ตอนที่แล้วตอนที่ 13-41 เหตุเปลี่ยนเปลงกะทันหัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-43 ดีใจสุดขีดพลันเป็นโศก

ตอนที่ 13-42 พลังของเบรุต


เมื่อได้รับการตอบสนองในทางที่ดี  แอดส์กินอดสูดหายใจอย่างย่ามใจไม่ได้  ใจของเขาเต็มไปด้วยความฝันเฟื่องทั้งหมดทันที  “ถ้าข้าได้รับสมบัติมหาเทพได้จากสุสานเทพเจ้าหรือบางทีอาจเป็นประกายมหาเทพในตำนานและกลายเป็นมหาเทพผู้ทรงฤทธานุภาพไร้เทียมทาน  อย่างนั้นข้า..แอดกินส์...”

แค่เพียงคิดเรื่องนี้ก็ทำให้แอดกินส์เลือดลมพลุกพล่านด้วยความคาดหวัง

แต่ทันใดนั้น เบรุตขมวดคิ้วและเขารีบพูด  “เดี๋ยวก่อน, เรายังไม่สามารถเปิดพรุ่งนี้ได้”

“อะไรนะ? ทำไมถึงไม่ได้เล่า?” แอดกินส์แทบคลั่ง

เบรุตอธิบาย “แอดกินส์, ข้าลืมอะไรบางอย่างไป บลูไฟร์ในตอนนี้กำลังสร้างแผ่นดินบ้านเกิดขึ้นมาใหม่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินของเขากำลังทุ่มความสนใจกับการสร้างทวีป ขณะที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟของเขากำลังยืนคุ้มกัน  เขาไม่สามารถแบ่งแยกสมาธิได้ในตอนนี้เนื่องจากเขาต้องใช้ความเร็วในการสร้าง ข้าคาดว่าเขาต้องการเวลาอีกสักสองสามวัน เอาอย่างนี้เป็นไง รออีกสักสิบวัน จากนั้นค่อยเข้าไปด้วยกัน”

แอดกินส์แทบรู้สึกคลั่งอยู่ในใจ  เขาอุตส่าห์ลอบมาคุยด้วยตนเอง  “นั่นแหละคือปัญหา  ข้าไม่ต้องการให้บลูไฟร์เข้าไป  ถ้าบลูไฟร์เข้าไป  อย่างนั้นเป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะแข่งกับเขา?”

แอดกินส์รู้ว่าบลูไฟร์ทรงพลังมากมายขนาดไหน

“ลอร์ดเบรุต” แอดกินส์พูดอย่างจริงใจ แค่จากความจริงที่ว่าตอนนี้เขาเรียกเบรุตว่าลอร์ดก็พิสูจน์ว่าเขาให้ความสำคัญกับสมบัติของสุสานเทพเจ้ามากเพียงไหน “ข้าคิดว่า...ไม่มีความจำเป็นต้องให้บลูไฟร์เข้าสุสานเทพเจ้าแค่ให้เราสองคนเข้าเท่านั้น ท่านคิดว่าเป็นยังไง?”

ในที่สุดแอดกินส์ก็พูดเข้าจุด

แค่เขากับเบรุต เมื่อถึงเวลา มีเพียงเขา, แอดกินส์จะเข้าไปในสุสานเทพเจ้าเพราะเหตุนั้นใครจะมาแข่งขันกับเขาได้?”

“โอ๋ว?” เบรุตจ้องแอดกินส์ เหมือนกับว่าเขาเข้าใจได้ทันที  รอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากของเขา  “อย่างนั้นแอดกินส์, นี่คือสิ่งที่เจ้าปรารถนาสินะ?”

