ตอนที่แล้วบทที่ 32: วิ่งกลับไปกลับมา มณฑลลู่  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34: แสงเจ็ดสีของเจ็ดอารมณ์ ปรมาจารย์เซียนกลายเป็นเจ้าเมือง!

บทที่ 33: ใหญ่แค่ไหนก็หลบไปก่อน


บทที่ 33: ใหญ่แค่ไหนก็หลบไปก่อน

ฮุ่ยฉีและชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึง

แม้แต่ผู้หญิงในชุดดำก็ยังมองไปที่หยานเฉิงด้วยความประหลาดใจ

ทัศนคติของเขาไม่เปลี่ยนเร็วเกินไปหน่อยหรอ!

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หยานเฉิงบรรยายออกมานั้นก็น่าดึงดูดมากจริงๆ

ในช่วงห้าปีนับตั้งแต่ราชาหยานเถลิงอำนาจ เขาก็ได้ยึดครองเฟิงโจวเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว และตราบใดที่เขาสามารถยึดครองมณฑลจูเหอได้ เขาก็จะสามารถเปิดทางน้ำหลักและบุกเข้าไปยังมณฑลต่างๆ ได้โดยตรง และในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เขาก็จะสามารถยึดครองรัฐเฟิงโจวทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

เงินและเสบียงอาหารครึ่งหนึ่งของต้าจินนั้นมาจากรัฐเฟิงโจว, รัฐฮุ่ยและรัฐเจียง ในหมู่พวกเขา มณฑลเฟิงก็อยู่ระหว่างกลาง ดังนั้นหลังจากยึดครองเฟิงโจวได้แล้ว พวกเขาก็จะสามารถเดินทัพไปยังอีกสองมณฑลได้อย่างสบายๆ

และหากพวกเขาทำลายทั้งสามรัฐได้สำเร็จ ราชวงศ์ต้าจินก็จะกลายเป็นเหมือนกับหอคอยสูงเดี่ยวบนท้องฟ้า

หยานเฉิงไม่ได้โกหกในตอนที่เขากล่าวว่าพวกเขาจะสามารถกวาดล้างราชวงศ์ต้าจินได้ภายในสิบปี

ถ้าเขาสามารถเป็นราชครูของจักรพรรดิในราชวงศ์ใหม่และครองโลกยุทธ์ได้ มันจะดีเพียงใดกัน? เขาจะอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว และอยู่เหนือผู้คนนับล้านๆ!

ในเวลานั้น แม้แต่สำนักชั้นนำและตระกูลขุนนางที่มีมานานนับพันปีก็ยังต้องก้มหัวลงต่อหน้าเขา

แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!

แบบนั้นแล้วชายผู้ทรงพลังที่มีต้นกำเนิดอันลึกลับผู้นี้จะเห็นด้วยหรือไม่?

“ข้าไม่ได้สนใจจะเป็นราชครูของใครทั้งนั้น และนอกจากนี้ ข้าก็ยังไม่ต้องการจะช่วยเหลือราชาหยานด้วย” ซุยเฮ็งส่ายหัวเล็กน้อยและยิ้มก่อนจะพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่าตำแหน่งในฐานะผู้ว่าการมณฑลของเจ้านั้นก็ไม่เลวเช่นกัน เอาแบบนี้เป็นไง? เจ้าช่วยมอบตำแหน่งนี้มาให้ข้าทีสิ”

ผู้ว่าการมณฑลสามารถเข้าถึงทุกสิ่งในมณฑลของพวกเขาได้ พวกเขาสามารถจัดการคดีต่างๆ และงานราชการทุกเรื่องได้ ซึ่งสิ่งนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างยิ่งในการศึกษาอารมณ์ทั้งเจ็ด

แน่นอนว่าการล้มล้างราชวงศ์ต้าจินและสถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดินั้นก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่คล้ายคลึงกันได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันก็มีเรื่องราวที่ซับซ้อนวุ่นวายมากเกินไปในการปกครองประเทศ และที่สำคัญ พวกมันยังไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกตนอีกด้วย

นอกจากนี้ หากเขาเป็นเพียงผู้ว่าการมณฑล เขาก็ยังสามารถหลบหนีออกมาได้ตลอดเวลา เขาสามารถหาคนมาแทนที่ตัวเขาเองได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใคร

อีกประการหนึ่งก็คือเรื่องของสำนักเซียนอรุณ สาเหตุที่พวกเขาปิดผนึกภูเขานั้นเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก มันทำให้เขาสงสัยว่ามันอาจจะยังมีบุคคลที่ทรงพลังยิ่งกว่าเขาซ่อนตัวอยู่บนโลกใบนี้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม หยานเฉิงก็ไม่ทราบว่าซุยเฮ็งกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเกือบจะคิดว่าเขาได้ยินผิด เขาพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ผู้ว่าการมณฑล?”

“ถูกต้อง ยกตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลมาให้ข้า” ซุยเฮ็งพยักหน้าอย่างจริงจังและหันไปหาชายชรา “ชื่อของเจ้าคือลู่เจิงหมิงใช่ไหม?”

“เจ้าค่อนข้างมีความรู้ เจ้าถูกคุมขังอยู่ในมณฑลจูเหอมาเป็นเวลานานและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากมาย ดังนั้นข้าจะให้เจ้าดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการมณฑล”

“ข้า.. รองผู้ว่าการมณฑล?” ลู่เจิงหมิงตกตะลึง เขาเป็นอาชญากรที่ฆ่าล้างครอบครัวของอาจารย์และเพื่อนฝูงของเขา แบบนั้นแล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงได้กลายมาเป็นรองผู้ว่าการมณฑลไปได้?

ชายคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่?

หลังจากได้เห็นวิธีการแปลกๆ ของซุยเฮ็ง เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้อีกต่อไปว่าซุยเฮ็งนั้นอยู่ในระดับใดกันแน่ พูดง่ายๆ อีกฝ่ายก็แข็งแกร่งจนอยู่เหนือกว่าความเข้าใจของพวกเขาไปแล้ว!

เขาทำได้เพียงปฏิบัติต่ออีกฝ่ายในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

“…” หยานเฉิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผู้อาวุโส ถ้าท่านต้องการจะเป็นผู้ว่าการมณฑลของมณฑลจูเหอ ข้าก็สามารถยกตำแหน่งนี้ให้ท่านได้เลยโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะต้องบอกผู้อาวุโสให้เข้าใจเอาไว้ก่อน”

“มณฑลจูเหอเป็นสถานที่ที่กองทัพหลวงของเราต้องเข้ายึดครอง ดังนั้นในอีกไม่ถึงครึ่งเดือน ทัพหน้า 30,000 นายก็จะมาถึงที่นี่ และหลังจากนั้น มันก็จะมีกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าอีก 100,000 นายตามเข้ามาปราบปรามเมืองนี้อย่างแน่นอน”

“หากผู้อาวุโสขึ้นเป็นผู้ว่าการของที่นี่ ข้าก็เกรงว่าท่านคงจะต้องประสบกับเคราะห์หนัก และอันที่จริง หากผู้อาวุโสต้องการจะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ของทางการ งั้นเหตุใดท่านจึงไม่ลองลดตำแหน่งของตัวเองลงมาเป็นผู้ว่าการประจำหัวเมืองเล็กๆ แทนล่ะ?”

“ตราบเท่าที่ท่านยอมจำนนต่อราชาหยาน ท่านก็จะยังสามารถดำรงตำแหน่งของท่านต่อไปได้ และในอนาคต เมื่อราชาหยานครอบครองครึ่งหนึ่งของต้าจินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ยังสามารถกลายเป็นผู้ว่าการมณฑลได้ในอนาคต”

เขายังคงคิดถึงการรับซุยเฮ็งเข้ามาเป็นพรรคพวกด้วย นอกจากนี้ เขาก็ยังดูมีท่าทีมั่นใจมาก

อันที่จริง สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องปกติ ในโลกใบนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนเทียนก็ยังสามารถขับไล่ทหารม้าได้มากสุดเพียงไม่กี่ร้อยนายเท่านั้น หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนับพัน พวกเขาก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นกัน

แม้แต่ยอดฝีมือระดับแนวหน้าของโลกยุทธ์ก็ยังถูกไล่ทุบตีราวกับลูกเมียน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนับหมื่น ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนที่มากกว่า ไม่ว่าระดับการฝึกตนของพวกเขาจะสูงมากเพียงใด แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์

และเนื่องจากหยานเฉิงได้รับการสนับสนุนจากราชาหยานและกองทัพนับแสน ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถดึงตัวอีกฝ่ายมาเข้าร่วมกับเขาได้

“เมื่อกองทัพของราชาหยานมาถึง สถานที่แห่งนี้ก็จะประสบกับเคราะห์หนัก?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ “ถ้าเช่นนั้นก็ดีเลย”

“อะไรนะ?!” ดวงตาของหยานเฉิงเบิกกว้างเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาเกือบจะคิดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับหูของเขา อีกฝ่ายมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็กลับกล้าที่จะท้าทายกองทัพนับแสนของราชาหยาน

เขาจะหยิ่งเกินไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม หยานเฉิงก็ไม่กล้าจะพูดอะไร ท้ายที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งที่ซุยเฮ็งได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้นั้นก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามันไม่มีใครในตอนนี้ที่จะสามารถต้านทานเขาได้

ซุยเฮ็งมองเขาด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไร

บรรยากาศนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

หลังจากนั้นไม่นาน หยานเฉิงก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของซุยเฮ็งได้อีกต่อไป เขาก้มศีรษะลงและพูดว่า “ข้าขอมอบตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลให้กับท่าน ว่าแต่ท่านจะทำยังไงกับข้าต่อไป?”

“ข้าจะทำให้วรยุทธ์ของเจ้าพิการและส่งเจ้าขึ้นไปบนภูเขาสักลูกหนึ่ง” ซุยเฮ็งชี้ไปที่ฮุ่ยฉีและพูดอย่างเฉยเมยว่า “พระรูปนี้ไม่ได้แจ้งให้เจ้าทราบก่อนหน้านี้หรอ?”

“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะแอบกลับไปหากองทัพของราชาหยานเพื่อรายงานเรื่องของท่านหรอ?” หยานเฉิงเงยหน้าขึ้นมองและถาม

“เจ้าต้องกลับไปที่นั่นแน่อยู่แล้ว” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดต่อว่า “นั่นก็เพราะเจ้าต้องเอาคำพูดของข้ากลับไปบอกพวกเขา ถ้าถึงตอนนั้นพวกเจ้าไม่ยอมอ้อมหนีไป ข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าให้หมด”

“… มันยากจริงๆ สำหรับคนโง่อย่างพวกเราที่จะเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้อาวุโส” หยานเฉิงยังไม่เข้าใจว่าความมั่นใจของซุยเฮ็งนั้นมาจากไหน อย่างไรก็ดี เขาก็ไม่คิดจะสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายแต่อย่างใด

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีใครอยากตาย

หลังจากนั้น ซุยเฮ็งก็ได้ทำลายเส้นลมปราณทั้งหมดในร่างกายของหยานเฉิง สิ่งนี้ทำให้วรยุทธ์ของอีกฝ่ายเป็นง่อยลง ณ จุดนั้น

ผู้หญิงในชุดดำพาเขาออกไปจากมณฑลจูเหอ

มันเหลือเพียงฮุ่ยฉีและลู่เจิงหมิงเท่านั้นที่อยู่ในสวนด้านหลังของสำนักงานเทศมณฑล

ทั้งคู่ไม่มีใครกล้าส่งเสียง

ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าซุยเฮ็งกำลังคิดอะไรอยู่

“ฮุ่ยฉี เจ้าแอบเอาอะไรไปจากตระกูลหลี่เมื่อวานนี้?” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็หันกลับไปมองฮุ่ยฉี

ตึก!

ฮุ่ยฉีคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วและหยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาอย่างสั่นเทา เขายื่นมันให้ซุยเฮ็งด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาพูดด้วยความกลัวอย่างสุดขีด “ท่านครับ นี่… นี่เป็นสิ่งที่ข้าต้องการจะซ่อนมันไว้จากหยานเฉิง ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะซ่อนมันจากท่านแต่อย่างใด!”

“เคล็ดวิชาลับกระบี่โผนอรุณ?” ซุยเฮ็งหยิบหนังสือเล่มเล็กขึ้นมาดู เขายิ้มและพูดว่า “นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเจ้าวางแผนทำลายตระกูลหลี่ใช่ไหม?”

“เป็นเพราะข้าตกอยู่ในความโลภและถูกหยานเฉิงปั่นหัว ข้ารู้ความผิดพลาดของตัวข้าเองแล้ว” ท่าทีของฮุ่ยฉีนั้นเต็มไปด้วยความเคารพอย่างยิ่ง “เคล็ดวิชาลับนี้เป็นเคล็ดวิชากระบี่ไร้เทียมทานซึ่งได้ถูกทิ้งไว้โดยสำนักเซียนอรุณก่อนที่พวกเขาจะทำการปิดผนึก มันมีความลึกลับของขอบเขตสัมผัสโลกาอยู่ภายในนั้น มันมีค่า…”

“มรดกของสำนักเซียนอรุณ…” ดวงตาของซุยเฮ็งหดแคบลงเล็กน้อย เขาวางหนังสือเล่มเล็กลงและถามทันทีว่า “ฮุ่ยฉี สถานะของอารามดอกปทุมในโลกยุทธ์คืออะไร?”

“เรียนผู้อาวุโส อารามดอกปทุมถูกก่อตั้งขึ้นโดยอาจารย์ชานฟาฮุ่ยเมื่อ 1,700 ปีที่แล้ว และในปัจจุบัน พวกเราก็ถือได้ว่าเป็นสำนักชั้นนำในโลกยุทธ์” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยความเคารพ “มันไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าเราเป็นสำนักชั้นหนึ่งในโลกยุทธ์ในปัจจุบัน”

“ในกรณีนี้ อารามดอกปทุมก็ไม่น่าจะอ่อนแอสินะ” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “จดเคล็ดวิชาทั้งหมดที่เจ้าได้เรียนรู้มาให้ข้า”

ฮุ่ยฉีดูตกใจมากในตอนแรก จากนั้นเขาก็พยักหน้าในทันที “ข้าเข้าใจแล้ว”

“สำหรับเจ้า เฒ่าลู่ ไปเตรียมพิธีต้อนรับข้า” ซุยเฮ็งตบไหล่ของลู่เจิงหมิงเบาๆ “มันจะดีที่สุดถ้าทุกคนในมณฑลแห่งนี้ได้รู้ว่าผู้ว่าการคนใหม่ได้มาถึงแล้ว”

การแต่งตั้งผู้ว่าการคนใหม่นั้นต้องให้ประชาชนรับทราบ

มิฉะนั้นแล้ว เขาก็จะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนและจะไม่สามารถสัมผัสกับอารมณ์ทั้งเจ็ดของชีวิตได้

นอกจากนี้ เขาก็ยังต้องการจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเมื่อผู้ว่าการมณฑลคนใหม่มาถึง ท้องฟ้าก็จะแจ่มใส!

ในคืนนั้น ซุยเฮ็งค้างแรมอยู่ในสำนักงานเทศมณฑล

เขาสุ่มเลือกห้องว่างและนั่งขัดสมาธิเพื่อเตรียมจัดแจงสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมาในช่วงสองวันที่ผ่านมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด