ตอนที่แล้วตอนที่ 13-39 วาดขาบนตัวงู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-41 เหตุเปลี่ยนเปลงกะทันหัน

ตอนที่ 13-40 ลำธาร มหาสมุทร?


ไปแดนนรก?

คำพูดของโอลิเวอร์ทำให้ทุกคนในห้องมองดูเขา  ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ  เขากล่าว “โอลิเวอร์  ท่านจะไปแดนนรกในวันพรุ่งนี้หรือ?  ทำไมรีบนักเล่า?  ท่านไปแดนนรกเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ  นอกจากนี้ ทวีปยูลานจะเปิดสุสานเทพเจ้าอีกครั้งในอีกพันปี”

ยอดฝีมือทั้งหมดยังคงรั้งอยู่ในทวีปยูลานก็เพื่อความมุ่งหมายต่อสุสานเทพเจ้า

“สุสานเทพเจ้า?”

โอลิเวอร์หัวเราะเย้ยหยันตัวเอง  “จะมีประโยชน์อะไรกับการรั้งอยู่ทวีปยูลาน  ลินลี่ย์!  เจ้าคิดว่าข้า,โอลิเวอร์จะสามารถแข่งกับแอดกินส์หรือลอร์ดบลูไฟร์ได้หรือ?  ข้าเป็นแค่ระดับเทียมเทพ  ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือดูต่อให้ข้ารั้งอยู่ก็ตาม ข้าอาจจะไปได้ดีเมื่อไปถึงแดนนรกเร็วๆ ก็ได้”

“แดนนรก!”  ตาของโอลิเวอร์เหม่อมอง  เหมือนกับว่าเขากำลังจ้องมองเข้าไปในแดนนรกอยู่ในตอนนี้  “แดนนรกคือพิภพชั้นสูงในตำนาน ที่ซึ่งสุดยอดฝีมือชั้นสูงของพิภพธาตุชุมนุมรวมกันอยู่  สถานที่มียอดฝีมือมากมายหลากหลายยิ่งกว่าพิภพเกบาโดสเป็นล้านๆเท่า”

ทุกคนในตอนนี้รวมทั้งลินลี่ย์ บีบี เดเลีย ทารอสไดลินและเทพสงคราม ทุกคนรู้สึกหวั่นไหวใจ

พวกเขาทุกคนรู้ว่าพิภพจองจำมียอดฝีมืออยู่มากมายเพียงไหน

แต่เมื่อเทียบกับแดนนรกของพิภพชั้นสูง พิภพจองจำเกบาโดสไม่มีอะไรมากไปกว่าจุดเล็กๆ ที่สำคัญแดนนรกดึงดูดยอดฝีมือนับไม่ถ้วนจากพิภพธาตุต่างๆ มากมาย  หลังจากผ่านไปหลายปีบางทีอาจคำนวณไม่ได้ว่าที่นั่นจะมียอดฝีมืออยู่เท่าใด

“ตอนนี้,รู้สึกเหมือนกับว่าทวีปยูลานมียอดฝีมือค่อนข้างน้อย  อย่างไรก็ตามทวีปยูลานไม่มีอะไรมากไปกว่าลำธารเล็ก ขณะที่แดนนรกก็คือมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยอันตรายนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะอันตรายแต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยโอกาสและความท้าทายมากมาย!”

ตาของโอลิเวอร์ฉายประกาย “แดนนรก, ข้าใฝ่ฝันว่าจะได้ไปที่นั่น!  นั่นจะเป็นเวทีของข้า!”

ไม่มีใครพยายามเหนี่ยวรั้งโอลิเวอร์อีก

เพราะ....

คำพูดของโอลิเวอร์ทำให้ลินลี่ย์, ทารอสและยอดฝีมืออื่นๆ รู้สึกค่อนข้างละอายใจ ความจริงพิภพจองจำมียอดฝีมือที่ถูกขังอยู่น้อยในทุกหมื่นปียอดฝีมือส่วนใหญ่จะเดินทางไปยังพิภพชั้นสูง และคนเหล่านี้เป็นยอดฝีมือจากดินแดนจักรวาลนับไม่ถ้วน

อาจกล่าวได้ว่า....

มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่ายอดฝีมือในพิภพจองจำกว้างใหญ่ในดินแดนนับไม่ถ้วนเอามารวมกันทั้งหมดก็ยังไม่ได้จำนวนเท่ากับยอดฝีมือในแดนนรก

“ลำธาร มหาสมุทร?” คำนี้ก้องอยู่ในใจของลินลี่ย์

ทวีปยูลานเป็นเหมือนลำธารใสสะอาด  หลังจากแอดกินส์ ลีย์ลินและคนอื่นๆ จากไปลินลี่ย์จะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากที่สุดอาศัยอยู่ในลำธารนี้ แต่ถ้าลินลี่ย์จะไปแดนนรกและเข้าไปในทะเลไร้ฝั่งที่เต็มไปด้วยอันตราย จำนวนยอดฝีมือที่ทรงพลังมากกว่าลินลี่ย์มีนับไม่ถ้วน  หรือบางทีคนที่มีพรสวรรค์ยิ่งกว่าลินลี่ย์หรือตระกูลที่ทรงพลังน่ากลัวยิ่งกว่าลินลี่ย์ก็มี

อย่างไรก็ตามแดนนรกที่กว้างใหญ่ไพศาลทำให้หัวใจของลินลี่ย์เริ่มมีเลือดลมพลุกพล่าน

ชีวิตที่ท้าทายคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่ต้องการความตื่นเต้น!

ราตรีดึกสงัด ภายในห้องนอน ลินลี่ย์กับเดเลียนอนอยู่บนเตียง

“ลินลี่ย์, เจ้ากำลังคิดเรื่องอะไร?”  เดเลียถามนุ่มนวล

“ข้าน่ะหรือ?” ลินลี่ย์ฟื้นจากความมึนงง เขาเพิ่งคิดถึงเรื่อง ‘แดนนรก’ ของพิภพชั้นสูง เขาไม่เคยไปที่นั่น ดังนั้นเขาจึงคิดว่าที่นั่นจะเป็นเหมือนอะไร  “คิดถึงเรื่องแดนนรก  ข้าสงสัยว่าที่นั่นจะเหมือนกับอะไร  และจะมีอะไรในแดนนรก”

เดเลียย่นหน้าผากเล็กน้อย นางเข้าใจว่าลินลี่ย์ต้องการจะไปที่แดนนรก

ในใจของเดเลียไม่ต้องการให้ลินลี่ย์ไป ในใจของนางไม่ต้องการให้ลินลี่ย์ต้องพบกับช่วงเวลาอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกแบบนั้นสร้างความกังวลและความกลัวจนนางรู้สึกว่าเหมือนกับนางจะพังทลาย  แต่เดเลียไม่พูดอะไร... เพราะนางเข้าใจ

การชอบลินลี่ย์หมายความว่านางไม่สามารถกำกับเขาจนมากเกินไป

นางเคารพการตัดสินใจของลินลี่ย์

ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ เขารู้ความรู้สึกของเดเลียดี แต่ด้วยเหตุนี้ ลินลี่ย์จึงมีแต่ความรู้สึกขอบคุณต่อเดเลีย  เดเลียมักจะสนับสนุนเขาอยู่เงียบๆ  ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกถึงประกายเทพธาตุลมที่เขาได้รับ

“เดเลีย, ดูนี่สิ นี่คืออะไร?”  เพียงพลิกมือลินลี่ย์ก็เอาประกายศักดิ์สิทธิ์สีดำเรืองแสงสีเขียวลอยอยู่ต่อหน้าต่อตาเดเลีย

เดเลียมองดูและดวงตาของนางทอประกายวูบ  “ประกายเทพธาตุลมงั้นหรือ?  นี่...นี่คือประกายเทพของเนฟผู้นั้นใช่ไหม?” ลินลี่ย์เล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นให้เดเลียฟัง เดเลียจึงรู้ว่าลินลี่ย์ได้ประกายเทพมาสามดวงในตอนนี้

ไล่ตามลำดับก็คือประกายเทพธาตุเดินซึ่งตกอยู่ในเงื้อมมือลินลี่ย์เมื่อคราวร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของบาร์นาสถูกฆ่า,ประกายเทพธาตุไฟจากแอนราสที่ล้มเหลวในการลอบสังหารและจากนั้นก็เป็นประกายเทพธาตุลมจากเนฟ

“รับไปสิ เอาไปหลอมรวมซะ”  ลินลี่ย์หัวเราะ

ขณะมองดูลินลี่ย์ เดเลียรับประกายเทพไว้ เดเลียรู้..ด้วยระดับพรสวรรค์ของนางโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเทพแล้วอาศัยการรู้แจ้งด้วยตัวนางเองและบรรลุความก้าวหน้าอาจต้องใช้เวลาถึงหมื่นปีกว่านางจะบรรลุความสำเร็จ

เดเลียหยดเลือดบนประกายเทพซึมซับประกายเทพไว้ในร่างนางและจากนั้นนางอิงศีรษะแนบอกลินลี่ย์ และพูดอย่างนุ่มนวล“ประกายเทพนี้ได้รับมาจากการทำงานอย่างหนักของสามีข้า”

ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้

“เดเลีย, ข้าได้ยินมาว่ามีบางตระกูลในแดนนรกจะใช้ประกายเทพเพื่อให้ลูกหลานของพวกเขายกระดับขึ้นไปถึงเทพระดับสูง”  ลินลี่ย์ถอนหายใจชื่นชม  “ประกายเทพทั้งสามเรียงตามลำดับและพวกเขาจะกลายเป็นเทพชั้นสูงได้ ความเร็วระดับนี้นับว่าน่าทึ่ง”

การหลอมรวมประกายเทพเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีพรสวรรค์ต่ำ

ยอดฝีมือโดยทั่วไปจะไม่สามารถหลอมรวมกับประกายเทพ แม้ว่ายอดฝีมือนั้นจะหลอมรวมกับประกายเทพได้สำเร็จ ประกายเทพกับวิญญาณผู้นั้นก็ไม่ถึงกับเข้ากันได้ 100% การหลอมรวมกับเคล็ดความรู้ลึกลับไว้ภายใน ระดับความยากจะมากขึ้นเป็นร้อยเท่ากว่าการเป็นเทพด้วยตัวเอง

“ข้าจะฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการใช้เคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธาตุลมอย่างหนัก”  เดเลียกล่าว

เช้าตรู่วันต่อมา แม้ว่าแนวพระอาทิตย์ยังฉายแสงให้เห็นอยู่ แต่ก็ยังหนาวมากอยู่ดี อย่างไรก็ตามคนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันที่สนามฝึกของปราสาทเลือดมังกร  เพราะทุกคนมาส่งโอลิเวอร์

ครั้งนี้โอลิเวอร์กำลังจะเข้าแดนนรกด้วยตัวเอง

ไดลิน ทารอส ซีซาร์เทพสงครามและคนอื่นยังมีธุระในทวีปยูลานที่ต้องจัดการกันก่อน

“โอลิเวอร์, เจ้าเด็กน้อย, ระวังตัวด้วยเมื่ออยู่ในแดนนรกอย่าได้ปิดฉากชีวิตลงในเวลาอันสั้นเมื่อไปถึงที่นั่นล่ะ ฮ่าฮ่า...”  ไดลินหัวเราะขณะตบไหล่โอลิเวอร์  ตาของโอลิเวอร์เป็นประกายคมกล้าเมื่อกวาดมองทุกคน  “จะถูกใครจัดการน่ะหรือ?  จะฆ่าข้าไม่ง่ายนักหรอก”

ลินลี่ย์และคนอื่นๆหัวเราะกันทุกคนและกล่าวคำอำลาสองสามคำกับโอลิเวอร์

“ถ้าเราโชคดี บางทีในแดนนรก, ข้าคงจะได้พบกับทุกคนอีก” โอลิเวอร์กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องพูดมากอีกแล้ว บัดนี้ข้าขออำลาก่อน” ขณะที่กล่าวโอลิเวอร์มองลินลี่ย์อย่างมีความหมาย

ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของโอลิเวอร์

โอลิเวอร์มองลินลี่ย์และกล่าว  “ลินลี่ย์, ข้าจะไปรอเจ้าในแดนนรก อย่ามัวแต่ซ่อนตัวอยู่ในลำธารน้อยตลอดไปเล่า”  หลังจากพูดแล้ว โอลิเวอร์บินมุ่งตรงไปทิศเหนือ

ลินลี่ย์ได้แต่ตะลึงอย่างช่วยไม่ได้

เดเลียและวอร์ตันอดมองลินลี่ย์ไม่ได้เช่นกัน

“ลำธารหรือ?” ลินลี่ย์อดมีใจว้าวุ่นไม่ได้

“ลินลี่ย์!”  มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของลินลี่ย์  ลินลี่ย์ตกใจ เสียงนี้เป็นของลอร์ดเบรุต “ลินลี่ย์! เจ้าเพิ่งจะมาจากภูเขาฆ้องทองแดงไม่นานนักใช่ไหม?  อีกสองวันเจ้าจงพาบีบีมายังที่พักของข้า”

“พาบีบีมาด้วย?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างงง  เบรุตต้องการให้บีบีไปที่นั่นเพื่ออะไร?

“เมื่อเจ้ากับบีบีมาถึงที่นี่  ข้าจะบอกเจ้าเอง  จำไว้!  รีบด้วย อย่ามัวแต่เสียเวลามาก”  เบรุตหัวเราะ

“งั้นข้าจะไปที่นั่นทันที”  ลินลี่ย์ตอบ

“ไม่ต้องรีบ  ครั้งนี้เมื่อบีบีมา เขามีแนวโน้มว่าจะต้องอยู่กับข้าเป็นเวลานาน  เจ้ากับเขาจะไม่พบกันอีกนาน”  เบรุตกล่าว

“หืม?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ แต่เบรุตไม่ได้อธิบายรายละเอียด ก็ถอนสำนึกเทพกลับ

บ่ายวันต่อไป ท้องฟ้าสีฟ้าจัด เหมือนกับจานลายครามสีฟ้าแซมด้วยเมฆสีขาวลอยอยู่ในขอบฟ้าให้เห็นเป็นครั้งคราว

มีร่างสองร่างกำลังบินเคียงข้างตรงไปในขอบฟ้า  เป็นลินลี่ย์และบีบี ทั้งสองออกจากปราสาทเลือดมังกรด้วยกันมุ่งตรงไปยังโลหะปราสาทไพรทมิฬ  บีบียังงงอยู่เช่นกัน  เขาไม่รู้ว่าทำไมเบรุตถึงตามหาเขา

และฟังจากเรื่องนี้เขาจำเป็นต้องแยกจากลินลี่ย์เป็นเวลานานด้วย

ไพรทมิฬที่กว้างขวางยาวเป็นพันๆกิโลเมตรแม้ว่าจะในอากาศก็ตาม ทุกคนก็รู้สึกได้ว่าป่านี้กว้างไกลขนาดไหน  เมื่อเห็นโลหะปราสาท  ลินลี่ย์กับบีบีก็โผลงทันที และขณะนั้นพวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของไพรทมิฬที่มีต่อพวกเขา

“เข้ามา” เสียงของเบรุตดังขึ้นในใจลินลี่ย์

ลินลี่ย์และบีบีบินเข้าไปในปราสาทโลหะทันที

“เมื่อคิดดูแล้ว ข้าไม่เคยเข้าไปในปราสาทโลหะมาก่อน” ลินลี่ย์หัวเราะให้บีบีที่กำลังหัวเราะลั่น  “พี่ใหญ่, ปราสาทโลหะนี้มีความพิเศษมาก  มีลักษณะที่เฉพาะตนมาก  และมีความน่าสนใจมาก”

ลินลี่ย์รู้สึกทึ่งกับคำพูดของบีบี

เขาอดมองโลหะปราสาทใกล้ๆ ไม่ได้ ภายในโลหะปราสาทมีการจัดการอย่างประณีตและทุกส่วนของโลหะปราสาทมีสีโลหะที่ผันผวนตัวอย่างเช่นพื้นมีสีโลหะม่วงแดงซึ่งสะท้อนแสง

โลหะบางอย่างก่อตัวเป็นภูเขาขนาดเล็ก  และภายในสวนก็มีดอกไม้ทุกอย่าง

“ดอกไม้เหล่านี้คงไม่ได้ทำจากโลหะปราสาทกระมัง?”  ลินลี่ย์พูดกับบีบี

“ไม่ใช่เลย” บีบีส่ายศีรษะ  “อย่างไรก็ตามวัตถุโลหะทั้งหมดในนี้ทำจากตัวโลหะปราสาทเอง พี่ใหญ่โลหะปราสาทนี้ยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าท่านต้องการให้มันเป็นอะไร มันก็จะเป็น”

ลินลี่ย์และบีบีพูดขณะที่พวกเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่น

ตอนนี้เบรุตกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนา  เขาพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น  “เข้ามา”

ลินลี่ย์เข้าไปในห้องนั่งเล่น ชำเลืองมองดูหนังสือ “เอ๋?ภาษาเหล่านี้ดูไม่เหมือนอักขระของชาวทวีปยูลาน” ลินลี่ย์สงสัย

“งงกับอักษรเหล่านี้หรือ?”  เบรุตเงยหน้ามองลินลี่ย์ จากนั้นหัวเราะ  “นี่มาจากช่วงเวลาที่นานมาแล้ว  เวลานั้น ทวีปยูลานยังไม่มีมนุษย์  นี่คือช่วงเวลาของวิวัฒนากการโลกธาตุ  และนี้เป็นภาษาที่ใช้อยู่ในเวลานั้น”

“อย่างไรก็ตามภาษาที่พูดกันในทวีปยูลานตกทอดข้ามดินแดนในเวลานั้น  หลังจากนั้นไม่นานมนุษย์ก็ปรากฏออกมา  เป็นภาษาเดียวกับในดินแดนนรก, แดนเทวดา,ยมโลกและดินแดนแห่งชีวิต”  เบรุตกล่าว

ลินลี่ย์พยักหน้า

“ปู่เบรุต, ปู่บอกข้าให้ฟังเมื่อตอนนั้นแล้ว  แล้วนี่เป็นยังไง?” บีบีถามตรงๆ

“แน่นอนว่ามีเหตุผลหนึ่ง” เบรุตเริ่มหัวเราะ “เคล็ดความรู้ลึกลับระดับสูงของกฎธาตุที่เจ้าได้รับกลายเป็นเทพ  ก็คือเคล็ดความรู้ลึกลับซึ่งเราหนูกินเทพจะต้องเข้าถึงในวัยผู้ใหญ่  ขณะในความเป็นจริงตัวเจ้าเองยังไม่ได้รับใช้งานความรู้ลึกลับใดๆ เลย  เวลานี้ ข้า...”

พูดไปได้ครึ่งหนึ่งเบรุตมองไปทางทิศใต้ด้วยความอัศจรรย์ใจทันที “หือ? เจ้านี่...”

“ครืนนน....”

ทันใดนั้น แก่นธาตุทั่วทวีปยูลานไม่เพียงแต่ทวีปยูลานเท่านั้นแต่ยังคงมีทั้งทะเลเหนือ, ดินแดนน้ำแข็งขั้วโลกและแม้แต่ทะเลใต้ เริ่มสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่นธาตุของทะเลใต้กลายเป็นคลื่นพลังที่น่ากลัว”

“บื้ม...”

โชคดีที่ทะเลใต้มีความกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อคลื่นพลังแก่นธาตุที่น่ากลัวนี้มาถึงทวีปยูลาน  ไม่มีอะไรมากไปกว่าระลอกพลังธาตุ  แต่ระลอกพลังธาตุนี้ก็เพียงพอให้ยอดฝีมือสามารถรู้สึกได้จนเกิดความประหลาดใจ

“นี่? เกิดอะไรขึ้น?”

ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพออกไปทันทีครอบคลุมทวีปยูลานทั้งหมด “ระลอกคลื่นพลังธาตุขนาดใหญ่มหึมา ต้นกำเนิดดูเหมือนจะไกลออกไปทางใต้”  พลังจิตของลินลี่ย์  แม้ว่าจะทรงพลังก็ยังไม่สามารถส่งไปถึงที่สุดแหล่งต้นกำเนิดระลอกพลังธาตุ

“ขนาดของมัน!  ขนาดมหึมาเหลือเกิน!”  เบรุตเริ่มหัวเราะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด