ตอนที่ 13-41 เหตุเปลี่ยนเปลงกะทันหัน
การสั่นสะเทือนของพลังธาตุที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้เป็นสิ่งที่แม้แต่นักเรียกเวทที่อายุน้อยที่สุดในสถาบันสอนเวทยังรู้สึกได้ชัด จากพวกเทพสู่สถาบันสอนเวทคนนับไม่ถ้วนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนพลังธาตุขนาดใหญ่เหล่านี้ แม้แต่เวทต้องห้ามนับร้อยที่ถูกร่ายพร้อมกันก็ยังไม่อาจสร้างแรงสั่นสะเทือนที่น่าประหลาดนี้
“ปู่เบรุต! เกิดอะไรขึ้น?” บีบีถามด้วยความสงสัย
ลินลี่ย์มองดูเบรุตผู้กำลังหัวเราะ “ราชันย์เกบาโดสบลูไฟร์ เจ้ารู้จักเขาไม่ใช่หรือ? นี่คือการกระทำของเขา บ้านเกิดเก่าของเขาถูกทำลายไปแล้ว เขากำลังเตรียมตัวสร้างขึ้นใหม่....”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์และบีบีตกใจ
สร้างทวีปใหม่?
“บลูไฟร์ผู้นี้บ้าบิ่นอย่างแท้จริง” เบรุตระบายลมหายใจ “แม้ว่าเขาจะเป็นเทพชั้นสูง แต่พลังเทพและพลังจิตเขาจะต้องใช้เพื่อสร้างทวีปได้จะต้องมีปริมาณที่น่าทึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นทวีปใหญ่ไม่ใช่แค่เกาะน้อยธรรมดา”
“ปู่สามารถสร้างทวีปด้วยหรือ?” บีบีไม่กล้าเชื่อ
เบรุตพยักหน้า “บลูไฟร์มีร่างแยกเทพชั้นสูงถึงสองร่าง และเขาได้บรรลุเคล็ดลึกลับของกฎธรรมชาติในระดับที่น่ากลัว ด้วยพลังของเขาการสร้างทวีปหนึ่งในโลกธาตุมิใช่จะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ข้ายังเห็นว่าเจ้าผู้นี้ค่อนข้างบ้าระห่ำไปนิด”
“บ้าระห่ำ?” ลินลี่ย์อดมองไปทางใต้ไม่ได้
การสร้างทวีปเป็นปรากฏการณ์ที่ประหลาด บางทีมีแต่ยอดฝีมือระดับบลูไฟร์เท่านั้นจึงจะสามารถทำสิ่งนั้นได้
ในดินแดนทะเลใต้ณ.พื้นที่ไกลออกไปที่สุดของทวีปยูลานน้ำทะเลนับไม่ถ้วนดูเหมือนกำลังเดือดพล่านซี่....” พื้นทะเลเปล่งรัศมีร้อน และในพื้นที่ขนาดใหญ่แผ่ออกไปหมื่นกิโลเมตรใครๆ ก็สามารถมองเห็นลาวาเดือดพุ่งขึ้นจากพื้นทะเล
ในอากาศเหนือน้ำพุลาวาใต้น้ำแก่นธาตุไฟที่เข้มข้นระเบิดอย่างรุนแรงทำให้มิติบิดเบี้ยว ภายในมิติที่บิดเบี้ยวมีร่างมนุษย์คนหนึ่งปรากฎให้เห็น
ร่างนี้สวมใส่ชุดแดงเข้มยาวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศเหมือนเทพในสรวงสวรรค์ นั่นคือลีย์ลิน บลูไฟร์นั่นเอง
ห่างออกไปจากลีย์ลินหลายสิบกิโลเมตรก็คือบุรุษศีรษะโล้นเบอร์เกสและบุรุษชุดขาว พวกเขามองหน้ากันเองและบุรุษชุดขาวถอนหายใจ “พี่ใหญ่, น้องสามบ้าระห่ำจริงๆ ด้วยการใช้ภูเขาไฟเป็นศูนย์กลาง เขาใช้เวลาอึดใจเดียวเรียกลาวาออกมาจากส่วนลึกของโลกใต้พื้นทะเลได้ เขาบ้าระห่ำจริงๆ”
“โชคดีที่น้องสามใกล้ระดับสุดยอดของเทพชั้นสูงแล้ว มีระดับความเข้าใจกฎธาตุไฟสูง มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถทำได้สำเร็จง่ายๆแน่นอน”
เหตุผลที่ลีย์ลินมีชื่อเสียงเพราะเคล็ดความรู้ลึกลับในกฎธาตุไฟของเขา ชื่อบลูไฟร์เป็นข้อพิสูจน์ถึงระดับความสำเร็จที่เขาบรรลุในกฎธาตุไฟ พลังของร่างแยกเทพชั้นสูงสายธาตุไฟของเขายิ่งใหญ่กว่าร่างแยกเทพชั้นสูงธาตุดินเสียอีก
ไม่ใช่ว่าเขามีพลังธาตุดินที่อ่อนแอแต่อย่างใด เป็นแต่พลังธาตุไฟของเขาแข็งแกร่งมาก!
แมกมานับไม่ถ้วนยังคงพุ่งออกมาจากใต้พื้นลึกของมหาสมุทรบางครั้งก็จะปล่อยพลังออกมาพ้นผิวน้ำ แต่ปริมาณของลาวาที่ปล่อยออกมาบนผิวสมุทรยังไม่ได้ส่วนล้านจากบรรดาลาวาที่ถูกสร้างขึ้น
ลาวาส่วนใหญ่ที่ระเบิดออกมาจากพื้นทะเลจะกลายเป็นหินแข็งอยู่ภายในทะเล
พื้นที่ของลาวาซึ่งลีย์ลินนำออกมาจากภายใต้พื้นทะเลยืดออกมาหลายร้อยหลายพันกิโลเมตรแค่เพียงการควบคุมลาวาของเขา เขาทำให้ลาวาส่วนใหญ่แข็งตัวและมุ่งเน้นพื้นที่ภายในหมื่นกิโลเมตร หลังจากเมื่อพื้นแข็งเนื่องจากความเย็นจากน้ำและกลายเป็นหิน น้ำทะเลปริมาณมากในพื้นที่หมื่นกิโลเมตรจะลดลงเช่นกัน
ในบางพื้นที่มีหินโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำทะเลแล้วและที่ส่วนใหญ่มีความลึกเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
นี่คือบางอย่างที่ที่ไม่น่าเชื่อ ลึกลงไปในทะเลใต้บลูไฟร์ทำได้สำเร็จ
“ส่วนต่อไปจะเป็นเรื่องยากสำหรับน้องสาม” เบอร์เกสจ้องมองร่างลีย์ลินที่อยู่ไกลๆ “จะควบคุมแก่นธาตุดินปริมาณมหาศาลและสร้างทวีป.... เคล็ดความรู้ลึกลับของน้องสามยังไม่ทรงพลังเทียบเท่ากับเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุไฟ”
บุรุษชุดขาวพยักหน้าเช่นกัน ทั้งสองยังคงจ้องมองลีย์ลินอยู่ในระยะไกล
ลีย์ลินระบายลมหายใจยาว จากนั้นเหยียดมือทั้งสอง...
“ครืน...” แก่นธาตุดินนับไม่ถ้วนของโลกมาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ภายในพื้นที่หลายแสนกิโลเมตรหินและธุลีดินทั้งหมดมาอยู่ใต้การควบคุมของเขา และเริ่มไหลมาในพื้นที่หมื่นตารางกิโลเมตรที่สร้างจากลาวา
แก่นธาตุดินปริมาณมหาศาลถูกเรียกมาเป็นปริมาณมากสร้างเป็นช่องว่างในแก่นธาตุดินได้เป็นแสนกิโลเมตรในพื้นที่โดยรอบ
“บึ้ม!” แก่นธาตุดินจากพื้นที่อื่นก็หลั่งไหลเข้ามาทำให้พื้นที่ในตัวมันเองสั่นสะเทือนและบิดเบือนผิดรูป แก่ธาตุดินปริมาณนับไม่ถ้วนยังสร้างเป็นคลื่นพลังธาตุ
พลังสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ภายในพื้นที่แสนกิโลเมตรทำให้สัตว์อสูรทะเลก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติ ความจริงเฉพาะแรงระเบิดของลาวาเท่านั้นก็ทำให้สิ่งมีชีวิตถูกต้มจนตายไปมากมาย
“ช้าเกินไป!”
ความเร็วระดับนี้ เวลารวมที่ต้องใช้ในการสร้างทวีปมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้เวลาสิบวันหรือครึ่งเดือน
ลีย์ลินขมวดคิ้วสีแดงที่ดูเหมือนจะปลาบปลื้มใจ “ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่ข้าคิด!” ร่างของลีย์ลินแยกออกเป็นสองทันที หนึ่งในร่างทั้งสอง เป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สวมชุดสีทองหายวับไปจากโลกโดยไม่มีเสียงทันที ในทันใดนั้นพื้นที่แสนกิโลเมตร หินและดินเริ่มคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่าเดิมหลายเท่า
“พลังเทพที่ร่างแยกธาตุดินของข้าใช้สร้างถูกใช้ไปเกือบไม่เหลือ” ร่างแยกธาตุไฟของลีย์ลินอยู่ในชุดสีแดงเข้มพึมพำกับตนเอง
ครั้งนี้ เมื่อลีย์ลินกลับมายังทวีปยูลาน เขารู้สึกเศร้าใจที่สำคัญบ้านเกิดของเขาถูกทำลายไปแล้ว และแม้แต่แผ่นดินของทวีปเองก็ยังแตกกระจายจมทะเล ดังนั้นลีย์ลินจึงเลือกที่ตั้งแผ่นดินเกิดเก่าของเขาและเรียกแม่น้ำลาวาให้ระเบิดออกมา ทะเลลึกไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น และระดับความยากก็ลดลงเช่นกัน
การสร้างทวีปทั้งหมดและการสร้างคฤหาสน์แก่นธาตุ..สองอย่างนี้มีขั้นตอนสร้างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วังหลวง จักรวรรดิโอเบรียน
แอดกินส์มองไปทางทิศใต้ เขาขมวดคิ้วทันที บาร์นาสก็ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยความเคารพเช่นกัน
“ลอร์ดบลูไฟร์กล้าหาญจริงๆ” แอ็ดกินส์กล่าว
บาร์นาสพูดด้วยน้ำเสียงเบา “การสร้างทวีปเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองพลังเทพและพลังจิตมาก”
แอดกินส์ลอบหัวเราะ “พลังเทพและพลังจิตปริมาณมหาศาลที่ใช้ออกไปย่อมมากอย่างน่าประหลาดแน่นอน แต่การสร้างทวีปส่วนแรกที่ใช้ก็คือร่างแยกเทพชั้นสูงของเขากล่าวอีกนัยหนึ่ง ร่างแยกธาตุไฟที่ทรงพลังของเขาไม่ได้อ่อนแอเท่าใดนักเลย”
“บลูไฟร์ทรงพลังมากเกินไป!
แอดกินส์ก้มหน้าเงียบเป็นเวลานาน
บาร์นาสยืนอยู่ด้านข้างลอบถอนหายใจ “คุณชายดื้อดึงและชอบชิงดีชิงเด่นมากเกินไป เขาไม่ชอบด้อยกว่าคนอื่น เพียงแต่ในพิภพเกบาโดสคุณชายยังด้อยกว่าห้าราชันย์มาก ถ้าเขาไปดินแดนระดับสูงที่มียอดฝีมือคงอยู่มากมาย ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้เป็นสุดยอดฝีมือในพื้นที่ สมบัติของสุสานเทพเจ้า...คือความหวังประการเดียวของคุณชาย”
บาร์นาสรู้ดีว่าแอดกิสน์จะไม่ยอมแพ้แน่นอน
ทันใดนั้นแอดกินหันหน้ามาทันที “บาร์นาส! ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป”
“ลอร์ดแอดกินส์?ท่าน...” บาร์นาสตกใจ เขารู้ว่าแอดกินส์กำลังคิดอะไร
สายตาของแอดกินส์คมเหมือนมีด “นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยม บลูไฟร์กำลังให้ความสนใจกับการสร้างทวีป เขาไม่มีพลังพอให้ความสนใจเรา ตอนนี้ไปเรียกโอจวินและพวกอีกสองคนมา”
“ขอรับ!” บาร์นาสสูดหายใจลึกเช่นกันและแผ่สำนึกเทพออกไปตามโอจวินและพวกอีกสองคนทันที
หน้าของแอดกินส์เย็นชา แต่หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“วันตัดสินชะตา!” แอดกินส์พึมพำกับตัวเอง
ในไม่ช้า โอจวิน ฮันบริทและเกเทนบีก็มาพร้อมกันทั้งหมด ทั้งสามคนคุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ“ลอร์ดแอดกินส์”
“พวกเจ้าทุกคนจงเดินทางร่วมกับข้าไปที่ไพรทมิฬ” แอดกินส์กล่าว
โอจวินและพวกอีกสองคนมองหน้ากันเองด้วยอาการงุนงงกันหมด พวกเขาทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังสั่นสะเทือนที่น่าทึ่ง ตอนนี้พวกเขาได้รับคำสั่งให้ไปไพรทมิฬทันทีโดยไม่ได้รับคำอธิบาย ทั้งสามข่มความสงสัยจากนั้นติดตามแอดกินส์และบาร์นาสไปที่ไพรทมิฬ
ปราสาทโลหะ ไพรทมิฬ
ลินลี่ย์และเบรุตยังอยู่พร้อมหน้ากัน
“ท่านตั้งใจจะให้บีบีได้รู้แจ้งเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติหรือ?” ลินลี่ย์มองดูเบรุตด้วยความประหลาดใจ เบรุตเพิ่งบอกกล่าวว่าเขาต้องการให้บีบีอยู่ในปราสาทโลหะเพื่อปรับตัวให้เข้ากับเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติ หลังจากเชี่ยวชาญหนึ่งในเคล็ดความรู้ลึกลับแล้ว เขาจึงจะยอมให้บีบีออกไปจากโลหะปราสาท”
บีบีมีสีหน้าหม่นหมองลงทันทีและกล่าว “ปู่เบรุตฝึกเคล็ดความรู้ลึกลับให้ช้าลงได้ไหม ทำไมปู่ต้องยืนยันให้ข้าอยู่ในโลหะปราสาทด้วย? ใครจะรู้ว่าข้าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าจะทำได้สำเร็จ”
“อย่ากังวลไปเลย ข้าแค่ต้องการให้เจ้าเชี่ยวชาญเคล็ดความรู้ลึกลับของแก่นธาตุมืดง่ายๆเท่านั้น นอกจากนี้ เพื่อช่วยให้เจ้าได้รู้แจ้งได้เร็วขึ้น ข้าเตรียมสมบัติเอาไว้ช่วยเจ้าแล้ว ปู่ต้องทุ่มเทไปมากกว่าจะได้สมบัติชิ้นนี้มา” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์อดประหลาดใจไม่ได้
เท่าที่ได้ฟัง ดูเหมือนว่านี่เป็นสมบัติที่ช่วยให้คนได้ใช้ฝึกในกฎธรรมชาติธาตุมืด?
“สมบัติ? จะมีค่าขนาดไหนกัน?” บีบีตาเป็นประกาย
“หยุดถามเซ้าซี้ได้แล้ว” เบรุตพูดจริงจัง “แค่อยู่ที่นี่ แล้วอย่าทำให้ปู่ผิดหวัง”
ลินลี่ย์ปลอบโยนและกระตุ้นบีบีเช่นกัน บีบีเองก็สงสัยต่อสมบัตินั้นเขาจึงยอมตกลง ที่สำคัญคือบีบียังคงรู้ว่า...ปู่ของเขาร่ำรวยมาก แค่เพียงเบรุตพูดว่าราคาที่เขาต้องจ่ายออกไปนั้นมากมายก็หมายความว่าสมบัตินี้ไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
“หืม?” เบรุตขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แฮร์รี่!” เบรุตตะโกนเรียกทันใดนั้นร่างมนุษย์ร่างหนึ่งปรากฏตัวในห้องนั่งเล่น เป็นหนึ่งในจ้าวมุสิกทองม่วงแฮรี่ เบรุตออกคำสั่ง “แฮร์รี่ เจ้าต้องดูแลบีบีให้ดีอย่าปล่อยให้เขาวิ่งเพ่นพ่าน ตอนนี้ข้าจะออกไปก่อน”
“ขอรับ, ท่านพ่อ”แฮร์รี่พูดด้วยความเคารพ
“ลินลี่ย์, เจ้ามากับข้าด้วยกัน” เบรุตหัวเราะ และลินลี่ย์พยักหน้า
หลังจากล่ำลาบีบีแล้วลินลี่ย์กับเบรุตบินออกมาจากปราสาทโลหะ ลินลี่ย์บินเคียงข้างเบรุตรู้สึกว่าค่อนข้างงง “ลอร์ดเบรุตจู่ๆ ก็บอกว่าเราต้องออกมานี่มันอะไรกัน เฮ้..พวกเขาคือ..?
ลินลี่ย์เห็นร่างหลายร่างกำลังบินมาจากที่ไกลโดยมีผู้นำคือแอดกินส์ผู้สง่างาม
“โอจวิน!” ลินลี่ย์เห็นโอจวินอยู่ด้านหลังแอดกินส์เช่นกัน “ฮึ่ม.. ถ้าข้ามีโอกาส,ข้าจะต้องฆ่าเขาแน่นอน” ลินลี่ย์คงรู้สึกเกลียดต่อโอจวิน ในอดีต, ลูกชายของซีนาและภรรยา ทุกคนอยู่ในวังและถูกบุรุษผู้นี้ฆ่าตาย
เขายังไม่มีโอกาสแก้แค้นกับปฏิปักษ์รายนี้
“อา..ท่านเบรุต” แอดกินส์ยิ้มเต็มใบหน้าทันที “โอวลินลี่ย์, เจ้าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน” แอดกินส์ยิ้มกว้างขึ้น
“ลินลี่ย์, ตอนนี้เจ้าสามารถกลับไปได้แล้ว” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์คำนับ และจากนั้นคำนับให้แอดกินส์เล็กน้อยและบินไปทางใต้คนเดียว เพียงแต่ในขณะที่บินลินลี่ย์อดเหลียวหน้ากลับมาดูมิได้ “ลอร์ดเบรุตจู่ๆ ก็ออกมามีแนวโน้มว่าเขารู้ว่าแอดกินส์และคนอื่นมาถึง เกิดอะไรขึ้น?”
ในอากาศเหนือไพรทมิฬ เบรุตในชุดดำและแอดกินส์ในชุดทองยืนอยู่ในอากาศเผชิญหน้ากันและกัน แอดกินส์ดูเหมือนเป็นผู้เยาว์ ขณะที่เบรุตเป็นเหมือนผู้อาวุโส หนึ่งอาวุโส หนึ่งเยาว์วัยเผชิญหน้ากันเป็นภาพที่น่าสนใจ
ท่านเบรุต, เราไปคุยกันในที่ของท่านเถอะ” แอดกินส์กล่าว
“ไม่จำเป็น ที่นี่แหละดีแล้ว” เบรุตกล่าวพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
แอดกินส์ยิ้ม “อย่างนั้นก็ได้” แอดกินส์กางสนามพลังเทพของเขาทันทีป้องกันไม่ให้โอจวินและคนอื่นได้ยินคำสนทนาของพวกเขา “ท่านเบรุต,ครั้งล่าสุดท่านบอกว่าเราต้องรอพันปีก่อนจึงจะเปิดสุสานเทพเจ้าให้เราใช่ไหม?”
“นั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน” เบรุตมีแววขำขันอยู่ในดวงตา
แอดกินส์หัวเราะอย่างเป็นกันเอง “ข้ายังคงรู้มาว่าก่อนนั้นท่านเบรุตเปิดสุสานเทพเจ้าให้เทพอื่นถึงสองครั้ง ครั้งแรกอนุญาตให้เซียนเข้า อีกครั้งอนุญาตให้เทพเข้า ควรจะมีระยะเวลาห่างราวเดือนหนึ่ง ข้าคาดว่าการเปิดสุสานเทพเจ้าขึ้นอยู่กับตัวท่านเองใช่ไหม ท่านเบรุต?”
“ถูกแล้ว,มหาเทพผู้ทรงฤทธาไม่ได้กำหนดเวลาเปิดปิดแน่นอน ข้าเพียงลำพังรับผิดชอบกำหนดเวลาเปิด” เบรุตกล่าว
แอดกินส์ยิ้มเป็นประกาย “นั่นนับว่ายอดเยี่ยม ท่านเบรุต ข้าสงสัยว่าเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะเปิดสุสานเทพเจ้าให้เราเหล่าเทพได้เข้าไปล่วงหน้า?”
“เข้าไปล่วงหน้า?” เบรุตจ้องมองแอดกินอย่างประหลาดใจ
“ใช่แล้ว อย่างเช่น...พรุ่งนี้! ข้าไม่รู้ว่าท่านจะรับพิจารณาได้ไหมท่านเบรุต?” แอดกินส์มองดูเบรุต ดวงตาของเขามีแววคาดหวัง
“โอว...เปิดเดี๋ยวนี้..” เบรุตไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ แอดกินส์ได้แต่รอ และตื่นเต้น ในที่สุด, เบรุตพยักหน้าเบาๆ “ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เปิดพรุ่งนี้ก็ย่อมได้”