ตอนที่แล้วตอนที่ 476 ข้ารู้ว่านี่ไม่สมควร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 478 วายร้ายหลังฉาก

ตอนที่ 477 เมืองอัลเคด


พื้นที่โดยรอบมืดสนิทและอากาศมืดมิด

“นี่มันสถานที่อะไรกัน?”  ถังเทียนพึมพำพลางระบายลมหายใจ  เขาไม่คิดว่าด้านหลังประตูดวงดาวจะมืดมิดขนาดนี้

เสี่ยวเอ้อลอยตัวลงบนไหล่ของถังเทียน และโบกร่มดวงดาว  ประกายแสงดาวนับไม่ถ้วนร่วงจากจากร่มเหมือนกับเป็นหยดน้ำค้างลอยอยู่รอบๆ แสงดาวทั้งหมดปลดปล่อยรัศมีนุ่มนวล  แสงสว่างมีอยู่รอบๆ พื้นที่

“เสี่ยวเอ้อทำดีมาก”

ติงม่านอดอุทานไม่ได้  เมื่อเสี่ยวเอ้อปรากฏตัวก็พิชิตใจติงม่านและไป๋ซือซือทันที เขายืนตรงอยู่ในชุดสูทลินินสีน้ำเงิน  หน้าของเขาน่ารักมีดวงที่ดูเหมือนไร้ความรู้สึกเนื่องจากเขายังกระพริบตาได้อยู่ จึงทำให้ผู้คนเอ็นดู หยาหยาเมื่อเห็นเช่นนั้นมันไม่พอใจที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้  มันเริ่มส่งเสียงโวยวาย “ยี้ ย้า ยี้ ย้า” ทำให้คนอดหัวเราะไม่ได้

“นี่คือห้องส่วนตัว” อาเฮ่อมองดูรอบๆ น้ำเสียงของเขามั่นใจ

เป็นห้องส่วนตัวสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มาก กว้างเกินกว่าหกสิบเมตร ผนังโดยรอบสร้างด้วยหินก้อนใหญ่วางซ้อนๆ กัน นี่คือห้องส่วนตัว แต่คล้ายคลังเก็บของมีค่า

“ห้องส่วนตัวเหรอ?”  ถังเทียนกระตือรือร้นทันที  “มีสมบัติอะไรซ่อนเอาไว้บ้างหรือเปล่า?”

เขากวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกที่ พื้นมีฝุ่นปกคลุม  มีสิ่งของกองสุมอยู่ที่มุม แต่เมื่อถังเทียนวิ่งไปสัมผัสเบาๆ  ของเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่น เห็นได้ชัดว่าเมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน ของเหล่านี้ก็สูญสลายพังทลาย

ถังเทียนไม่พอใจ  เขามองดูทุกที่ แต่ไม่มีอะไร

“เฮ้, ตอนนี้เราจะทำไงดีถึงจะหาทางออกเจอไม่ใช่หาสมบัติลับ!”  ติงม่านทนไม่ไหวอีกต่อไป  นางไม่เคยพบเจ้ากลุ่มดาวที่ทำตัวรุ่มร่ามเหลวไหลแบบนี้มาก่อน  เขามีชีวิตรอดมาได้ยังไงจนป่านนี้?

“นี่ไง” อาเฮ่อก้าวไปข้างหน้าเบาๆ เหมือนกับกระเรียนยักษ์ที่ว่องไว เขาบินขึ้นไปบนผนังที่สูงเกินกว่า 45 เมตร และใช้แรงผลักหินก้อนหนึ่งลึกเข้าไปข้างใน

แครก แครก แครก!

เสียงเครื่องจักรกลหนักดังมาจากข้างใต้ และผนังข้างหน้าพวกเขาเลื่อนลงมาทันที กลายเป็นบันไดเดินขึ้นข้างบนเห็นแสงส่องออกมา  โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ หลิงซิ่วเดินนำและวิ่งออกไป

ทุกคนที่เห็นต่างก็ตามไปติดๆ

เมื่อออกมาข้างนอก หลิงซิ่วสะดุ้งทันที  ข้างหน้าเขามีเด็กหญิงซึ่งมีสีหน้าตื่นตะหนกกำลังมองมาที่เขา เธออายุราว 11-12 ปี ผมสีน้ำตาลตาสีฟ้า  แม้ว่าจะยังเด็ก แต่เห็นได้ชัดว่ามีเค้าเป็นคนงดงาม

ตาของหลิงซิ่วมองดูที่หูของนาง มีประทับตราพระจันทร์เล็กสีขาว

ทั้งสองต่างตะลึงมองกันและกัน

ทันใดนั้น ด้านหลังของเด็กหญิงมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทำให้สีหน้าที่ตื่นกลัวของนางมีมากขึ้นกว่าเดิม

“ค้นดู! ค้นหาที่นี้ให้ดี! อย่าให้พลาดแม้แต่จุดเดียว!”

ทันใดนั้นนักสู้คนหนึ่งตะโกน  “อยู่ที่นี่!”

ควั่บ คนกลุ่มใหญ่ปรากฏตัวที่ด้านหลังเด็กหญิง และตาของนักสู้ที่เป็นผู้นำเป็นประกาย  “จับเธอ”

นักสู้สองสามคนหัวเราะชั่วร้าย ขณะกระโดดขึ้นมา

หน้าของหลิงซิ่วเขียวคล้ำ  ร่างของเขากระพริบวูบ ก็ทำให้ทุกคนตาพร่าเลือนและนักสู้สองสามคนปลิวออกมาราวกับกระสอบทราย

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

หลิงซิ่วยืนอยู่ข้างหน้าเด็กหญิงและถามเสียงเย็นชา

หัวหน้านักสู้ประหลาดใจ จากนั้นบินเข้ามาด้วยความโกรธทันที แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา และพวกเขาทุกคนไม่ต้องการตอแยด้วย  ดังนั้นเขาลดน้ำเสียงคำพูดลง  “ข้าคือแม่ทัพทหารรักษาเมืองมิซาร์ ได้รับคำสั่งให้มาจับกุมกบฏที่ชั่วร้ายนี้  ข้าหวังว่าท่านทั้งหลายจะอำนวยความสะดวกให้ข้า”

“ข้าไม่ใช่กบฎ!” เด็กหญิงพูดเสียงดังชัดเจนทันที มีเครื่องประดับหยกที่เรืองแสงมีรัศมีวงกลมอยู่ในมือของเธอ  “ข้าชื่อวิเวียนเป็นกุมารีศักดิ์สิทธิ์แห่งพรรคหมีใหญ่ เป็นเพราะเจ็ดดาวเหนือต่างหากที่ทำลายสัญญา!”

เมื่อเด็กหญิงดึงเครื่องประดับหยกออกมา สีหน้าของหัวหน้านักสู้เปลี่ยนไปและเขาตวาดลั่น  “บังอาจคุยกับกบฏ ฆ่าพวกมันให้หมดไม่ต้องเจรจา!”

นักสู้ทุกคนวิ่งขึ้นมาทันที

ตาของหลิงซิ่วกลายเป็นเย็นชา  รังสีฆ่าฟันทะลักขึ้นมาในใจเขา  เขาไม่ใช่คนดีในตอนแรก เขาไม่ได้เอาหอกออกมา แต่มือขวากำอากาศเหมือนกับว่ามีหอกไร้ลักษณ์อยู่ในมือ เขาก้าวไปข้างหน้าและแทงออกไป

ชี่ ชี่ ชี่!

คอของนักสู้ทุกคนมีเลือดฉีดพุ่งออกมาทันที พร้อมกับรูขนาดเท่าไข่ไก่

หน้าของหัวหน้านักสู้เปลี่ยนทันที  หลิงซิ่วไม่มีความตั้งใจจะปล่อยเขาอยู่แล้ว ในชั่วพริบตาหลิงซิ่ว แทงมืออีกครั้งทำให้คอของหัวหน้านักสู้เลือดฉีดพุ่งและล้มลงกับพื้น

ติงม่านแสดงท่าทางหงุดหงิด  รังสีฆ่าฟันของหลิงซิ่วรุนแรงเกินไป

วิเวียนมองดูหลิงซิ่วอย่างว่างเปล่า

หลังจากนั้นชั่วขณะ  นางดูเหมือนจะรู้สึกตัวจากภวังค์และรีบเตือน  “เราต้องรีบหนี! เซียนนักสู้จากเมืองอื่นจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า!”

“เซียน? จากเมืองอื่น?”  ติงม่านถาม

“ใช่แล้ว!” วิเวียนพยักหน้าของนาง  “เจ้าเมืองของเจ็ดดาวเหนือทุกเมืองล้วนเป็นนักสู้ระดับเซียนทั้งนั้น!”

ทุกคนมองหน้ากันเองมีความสงสัยอยู่ในแววตา  สำหรับพวกเขาการมีสมาชิกคนหนึ่งเป็นเซียนไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน

อาเฮ่อพูดอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องกังวล เราจะปกป้องความปลอดภัยให้เจ้า  แต่ข้าขอถามหน่อย ที่นี่คือที่ไหน?”

“นี่คือเมืองอัลเคด” วิเวียนมองดูและกล่าว “นี่คือเมืองที่ไกลที่สุดของเจ็ดเมืองในเจ็ดดาวเหนือ พวกท่านทุกคนไม่ใช่คนจากที่นี่ใช่ไหม?”

“เราไม่ใช่”  อาเฮ่อยิ้ม “เจ้าเล่าเรื่องเจ็ดดาวเหนือให้เราฟังได้ไหม?”

สีหน้าของวิเวียนค่อยผ่อนคลายมากขึ้น  “ผู้ปกครองของเจ็ดดาวเหนือมีอยู่เจ็ดเมือง คือเมืองดูบี, เมืองเมรัค เมืองเฟซดา เมืองเมเกรซ เมืองอาลิออธ เมืองมิซาร์และเมืองอัลเคด และเมืองอัลเคดเป็นเมืองที่เจ็ด  ทุกเมืองจะมีเจ้าเมืองปกครองประจำ  และเจ้าเมืองอัลเคดคือพี่ชายข้า แต่เพื่อช่วยเหลือข้า เขาถูกพวกมันฆ่า”

วิเวียนหลั่งน้ำตาไม่หยุด นางเริ่มร้องไห้

ทุกคนแสดงท่าทางเห็นใจ

“ได้โปรดส่งข้าไปยังเทือกเขาพญาหมีด้วยเถิด  พวกเขาทรยศต่อพันธมิตรที่ไว้วางใจเมื่อล่าสุด  พวกเขาต้องการจับปู่ของข้า ได้โปรด!”

วิเวียนคุกเข่าทันที และคำนับทุกคนที่อยู่ต่อหน้าหลายครั้ง

ทุกคนมีอารมณ์พลุกพล่านใจ  หลิงซิ่วขัดจังหวะวิเวียนและถาม “เทือกเขาพญาหมีอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ไกลมาก เราต้องเดินทางไปราวๆ สองเดือน!”  วิเวียนร้องไห้เหมือนแมว

ทุกคนมีสีหน้าบิดเบี้ยว  สองเดือนนานเกินไป  ถังเทียนใช้เวลาเตรียมตัวครึ่งเดือนสำหรับคลี่คลายเรื่องเจ็ดดาวเหนือ  แต่เขาไม่คาดเลยว่า เจ็ดดาวเหนือจะมีเรื่องซับซ้อนนัก

เขากับเชียนฮุ่ยสัญญาจะพบกันในอีกสามเดือน

“ข้าจะส่งเธอไปที่นั่นเอง”  หลิงซิ่วพูดทันที

ทุกคนประหลาดใจ ทุกคนมองดูเขาอย่างเหลือเชื่อ หลิงซิ่วไม่ใช่คนดีขนาดนั้นอย่างแน่นอน  ถ้าเป็นอาเฮ่อพวกเขาคงจะไม่แปลกใจ

หลิงซิ่วไม่อธิบายอะไรและถามวิเวียน  “เจ้ามีพาหนะอะไรหรือไม่?”

วิเวียนมองดูหลิงซิ่ว น้ำตาร่วงหล่น นางกัดริมฝีปาก “พวกเขาจะส่งคนมาฆ่าพวกท่านแน่นอน...”

หลิงซิ่วคร้านจะเถียงด้วย เขาจับเธอขี่ไหล่และกล่าว  “ข้าจะไปส่งเธอที่นั่น แล้วค่อยกลับมาพบพวกเจ้า”

คนที่เหลือตะลึง

“เสี่ยวซิ่วซิ่ว  เจ้าจะทำอะไร?”  ถังเทียนพึมพำพลางถอนหายใจ

“เขาหามโนธรรมเจอแล้วหรือ?”  อาเฮ่อประหลาดใจพอกัน  “ทำไมเขาถึงเพิ่งมีมโนธรรม?”

“ให้เราช่วยเขาสักนิด”  จิ่งหาวกล่าว

ถังเทียนพยักหน้า “เนื่องจากเราไม่สามารถไปเทือกเขาพญาหมีได้  เราจะไปเมืองที่เหลืออีกหกเมือง!  เมื่อเราปราบพวกเขาได้ทั้งหมด  จากนั้นเสี่ยวซิ่วซิ่วจะกลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาว”

“เราจำเป็นต้องได้คนคอยปกป้องที่นี่”  ติงม่านเตือนถังเทียน

“เรียกเหลียงฟงและพวกที่เหลือมา”  ถังเทียนพูดตามตรง  “เราจะร่วมรบให้เร็วและคลี่คลายเรื่องนี้ให้เร็ว  เราจะยกระดับให้ทั่วได้หรือไม่  เนื่องจากเจ็ดดาวเหนือเป็นของเรา  พวกเขากล้าสู้กับเราเพื่อแย่งชิง  เราจะบดขยี้พวกเขาเป็นชิ้นๆ”

วังเจ็ดดาวถูกมองว่าเป็นปฏิปัก์ต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งจำเป็นต้องแผ่อำนาจ

ทันใดนั้น เสียงตะโกนดังด้วยความโกรธดังมาจากด้านนอก

ทุกคนเร่งขึ้นบันได สีหน้าของทุกคนเปลี่ยน  ในระยะไกลออกไป  นักสู้จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลุยเข้ามาเหมือนสายน้ำ

หน้าของหลิงซิ่วเปลี่ยน  “แย่แล้ว!  เสี่ยวซิ่วซิ่วยังไม่ทันออกจากเมือง”

หลิงซิ่วแบกวิเวียนขึ้นบ่า  “พาหนะเจ้าอยู่ที่ไหน?”

วิเวียนหยุดร้อง  สีหน้านางเข้มแข็งขึ้น นางชี้ไปทางขวา  “ด้านนั้น พาหนะของพี่ชายอยู่ที่นั่น มันชื่ออาเสวี่ย มันคือม้าภูตหิมะ”

หลิงซิ่วบินลงไปเหมือนกับนกยักษ์ผ่านศพคนนับไม่ถ้วน   เห็นได้ชัดว่ามีการรบพุ่งอย่างดุเดือด

ในเวลาอันรวดเร็ววิเวียนชี้ทางจนพบม้าภูตหิมะ

“อาเสวี่ย!”  ตาของวิเวียนแดงเมื่อเห็นม้า  เพราะนางคิดถึงพี่ชาย  ม้ากำลังร้องก้องด้วยความเศร้าโศก ราวกับมันรู้ว่าเจ้านายของมันตายแล้ว

“อาเสวี่ย เจ้าพาเราไปเทือกเขาพญาหมีได้ไหม?”   วิเวียนแตะคอของอาเสวี่ยพลางสะอื้นไห้

อาเสวี่ยคลอเคลียอยู่ที่หน้าของวิเวียน เนื่องจากนางควบคุมตัวเองไม่ได้หลั่งน้ำตาอีกครั้ง  นางหันมาทางหลิงซิ่ว  “มันยินยอมพาเรา....”

ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค นางถูกหลิงซิ่วฉุดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า

หลิงซิ่วเอาผ้าพันแผลออก หลังจากผ่านการแปลงพลังงานมาแล้ว อาการบาดเจ็บในอดีตของเขาหายไปหมด และเขาไม่เป็นต้องใช้ผ้าพันแผลอีกแล้ว  เขาไม่คิดเช่นนั้น มันเคยชินเสียแลว  หลิงซิ่วส่ายศีรษะและหัวเราะให้ตนเอง และผูกวิเวียนไว้บนหลังเขาอย่างอดทน มัดนางจนดูเหมือนมัมมี่ โผล่ออกมาแต่ศีรษะเท่านั้น  จากนั้นเขาผูกนางกับหลังเขา

“อย่าขยับนะ”

เขาเอาหอกเงินออกมาและพลิกตัวขึ้นหลังม้า

วิเวียนเงียบเมื่อเขากำลังมัด จนกระทั่งเสร็จ นางจึงถามเขาทันที  “ทำไมท่านถึงช่วยข้า?”

“ไม่ทำไมทั้งนั้น”  หลิงซิ่วตอบตามปกติ

เสียงตะโกนจากด้านนอกกำลังใกล้เข้ามา

ทันใดนั้น เสียงของถังเทียนดังออกมาจากด้านบนของเขา  “เสี่ยวซิ่วซิ่วเจ้าจะใช้ประตูทิศไหน?”

“ประตูไหน?”  หลิงซิ่วถามวิเวียน

วิเวียนตอบ  “ประตูทิศตะวันออก!”

“ดี!  เราจะคุ้มกันเจ้า!”  ถังเทียนกล่าวและหายไปทันที

ติงม่านถามถังเทียนอย่างกระวนกระวาย  “ทำไมเจ้าไม่ห้ามเขา??”

“ทำไมข้าจะต้องห้ามด้วยเล่า?”  ถังเทียนมองดูติงม่าน

“เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเด็กหญิงนั่น...”

ถังเทียนพูดตัดบทติงม่าน  “แม้ว่าข้าไม่รู้เหตุผลที่เสี่ยวซิ่วซิ่วช่วยนาง แต่ข้ารู้ว่า เขามีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้นแน่นอน  ข้าเชื่อใจเขา”

ติงม่านมองดูสีหน้าที่เชื่อมั่นของถังเทียน  และไม่พูดอะไรอีก

สีหน้าของหลิงซิวสงบ ขณะแบกวิเวียนขึ้นหลังและขี่ม้าภูตหิมะ  เขายืนอยู่เงียบๆ อยู่บนประตูเมืองตะวันออก

“เราจะตายไหม?”  วิเวียนกระซิบถาม  ลักษณะที่น่ากลัว สำหรับเด็กหญิงสิบเอ็ดปีนั่นเป็นฝันร้ายที่น่ากลัว

“เราจะไม่ตาย”  หลิงซิ่วกล่าว สีหน้าเขาสงบ มีแต่ดวงตาสีส้มเข้ม  เหมือนกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา

“จริงหรือ?”

“จริงสิ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด