ตอนที่แล้วตอนที่ 13-45 มณฑลฟ้าคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14-2 ศิลาดำ

ตอนที่ 14-1 ผาคันฉ่องจันทรา


หนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง แดนนรก!

พระจันทร์เย็นบางเฉียบเหมือนมีดสีม่วงกำลังแขวนตัวในยามราตรีเปล่งแสงสีม่วงชั่วร้ายเยือกเย็นซึ่งคลุมไปทั่วโลกไร้ขอบเขตต่อหน้าพวกเขา

“ครืนน....”คลื่นที่มืดมิดพัดเข้าหาหน้าผาขรุขระสูงหมื่นเมตรครั้งแล้วครั้งเล่า  แม้เวลานับล้านๆ ปีผ่านไปน้ำในทะเลหมอกดาวกระหน่ำใส่หน้าผาอย่างต่อเนื่อง แต่ผานี้ยังคงอยู่ได้มาเป็นเวลาหมื่นปีโดยไม่ไหวติง

ผานี้ค่อนข้างตรงเหมือนกับคมขอบมีด  ผิวของมันสะท้อนเงาเหมือนกระจก  ในแดนนรกรู้จักกันในนามเทือกเขาคันฉ่องจันทรา

ณ.จุดสูงสุดของเทือกเขาคันฉ่องจันทราปราสาทหินโบราณที่สร้างขึ้นจากหินสีม่วงตั้งเด่นตระหง่านให้ความรู้สึกเหมือนกับจะคงอยู่ตลอดไป  เพียงแต่ในบางครั้งภายในปราสาทสีม่วงจะมีไฟกระพริบอย่างรวดเร็วเป็นครั้งคราวเหมือนกับอยู่ในความฝัน

ในกลางปราสาทม่วง มีพื้นที่ราบว่างเปล่าที่สร้างขึ้นจากหินศิลาแลงโบราณ

ในพื้นที่นี้มีวงเวทขนาดใหญ่สองวงที่กินพื้นที่ราวร้อยเมตร รูปแบบของวงเวทนี้ซับซ้อนไปด้วยวงเวทนับไม่ถ้วนมากยิ่งกว่ารูปแบบวงเวทที่อยู่ในดินแดนน้ำแข็งขั้วโลก  ถัดจากวงเวทยักษ์ทั้งสองนี้มีบุรุษร่างกายกำยำแข็งแรงสองคนยืนอยู่

ทั้งสองคนสวมชุดสีม่วง นอกจากนี้พวกเขาสวมชุดยาวสีม่วงประกายทองและพวกเขายังมีตราเครื่องหมายที่ดูเฉพาะแบบอยู่บนหน้าผาก

“พี่สามมักต้องทำงานหนักอยู่เสมอ  เขาไม่เคยปล่อยโอกาสใดๆที่เขาจะสามารถฝึกฝนได้เลย” นักรบชุดม่วงผมดำกล่าว

บุรุษชุดม่วงที่อยู่ใกล้ผมขาวหัวเราะเช่นกัน  “พี่สามมักจะฝึกฝนหนักก็มีแนวโน้มว่าในไม่ช้าเขาจะได้ตำแหน่งผู้บัญชาการแน่”  ขณะที่พวกเขากล่าวทั้งสองคนหันไปมองบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ๆพวกเขา  เขาอยู่ในชุดเหมือนกับอีกสองคน

“ครืน...”

ในพื้นที่ว่าง หนึ่งในวงเวทใหญ่เริ่มเปล่งแสงฟุ้งและจากนั้นมีสามร่างปรากฏภายในมิติที่บิดเบี้ยวในใจกลางวงเวท  หลังจากแสงที่ฟุ้งหายไป  พวกเขาสามารถเห็นร่างสามร่างชัดเจนที่ยืนอยู่ในใจกลางคือ บุรุษหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้าขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นสตรีงามผมทอง และเด็กหนุ่มอีกคนสวมหมวกฟาง

ทั้งสามคนมองดูรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย

“โอ้โฮ!”นักรบผมดำหัวเราะดังลั่น “ยากนักที่จะมีคนสามคนมาแดนนรก และครั้งนี้เป็นระดับเทพกันทั้งหมดดูเหมือนว่ามีสองคนที่เป็นเทพแท้ด้วย ทั้งสามคนดูแล้วฉลาดมาก พวกเขาไม่มาตอนที่เป็นเซียน ฮ่าฮ่า...”

“คนที่มาแดนนรกตอนอยู่ในระดับเซียนนั้นโง่มาก”บุรุษผมเงินแค่นเสียง

บุรุษศีรษะโล้นที่กำลังนั่งขัดสมาธิตอนนี้ลุกขึ้นยืน  คนศีรษะโล้นมีนัยน์ตาสีเงินเย็นชา  เขาเดินเข้ามาหาและพูดอย่างสงบ  “ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งยอดฝีมือ แดนนรก!”  เสียงแหบแห้งของเขาก้องอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า

คนทั้งสามที่ถูกพามาก็คือลินลี่ย์ เดเลียและบีบี

“แข็งแกร่งมาก!”  เมื่อเห็นทั้งสามคนต่อหน้าเขาลินลี่ย์อดระวังตัวมากขึ้นมิได้ “ทั้งสามคนนี้น่าจะแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่าเรา  พวกเขามีแนวโน้มว่าจะเป็นเทพแท้ อย่างไรก็ตามพวกเขายังอาจเป็นเทพชั้นสูงก็ได้”

บีบีตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้น  “โห! เฮ้,คนรูปหล่อในชุดม่วง, ที่นี่แดนนรกใช่ไหม? โอ้โฮ... กลิ่นอายธาตุหนาแน่นมาก นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือที่นี่อีกมากมายด้วยเช่นกัน.. เฮ้ เฮ้  เอาคนพวกนี้ออกไป  แล้วสัตว์ประหลาดหกเขานี่  นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพวกนี้”

ในพื้นที่ว่างนอกจากคนในชุดม่วงทั้งสามแล้ว  ยังมีสิ่งมีชีวิตนับสิบที่ดูแปลกประหลาดมาก  ครึ่งหนึ่งมีรูปลักษณ์ของมนุษย์  ขณะที่ทั้งหมดที่เหลือมีลักษณะที่แปลกประหลาด มีหลายกลุ่มที่ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นมาก่อน

บุรุษศีรษะโล้นนัยน์ตาเย็นชามองดูบีบี  “หุบปากเจ้าซะ!”

บีบีอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

“ข้าจะพูดสิ่งที่ข้าต้องพูดครั้งเดียว!  ฟังให้ดี, มิฉะนั้นพวกเจ้าถูกฆ่าตายแล้วอย่ามาโทษว่าข้าก็แล้วกัน” เสียงแหบแห้งของบุรุษโล้นดูเหมือนไม่มีความอ่อนโยนแต่อย่างใด

บีบีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด  แต่ลินลี่ย์เข้ามาถึงและวางมือบนไหล่ของบีบีใช้แรงกดเล็กน้อยขณะพูดทางใจ  “บีบี,นี่คือแดนนรก  เรายังเป็นคนใหม่ที่นี่และยังไม่รู้อะไร อย่าก่อเรื่องยุ่งยากเพิ่ม ลอร์ดเบรุตอาจทรงพลัง แต่อำนาจของเขาไม่ได้แผ่มาถึงแดนนรก”

แม้ว่าบีบีจะไม่พอใจ แต่เขาก็ยังทำตัวว่าง่ายและไม่ก่อเรื่องยุ่งยาก  “พี่ใหญ่, ข้าเข้าใจแล้ว”

“พวกเจ้าทั้งสามมาจากดินแดนโลกธาตุ  สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำตอนนี้คือรออยู่กับที่!” บุรุษศีรษะโล้นชี้ไปที่พื้นที่ว่างซึ่งมีสิ่งมีชีวิตนับสิบยืนรออยู่เงียบๆ  ลินลี่ย์อดหันไปมองพวกเขาไม่ได้

ครึ่งหนึ่งของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นมนุษย์  เคนอื่นๆ เป็นสิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์

“สิ่งมีชีวิตนับสิบเหล่านี้มีเพียงห้าที่เป็นระดับเทพปะปนอยู่ในพวกเขา ที่เหลือเป็นระดับเซียนทั้งหมด” ลินลี่ย์สามารถบอกได้จากการดู

บุรุษโล้นยังคงพูดอย่างเย็นชา  “สิ่งที่พวกเจ้าทั้งสามคนจำเป็นต้องทำก็คือยืนอยู่กับที่อย่างว่าง่าย พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสียงหรือวิ่งเพ่นพ่าน  พวกเจ้าต้องเชื่อฟังเราทุกอย่าง  ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟัง  อย่างนั้นชีวิตพวกเจ้าก็มาหยุดลงเพียงเท่านี้”

บุรุษผมดำหัวเราะลั่น “ฟังสิ่งที่พี่สามของข้าพูดให้ดีๆ เล่า มิฉะนั้น...ฮ่าฮ่า”

คนหัวโล้นมองดูบุรุษผมดำที่ทำได้แต่เพียงหัวเราะเบาๆ  จากนั้นคนหัวโล้นพูดต่ออย่างเฉื่อยชาว่า“ข้าบอกพวกเจ้าในสิ่งที่ต้องบอกไปแล้ว พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้สอบถาม พรุ่งนี้เช้าเราจะส่งพวกเจ้าออกไป!”

หลังจากพูดเสร็จคนหัวโล้นกลับไปที่มุมของเขาและเริ่มนั่งขัดสมาธิอีกครั้ง

อีกสองคนมองหน้ากันเองและเริ่มหัวเราะ

ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง  “ส่งเราออกไปพรุ่งนี้เช้า?  ไปที่ไหน?”

“ลินลี่ย์!  เราเพิ่งจะมาถึงแดนนรก ดีที่สุดสำหรับเราก็คือเข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน  ได้ฟังคนชุดม่วงเหล่านี้แล้ว”  เสียงของเดเลียดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  นางกุมมือลินลี่ย์ไว้  ลินลี่ย์หันไปยิ้มให้เดเลียและจากนำนางกับบีบีไปยังพื้นที่ว่าง

ลินลี่ย์กับเดเลียเพียงแต่ชำเลืองมองดูสิ่งมีชีวิตบางเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“คนเหล่านี้ทุกคนมากจากดินแดนโลกธาตุ  เพียงแต่เผ่าพันธุ์หลายเผ่าพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในทวีปยูลานของเรา” เดเลียคุยกับลินลี่ย์โดยใช้สำนึกเทพโดยให้ความสนใจบางเรื่องลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “นี่,เดเลียดูคนที่อยู่ตรงนั้น”

มีอยู่คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของผู้คนจำนวนมาก  ตลอดทั้งตัวเขาปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรและมีเขามังกรอยู่ที่หัวของเขาด้วยเช่นกัน เขาดูคล้ายกับนักรบเลือดมังกรมาก

“พี่ใหญ่! คนผู้นั้นดูคล้ายกับท่านตอนที่ท่านแปลงกาย”  บีบีพูดทางใจด้วยเช่นกัน  “นั่นเป็นคนเผ่ามนุษย์มังกรในตำนานไม่ใช่หรือ?”

“ก็อาจจะใช่”  ลินลี่ย์พบว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ

แค่ยืนอยู่กับที่ในที่ว่างลินลี่ย์ได้เห็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ แม้ว่ามากว่าครึ่งจะเป็นเผ่าพันธุ์รูปร่างคล้ายมนุษย์ นั่นรวมถึงการมีระดับเทพรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใดก็ตามเมื่อเข้าถึงระดับเทพแล้ว ก็สามารถใช้ร่างมนุษย์ได้

“ลินลี่ย์!  จากสิ่งที่คนศีรษะโล้นบอก  ดูเหมือนว่าพอถึงเวลากลางวันเราจะถูกส่งตัวออกไป  ข้าคาดว่าพวกเขาต้องส่งคนออกไปทุกวัน”  เดเลียได้ข้อสรุปทั่วไป  “มีดินแดนโลกธาตุอยู่มากมายจริงๆ ดังนั้นคงมีหลายคนเดินทางมายังดินแดนนรกในแต่ละวัน!”

ลินลี่ย์ลอบพยักหน้าเช่นกัน

ในทวีปยูลานพูดกันตามปกติคนผู้หนึ่งจะสามารถไปยังพิภพระดับสูงได้บางทีอาจจะร้อยปีมีครั้งเดียว  มีดินแดนโลกธาตุอยู่มากมายเกินไป  อย่างไรก็ตามแม้แต่พวกเขาทั้งหมดก็ต่างคนต่างเดินทางมาในดินแดนนรก  ในแต่ละวันจึงมีคนมาถึงมากมาย

“ในช่วงเวลาล้านๆปียอดฝีมือนับไม่ถ้วนต้องมีสะสมอยู่ในแดนนรกมากมาย”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูบุรุษชุดม่วงทั้งสามคน  ลินลี่ย์มีความรู้สึกว่า... เครื่องแบบที่คนทั้งสามสวมอยู่มีกลิ่นอายที่แปลกประหลาดซึ่งทำให้ลินลี่ย์รู้สึกกังวล

นั่นไม่ใช่เครื่องแบบธรรมดา  ทั้งไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นมาจากพลังเทพ

“และตราผนึกของพวกเขาเหล่านั้น” ปกติลินลี่ย์สังเกตได้ว่าบุรุษทั้งสามมีตราเครื่องหมายสีม่วงที่หน้าผาก  วงเวทเปล่งแสงอีกครั้งหนึ่งครั้งนี้เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่สองตัวปรากฏอยู่ในวงเวท  ทั้งสองสูงอย่างน้อยสิบเมตรและตลอดทั้งร่างปกคลุมไปด้วยขนสีทอง พวกมันดูคล้ายวานรยักษ์

นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสองนี้มีเกล็ดสีดำงอกออกมาจากหน้าผากของมัน

“แม่งเอ๊ย, โตขึ้นนิดเดียว!”  บุรุษชุดดำตะโกนอย่างโมโห

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ทั้งสองซึ่งสูงขนาดอาคารสามชั้นในโลกธาตุของมันเอง เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนนั้น  เมื่อมันถูกสบถใส่หนึ่งนั้นถึงกับหัวเสียและคำรามใส่ด้วยความโกรธ เขาสะบัดหางใส่นักรบชุดม่วงอย่างดุร้าย

“เจ้ารนหาเรื่องเองนะ!”  นักรบชุดม่วงจ้องมอง ทันใดนั้นไม้เท้าดำปรากฏในมือของเขาและยืดยาวทันที เงาไม้เท้าสีดำนับสิบแหวกฟาดฝ่าอากาศพร้อมกับรัศมีทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวทั้งสองค่อยรู้สึกตัวได้

เพียงแต่, สายเกินไป!

“บึ้ม!” สัตว์ประหลาดสูงสิบเมตรกลายเป็นกองเนื้อแหลกเหลวทันที

สัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่งหดขนาดลงเหลือสูงเพียงสองเมตรจ้องมองอย่างหวาดผวาและพูดด้วยภาษามนุษย์ “ใต้เท้า ไว้ชีวิตข้าด้วย!”

“บัดนี้พวกเจ้าอยู่ในแดนนรกกันแล้ว พวกเจ้ายังคิดว่าพวกเจ้าอยู่ในพิภพโลกธาตุอีกหรือ?  เจ้ารนหาที่เสียแล้ว”  นักรบชุดม่วงแค่นเสียง  “ฟังให้ดี สิ่งที่เจ้าต้องทำในตอนนี้ก็คือยืนอยู่กับที่  อย่าถามอะไรทั้งนั้น  เราจะบอกเรื่องเท่าที่จำเป็นต้องบอก  สิ่งที่ไม่จำเป็นต้องบอกเราจะฆ่าพวกเจ้าหากมีคนถามขึ้นอีก”

“จำง่ายๆ คืออย่าส่งเสียง และฟังคำสั่งเรา!”

นักรบผมดำพลิกมือไม้เท้าก็หายกลับไป  “พอได้แล้ว กลับไปอยู่ตรงนั้น”

“น้องหก, ทำความสะอาดพื้นด้วย”  คนหัวโล้นที่นั่งสมาธิพูดขึ้นทันที

“หา..” บุรุษผมดำมองดูพื้นที่เปื้อนเลือดและศพที่อวัยวะกระจัดกระจาย  เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้  ทันใดนั้นเขาหันไปจ้องมองวานรยักษ์ทันที  “เจ้า, รีบมานี่”

สัตว์ประหลาดนั้นอดตัวสั่นไม่ได้  เขาชี้ที่ตัวเองอย่างสับสนตาของเขามีแววประหลาดใจ

เขาไม่กล้าส่งเสียง!

“ใช่แล้ว,ข้ากำลังพูดกับเจ้า”  บุรุษผมดำพยักหน้าและวานรยักษ์นั้นรีบวิ่งเข้ามาอย่างว่าง่ายทันที บุรุษผมดำชี้ไปที่พื้น “จงทำความสะอาดพื้นนี่เดี๋ยวนี้ซะ  ถ้าเหลือรอยเลือดแม้แต่รอยเดียวเจ้าได้ตายไปอยู่กับเพื่อนเจ้าแน่”

เจ้าวานรยักษ์นั้นกลัวจัดและรีบพยักหน้าทันที

ลินลี่ย์ บีบีและเดเลียทุกคนรู้สึกสะท้านใจด้วยความประหลาดใจ

“พี่ใหญ่,ดูเหมือนคนที่นี่ฆ่าคนได้ง่ายเหมือนกับโยนหมวกจริงๆพวกเขาไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย” บีบีพูดในใจ ลินลี่ย์ชำเลืองมองบุรุษผมดำ “เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย  ดังนั้นหลายคนมาที่แดนนรกกันทุกวัน  ใครจะสนใจคนที่เพิ่มขึ้นไม่กี่คนเล่า?  นอกจากนี้ บุรุษผมดำก็ทรงพลังมากจริงๆ!”

เดเลียกับบีบีเห็นด้วยทั้งคู่

พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่าบุรุษชุดม่วงทั้งสามคนอย่างน้อยต้องมีพลังระดับเทพแท้

“แค่ดูจากวิธีการที่เขาใช้ เราสามารถบอกได้ว่าบุรุษผมดำนี้ฝึกมาทางวิถีทำลายล้าง  การโจมตีของเขามีทั้งองค์ประกอบทางวัตถุและทางวิญญาณ ดูเหมือนว่าเขาหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับได้อย่างน้อยก็สองอย่าง!” ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจกับพลังของบุรุษชุดม่วงนี้ไม่ได้

นอกจากนี้ ลินลี่ย์ยังคงบอกได้ว่าบรรดบุรุษชุดม่วงทั้งสามนั้น คนที่ทรงพลังที่สุดควรจะเป็นบุรุษศีรษะโล้นที่ดูดุร้าย

“แรงดึงดูดที่นี่ในดินแดนนรกแข็งแกร่งกว่าดินแดนจากโลกธาตุเกือบร้อยเท่าเลยทีเดียว” ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงความแตกต่างในที่แห่งใหม่  สำหรับแรงดึงดูดที่รุนแรงไม่มีความหมายต่อเทพเท่าใดนัก “เมื่อข้าเข้าไปสุสานเทพเจ้าพลังจิตของข้าถูกจำกัดให้เหลือเพียงหนึ่งในหมื่น  แต่ที่นี่ในแดนนรกระดับของสัมผัสเทพของข้าถูกจำกัดมากยิ่งกว่า!”

นี่เป็นการเดินทางสู่แดนนรกครั้งแรก ลินลี่ย์ไม่กล้าขยายสำนึกเทพและดูว่าจะขยายไปได้ไกลเพียงไหน

เพียงแต่เขารู้สึกว่าการจำกัดของสำนึกเทพในดินแดนระดับสูงยิ่งใหญ่กว่าการจำกัดในสุสานเทพเจ้าที่มีผลต่อพลังจิตของเขา

พอเวลาผ่านไป และหนึ่งมนุษย์,มนุษย์อสูรหรืออาจเป็นอสูรเวทหลังจากทยอยมาถึงต่อเนื่อง  สิ่งมีชีวิตหลากหลายพันธุ์ยังคงถูกส่งมายังแดนนรกต่อเนื่องเมื่อเวลาพระอาทิตย์เปลี่ยนเป็นสีแดงเหนือเส้นขอบทะเลและฉายลงบนยอดปราสาทสันเขาคันฉ่องจันทราสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกธาตุต่างๆ มาถึงแดนนรกก็มีเกินร้อย

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากที่ใกล้ประตูบุรุษชุดม่วงเดินเข้ามาทีละคน พลางพูดคุยหยอกล้อในหมู่พวกเขากันเอง

“น้องสาม, ขอบคุณที่เฝ้าให้ทั้งคืน” บุรุษชุดม่วงหลายคนหัวเราะและทักทายเขา ในไม่ช้าคนชุดม่วงอีกหลายร้อยก็เดินทางมาถึง ลินลี่ย์ไม่สามารถตรวจสอบพลังของคนเหล่านี้ได้เลย  หลายคนในนี้แค่รัศมีของพวกเขาก็ทำให้ลินลี่ย์ตกใจมากแล้วสามารถสร้างความกลัวเหมือนอย่างที่แอดกินส์มี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด