ตอนที่ 443 โยนระเบิด
“นายท่าน!” เต๋อหรงตะโกนและหันหน้ามาทางเจ้านาย เขามีสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง
แต่ซือหม่าเซี่ยวที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับอาหารของเขายิ้มพลางยกขนมในมือขึ้นชูและพูด“ท่านอยากได้ของว่างสักหน่อยไหม?”
เต๋อหรงขมวดคิ้วและพูดด้วยความหงุดหงิด“ขนมเหล่านี้มีความหมายกับคนที่หลงระเริงอยู่ไม่ใช่หรือ?”
ซือหม่าเซี่ยวไม่โกรธและตอบกลั้วเสียงหัวเราะ “เต๋อหรง ท่านไม่รู้จักวิธีหาความเพลิดเพลินเสียบ้างเลย”
เต๋อหรงยังคงนิ่งและตอบอย่างเย็นชา “ผู้น้อยกำลังยุ่งกับกิจการทหาร ถ้านายท่านไม่มีอะไร ผู้น้อยขออำลา”
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ในเมื่อข้าเป็นเจ้านายเจ้าจะตายก็ต้องรักษาหน้าข้าบ้าง” ซือหม่าเซี่ยวพูดอย่างไม่สบายใจ
เต๋อหรงทำเหมือนกับไม่ได้ยินเขาพูดยืนอยู่ที่เดิมเหมือนกับรูปปั้นอย่างใจเย็น
เต๋อหรงมีลักษณะที่อัปลักษณ์เขาอายุห้าสิบหกปี ชีวิตของเขาพยายามไขว่คว้าล่าฝันหาความสำเร็จทำให้เขาดูแก่เกินวัย คิ้วของเขาขมวดอยู่ตลอดเวลา บวกกับบุคลิกราศีที่จริงจังเคร่งขรึมทำให้เขาดูเหมือนหยาบกร้านหยิ่งยโสตลอดเวลา
ซือหม่าเซี่ยววางขนมลง “ถ้าข้าไม่ขอให้ท่านมาข้าก็คงไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของท่านแม้แต่น้อย เสี่ยวอวี้เป็นไงบ้าง”
เมื่อได้ยินชื่อนั้นเต๋อหรงที่มีใบหน้าเคร่งขรึมพลันอ่อนโยนขึ้น “ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว นางแข็งแรงขึ้น เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมานางยังไม่ถึงกับป่วย ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย”
เสี่ยวอวี้คือธิดาของเขานางเป็นโรคแปลกประหลาดและอาการของนางย่ำแย่ลง ถ้าไม่ใช่เพราะซือหม่าเซี่ยว ชีวิตของนางคงจบสิ้นไปแล้ว
ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ “ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าช่วยธิดาท่านเพื่อให้ท่านใช้กำลังช่วยข้าบ้างไม่มีใครเป็นหนี้ใครทั้งนั้น ข้าไม่ต้องการพูดหว่านล้อมให้โปรดปราน มันคงจะจริงจังมากขึ้นถ้าทุกคนพูดกันเรื่องผลประโยชน์ไปเลย”
เต๋อหรงพยักหน้าที่หยิ่งทันที“นั่นก็จริง”
“ลองดูภาพบันทึกนี้” ซือหม่าเซี่ยวจัดการขนมชิ้นสุดท้ายเสร็จ เขาลุกขึ้นยืนขณะที่เศษขนมร่วงหล่น
ภาพบันทึกฉายออกมาข้างหน้าเขา
“ภาพบันทึกนี้เป็นกระบวนการทำลายกองทัพสะท้านภูผา”ชิวจื่อจวินพูดอย่างใจเย็น “เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของกองทัพ เราคิดว่าท่านเป็นมืออาชีพมากกว่าดังนั้นเราอยากฟังความคิดเห็นของท่าน”
สายตาของเต๋อหรงจับตาดูอยู่ที่ภาพบันทึกและสีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
ภาพบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว
เต๋อหรงไม่มีคำอะไรจะพูด ภาพบันทึกฉายซ้ำอยู่ในใจของเขาทำให้เขายืนนิ่งอึ้งเหมือนกับหุ่นกระบอกไม่ขยับเขยื้อนอะไรแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาจึงค่อยๆเรียกความรู้สึกกลับมา
“เป็นยังไงบ้าง? ช่วยประเมินสักหน่อยสิ” ซือหม่าเซี่ยวพูดแว่วเข้าหูของเขา
“แข็งแกร่งมาก!”เต๋อหรงกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเขาน่ากลัวและเขาคลายมือหลังจากผ่านไปชั่วขณะ สีหน้าของเขาดีขึ้นมาก และเขากล่าวต่อ“พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเรา”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ดูเหมือนซือหม่าเซี่ยวจะคาดการณ์คำตอบไว้ก่อนแล้ว สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเท่าใด เขาเลิกคิ้วกล่าว “มาเถอะ อธิบายให้ข้าฟังที”
“ผู้นำทหารอีกฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งทรงพลังมาก!” เต๋อหรงสงบจิตใจได้แล้วและกล่าวต่อ“การประจัญบานของกองทัพหมาป่ามีแนวโน้มว่าจะเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่น”
“วิชาโดดเด่น?” รอยยิ้มบนใบหน้าของซือหม่าเซี่ยวหายไป
“ใช่แล้ว” หน้าของเต๋อหรงมีท่าทางโกรธ “กองทัพหมาป่าเมื่อเทียบกับของเราความจริงยังอ่อนแอกว่า และพลังในการเข้าประจัญบานสูงกว่ามาตรฐานของทหารพวกเขา นั่นมีความเป็นไปได้ว่าขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการของอีกฝ่ายหนึ่ง ผู้บัญชาการโดดเด่นมีแนวโน้มอย่างที่สุดว่าต้องเป็นระดับผู้บัญชาการโดดเด่น”
“แล้วอีกกองทัพหนึ่งเป็นยังไง?” ชิวจื่อจวินถาม
เต๋อหรงตอบอย่างเคร่งเครียด “ยอดฝีมือที่นำทหารใหม่รบมีมาตรฐานอยู่ในระดับสูงมาก จังหวะของเขาไม่เลว นอกจากนั้นข้าไม่สามารถบอกได้เลยจริงๆ”
“ถ้าท่านต้องสู้กับกองทัพหมาป่าท่านจะเอาชนะได้อย่างไร?” ซือหม่าเซี่ยวมองดูเต๋อหรงอย่างจริงจัง
หลังจากคิดแล้วเต๋อหรงไม่ถามเหตุผล “ข้าจะได้กำลังพลเท่าใด?”
“ท่านต้องการกำลังพลเท่าใด?” ซือหม่าเซี่ยวถามย้อน
“ห้าร้อยต่อห้าร้อย ข้าจะต้องแพ้แน่ ให้ข้าพันคน โอกาสชนะมีร้อยละสามสิบ สองพันคนโอกาสชนะร้อยละห้าสิบ ห้าพันคนข้าถึงจะชนะแน่นอน” เต๋อหรงตอบ
ซือหม่าเซี่ยวแสดงท่าทางประหลาดใจ “ผู้นำทหารคนอื่นๆทุกคนต่อสู้มีแต่จะใช้จำนวนคนน้อยลง ทำไมท่านถึงไม่แก้ปัญหา กลับร้องขอคนเพิ่มเสียมากมาย?”
เต๋อหรงชำเลืองมองซือหม่าเซี่ยวด้วยความรังเกียจ “ท่านไม่เข้าใจ! ถ้าข้าคาดไม่ผิด สุดยอดวิชาโดดเด่นของผู้บัญชาการของอีกฝ่ายมีแต่เพียงใช้ตอนประจัญบาน และประสิทธิภาพโดยรวมยังไม่ถือว่าสูง พวกเขาเหมือนกับดาบที่คมกริบเพียงพอ แต่พวกเขามีแต่คนมากมาย ด้านหลังของพวกเขาจึงยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอจะรับมือศัตรูเช่นนั้นได้ เราจำเป็นต้องบั่นทอนพวกเขา”
“เราไม่มีคนถึงห้าพันคน” ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ
เต๋อหรงตอบเย็นชา “ข้ารู้ ดังนั้นเราจึงไม่อาจสู้ได้”
“ไม่ทำให้ข้ากระทบกระเทือนได้จริงๆ หรอก” ซือหม่าเซี่ยวไม่สบายใจอย่างมาก “ท่านไปเตรียมกองทัพของท่าน เตรียมพร้อมและไปได้”
เต๋อหรงรับคำตรงๆ “ได้”
ซือหม่าเซี่ยวประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านไม่กลัวว่าท่านจะส่งตัวเองไปตายหรอกหรือ?”
เต๋อหรงตอบตามตรง “ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามข้าขายชีวิตให้ท่านแล้วนี่”
“นั่นก็จริง” ซือหม่าเซี่ยวลูบคางของเขา “แต่ข้าก็เป็นคนที่ให้คุณค่ากับทรัพย์สินส่วนตัวของข้าข้าจะปล่อยให้ท่านไปได้อย่างไร...”
“อย่างนั้นเราจะทำสงครามหรือไม่?” เต๋อหรงชักรำคาญ
“แน่นอนว่าเราจะสู้” ซือหม่าเซี่ยวเชิดหน้าและกลับคืนสู่ความสงบก่อนหน้านี้
เต๋อหรงกลับตัวและเดินจากไป
ซือหม่าเซี่ยวสะดุ้ง จากนั้นตะโกนไล่หลัง “เฮ้ เฮ้ เฮ้ข้าไม่ได้บอกว่าเราจะไปสู้กับกลุ่มดาวหมีใหญ่นะ เป้าหมายของเราคือ....”
******************************
ชิวจื่อจวินยืนอยู่ข้างตัวเขาด้วยสีหน้าอับจนปัญญา
ทันใดนั้นสายตาของเขาเหลือบไปเห็นผู้ส่งสารกำลังวิ่งเข้ามา ความรู้สึกแย่ท่วมขึ้นมาในใจของเขา ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เมื่อเขารับรายงานสีหน้าถึงกับเปลี่ยนไป
กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์ชาวยุทธลอบบุกโจมตีกลุ่มดาวนายพรานได้ตกเป็นเป้าความสนใจของสวรรค์วิถีทั้งหมด
กลุ่มดาวนายพรานเป็นกลุ่มพันธมิตรของกลุ่มดาวราชสีห์มายาวนานความแข็งแกร่งของพวกเขาในฐานะหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลางอยู่ในระดับสุดยอดและจุดสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มดาวนายพราน
เนื่องจากกลุ่มดาวราชสีห์และกลุ่มดาวนายพรานอยู่ใกล้กันมาก พวกเขามีประตูดวงดาวระหว่างทั้งสองมากมาย ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่ยึดกลุ่มดาวนายพรานได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถคุกคามกลุ่มดาวราชสีห์ได้โดยตรง มีคำกล่าวว่าเมื่อยึดกลุ่มดาวนายพรานได้ไม่เพียงแต่สมาพันธ์ชาวยุทธไม่สูญเสียอะไรเท่านั้นแต่พวกเขายังสามารถสร้างมีดจ่อหลังกลุ่มดาวราชสีห์ได้
ดูเหมือนว่าคนของมหาอำนาจที่มีความรู้และประสบการณ์มองว่ากลุ่มดาวนายพรานจะกลายเป็นจุดหักเหของสงครามทั้งหมด
นักยุทธศาสตร์ของทุกฝ่ายต่างคำนวณความผันแปรของสถานการณ์ แต่ไม่มีใครทราบเลยว่ากระแสเหตุการณ์กลับเปลี่ยนไปทำให้พวกเขาทุกคนตกตะลึง
กลุ่มดาวหมีใหญ่เปลี่ยนเจ้าปกครองกลุ่มดาว
และคนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือคนที่ชื่อว่าถังเทียน
นามของถังเทียนไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับทุกคน เขาคือเจ้าไก่อ่อนที่โผล่ออกมาสร้างชื่อจากศึกในกลุ่มดาวหมาป่า แต่กลุ่มดาวหมาป่ามีสถานะต่ำเกินไปในสวรรค์วิถี,ระนาบสุริยุปราคา, ระนาบกลาง, ดินแดนขั้วขอบฟ้า เขตฟ้าเหนือ เขตฟ้าใต้กลุ่มดาวหมาป่าเป็นกลุ่มดาวชั้นห้าและเป็นกลุ่มดาวที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มดาวระดับชั้นห้าด้วยซ้ำ นอกจากนั้นถังเทียนยังไม่มีสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวหมาป่า สำหรับหลายๆ คนถังเทียนและกลุ่มของเขาเป็นแค่กลุ่มโจรที่มีอำนาจอยู่บ้าง
กลุ่มอำนาจเล็กๆที่เทียบเท่ากันนี้มีอยู่มากมายในสวรรค์วิถีอันกว้างใหญ่และพวกเขาไม่สามารถก้าวขึ้นสู่เวทีระดับใหญ่ได้
แม้แต่ตอนที่กลุ่มดาวหมาป่าและกลุ่มดาวอันโดรเมดาก่อตั้งความเป็นพันธมิตรก็ยังเรียกความสนใจได้ไม่มากนัก กลุ่มดาวอันโดรเมดาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่สูญเสียประตูดวงดาวส่วนใหญ่ไป และพวกเขายังมีปัญหาภายในและการรุกรานจากภายนอก นอกจากนี้กลุ่มดาวอันโดรเมดายังเป็นกลุ่มดาวที่อยู่ในเขตฟ้าเหนือจัดอยู่ในกลุ่มดาวชั้นสี่ ความเป็นพันธมิตรของกลุ่มดาวอันโดรเมดาและกลุ่มดาวหมาป่า สำหรับช่วงเวลาในอดีตของสวรรค์วิถีก็เป็นเหมือนกับหมู่บ้านเล็กที่ห่างไกลเป็นพันธมิตรกับเมืองเล็กเพื่อนบ้านซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทั่วไป
เทียบกับกลุ่มดาวเหล่านั้นแล้วกลุ่มดาวหมีใหญ่มีสถานะใหญ่โตอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเผด็จการที่มีคุณสมบัติเพียงพอเทียบได้กับกลุ่มดาวตำหนักระนาบกลางได้
งูกินช้าง
งูน้อยอย่างถังเทียนสามารถกลืนกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้จริงๆ
ในเวลาอันรวดเร็วมีข้อมูลตามมาทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือสมบัติชั้นเซียนสามารถปลุกเจ็ดดาวเหนือขึ้นมาได้ ดาวทั้งหมดนี้เหมือนกับเป็นเรื่องเล่าในตำนานเล็กๆ จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก
ไม่ใช่ว่าการกำหนดสมบัติชั้นเซียนไม่เคยเกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องที่เห็นได้ยากมากเช่นกัน แต่การตื่นขึ้นของเจ็ดดาวเหนือทำให้นักกลยุทธทั้งหมดผู้คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ตกตะลึงไปตามๆ กัน
ความรุ่งเรืองและความแข็งแกร่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่ในอดีตหาพบได้แต่เพียงบันทึกในประวัติศาสตร์ มีบันทึกเป็นจำนวนมากระบุไว้ว่า ช่วงเวลาที่กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นมหาอำนาจมีวลีที่ชอบใช้กันมาคือ พญาหมีแกร่งกร้าว ผู้คนสั่นสะท้าน”
และเจ็ดดาวเหนือคือจิตวิญญาณของหมีแกร่งกร้าว
เป็นไปตามคาดในเวลาอันรวดเร็วกลุ่มมหาอำนาจที่มีการข่าวที่ดีก็ได้รับข้อมูลล่าสุดว่าพลังงานล่าสุดของกลุ่มดาวหมีใหญ่มีความหนาแน่นอยู่ที่ร้อยละสิบสอง จำนวนขนาดนั้นถือว่าไม่สูง และในความเป็นจริงเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่เดิม ก็ยังนับว่าต่ำ กลุ่มดาวหมีใหญ่ของเยี่ยนหย่งเลี่ยมีความหนาแน่นของพลังงานอยู่ที่ร้อยละสิบห้า
เห็นได้ชัดว่าจำนวนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เมื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่เปลี่ยนตัวเจ้ากลุ่มดาวใหม่ ด้วยพลังที่ปลดปล่อยออกมาจะอยู่ที่ร้อยละเจ็ดเท่านั้น
ความหนาแน่นของพลังงานเป็นที่รู้กันดีว่าคือความเข้มข้นของพลังดวงดาวเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการประเมินระดับกลุ่มดาว
ในช่วงเวลาสั้นๆความหนาแน่นของพลังงานดวงดาวฟื้นขึ้นมาถึงร้อยละสิบสองซึ่งเป็นการระบุให้เห็นถึงเสถียรภาพของกลุ่มดาวหมีใหญ่และนั่นถือว่าฟื้นตัวได้เร็วมาก ความเร็วในการฟื้นตัวทำให้ทุกคนตะลึง แค่เวลาไม่กี่วันกระโดดจากร้อยละเจ็ดไปเป็นร้อยละสิบสองและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงัก
ตามเหตุผลตามปกติ กลุ่มดาวใดๆ ที่เปลี่ยนแปลงสมบัติชั้นเซียนใหม่จะเข้าสู่ช่วงเวลาฟื้นฟู ปรากฏการณ์ที่ผิดปกติของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทำให้ทุกคนเพ่งเล็งไปที่เจ็ดดาวเหนือที่ลึกลับอีกครั้ง
กลุ่มดาวหมีใหญ่กับเจ็ดดาวเหนือที่สว่างไสวขึ้นมาใหม่อีกครั้งจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
แม้แต่คนที่ก่อนนั้นยังสามารถแยกแยะเหตุการณ์“งูกินช้าง”ที่น่าตกตะลึง ไม่พอ ยังมีรายงานการต่อสู้ที่ทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง
กองกำลังสะท้านภูผาแห่งกลุ่มดาวมังกรรุกเข้าในกลุ่มดาวหมีใหญ่และถูกทำลายด้วยฝีมือการโจมตีของกองทัพบริวารของถังเทียน
กองทัพหมาป่าติดตั้งอาวุธสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวอันโดรเมดาและกองทัพจักรกลขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงทันที ข้อมูลของอาวุธสมบัติที่ไม่อาจควบคุมได้และนั่นมักเป็นอุปสรรคใหญ่มิให้กองทัพขยายตัวได้ ความจริงมีกองทัพเดียวที่ติดตั้งอาวุธสมบัติที่เหมือนกัน
เมื่อกองทัพหมาป่าปรากฏตัวขึ้น ในที่สุดผู้คนก็ตระหนักได้ว่าอาวุธสมบัติคนสามารถผลิตออกมาได้
อาวุธสมบัติสิ่งทอนางฟ้ามีชื่อเสียงมากที่สุด
และกองทัพจักรกลขนาดใหญ่ก็ดึงดูดสายตาผู้คนพอกัน กองทัพจักรกลที่สาบสูญไปนานแล้วได้ลงสู่สมรภูมิอีกครั้ง หุ่นสีทองมหึมาในที่สุดก็ไม่ใช่ของเล่นและกลายเป็นอสูรร้ายสีทองในสนามรบ
แต่ระเบิดลูกใหญ่จริงๆระเบิดตามมาหลังจากผ่านไปสองวัน
กลุ่มดาวมังกรประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่
เมื่อข้อมูลรายงานออกไป ทุกคนไม่สามารถนั่งติดที่อยู่ได้
ทุกคนคิดถึงกลุ่มกิจการใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง สำนักยุทธอมตะ
สำนักยุทธอมตะก่อตั้งโดยกลุ่มดาวระดับขั้วขอบฟ้าสองกลุ่มดาว ใช้พลังด้วยความสามารถที่ฉลาดล้วนๆ ดังนั้นจึงสามารถก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจเทียบเคียงได้กับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา
เมื่อกลุ่มดาวมังกรประกาศว่าเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ นอกจากนี้ทุกคนอดเชื่อมโยงไปถึงสำนักยุทธอมตะมิได้
หรือจะกลายเป็นสำนักยุทธอมตะอีกแห่งหนึ่ง?
ถ้ามหาอำนาจใหม่ที่มีมาตรฐานเดียวกับสำนักยุทธอมตะผุดขึ้นมาทันที อย่างนั้นก็จะสร้างแรงกระทบใหญ่ต่อมหาอำนาจทั้งหมดในสวรรค์วิถี
และหลังจากนั้นกลุ่มดาวอันโดรเมดาก็ประกาศว่าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่
มหาอำนาจทั้งหมดในสวรรค์วิถีต่างตกตะลึงกับระเบิดที่ลงเป็นชุดๆต่อเนื่องครั้งนี้