แอดกินส์ยังคงมองเบรุต

“แอดกินส์!ความฝันเฟื่องของเจ้าสมบูรณ์แบบเกินไป”  เบรุตแสยะยิ้ม  “ถ้าข้าปล่อยให้เจ้าเข้าไปเอง  เจ้าอาจได้รับสมบัติภายในได้  แต่ไม่มีประโยชน์โภคผลอะไรต่อข้าแม้แต่น้อย  นอกจากนี้ ข้ายังจะต้องเสี่ยงกับการล่วงเกินบลูไฟร์ เจ้าคิดว่าข้า เบรุตแก่จนหูตาฝ้าฟางไปหมดจนไม่รู้ว่าใครสำคัญกว่ากันในระหว่างเจ้ากับบลูไฟร์หรือ?”

แอดกินส์หัวเราะอย่างไม่พอใจและรีบพูดขึ้น  “ลอร์ดเบรุต คำพูดของท่านไม่ถูก ความจริงบลูไฟร์ทรงพลังมากกว่าข้า และถ้าเขาเข้าไปเขาก็จะได้รับสมบัติมหาเทพเป็นอย่างน้อย อย่างไรก็ตาม ลอร์ดเบรุต ลองคิดดู เนื่องจากอารมณ์ของบลูไฟร์  ถ้าเขาได้รับประกายมหาเทพเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะยอมรับท่าน?  ข้าคิดว่าลอร์ดเบรุต, ท่านไม่มีความมั่นใจจะเอาชนะบลูไฟร์ผู้ใช้สมบัติมหาเทพใช่ไหม?”

เบรุตเพียงแต่หัวเราะ

แต่แอดกินส์ยังยุยงอีกครั้ง  “แต่ข้าแตกต่างกัน ลอร์ดเบรุต  ถ้าท่านมีคำขอร้องอะไร ก็แค่ระบุออกมา!”

“โอว?”เบรุตตาเป็นประกาย

“สุสานเทพเจ้านี้ย่อมมีสมบัติมหาเทพแน่นอน”  เบรุตกล่าว แอดกินส์ตาทอประกาย เบรุตกล่าวต่อ  “แอดกินส์  ข้าต้องการให้เจ้าสาบานต่อจอมเทพโชคชะตาว่าสมบัติมหาเทพชิ้นแรกที่เจ้าได้รับเจ้าจะต้องยกให้ข้า”

แอดกินส์ตกใจเล็กน้อย “ในนั้นมีสมบัติมหาเทพอยู่เท่าใด?”

“แค่เพียงชิ้นเดียว” เบรุตตอบ

“ก็ได้ไม่ว่าข้าจะได้รับสมบัติมหาเทพมาชิ้นหนึ่งหรือสองชิ้น  สมบัติมหาเทพชิ้นแรกข้าจะมอบให้ท่านลอร์ดเบรุตแน่นอน”  แอดกินส์กัดฟัน

“อย่าเพิ่งเร่ง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงตอนนี้ ต่อไปเจ้าจะต้องทำคำสาบานต่อจอมเทพโชคชะตาก่อน”  เบรุตพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างใจเย็น

คำสาบานต่อจอมเทพโชคชะตาไม่สามารถละเมิดบิดพลิ้วได้แน่นอน  จอมเทพโชคชะตาควบคุมวิถีแห่งโชคชะตาซึ่งเป็นหนึ่งในวิถีควบคุมการทำงานของจักรวาลอันกว้างใหญ่  ถ้าท่านละเมิดคำสาบานนั้น พลังวิถีแห่งชะตาจะทำให้ท่านต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ

“นี่เป็นเรื่องแรก ยังมีอีกสองเรื่อง”  เบรุตกล่าว

“เบรุตผู้นี้เขี้ยวลากดินจริงๆ”  แอดกินส์ลอบสบถ  แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด  เข้าต้องบังคับตนเองให้ฝืนยิ้มออกมา  “ลอร์ดเบรุต!  เชิญสาธยายต่อ”

เบรุตพูดอย่างอารมณ์ดี “เรื่องที่สอง หลังจากออกจากสุสานเทพเจ้า เจ้าต้องรับใช้ข้าล้านปี”

แอดกินส์ตกใจ

รับใช้? แม้แต่ในพิภพเกบาโดส เขา แอดกินส์ไม่เคยรับใช้ใครเหมือนเป็นขุนนางเลย

“ว่าไง, เจ้าไม่ยอมรับหรือ?  ถ้าเจ้าไม่รับ นั่นก็แล้วไปเถอะ  เราลืมเรื่องสุสานเทพเจ้านี้เสียก็ได้”  ขณะที่เบรุตพูด  เขาทำท่าจะหันกลับ  แอดกินส์กัดฟัน  “ข้ายอมรับ หลังจากข้ากลับมาจากสุสานเทพเจ้า ข้า แอดกินส์จะรับใช้ท่านแน่นอนลอร์ดเบรุต เป็นเวลาล้านปี”

เบรุตยิ้มและพยักหน้า

“ลอร์ดเบรุต ตอนนี้ท่านปล่อยให้ข้าไปสุสานเทพเจ้าตามลำพังได้หรือยัง?”  แอดกินส์เริ่มจะโมโหในใจเสียแล้ว

“อย่าเพิ่งรีบร้อน ยังมีข้อที่สามอีกเช่นกัน” เบรุตยังคงยิ้ม

ไม่ว่าจะเป็นคนอารมณ์ดีเพียงไหน  เมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ยังจะหงุดหงิดอยู่ดี  ยิ่งกว่านั้นแอดกินส์ที่ยังเป็นคนเจ้าอารมณ์และอำมหิตก็เริ่มจะโมโห  เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้  “ลอร์ดเบรุต!  ท่านมีเงื่อนไขที่ต้องการอยู่กี่ข้อกันแน่?”

“นี่เป็นข้อสุดท้ายแล้ว  เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น

“ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วย อย่างนั้นก็ลืมเรื่องการเข้าสุสานเทพเจ้าไปเสียเถิด”

แอดกินส์ข่มความโกรธของเขาและเน้นเสียง “พูดไป”

“เงื่อนไขข้อที่สามง่ายมาก ข้าไม่ต้องการมีปัญหาในอนาคต ดังนั้น ได้โปรดไปฆ่าบลูไฟร์ซะ” เบรุตยังคงยิ้มเล็กน้อย  “อนิจจาข้าไม่ต้องการให้บลูไฟร์มาตามล้างแค้นข้าในอนาคต ดังนั้นข้าต้องรบกวนให้เจ้าต้องฆ่าเขา”

แอดกินส์ตะลึงทันที

ฆ่าบลูไฟร์?

“ถ้าข้า แอดกินส์มีความสามารถฆ่าบลูไฟร์ได้ ทำไมข้าจะต้องมาที่นี่คุยกับเจ้ายืดยาวขนาดนั้นด้วย!”  แอดกินส์พูดอย่างมีโมโห

“โอว,งั้นก็ไม่มีอะไรที่ข้าจะทำได้” หน้าของเบรุตสลด  “อย่างนั้น,แอดกินส์!  เชิญกลับไปได้แล้ว”

แอดกินส์เข้าใจทันที เขาโกรธจัด หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ขณะที่ชี้เบรุตด้วยความโกรธเขากล่าว  “เบรุต! เจ้า...เจ้า..ล้อเล่นหลอกข้า!!!”  เงื่อนไขทั้งสามข้อที่เบรุตขอไม่สามารถบรรลุได้เด็ดขาด สองข้อแรกมีความต้องการมากเกินไป แต่ข้อที่สามนี้เป็นไปไม่ได้

“ฮ่าฮ่า...”

เบรุตเริ่มหัวเราะ และเขามองดูแอดกินส์ขณะหัวเราะ  “แอดกินส์, เจ้าเพิ่งรู้ตัวหรือ?  ฮ่าฮ่า, ความจริงข้าหยอกล้อเจ้าเล่น  เดิมทีข้าตั้งใจจะรออีกพันปีซึ่งก็เป็นเวลาที่ข้าจะพาบลูไฟร์เข้าไปในสุสานเทพเจ้า  ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะมาที่นี่เร็วนัก  แต่นั่นกลับเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะทำให้ข้าเห็นว่าเจ้าจะทำหน้าตายังไงเวลาโกรธจัด ฮ่าฮ่า...”

แอดกินส์สีหน้าเปลี่ยน “เจ้าไม่คิดจะให้ข้าเข้าไปในสุสานเทพเจ้าเลยหรือ?”

“ถูกต้อง”

เบรุตแสยะยิ้ม “ข้าไม่เคยตั้งใจจะให้เจ้าเข้าไปอยู่แล้วข้าตั้งใจจะให้เฉพาะบลูไฟร์เท่านั้นเข้าไป”

แอดกินส์สั่นไปทั้งตัวเล็กน้อย

ตามธรรมดาเขาเป็นคนหยิ่งไม่ยอมเป็นบริวารของคนอื่น  แอดกินส์มักจะฝันว่าสักวันเขาจะมีพลังสูงส่งเหนือบลูไฟร์และห้าราชันย์อื่น  แต่เขาเข้าใจว่าด้วยพรสวรรค์ของเขา ความหวังเพียงประการเดียวของเขาก็คือได้รับสมบัติมหาเทพหรือบางทีก็เป็นประกายมหาเทพ นั่นคือบางอย่างที่เขาฝันไว้

อย่างไรก็ตาม.....

ความหวังของเขาพังทลาย

ในอากาศเหนือไพรทมิฬ แอดกินส์ยืนนิ่งอยู่กับที่ มองหน้ากันและกัน การสนทนาของพวกเขาใช้สนามพลังเทพตัดขาดจากโลกภายนอก  บาร์นาส โอวจวินและคนอื่นอยู่ห่างออกไปไม่สามารถจะได้ยินคำสนทนาได้แม้แต่น้อย พวกเขาเพียงแต่เห็นว่าสีหน้าของแอดกินส์โกรธอย่างเห็นได้ชัด

“บึ้ม....”

โดยมีแอดกินส์เป็นจุดศูนย์กลางแสงสีดำและขาวยิงออกมาจากทุกตำแหน่ง พื้นที่คลุมไปด้วยแสงสีแดงทำให้พื้นที่บิดเบี้ยวและต้นไม้ที่อยู่ใกล้เริ่มถูกกลืน ที่ใดก็ตามที่แสงส่องไปถึงก็จะระเหยสลายไปเหมือนกับหิมะที่ต้องแสงอาทิตย์

แอดกินส์มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังสองร่างคือธาตุมืดและธาตุแสง!

แอดกินส์ที่ถูกหุ้มอยู่ในทั้งความมืดและแสงโกรธอย่างแท้จริง

แอดกินส์ชี้หน้าเบรุตอย่างโมโหและตะคอกด้วยความโกรธ  “เบรุต!  เจ้ามันน่ารังเกียจ ดีแต่อาศัยมหาเทพหนุนหลัง! วันนี้ข้าลดตัวขอร้องเจ้าและเห็นแก่หน้าเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า  ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะดูถูกข้าถึงเพียงนี้ก็ได้  ก็ได้ เจ้า, เบรุต ดีแต่ข่มเหงคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่ง เจ้ากลัวจะล่วงเกินบลูไฟร์ แต่กลับดูถูกข้า  เจ้ามันสวะ!!!”

คำพูดเหล่านี้ไม่ถูกจำกัดไว้โดยสนามพลังเทพ  ได้แพร่กระจายออกไปทุกทิศทางแม้แต่บาร์นาสและพวกที่เหลือก็พลอยได้ยินอย่างชัดเจน

บาร์นาสตกใจอย่างหนัก “ลอร์ดแอดกินส์ ไม่นะ!”

“แย่แล้ว”หน้าของฮันบริท เกเทนบีและโอจวินเปลี่ยนไปเช่นกัน

ห่างจากแอดกินส์และเบรุตออกไปหลายร้อยกิโลเมตรลินลี่ย์อดหันหน้าไปมองอย่างประหลาดใจมิได้

“รัศมีพลังธาตุมืดและธาตุแสงที่ทรงพลังจริงๆ”  ลินลี่ย์ลอบตกใจ แรงระเบิดที่ปล่อยออกมาจากแอดกินส์ดึงดูดความสนใจลินลี่ย์เป็นธรรมดา  “พลังงานที่รุนแรงอย่างนั้น...หรือว่าแอดกินส์และลอร์ดเบรุตกำลังจะปะทะกัน?”

ลินลี่ย์ประหลาดใจ

และจากนั้น ลินลี่ย์ประหลาดใจมุ่งหน้ากลับไปทันที

หน้าของเบรุตกลายเป็นเย็นชาเหมือนกับเคลือบด้วยชั้นน้ำแข็ง  “รังแกคนอ่อนแอ กลัวคนแข็งแกร่ง?  สวะ?”

“เจ้าฝึกมาแค่ล้านปี ต่อให้เจ้ามีสมบัติมหาเทพเจ้ารู้วิธีใช้มันอย่างถูกต้องหรือ?” ดาบยาวกึ่งโปร่งแสงคล้ายกับสร้างจากน้ำแข็งปรากฏขึ้นในมือของแอดกินส์  เขามองเบรุตอย่างเหยียดหยาม  “ถ้าเจ้าไม่มีสมบัติมหาเทพ  งั้นจงตายซะ ถ้าเจ้ามีก็ดีไป ได้เวลาที่สมบัติมหาเทพจะเปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้ว”

แอดกินส์ไม่ยอมลดราวาศอกเบรุตในเรื่องใดๆ ทั้งนั้น

ขณะที่เขาเห็นเบรุตฝึกมาแค่ล้านปีไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้เยาว์รุ่นใหม่  เขาจะสามารถหลอมรวมกฎธาตุได้สักเท่าใดกันเชียว?”

“เปลี่ยนเจ้าของใหม่?”

เพียงแค่พลิกมือเบรุตก็แสดงให้เห็นไม้เท้าสีดำสนิทเปล่งรัศมีน่ากลัวและแอดกินส์หนังตากระตุกขณะจ้องมองไม้เท้าประหลาดในมือของเบรุต  เบรุตแสยะยิ้มกล่าว“สมบัติมหาเทพอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเจ้ามีฝีมือก็มารับไปได้”

นี่คือสมบัติมหาเทพที่สมบูรณ์แบบไม่มีความเสียหายเหมือนกับของลินลี่ย์

ไม้เท้าดำในมือของเบรุตปล่อยรัศมีที่ทรงพลังที่แม้แต่บาร์นาสโอจวินและพวกที่อยู่ห่างออกไปถึงกับหน้าซีดขาว

แอดกินส์อดหรี่ตาแคบไม่ได้ เขาลอบกล่าว “เบรุตผู้นี้มีสมบัติมหาเทพจริงๆจะดีจะร้ายวันนี้ข้าจะยอมเสียร่างแยกศักดิ์สิทธิ์! ข้าจะต้องฆ่าเขาแล้วชิงสมบัติมหาเทพให้ได้”  แอดกินส์ทำใจและเขาจะสู้กันอย่างตรงไปตรงมา

บาร์นาสแตกตื่น แต่ครั้งนี้ เขาไม่สามารถหยุดการสู้รบครั้งนี้ได้อีกต่อไป!

โอจวินบาร์นาสและเทพอีกสองคนมองดูเทพชั้นสูงทั้งสองเผชิญหน้ากันแต่ไกล ทันใดนั้นพลังงานธาตุมืดและธาตุแสงระเบิดพร้อมกันจนมิติสั่นสะเทือน  แม้แต่บาร์นาสและพวกอีกสามคนกระตุ้นสนามพลังเทพของพวกเขาขึ้นคุ้มกันทันที

แอดกินส์แยกร่างเป็นสอง ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงและร่างแยกธาตุมืด!

ร่างธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ควงดาบยาวขณะที่ร่างธาตุมืดศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอยู่ในความมืด กลืนหายอยู่ในความมืด ร่างธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์บุกเข้าหาเบรุตทันที  หน้าของเขาดุร้ายขณะตวาด “ตาย!”  ขณะเดียวกับที่เขาตะโกนดาบของเขาก็แทงออกพร้อมกับเปล่งแสงเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์

ขณะเดียวกันนั้น....

ร่างแยกธาตุมืดที่ซ่อนอยู่ในความมืดปรากฏตัวด้วยเช่นกันและใช้มีดดำสนิทแทงใส่เบรุตเงียบๆ

“ฮ่าฮ่า...”เบรุตหัวเราะลั่นและกวาดไม้เท้าดำของเขาอย่างคล่องแคล่ว

ไม้เท้าดำดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นภาพพร่าเลือนกระแทกใส่ดาบที่สว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ “ปัง!”  ดาบอาวุธเทพชั้นสูงแตกกระจายทันที แต่ไม้เท้าดำไม่ได้ชลอความเร็วลงแม้แต่น้อยและกระแทกเข้ากับศีรษะร่างแยกธาตุแสงของแอดกินส์

“บึ้ม!”  ศีรษะระเบิดอยางสมบูรณ์เหลือไว้แต่ประกายเทพลอยอยู่ในกลางอากาศ

ร่างแยกธาตุมืดของแอดกินส์หัวเราะอย่างน่ากลัว  “เขาไม่มีโอกาสเคลื่อนไหวแล้ว  เขาหาที่ตาย!”  ในขณะเดียวกันกับที่ร่างแยกธาตุแสงถูกทำลาย  มีดดำของแอดกินส์ก็แทงเข้าที่ศีรษะของเบรุต

“แคล้ง!”

มีดดำเสียบเข้าที่ศีรษะของเบรุต  แต่มีแต่เพียงเสียงโลหะดังขึ้น

“เป็นไปได้ยังไง?” แอดกินส์จ้องมองอย่างประหลาดใจ ตาของเขาเบิกกว้าง พลังโจมตีเต็มกำลังของเขาพร้อมกับสมบัติเทพชั้นสูงไม่สามารถทำลายผิวของเบรุตได้? หัวของเบรุตสามารถทนต่ออาวุธเทพชั้นสูงหรือ?  นี่เป็นไปไม่ได้แน่

แต่...ก็เกิดขึ้นแล้ว

เบรุตหันหัวมาจ้องมองแอดกินส์ผู้ตกตะลึง  “อะไรกัน เจ้าผิดหวังงั้นหรือ?”

“หนี!”  หน้าของแอดกินส์เปลี่ยนไปอย่างมาก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเบรุตน่ากลัวมากเพียงไหน แม้แต่ห้าราชันย์เกบาโดสก็ยังไม่กล้าใช้ศีรษะของพวกเขารับพลังโจมตีเต็มกำลังของเทพชั้นสูง

“ครืน....”

ไม้เท้าดำเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ไวกว่าเมื่อตอนทำลายร่างแยกธาตุแสงเป็นสิบๆ เท่าผ่านศีรษะของแอดกินส์ทันที ศีรษะของแอดกินส์สลายไปอย่างไร้เสียงทิ้งไว้แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุมืดลอยอยู่ข้างตัวเบรุต

จากนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองลอยเข้ามาในมือของเบรุต

ศพไร้ศีรษะสองร่างร่วงลงมาจากท้องฟ้า  เบรุตก้มหน้ามองดูศพทั้งสองพลางพึมพำ  “อ่อนแอเหลือเกิน  อ่อนเหลือเกิน เทียบกับอดีตอสูรเลือดม่วงและเทพสิบสองปีก เขายังอ่อนแอห่างไกล”  เบรุตฟาดไม้เท้าตามปกติสองครั้งก็สังหารแอดกินส์ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด