้ชั้นทองได้ ก็ต้องไปจุดธูปเทียนขอบคุณพระยูไลได้แล้ว”

“เจ้ากล้าดูถูกข้าเรอะ....”

……

เมื่อได้ยินเสียงสนทนาไร้สาระและจริงจัง  หัวใจถังเทียนตื่นเต้นนี่แหละคือเด็กรุ่นใหม่อย่างแท้จริง!

ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น  “เอาละ เลิกเถียงกันและตามข้ามา!”

ถังเทียนเงยหน้ามองและเห็นศิษย์สำนักคนหนึ่งและผู้ติดตามเขาเมื่อเห็นเช่นนั้นเขารู้ตัวอย่างรวดเร็ว ศิษย์สำนักมวยผู้นั้นพาพวกเขาไปขึ้นยานและตะโกน “ทุกคน..ขึ้นไปและหาที่นั่งของตัวเอง”

ถังเทียนตามขบวนขึ้นไปในยานสุ่มหาที่นั่งได้ก็นั่งทันที

เด็กหนุ่มที่นั่งข้างถังเทียนมองดูเขาก็ตกใจกับรูปลักษณ์ของถังเทียนเขามึนงงชั่วครู่ก่อนจะถาม  “น้องชายท่านนี้ชื่ออะไร?”

“ข้าเหรอ?” ถังเทียนชี้หน้าตนเองเมื่อเห็นว่าคนถามพยักหน้า เขาอุทาน โอว.. และตอบ “ข้าชื่อไป่อาโฉ่ว”

ชื่อเหมาะกับหน้าจริงๆ  (ขี้เหร่, อัปลักษณ์)

เด็กหนุ่มคิดแต่ใบหน้าของเขายังคงรักษาความสงบไว้ และเขาแนะนำตัวเอง “รู้จักกันไว้ก็ดี ข้าชื่อเซียวหมิงฉี”

เซียวหมิงฉีเป็นคนช่างพูดพออ้าปากพูดได้  เขาก็พูดจ้อไม่หยุด  แต่ได้คนเช่นนั้นเดินทางด้วยทำให้คลายใจได้มาก

หลังจากยานบินไปได้วสองสามชั่วโมงโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ถังเทียนประหลาดใจ  “เราจะไปไหนกัน?  สำนักชางหยางใหญ่โตมากจริงๆ หรือ?”

เซียวหมิงฉีประหลาดใจและพูดอย่างภูมิใจ  “แน่นอน!  สำนักชางหยางของพวกเราคือสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ก็ต้องใหญ่ที่สุดเป็นธรรมดา  สำนักชางหยางรวมพื้นที่ฝึกฝนเข้าด้วยกันทั้งหมดยังใหญ่กว่าดาวดวงหนึ่งเสียอีก บอกข้าที นี่ยังไม่ใหญ่อีกหรือ”

“แข็งแกร่งมากเลยเหรอ?”  ถังเทียนผงะ

เซียวหมิงฉีเห็นท่าทางตกใจของถังเทียนก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น  “แน่นอน!  สำนักชางหยางก่อตั้งมาได้แค่เพียงสองสามปีนี้เอง แต่มีการขยายตัวอย่างเปิดเผยและเด็ดขาดไม่มีใครเทียบ ทั่วทั้งกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ตกอยู่ในอิทธิพลของสำนักเรา  และเกี่ยวกับเบื้องหลังเจ้าสำนักเรา  มีเรื่องราวหลายอย่าง  บางคนก็บอกว่าเป็นสำนักนิกายโบราณ  บางคือก็บอกว่าเขามาจากหนึ่งในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาและมีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง นับตั้งแต่ก่อตั้งมา ไม่มีใครเคยหาเรื่องกับสำนักของเราเลย  บอกข้าที นั่นแปลกหรือไม่?”

คำพูดของเสี่ยวหมิงฉีดึงดูดศิษย์กลุ่มใหญ่และใบหน้าของทุกคนมีแววสงสัย

เสี่ยวหมิงฉียิ่งตื่นเต้นมากและเริ่มจ้อไม่หยุดแม้แต่ถังเทียนที่ตอนแรกสนใจก็เผลอหลับหลังจากฟังมากขึ้น

“ลงมา ลงมา!”  ศิษย์คนหนึ่งตะโกนลั่นปลุกถังเทียนตื่นจากฝัน

เขาลืมตาทันทีและมองออกไปทางหน้าต่าง  นอกหน้าต่างเป็นสีขาวโพลนแผ่นพื้นหิมะกว้างขวางไม่มีที่สุด

พอลงจากยานอากาศที่หนาวเหน็บกระตุ้นความรู้สึกกระตือรือร้นถังเทียนทันที

โอวว้าว.. ข้าไม่เคยมาที่อย่างนี้มาก่อน!

“ทุกคนตามข้ามา!”  ศิษย์สำนักมวยคนหนึ่งตะโกน  “ยังมีระยะห่างจากสำนักมวยของเราอีก 800ลี้และเราจะต้องวิ่งไป ทุกคนจงตามมาติดๆ  จำไว้ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามจงโคจรปราณแท้ของเจ้าเอาไว้ นี่คือพื้นหิมะดึกดำบรรพ์และอากาศที่นี่เต็มไปด้วยคลื่นความเหน็บหนาวซึ่งสามารถกัดกร่อนปราณแท้ของพวกเจ้าได้  ถ้าปราณแท้ของพวกเจ้าถูกกัดกร่อนไปหมด  เจ้าจะเปลี่ยนเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง ต่อให้พระเจ้าก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้”

หน้าของศิษย์ทุกคนเปลี่ยน  และพวกเขากระตุ้นปราณแท้ทันที

ถังเทียนตกใจเช่นกัน  แต่เมื่อตรวจสอบตนเอง  เขาเย็นใจได้ ปราณแท้ในร่างเขาก่อตัวอยู่ที่เสี่ยวเอ้อ แต่ถังเทียนรู้สึกว่าคลื่นความเย็นที่ศิษย์คนนั้นพูดถึงมีร่องรอยของพลังงานที่โปร่งใส พลังงานชนิดนี้แตกต่างจากพลังที่ถังเทียนเคยเห็นมาก่อน  มันหนาวเหน็บมากและมีคุณสมบัติที่เป็นพิษ

ถ้าปราณแท้โคจรไม่เร็วพอ  พิษจะห่อหุ้มรอบปราณแท้

แต่ถังเทียนคาดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวเอ้อดูเหมือนจะชอบคลื่นความเย็นและจงใจโคจรปราณแท้ของมันช้าๆดึงดูดคลื่นความเย็นให้กัดกร่อนเข้ามาจากนั้นมันดูดซับคลื่นความเย็นไว้ในร่างของมัน

นี่เขาจะปวดท้องบ้างไหม?

แต่หลังจากจ้องมองเสี่ยวเอ้ออยู่ครึ่งค่อนวันดูเหมือนเขาไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร

จอมตะกละแท้ๆ  หลังจากกินการ์ดวิญญาณไปหลายใบและไม่มีอะไรเปลี่ยน การกินคลื่นความเย็นก็ยังไม่มีความผันผวนใดๆบนใบหน้าที่ว่างเปล่า

ถังเทียนหมดความสนใจเสี่ยวเอ้อ  จอมตะกละที่กินอย่างเดียวไม่สร้างโภคผลอะไรออกมามันสร้างอะไรดีๆ ออกมาบ้างไหม?

เสี่ยวหมิงฉีสังเกตความแตกต่างของถังเทียนและอุทาน  “ร่างกายของเจ้าดีจริงๆ!”

ศิษย์ประจำสำนักก็สังเกตเห็นความผิดปกติของถังเทียน ทุกคนใช้วิชาตัวเบาและใช้พลังปราณบินขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่มีแต่ถังเทียนคนเดียวที่ใช้ขาวิ่งเร่งทำความเร็ว โอว..เขาก็ใช้วิชาตัวเบาเหมือนกัน แต่เป็นวิชาตัวเบาขั้นพื้นฐาน...

แต่ความจริงความเร็วของถังเทียนไม่ตกลงแม้แต่น้อย แม้แต่ท่าทางของเขาก็สงบใจเย็น

พลังภายนอกของเขาดีจริงๆ

ศิษย์ประจำสำนักตื่นเต้น  เขากระตุ้นปราณแท้เงียบๆและเพิ่มระยะก้าวเท้า กลุ่มคนแต่เดิมยืดระยะกว้างออกไปทันที

แต่ไป่อาโฉ่วไม่ล้าหลังเลยแม้แต่น้อย

ตาของศิษย์ประจำสำนักเป็นประกายดีใจ  สายตาของเขากวาดไปที่ร่างของถังเทียนขึ้นๆ ลงๆเขากลับกลายเป็นกระตือรือร้นขึ้นมากทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด