ตอนที่แล้วตอนที่ 442 ผู้ครองอำนาจคนใหม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 444 อพยพใหญ่ชาวหมาป่า

ตอนที่ 443 โยนระเบิด


“นายท่าน!”  เต๋อหรงตะโกนและหันหน้ามาทางเจ้านาย  เขามีสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง

แต่ซือหม่าเซี่ยวที่ยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับอาหารของเขายิ้มพลางยกขนมในมือขึ้นชูและพูด“ท่านอยากได้ของว่างสักหน่อยไหม?”

เต๋อหรงขมวดคิ้วและพูดด้วยความหงุดหงิด“ขนมเหล่านี้มีความหมายกับคนที่หลงระเริงอยู่ไม่ใช่หรือ?”

ซือหม่าเซี่ยวไม่โกรธและตอบกลั้วเสียงหัวเราะ “เต๋อหรง ท่านไม่รู้จักวิธีหาความเพลิดเพลินเสียบ้างเลย”

เต๋อหรงยังคงนิ่งและตอบอย่างเย็นชา  “ผู้น้อยกำลังยุ่งกับกิจการทหาร  ถ้านายท่านไม่มีอะไร ผู้น้อยขออำลา”

“เฮ้ เฮ้ เฮ้ ในเมื่อข้าเป็นเจ้านายเจ้าจะตายก็ต้องรักษาหน้าข้าบ้าง” ซือหม่าเซี่ยวพูดอย่างไม่สบายใจ

เต๋อหรงทำเหมือนกับไม่ได้ยินเขาพูดยืนอยู่ที่เดิมเหมือนกับรูปปั้นอย่างใจเย็น

เต๋อหรงมีลักษณะที่อัปลักษณ์เขาอายุห้าสิบหกปี ชีวิตของเขาพยายามไขว่คว้าล่าฝันหาความสำเร็จทำให้เขาดูแก่เกินวัย คิ้วของเขาขมวดอยู่ตลอดเวลา บวกกับบุคลิกราศีที่จริงจังเคร่งขรึมทำให้เขาดูเหมือนหยาบกร้านหยิ่งยโสตลอดเวลา

ซือหม่าเซี่ยววางขนมลง  “ถ้าข้าไม่ขอให้ท่านมาข้าก็คงไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของท่านแม้แต่น้อย เสี่ยวอวี้เป็นไงบ้าง”

เมื่อได้ยินชื่อนั้นเต๋อหรงที่มีใบหน้าเคร่งขรึมพลันอ่อนโยนขึ้น “ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว นางแข็งแรงขึ้น เมื่อครึ่งปีที่ผ่านมานางยังไม่ถึงกับป่วย ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย”

เสี่ยวอวี้คือธิดาของเขานางเป็นโรคแปลกประหลาดและอาการของนางย่ำแย่ลง ถ้าไม่ใช่เพราะซือหม่าเซี่ยว ชีวิตของนางคงจบสิ้นไปแล้ว

ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ  “ไม่ต้องขอบคุณข้า  ข้าช่วยธิดาท่านเพื่อให้ท่านใช้กำลังช่วยข้าบ้างไม่มีใครเป็นหนี้ใครทั้งนั้น ข้าไม่ต้องการพูดหว่านล้อมให้โปรดปราน มันคงจะจริงจังมากขึ้นถ้าทุกคนพูดกันเรื่องผลประโยชน์ไปเลย”

เต๋อหรงพยักหน้าที่หยิ่งทันที“นั่นก็จริง”

“ลองดูภาพบันทึกนี้”  ซือหม่าเซี่ยวจัดการขนมชิ้นสุดท้ายเสร็จ  เขาลุกขึ้นยืนขณะที่เศษขนมร่วงหล่น

ภาพบันทึกฉายออกมาข้างหน้าเขา

“ภาพบันทึกนี้เป็นกระบวนการทำลายกองทัพสะท้านภูผา”ชิวจื่อจวินพูดอย่างใจเย็น “เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของกองทัพ  เราคิดว่าท่านเป็นมืออาชีพมากกว่าดังนั้นเราอยากฟังความคิดเห็นของท่าน”

สายตาของเต๋อหรงจับตาดูอยู่ที่ภาพบันทึกและสีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง

ภาพบันทึกจบลงอย่างรวดเร็ว

เต๋อหรงไม่มีคำอะไรจะพูด ภาพบันทึกฉายซ้ำอยู่ในใจของเขาทำให้เขายืนนิ่งอึ้งเหมือนกับหุ่นกระบอกไม่ขยับเขยื้อนอะไรแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นพักหนึ่งเขาจึงค่อยๆเรียกความรู้สึกกลับมา

“เป็นยังไงบ้าง?  ช่วยประเมินสักหน่อยสิ”  ซือหม่าเซี่ยวพูดแว่วเข้าหูของเขา

“แข็งแกร่งมาก!”เต๋อหรงกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเขาน่ากลัวและเขาคลายมือหลังจากผ่านไปชั่วขณะ  สีหน้าของเขาดีขึ้นมาก และเขากล่าวต่อ“พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเรา”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ดูเหมือนซือหม่าเซี่ยวจะคาดการณ์คำตอบไว้ก่อนแล้ว  สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเท่าใด  เขาเลิกคิ้วกล่าว “มาเถอะ  อธิบายให้ข้าฟังที”

“ผู้นำทหารอีกฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งทรงพลังมาก!” เต๋อหรงสงบจิตใจได้แล้วและกล่าวต่อ“การประจัญบานของกองทัพหมาป่ามีแนวโน้มว่าจะเป็นสุดยอดวิชาโดดเด่น”

“วิชาโดดเด่น?” รอยยิ้มบนใบหน้าของซือหม่าเซี่ยวหายไป

“ใช่แล้ว” หน้าของเต๋อหรงมีท่าทางโกรธ  “กองทัพหมาป่าเมื่อเทียบกับของเราความจริงยังอ่อนแอกว่า และพลังในการเข้าประจัญบานสูงกว่ามาตรฐานของทหารพวกเขา  นั่นมีความเป็นไปได้ว่าขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการของอีกฝ่ายหนึ่ง  ผู้บัญชาการโดดเด่นมีแนวโน้มอย่างที่สุดว่าต้องเป็นระดับผู้บัญชาการโดดเด่น”

“แล้วอีกกองทัพหนึ่งเป็นยังไง?”  ชิวจื่อจวินถาม

เต๋อหรงตอบอย่างเคร่งเครียด  “ยอดฝีมือที่นำทหารใหม่รบมีมาตรฐานอยู่ในระดับสูงมาก จังหวะของเขาไม่เลว  นอกจากนั้นข้าไม่สามารถบอกได้เลยจริงๆ”

“ถ้าท่านต้องสู้กับกองทัพหมาป่าท่านจะเอาชนะได้อย่างไร?” ซือหม่าเซี่ยวมองดูเต๋อหรงอย่างจริงจัง

หลังจากคิดแล้วเต๋อหรงไม่ถามเหตุผล “ข้าจะได้กำลังพลเท่าใด?”

“ท่านต้องการกำลังพลเท่าใด?”  ซือหม่าเซี่ยวถามย้อน

“ห้าร้อยต่อห้าร้อย ข้าจะต้องแพ้แน่  ให้ข้าพันคน โอกาสชนะมีร้อยละสามสิบ  สองพันคนโอกาสชนะร้อยละห้าสิบ  ห้าพันคนข้าถึงจะชนะแน่นอน”  เต๋อหรงตอบ

ซือหม่าเซี่ยวแสดงท่าทางประหลาดใจ  “ผู้นำทหารคนอื่นๆทุกคนต่อสู้มีแต่จะใช้จำนวนคนน้อยลง ทำไมท่านถึงไม่แก้ปัญหา  กลับร้องขอคนเพิ่มเสียมากมาย?”

เต๋อหรงชำเลืองมองซือหม่าเซี่ยวด้วยความรังเกียจ  “ท่านไม่เข้าใจ!  ถ้าข้าคาดไม่ผิด สุดยอดวิชาโดดเด่นของผู้บัญชาการของอีกฝ่ายมีแต่เพียงใช้ตอนประจัญบาน  และประสิทธิภาพโดยรวมยังไม่ถือว่าสูง  พวกเขาเหมือนกับดาบที่คมกริบเพียงพอ  แต่พวกเขามีแต่คนมากมาย ด้านหลังของพวกเขาจึงยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอจะรับมือศัตรูเช่นนั้นได้ เราจำเป็นต้องบั่นทอนพวกเขา”

“เราไม่มีคนถึงห้าพันคน”  ซือหม่าเซี่ยวโบกมือ

เต๋อหรงตอบเย็นชา  “ข้ารู้ ดังนั้นเราจึงไม่อาจสู้ได้”

“ไม่ทำให้ข้ากระทบกระเทือนได้จริงๆ หรอก”  ซือหม่าเซี่ยวไม่สบายใจอย่างมาก  “ท่านไปเตรียมกองทัพของท่าน  เตรียมพร้อมและไปได้”

เต๋อหรงรับคำตรงๆ  “ได้”

ซือหม่าเซี่ยวประหลาดใจเล็กน้อย  “ท่านไม่กลัวว่าท่านจะส่งตัวเองไปตายหรอกหรือ?”

เต๋อหรงตอบตามตรง  “ไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามข้าขายชีวิตให้ท่านแล้วนี่”

“นั่นก็จริง” ซือหม่าเซี่ยวลูบคางของเขา  “แต่ข้าก็เป็นคนที่ให้คุณค่ากับทรัพย์สินส่วนตัวของข้าข้าจะปล่อยให้ท่านไปได้อย่างไร...”

“อย่างนั้นเราจะทำสงครามหรือไม่?”  เต๋อหรงชักรำคาญ

“แน่นอนว่าเราจะสู้”  ซือหม่าเซี่ยวเชิดหน้าและกลับคืนสู่ความสงบก่อนหน้านี้

เต๋อหรงกลับตัวและเดินจากไป

ซือหม่าเซี่ยวสะดุ้ง  จากนั้นตะโกนไล่หลัง  “เฮ้ เฮ้ เฮ้ข้าไม่ได้บอกว่าเราจะไปสู้กับกลุ่มดาวหมีใหญ่นะ เป้าหมายของเราคือ....”

******************************

ชิวจื่อจวินยืนอยู่ข้างตัวเขาด้วยสีหน้าอับจนปัญญา

ทันใดนั้นสายตาของเขาเหลือบไปเห็นผู้ส่งสารกำลังวิ่งเข้ามา  ความรู้สึกแย่ท่วมขึ้นมาในใจของเขา  ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น

เมื่อเขารับรายงานสีหน้าถึงกับเปลี่ยนไป

กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นพันธมิตรกับสมาพันธ์ชาวยุทธลอบบุกโจมตีกลุ่มดาวนายพรานได้ตกเป็นเป้าความสนใจของสวรรค์วิถีทั้งหมด

กลุ่มดาวนายพรานเป็นกลุ่มพันธมิตรของกลุ่มดาวราชสีห์มายาวนานความแข็งแกร่งของพวกเขาในฐานะหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลางอยู่ในระดับสุดยอดและจุดสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มดาวนายพราน

เนื่องจากกลุ่มดาวราชสีห์และกลุ่มดาวนายพรานอยู่ใกล้กันมาก  พวกเขามีประตูดวงดาวระหว่างทั้งสองมากมาย  ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่ยึดกลุ่มดาวนายพรานได้  นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะสามารถคุกคามกลุ่มดาวราชสีห์ได้โดยตรง  มีคำกล่าวว่าเมื่อยึดกลุ่มดาวนายพรานได้ไม่เพียงแต่สมาพันธ์ชาวยุทธไม่สูญเสียอะไรเท่านั้นแต่พวกเขายังสามารถสร้างมีดจ่อหลังกลุ่มดาวราชสีห์ได้

ดูเหมือนว่าคนของมหาอำนาจที่มีความรู้และประสบการณ์มองว่ากลุ่มดาวนายพรานจะกลายเป็นจุดหักเหของสงครามทั้งหมด

นักยุทธศาสตร์ของทุกฝ่ายต่างคำนวณความผันแปรของสถานการณ์ แต่ไม่มีใครทราบเลยว่ากระแสเหตุการณ์กลับเปลี่ยนไปทำให้พวกเขาทุกคนตกตะลึง

กลุ่มดาวหมีใหญ่เปลี่ยนเจ้าปกครองกลุ่มดาว

และคนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือคนที่ชื่อว่าถังเทียน

นามของถังเทียนไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับทุกคน เขาคือเจ้าไก่อ่อนที่โผล่ออกมาสร้างชื่อจากศึกในกลุ่มดาวหมาป่า  แต่กลุ่มดาวหมาป่ามีสถานะต่ำเกินไปในสวรรค์วิถี,ระนาบสุริยุปราคา, ระนาบกลาง, ดินแดนขั้วขอบฟ้า เขตฟ้าเหนือ เขตฟ้าใต้กลุ่มดาวหมาป่าเป็นกลุ่มดาวชั้นห้าและเป็นกลุ่มดาวที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มดาวระดับชั้นห้าด้วยซ้ำ  นอกจากนั้นถังเทียนยังไม่มีสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวหมาป่า  สำหรับหลายๆ คนถังเทียนและกลุ่มของเขาเป็นแค่กลุ่มโจรที่มีอำนาจอยู่บ้าง

กลุ่มอำนาจเล็กๆที่เทียบเท่ากันนี้มีอยู่มากมายในสวรรค์วิถีอันกว้างใหญ่และพวกเขาไม่สามารถก้าวขึ้นสู่เวทีระดับใหญ่ได้

แม้แต่ตอนที่กลุ่มดาวหมาป่าและกลุ่มดาวอันโดรเมดาก่อตั้งความเป็นพันธมิตรก็ยังเรียกความสนใจได้ไม่มากนัก  กลุ่มดาวอันโดรเมดาประสบความสูญเสียครั้งใหญ่สูญเสียประตูดวงดาวส่วนใหญ่ไป และพวกเขายังมีปัญหาภายในและการรุกรานจากภายนอก นอกจากนี้กลุ่มดาวอันโดรเมดายังเป็นกลุ่มดาวที่อยู่ในเขตฟ้าเหนือจัดอยู่ในกลุ่มดาวชั้นสี่ ความเป็นพันธมิตรของกลุ่มดาวอันโดรเมดาและกลุ่มดาวหมาป่า สำหรับช่วงเวลาในอดีตของสวรรค์วิถีก็เป็นเหมือนกับหมู่บ้านเล็กที่ห่างไกลเป็นพันธมิตรกับเมืองเล็กเพื่อนบ้านซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทั่วไป

เทียบกับกลุ่มดาวเหล่านั้นแล้วกลุ่มดาวหมีใหญ่มีสถานะใหญ่โตอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเผด็จการที่มีคุณสมบัติเพียงพอเทียบได้กับกลุ่มดาวตำหนักระนาบกลางได้

งูกินช้าง

งูน้อยอย่างถังเทียนสามารถกลืนกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้จริงๆ

ในเวลาอันรวดเร็วมีข้อมูลตามมาทำให้ทุกคนตื่นตะลึงก็คือสมบัติชั้นเซียนสามารถปลุกเจ็ดดาวเหนือขึ้นมาได้ ดาวทั้งหมดนี้เหมือนกับเป็นเรื่องเล่าในตำนานเล็กๆ  จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก

ไม่ใช่ว่าการกำหนดสมบัติชั้นเซียนไม่เคยเกิดขึ้น  แต่เป็นเรื่องที่เห็นได้ยากมากเช่นกัน  แต่การตื่นขึ้นของเจ็ดดาวเหนือทำให้นักกลยุทธทั้งหมดผู้คุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ตกตะลึงไปตามๆ กัน

ความรุ่งเรืองและความแข็งแกร่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่ในอดีตหาพบได้แต่เพียงบันทึกในประวัติศาสตร์  มีบันทึกเป็นจำนวนมากระบุไว้ว่า  ช่วงเวลาที่กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นมหาอำนาจมีวลีที่ชอบใช้กันมาคือ พญาหมีแกร่งกร้าว ผู้คนสั่นสะท้าน”

และเจ็ดดาวเหนือคือจิตวิญญาณของหมีแกร่งกร้าว

เป็นไปตามคาดในเวลาอันรวดเร็วกลุ่มมหาอำนาจที่มีการข่าวที่ดีก็ได้รับข้อมูลล่าสุดว่าพลังงานล่าสุดของกลุ่มดาวหมีใหญ่มีความหนาแน่นอยู่ที่ร้อยละสิบสอง  จำนวนขนาดนั้นถือว่าไม่สูง และในความเป็นจริงเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่เดิม ก็ยังนับว่าต่ำ กลุ่มดาวหมีใหญ่ของเยี่ยนหย่งเลี่ยมีความหนาแน่นของพลังงานอยู่ที่ร้อยละสิบห้า

เห็นได้ชัดว่าจำนวนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เมื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่เปลี่ยนตัวเจ้ากลุ่มดาวใหม่  ด้วยพลังที่ปลดปล่อยออกมาจะอยู่ที่ร้อยละเจ็ดเท่านั้น

ความหนาแน่นของพลังงานเป็นที่รู้กันดีว่าคือความเข้มข้นของพลังดวงดาวเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดในการประเมินระดับกลุ่มดาว

ในช่วงเวลาสั้นๆความหนาแน่นของพลังงานดวงดาวฟื้นขึ้นมาถึงร้อยละสิบสองซึ่งเป็นการระบุให้เห็นถึงเสถียรภาพของกลุ่มดาวหมีใหญ่และนั่นถือว่าฟื้นตัวได้เร็วมาก ความเร็วในการฟื้นตัวทำให้ทุกคนตะลึง แค่เวลาไม่กี่วันกระโดดจากร้อยละเจ็ดไปเป็นร้อยละสิบสองและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงัก

ตามเหตุผลตามปกติ  กลุ่มดาวใดๆ ที่เปลี่ยนแปลงสมบัติชั้นเซียนใหม่จะเข้าสู่ช่วงเวลาฟื้นฟู ปรากฏการณ์ที่ผิดปกติของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทำให้ทุกคนเพ่งเล็งไปที่เจ็ดดาวเหนือที่ลึกลับอีกครั้ง

กลุ่มดาวหมีใหญ่กับเจ็ดดาวเหนือที่สว่างไสวขึ้นมาใหม่อีกครั้งจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน?

แม้แต่คนที่ก่อนนั้นยังสามารถแยกแยะเหตุการณ์“งูกินช้าง”ที่น่าตกตะลึง ไม่พอ ยังมีรายงานการต่อสู้ที่ทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

กองกำลังสะท้านภูผาแห่งกลุ่มดาวมังกรรุกเข้าในกลุ่มดาวหมีใหญ่และถูกทำลายด้วยฝีมือการโจมตีของกองทัพบริวารของถังเทียน

กองทัพหมาป่าติดตั้งอาวุธสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวอันโดรเมดาและกองทัพจักรกลขนาดใหญ่อย่างน่าตกใจกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงทันที  ข้อมูลของอาวุธสมบัติที่ไม่อาจควบคุมได้และนั่นมักเป็นอุปสรรคใหญ่มิให้กองทัพขยายตัวได้ ความจริงมีกองทัพเดียวที่ติดตั้งอาวุธสมบัติที่เหมือนกัน

เมื่อกองทัพหมาป่าปรากฏตัวขึ้น  ในที่สุดผู้คนก็ตระหนักได้ว่าอาวุธสมบัติคนสามารถผลิตออกมาได้

อาวุธสมบัติสิ่งทอนางฟ้ามีชื่อเสียงมากที่สุด

และกองทัพจักรกลขนาดใหญ่ก็ดึงดูดสายตาผู้คนพอกัน กองทัพจักรกลที่สาบสูญไปนานแล้วได้ลงสู่สมรภูมิอีกครั้ง  หุ่นสีทองมหึมาในที่สุดก็ไม่ใช่ของเล่นและกลายเป็นอสูรร้ายสีทองในสนามรบ

แต่ระเบิดลูกใหญ่จริงๆระเบิดตามมาหลังจากผ่านไปสองวัน

กลุ่มดาวมังกรประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่

เมื่อข้อมูลรายงานออกไป  ทุกคนไม่สามารถนั่งติดที่อยู่ได้

ทุกคนคิดถึงกลุ่มกิจการใหญ่อีกกลุ่มหนึ่ง  สำนักยุทธอมตะ

สำนักยุทธอมตะก่อตั้งโดยกลุ่มดาวระดับขั้วขอบฟ้าสองกลุ่มดาว  ใช้พลังด้วยความสามารถที่ฉลาดล้วนๆ ดังนั้นจึงสามารถก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจเทียบเคียงได้กับสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา

เมื่อกลุ่มดาวมังกรประกาศว่าเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่  นอกจากนี้ทุกคนอดเชื่อมโยงไปถึงสำนักยุทธอมตะมิได้

หรือจะกลายเป็นสำนักยุทธอมตะอีกแห่งหนึ่ง?

ถ้ามหาอำนาจใหม่ที่มีมาตรฐานเดียวกับสำนักยุทธอมตะผุดขึ้นมาทันที  อย่างนั้นก็จะสร้างแรงกระทบใหญ่ต่อมหาอำนาจทั้งหมดในสวรรค์วิถี

และหลังจากนั้นกลุ่มดาวอันโดรเมดาก็ประกาศว่าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มดาวหมีใหญ่

มหาอำนาจทั้งหมดในสวรรค์วิถีต่างตกตะลึงกับระเบิดที่ลงเป็นชุดๆต่อเนื่องครั้งนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด